px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 8 ปากของคุณเหม็นมาก


ตอนที่ 8 ปากของคุณเหม็นมาก

 

"ธะ…...เธอ…...เธอพูดอะไร?"

 

ขณะที่พูดเกาเยี่ยนก้าวถอยไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว

 

"ผมพูดว่าปากของคุณเหม็นมาก คุณเข้าใจความหมายของผมอยู่แล้ว!"

 

หลินจื่อเยวียนและหลินโม่โม่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดฉินห้าวตง พวกเขานึกว่าฉินห้าวตงโกรธ จึงพูดว่าเกาเยี่ยนไม่มีมารยาท เที่ยวว่าร้ายให้การแพทย์แผนจีน

 

แม่หนูน้อยกระโดดโลดเต้นไป

พลางพูดว่า "หนูรู้! หนูรู้! ป้าเกาปากเหม็นมากเลยค่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยมา ดมแล้วเหมือนกลิ่นตด รมควันหนูซะหนูไม่อยากกินข้าวเลย!"

 

หลินจื่อเยวียนและหลินโม่โม่พึ่งจะเข้าใจคำว่าปากเหม็นที่ฉินห้าวตงพูดถึงทั้งหมดนั่นหมายถึงกลิ่นปากเหม็นจริงๆ ไม่ใช่หมายถึงพูดไม่น่าฟัง

 

พวกเขานึกว่าที่เกาเยี่ยนใส่หน้ากากอนามัยอันใหญ่ๆ ตลอดเวลาเป็นเพราะเรื่องความสะอาดทางด้านการแพทย์ ตอนนี้พึ่งจะได้รู้ว่าเธอใส่เพื่อปกปิดกลิ่นปากของเธอ

 

ถึงแม้ว่าคำพูดเด็กจะเป็นคำพูดพล่อยๆ แต่เกาเยี่ยนยังคงละอายใจกับคำพูดของถังถัง จนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

 

ตอนเด็กๆ เธอไม่ได้เป็นแบบนี้ พอตอนมัธยมปลายเธอเริ่มมีกลิ่นปากที่ไม่สามารถอธิบายได้ เพื่อที่จะรักษาโรคฟันไม่แข็งแรงของตัวเอง ตอนสอบเกาข่าวจึงเลือกสอบสาขาแพทยศาสตร์ ต่อมาจึงสอบไปเรียนต่อปริญญาเอกด้านการแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา

 

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมาหลายคน แต่ไม่มีใครสามารถรักษาอาการปากเหม็นของเธอได้เลย ในทางตรงกันข้ามมันกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะเหตุนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะสวยมาก แต่เธออายุสามสิบแล้วกลับยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถทนกลิ่นปากที่รุนแรงแบบนี้ได้หรอก

 

"คุณเชื่อในการแพทย์ตะวันตกไม่ใช่เหรอ? ทำไมรักษาอาการป่วยของตัวเองไม่ได้ล่ะ?" ฉินห้าวตงถามขึ้นอีกครั้ง

 

เกาเยี่ยนถลึงตามองฉินห้าวตงด้วยความเกลียดชัง แล้วพูดขึ้นว่า "แล้วยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าการแพทย์ตะวันตกจะเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ในปัจจุบันก็ยังมีโรคที่รักษาไม่หาย แต่ก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ทำให้ต้องปฏิเสธการแพทย์ตะวันตกสักหน่อย"

 

"เหอะ โรคที่รักษาไม่หายงั้นหรอ!" ฉินห้าวตงหัวเราะพรวดออกมา "มันเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าอาการของคุณคือแสบร้อนที่ช่วงท้อง ระบบทางเดินอาหารมีอาการแสบร้อนก่อให้เกิดกลิ่นปาก ในวงการการแพทย์แผนจีนโรคนี้ถือเป็นโรคขี้ปะติ๋วมาก แถมยังรักษาได้ง่ายอีกด้วย แต่คุณยังดึงดันไม่เชื่อในแพทย์แผนจีน แถมยังเที่ยวว่าร้ายแพทย์แผนจีนไปทั่ว ทำอะไรไว้ก็รับผลตามนั้นแล้วกัน"

 

เกาเยี่ยนพูดขึ้นว่า "เป็นไปไม่ได้ เธอหลอกฉันให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันเคยตรวจกระเพาะอาหารของฉัน มันไม่ได้มีปัญหาอะไร การทำงานของกระเพาะอาหารจะก่อให้เกิดอาการปากเหม็นได้ยังไงล่ะ"

 

"คุณนี่มันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าแพทย์แผนจีนคืออะไร ระบบทางเดินอาหารที่แพทย์แผนจีนพูดถึงคือระบบทางเดินอาหารทั้งระบบ และเป็นระบบชีพจรทั้งระบบ ไม่ใช่พูดถึงแค่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งเหมือนการแพทย์ตะวันตก ก็เป็นเพราะข้อจำกัดของการแพทย์ตะวันตกนี่แหละ ทำให้ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการป่วยคุณได้ ที่น่าตลกก็คือยังบอกอีกว่ามันเป็นโรคที่รักษาไม่หาย โรคเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ แค่ผมลงมือรักษายังใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเอง"

 

"อะ…...อะไรนะ? เธอสามารถรักษาอาการป่วยของฉันได้เหรอ?" เกาเยี่ยนพูดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

 

"ได้สิคะ! ได้สิ! คุณอาหมอเทวดาเก่งมาก โรคอะไรก็รักษาได้หมดเลย!"

 

แม่หนูน้อยปรบมือพร้อมกับพูดขึ้น ตอนนี้เธอเป็นแฟนคลับตัวยงคนแรกของฉินห้าวตง ในสายตาของเธอไม่มีอะไรที่คุณอาหมอเทวดาทำไม่ได้

 

เกาเยี่ยนลังเลไปพักหนึ่ง จากนั้นหันไปโค้งคำนับฉินห้าวตงแล้วพูดขอร้อง "คุณหมอฉิน ขอร้องคุณล่ะ ช่วยรักษาฉันหน่อย ขอแค่คุณสามารถรักษาอาการป่วยของฉันได้ จะเอาเงินกี่บาทฉันก็จะให้หมดเลย!"

 

ฉินห้าวตงมองแวบแรกก็ดูออกว่าเธอมีอาการปากเหม็น แถมยังสามารถพูดถึงสาเหตุของอาการป่วยได้ เกาเยี่ยนเชื่อเขามากขึ้นแล้ว อีกอย่างเธอทนทรมานกับอาการป่วยนี้จนแทบคลั่ง ขอแค่มีความหวังเพียงเล็กน้อย เธอยอมที่จะลองมัน

 

"คุณอาหมอเทวดาคะ ป้าเกาน่าสงสารมาก คุณอาช่วยฝังเข็มให้เธอหน่อยนะคะ! ถ้าหากป้าเกากลัวเจ็บ หนูจะร้องเพลงให้เธอฟังหนึ่งเพลงค่ะ!"

 

ฉินห้าวตงลูบหัวของแม่หนูน้อยด้วยความรัก แล้วหันมาพูดว่า "เห็นแก่ถังถัง ผมจะช่วยคุณรักษาแล้วกัน"

 

พูดจบเขาให้เกาเยี่ยนนอนบนโซฟาแล้วเริ่มทำการฝังเข็ม อาการชีพจรระบบทางเดินอาหารทำงานติดขัดเช่นนี้เป็นอะไรที่ง่ายมากสำหรับมหาเทพแห่งพงไพร ห้านาทีต่อมาเขาก็ดึงเข็มออก

 

"เสร็จแล้ว คุณลองทดสอบสิว่ายังมีกลิ่นปากอยู่หรือเปล่า"

 

เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? เกาเยี่ยนถอดหน้ากากอนามัยอย่างลังเล เธอเอาสองมือมาชิดกันแล้วพ่นลมปากออกมา จากนั้นเอามาดม

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เธอทำแบบนี้ มักจะมีกลิ่นเหม็นอบอวลจนเธอต้องขมวดคิ้ว แต่ครั้งนี้กลับไม่มีกลิ่นปากเลยสักนิด

 

"หรือว่าอาการป่วยที่รบกวนตัวเองมาเป็นเวลาสิบกว่าปี จะหายได้รวดเร็วขนาดนี้จริงๆ?"

 

สีหน้าของเกาเยี่ยนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ จากนั้นเธอพ่นลมปากใส่ฝ่ามืออีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีกลิ่นปากเลยสักนิด

 

แม่หนูน้อยวิ่งไปด้านข้างเกาเยี่ยน พูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้เดียงสาว่า "ป้าเกา ถังถังจะช่วยป้าเกาดมเอง!"

 

ขณะที่พูดเธอก็ยื่นหน้าของเธอไปที่ปากของเกาเยี่ยน เธอใช้จมูกเล็กน่ารักของเธอดมไปสักพัก จากนั้นปรบมือแล้วพูดขึ้นว่า "ไม่มีกลิ่นเหม็นแล้ว ไม่มีกลิ่นเหม็นแล้ว ปากของป้าเกาไม่ตดแล้วค่ะ!"

 

เกาเยี่ยนดีใจมาก น้ำตาไหลพรากเป็นสายฝน เธอถูกทรมานด้วยกลิ่นปากมาหลายปี ความขมขื่นและความอัปยศอดสูนั่นมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้

 

"คุณหมอฉิน ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณคุณมากจริงๆ!" เกาเยี่ยนคุกเข่าต่อหน้าฉินห้าวตง "ฉันผิดไปแล้ว เป็นเพราะฉันมองอะไรแคบไป ฉันต้องขอโทษคุณด้วย ขอโทษการแพทย์แผนจีนด้วย"

 

ฉินห้าวตงพูดขึ้น "ลุกขึ้นเถอะ ผมรักษาอาการป่วยให้คุณได้แล้ว แต่เมื่อกี้คุณพึ่งจะสรรเสริญบูชาการแพทย์ตะวันตก แล้วว่าให้ร้ายการแพทย์แผนจีน ผมลงโทษไม่ให้คุณพูดอะไรเป็นเวลาสามวัน"

 

เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้ที่ว่าร้ายให้การแพทย์แผนจีนโดยไม่มีเหตุผล ตอนที่รักษาอาการป่วยเมื่อกี้เขาใช้วิธีการเล็กน้อยเพื่อแสดงการลงโทษ

 

เกาเยี่ยนลุกขึ้นมาจากพื้น กำลังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ทันใดนั้นพบว่าถึงแม้เธอจะอ้าปาก แต่กลับไม่มีเสียงลอดออกมาสักนิด สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจทันที

 

ในเวลานี้เธอถึงจะตระหนักได้ถึงความมหัศจรรย์ของการแพทย์แผนจีน ที่ไกลเกินกว่าคนที่เรียนการแพทย์ตะวันตกอย่างเธอจะจินตนาการได้

 

ถึงแม้ว่าเธอจะพูดไม่ได้สามวัน แต่ในสายตาที่เธอมองถางหลงเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและชื่นชม สามารถรักษาอาการปากเหม็นของเธอได้ อย่าพูดเลยว่าไม่ให้พูดสามวัน ต่อให้สามเดือนหรือสามปี เธอก็ยอมได้หมด

 

พอแม่หนูน้อยเห็นว่าเกาเยี่ยนไม่สามารถพูดได้ในทันที เธอจึงใช้มือเล็กๆ ของเธอปิดปากตัวเองเอาไว้ แล้วพูดกับฉินห้าวตงด้วยท่าทีน่าสงสาร "คุณอาหมอเทวดาคะ ถังถังเป็นเด็กดี คุณอาอย่าทำให้ถังถังพูดไม่ได้นะคะ!"

 

คำพูดที่ไร้เดียงสานี้ทำให้ทุกคนหัวเราะพรวดออกมา ทำให้บรรยากาศที่ค่อนข้างน่าอึดอัดใจเมื่อครู่นี้คืนสู่บรรยากาศสนุกสนานดังเดิม

 

สายตาที่หลินโม่โม่มองมายังฉินห้าวตงเปล่งประกายสวยงาม ดูแล้วการที่ให้ลูกสาวยอมรับพ่อบุญธรรมคนนี้เป็นตัวเลือกที่ฉลาดมาก ไม่อย่างนั้นวันนี้อาการป่วยของถังถังต่อให้ไปถึงโรงพยาบาลคงจะหาทางรักษาไม่ได้

 

หลินจื่อเยวียนผู้มีประสบการณ์มามากมาย ยิ่งรู้ดีว่าหมอที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมีความสำคัญต่อตระกูลมาก เทียบเท่ากับการมีตัวช่วยชีวิตเพิ่ม ในความอบอุ่นเป็นมิตรต่อฉินห้าวตงเมื่อตอนแรกได้เพิ่มความเคารพนับถือเข้าไปอีก

 

"คุณหมอฉิน ขอบคุณที่รักษาถังถัง ทักษะทางการแพทย์ของคุณทำให้คนแก่อย่างฉันได้เปิดมุมมองใหม่!"

 

ในเวลานี้คนตระกูลฉินไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับทักษะทางการแพทย์ของฉินห้าวตงอีกเลย เหตุการณ์เมื่อกี้มันวุ่นวายเกินไป ขนาดคนครัวและพวกแม่บ้านยังวิ่งมาดูที่ห้องรับแขก

 

พอเห็นเรื่องนี้สิ้นสุดลงแล้ว จางต้าฟู่ซึ่งเป็นพ่อครัวของตระกูลหลินเดินเข้ามาพูด "นายท่านครับ อาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะให้เริ่มเสิร์ฟตอนไหนดีครับ?"

 

เมื่อครู่นี้หลินจื่อเยวียนที่พึ่งวุ่นวายเพราะอาการป่วยของถังถังไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าว ในเวลานี้ถังถังหายเป็นเหมือนเดิมแล้ว จึงต้องกินข้าวกัน

 

"คุณหมอฉิน วันนี้รบกวนคุณจริงๆ กินข้าวด้วยกันสักมื้อเถอะ"

 

พูดจบ เขาจึงเชื้อเชิญฉินห้าวตงมาที่ห้องอาหารอย่างสุภาพ ลากเก้าอี้ประจำของตัวเองออกมา

 

"หนูจะนั่งถัดจากคุณอาหมอเทวดาค่ะ"

 

แม่หนูน้อยพูดไปด้วยพลางปีนขึ้นไปนั่งเก้าอี้ถัดจากฉินห้าวตง แถมยังจับมือเขาไว้อย่างใกล้ชิด

 

"หม่าม๊า หม่าม๊านั่งตรงนี้นะ" เธอยังใช้นิ้วมือเล็กๆ ตบไปที่เก้าอี้นั่งข้างเธอ แล้วหันไปพูดกับหลินโม่โม่

 

หลินโม่โม่นั่งลงเพื่อที่จะได้ดูแลลูกสาวได้สะดวก เธอหันไปมองฉินห้าวตงที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง จู่ๆ ในใจเกิดความรู้สึกแปลกๆ บรรยากาศแบบนี้ราวกับครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันเลย

 

อาหารเช้าของตระกูลหลินมีหลากหลายมาก มีทั้งอาหารจีนและอาหารฝรั่ง หลินโม่โม่หันไปพูดกับแม่หนูน้อยว่า "ถังถัง หนูอยากกินอะไร หม่าม๊าจะคีบมาให้หนู"

 

ถังถังมองไปยังอาหารบนโต๊ะ เธอย่นจมูกแล้วพูดว่า "หม่าม๊า หนูไม่อยากกินค่ะ!"

 

"แบบนั้นไม่ได้นะลูก ไม่กินข้าวเช้าทำให้สุขภาพไม่ดีนะ พอสุขภาพไม่ดีก็จะป่วยได้ง่าย" ขณะที่หลินโม่โม่พูดเธอก็ตักโจ๊กไข่เยี่ยวม้าไปด้วย "ถังถัง กินโจ๊กหน่อยนะ มื้อเช้ากินโจ๊กมันย่อยง่าย!"

 

แม่หนูน้อยมองดูโจ๊กในถ้วยแล้วโบกมือไปมาพลางพูดว่า "ไม่เอา! ไม่เอา! ไม่เอา! หม่าม๊า หนูไม่กินอะไรทั้งนั้น"

 

"ไม่กินข้าวเช้าได้ยังไง ต้องกินนะลูก กินนิดหน่อยก็ยังดี ไม่อย่างนั้นหม่าม๊าจะโกรธแล้วนะ"

 

หลินโม่โม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าโมโห

 

"คุณหนูหลินครับ ถังถังพึ่งจะตัวร้อนไป ไม่อยากกินข้าวเป็นเรื่องปกติครับ" ฉินห้าวตงพูดขึ้น "เอาแบบนี้แล้วกัน ผมจะปรุงโจ๊กให้ถังถัง เธอจะต้องชอบกินอย่างแน่นอน"

 

หลินจื่อเยวียนพูดขึ้น "คุณหมอฉิน จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? คุณคือแขกคนสำคัญนะ!"

 

"ไม่เป็นไรครับ ถังถังป่วย ผมทำของอร่อยให้เธอกินถือเป็นเรื่องที่ควรทำครับ"

 

ฉินห้าวตงมองไปยังแม่หนูน้อยแล้วพูดอย่างเอาใจ

 

จางต้าฟู่ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างมาโดยตลอดจึงเดินเข้ามาพูด "คุณหมอฉินครับ ถ้าไม่งั้นคุณเตรียมวัตถุดิบไว้ แล้วให้ผมปรุงให้ไหมครับ!"

 

"ผมทำเองดีกว่าครับ คุณทำรสชาตินั้นออกมาไม่ได้หรอก!" ฉินห้าวตงพูดพลางลุกขึ้นยืน

 

"ดีจัง! ดีจังเลย! หนูอยากกินของอร่อยที่คุณอาหมอเทวดาทำให้กิน!"

 

เด็กน้อยปรบมือด้วยความดีใจอีกครั้ง

 

จางต้าฟู่เริ่มไม่มีความสุขแล้ว ในความคิดของเขานี่คือการดูหมิ่นฝีมือการทำอาหารของตัวเขาเอง

 

"คุณหมอฉิน ทักษะทางการแพทย์ของคุณยอดเยี่ยมก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องการทำอาหารคุณสู้คนอย่างเหล่าจางคนนี้ไม่ได้หรอก"

 

เขามีความหยิ่งทะนงในตัวเอง ปู่ของเขาเป็นพ่อครัวของอดีตจักรพรรดิ พ่อของเขาเคยจัดงานเลี้ยงระดับสูงให้แก่ประเทศ ตัวเขาเองเป็นพ่อครัวชั้นนำที่มีชื่อเสียงของเมืองเจียงหนาน ถูกตระกูลหลินซื้อตัวมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล

 

ฉินห้าวตงกลับไม่สนใจ เขาหัวเราะพลางพูดขึ้นว่า "บางทีแม่หนูน้อยอาจจะชอบอาหารที่ผมทำนะครับ!"

 

"ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! หนูชอบกินของอร่อยที่คุณอาหมอเทวดาเป็นคนทำ!"

 

แม่หนูน้อยยืนขึ้นพูดสนับสนุนฉินห้าวตงในทันที

 

"งั้นเอาล่ะ รบกวนคุณหมอฉินหน่อยแล้วกันนะ!" หลังจากที่หลินจื่อเยวียนพูดแล้ว จึงหันไปพูดกับจางต้าฟู่ว่า "พาคุณหมอฉินไปห้องครัวเถอะ!"

 

ในความเห็นของเขา ฉินห้าวตงมีความสนใจที่จะทำก็ปล่อยให้เขาทำไป อย่างมากที่สุดก็แค่เปลืองวัตถุดิบนิดหน่อย ไม่กระทบงานของบรรดาแม่บ้านตระกูลหลินหรอก

 

"ได้ครับ คุณหมอฉินเชิญด้านนี้ครับ"

 

เจ้านายพูดออกมาเองแล้ว จางต้าฟู่ทำได้แค่ทำตาม แต่ว่าในใจยังคงคิดว่าฉินห้าวตงอวดฉลาดอยู่

 

"คุณอาหมอเทวดาคะ หนูไปช่วยทำแล้วกัน!"

 

แม่หนูน้อยพูดเสร็จก็ปีนลงจากเก้าอี้ จับนิ้วมือของฉินห้าวตงแล้วพากันเดินเข้าไปในครัว

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน