px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 35 จากศัตรูกลายเป็นมิตร


ตอนที่ 35 จากศัตรูกลายเป็นมิตร

 

ถึงแม้ว่าฉินห้าวตงจะมองว่าการรักษาช่วยชีวิตผู้คนคือหน้าที่มาโดยตลอด แต่คนพวกนี้พึ่งใช้ความรุนแรงกับตนไป โดยเฉพาะผู้หญิงจิตใจชั่วร้ายคนนั้น ที่ด่าทอแม่หนูน้อย แถมยังจะมาดึงผมของเธออีก สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถให้อภัยได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

 

หลงไห่เซิงรีบเดินเข้าไปพูด “คุณหมอฉิน เมื้อกี้ฉันมองผิดไป ทำให้พาลโกรธน้องชายไป ขอร้องล่ะคุณหมอฉินผู้มีจิตใจเมตตา ช่วยลูกชายของฉันด้วย”

 

ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น “คุณคือพี่หลง ผู้ควบคุมโลกใต้ดินแห่งเจียงหนาน อยากให้ใครอยู่คนนั้นก็ต้องอยู่ อยากให้ใครตายคนนั้นก็ต้องตาย มีลูกน้องมากมายนับไม่ถ้วน ยังจำเป็นต้องมาขอร้องผมอีกเหรอ”

 

“เอ่อ……”

 

สีหน้าของหลงไห่เซิงดูเก้กัง เขารู้ดีว่าตัวเองพึ่งจะบันดาลโทษะมากเกินไป จึงหันไปทางไป๋จื่อผิงอย่างร้อนใจ เพื่อหวังให้ไป๋จื่อผิงช่วยพูดโน้มน้าวฉินห้าวตงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในเวลานี้เฉาถิงกลับพุ่งตัวออกมาด้านหน้า ขวางทางของฉินห้าวตงไว้แล้วพูดโวยวาย “พูดมาสิว่านายต้องการเงินเท่าไร? ขอแค่รักษาอาการป่วยของลูกชายฉันให้หายดี เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา!”

 

ฉินห้าวตงเหลือบมองผู้หญิงที่ไร้เหตุผลคนนี้ แล้วพูดอย่างเย็นชา “คุณรวยมากงั้นเหรอ?”

 

“แน่นอน เธอไม่ได้ต้องการเงินหรือไง? ฉันมีเงินเยอะแยะ!”

 

ในความคิดของเฉาถิง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังพยายามใช้โอกาสเพื่อที่จะเรียกเงินเยอะขึ้น

 

ฉินห้าวตงกลับหัวเราะอย่างเย็นชา “ในเมื่อมีเงินเยอะขนาดนี้ งั้นก็เผามันไปให้เจ้าแห่งยมโลกสิ ดูซิว่าจะสามารถซื้อชีวิตลูกชายของคุณกลับมาได้ไหม”

 

“แกพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร? รู้หรือเปล่าว่าพวกฉันเป็นใคร? พวกฉันสองคนผัวเมียยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อมาขอร้องแก แค่นี้ก็เห็นแก่หน้าแกพอแล้ว ที่เจียงหนาน ขอแค่พวกฉันออกปาก ไม่รู้ว่ามีหมอกี่คนที่พร้อมจะบริการพวกฉัน”

 

“งั้นก็ดีสิ หมอคนไหนพร้อมที่จะบริการพวกคุณ ก็ไปให้หมอคนนั้นรักษา แต่ผมไม่รักษา”

 

ฉินห้าวตงขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจผู้หญิงไร้เหตุผลคนนี้ ดังนั้นเขาจึงอุ้มแม่หนูน้อยเดินออกไปจากสวนสนุก

 

“แก……” เฉาถิงโกรธจัดจนหน้าซีดแล้วตะโกนขึ้น “ไอ้หนุ่ม ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ถ้าแกขัดใจพี่หลง แกได้ใช้ชีวิตไม่ปกติสุขในเจียงหนานแน่!”

 

ฉินห้าวตงหยุดฝีเท้า หันกลับไปมองเธอแล้วชี้ไปที่พวกชายชุดดำที่นอนร้องโอดครวญอยู่เต็มพื้น “คุณคิดว่าตอนนี้คุณจะยังคุกคามผมได้อีกเหรอ?”

 

“เอ่อ……”

 

เฉาถิงอ้ำอึ้งไป ปกติเธอมักจะมีนิสัยเย่อหยิ่งและชอบขมขู่ผู้อื่น แต่ในเวลานี้พอเธอตระหนักได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้มีความโหดร้ายขนาดไหน ลูกน้องของเธอถูกเขาจัดการจนหมด อีกฝ่ายไม่ทำอะไรเธอถือว่าเป็นบุญแค่ไหนแล้ว

 

พอคิดถึงตรงนี้ เธอจึงก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

 

ในเวลานี้ ลูกชายของเธอที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นอย่างอิดโรย “แม่ครับ ผมทนไม่ไหวแล้ว”

 

พูดจบ เด็กน้อยก็ล้มลงไปที่พื้นทันที ร่างกายของเขาเริ่มชักกระตุก ใบหน้าซีดเผือด ราวกับความตายของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม

 

“เสี่ยวเป่า ทำไมลูกถึงกลายเป็นแบบนี้ อย่าทำให้แม่กลัวสิ!”

 

เฉาถิงวิ่งไปยังข้างกายเด็กน้อย แต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนเรียกเท่าไร เด็ดน้อยก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเธอ

 

ทันใดนั้นเธอนึกถึงฉินห้าวตงขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปเรียกเขา “แกพูดมาสิ สรุปจะเอาเงินเท่าไรถึงจะยอมรักษาลูกชายฉัน?”

 

ฉินห้าวตงถอนหายใจอีกครั้ง ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะเกินเยียวยาแล้วจริงๆ

 

“พวกคุณเก็บเงินไว้ใช้เองเถอะ ผมไม่เสียเวลาด้วยแล้ว”

 

“อย่าไป อย่าพึ่งไปเด็ดขาด ขอแค่นายยอมช่วยชีวิตลูกชายของฉัน ฉันยอมหมดทุกอย่างเลย”

 

เฉาถิงรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นของฉินห้าวตง ในที่สุดเธอจึงเก็บความหยิ่งผยองของเธอไว้

 

ฉินห้าวตงกลับไม่สนใจเธอสักนิด เขายังคงก้าวเดินออกจากสวนสนุกอย่างรวดเร็ว

 

เฉาถิงวิ่งไปหาเขาทันที แล้วทรุดลงไปที่พื้นกอดขาของฉินห้าวตงไว้แน่น พลางร้องไห้ฟูมฟาย “คุณหมอฉิน ฉันสำนึกผิดแล้ว ได้โปรด โปรดช่วยชีวิตลูกชายฉันด้วย ฉันต่างหากที่สมควรตาย คุณให้อภัยฉันเถอะ แต่เด็กคนนี้เขาคือผู้บริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”

 

เธอพูดไปด้วยพลางตบหน้าตัวเองไปด้วย ช่างดูน่าเศร้าน่าเวทนาเหลือเกิน

 

ไป๋ผิงจื่อเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาพูดกับเขา “คุณหมอฉิน เธอสำนึกผิดแล้ว คุณให้อภัยเธอสักครั้งเถอะ ที่จริงฉันรู้จักเฉาถิงมานานแล้ว ตอนแรกเธอไม่ใช่คนแบบนี้ เธอเป็นคนที่อบอุ่นและจิตใจดีคนหนึ่ง

 

“แต่หลังจากที่เสี่ยวเป่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว นิสัยและอารมณ์ของเธอได้เปลี่ยนไป กลายเป็นคนแบบนี้ไปแล้ว ที่จริงเธอเป็นแค่แม่ผู้น่าสงสารคนหนึ่งที่รักลูกชายอย่างสุดซึ้ง”

 

แม่หนูน้อยจึงพูดขึ้น “ป่าป๊า หนูว่าพี่ชายคนนี้น่าสงสารมาก ป่าป๊ารีบช่วยเขาเถอะ!”

 

ขณะเดียวกันในฐานะที่เป็นแม่เหมือนกัน หลินโม่โม่เข้าใจหัวอกเธอดี จึงเดินเข้าไปกระซิบเขา “ใช่แล้วห้าวตง คุณช่วยพวกเขาเถอะ”

 

เมื่อเห็นว่ามีคนขอร้องเขามากมายขนาดนี้ ฉินห้าวตงจึงใจอ่อนโดยไม่รู้ตัว มันเป็นเรื่องจริงที่เด็กน้อยคนนี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย

 

ดังนั้นเขาจึงเดินมายังข้างกายของเด็กน้อย จับร่างของเด็กน้อยนอนราบกับพื้น จากนั้นหยิบเอาถุงเข็มออกมาแล้วรีบฝังเข็มอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเข็มจำนวนสิบกว่าเข็มฝังลงสู่ร่างกาย อาการชักกระตุกของเด็กน้อยเริ่มค่อยๆ สงบลงจนหยุดชัก ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดขึ้น

 

สิบนาทีต่อมา ฉินห้าวตงดึงเข็มทั้งหมดออกมาจากร่างกายของเขา เด็กน้อยค่อยๆ ลืมตาขึ้น พอมองเห็นฉินห้าวตงที่อยู่ตรงหน้า จึงเอ่ยถามเขา “คุณอาครับ ผมตายหรือยัง?”

 

เมื่อเห็นดวงตาที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนี้ ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ยังหรอก มีอาอยู่ทั้งคน หนูไม่ตายแน่นอน”

 

สีหน้าที่ดูอิดโรยในตอนแรกของเด็กน้อย บัดนี้ดูเปล่งปลั่งสดใสขึ้น เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังว่า “คุณอาครับ คุณรักษาโรคของผมได้แล้วจริงๆ เหรอครับ?”

 

ไม่ทันรอให้ฉินห้าวตงพูดอะไร ถังถังก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “แน่นอนสิ! ป่าป๊าของฉันเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมมาก!”

 

“งั้นผมจะมีผมขึ้นไหมครับ?” แววตาของเด็กน้อยเผยความตื่นเต้นออกมา ท้ายที่สุดแล้วการมีชีวิตรอดเป็นสัญชาตญาณของทุกคน เขาก็แค่เคยประสบกับความล้มเหลวในการรักษามากเกินไป

 

ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น “ได้แน่นอน พอรักษาอาการป่วยหายแล้ว ผมก็จะงอกขึ้น!”

 

พอเห็นว่าลูกชายของตัวเองกลับเป็นปกติแล้ว เฉาถิงจึงจึงรีบไปอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน “เสี่ยวเป่า ลูกทำให้แม่กลัวแทบแย่!”

 

“คุณหมอฉิน อาการป่วยของเสี่ยวเป่าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลงไห่เซิงเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล ในเวลานี้เขาไม่มีมาดเจ้าพ่อผู้หยิ่งทะนงอีกแล้ว

 

ฉินห้าวตงเหลียวมองเขาแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “มะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นอาการป่วยชนิดหนึ่งที่มีเลือดเป็นพิษ ขอแค่ขจัดพิษออกไปจนหมด ก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้ว”

 

“ผมได้ทำการรักษาเขาเป็นครั้งแรกแล้ว เพียงแต่ว่าเนื่องจากเขาเป็นโรคนี้มานาน พิษในร่างกายไม่สามารถขจัดออกไปจนหมดในครั้งเดียวได้ เดี๋ยวผมจะเขียนไปสั่งยาให้คุณ คุณกลับไปเอายาให้ลูกชายกินตามใบสั่งยานี้ อาทิตย์หน้าผมจะไปทำการรักษารอบที่สองให้เขา รักษาประมาณสามรอบก็หายดีแล้ว”

 

“จริงเหรอคุณหมอฉิน ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริงๆ!”

 

หลงไห่เซิงพูดพลางโค้งคำนับให้แก่ฉินห้าวตง ไม่ว่าตัวตนของเขาจะสูงส่งแค่ไหน สถานะจะเป็นที่รู้จักมากมายขนาดไหน แต่เขาก็แค่พ่อธรรมดาคนหนึ่งที่รักลูกชายของตัวเอง

 

ฉินห้าวตงหยิบปากกาและกระดาษออกมารีบเขียนใบสั่งยาส่งให้หลงไห่เซิง “ผมเขียนวิธีการกินยาลงไปในใบสั่งยานี้แล้ว ต่อไปนี้คุณก็ให้ลูกชายกินยาตามใบสั่งยานี่ แล้วก็ไม่ต้องไปทำเคมีบำบัดแล้ว”

 

เด็กน้อยออกจากอ้อมแขนของเฉาถิงและลุกขึ้นยืน ในเวลานี้เขาเริ่มเล่นกับแม่หนูน้อยแล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว เพราะถูกพ่อแม่ของเขาปฏิเสธที่จะให้เล่นกับเด็กคนอื่น ตอนนี้เขามีความสุขมากเพราะในที่สุดเขาก็มีเพื่อนเสียที

 

เมื่อเฉาถิงเห็นว่าลูกชายของตัวเองสามารถเป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไป เธอจึงน้ำตาไหลไม่หยุด เธอคุกเข่าต่อหน้าฉินห้าวตง แล้วหมอบคำนับลงไปกับพื้นพลางพูดขึ้น

 

“คุณหมอฉิน ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตลูกชายฉัน เมื่อครู่ฉันผิดไปแล้ว คุณจะด่าจะว่าอย่างไรก็เชิญ”

 

ฉินห้าวตงถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าหญิงคนนี้จะชั่วร้ายไร้ซึ่งเหตุผล แต่สิ่งที่เธอไม่เคยขาดคือความเป็นแม่ที่ดี

 

“เอาล่ะ ลุกขึ้นมาเถอะ อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไป!”

 

หลงไห่เซิงจึงพูดขึ้น “คุณหมอฉินต่อไปนี้คุณคือผู้มีพระคุณของหลงไห่เซิง ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยเหลือก็มาบอกฉันได้ ฉันจะไม่มีวันปฏิเสธคุณ!”

 

ฉินห้าวตงยิ้มให้เล็กน้อยเป็นการรับการขอบคุณจากหลงไห่เซิง เขาเองก็ไม่อยากสร้างศัตรูที่ทรงพลังให้แก่หลินชื่อกรุ๊ปเช่นกัน

 

พอไป๋จื่อผิงเห็นว่าทั้งสองคนเปลี่ยนจากศัตรูกลายเป็นมิตร จึงชี้ไปยังพวกชายชุดดำที่นอนโอดครวญอยู่ที่พื้นพลางพูดขึ้น “คุณหมอฉิน ช่วยรักษาคนพวกนี้หน่อยได้ไหม?”

 

ความแค้นของทั้งสองฝ่ายสิ้นสุดลงแล้ว ฉินห้าวตงจึงพยักหน้า เขาเดินไปด้านหน้าต้าเฟย จับตรงบริเวณที่กระดูกฝ่ามือหัก แล้วออกแรงผลักและดึงจนได้ยินเสียง 'กึก!' พริบตาเดียวก็สามารถเชื่อมกระดูกที่หักได้แล้ว

 

ต้าเฟยนึกไม่ถึงเลยว่าความเจ็บปวดจากการที่กระดูกฝ่ามือหักเมื่อครู่นี้ แค่พริบตาเดียวก็สามารถเชื่อมกระดูก ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย ดังนั้นเขาจึงกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณครับคุณหมอฉิน!”

 

“ในช่วงเจ็ดวันนี้อย่าพึ่งใช้แรงเยอะ หลังจากเจ็ดวันอาการจะดีขึ้นเอง”

 

ฉินห้าวตงพูดจบจึงเดินไปยังชายชุดดำคนต่อไป แค่ในระยะเวลาไม่ถึงสิบนาที เขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของทุกคนจนหายดี

 

“ทักษะที่มหัศจรรย์! นี่มันทักษะมหัศจรรย์!” หลงไห่เซิงพูดขึ้นด้วยความชื่นชม “คุณหมอฉิน ฉันใช้ชีวิตในเจียงหนานมานานกว่าสามสิบปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นทักษะทางการแพทย์ที่วิเศษขนาดนี้มาก่อนเลย น่าชื่นชมจริงๆ”

 

พูดจบ เขาจึงหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาจากในกระเป๋าแล้วยื่นให้ฉินห้าวตง “คุณหมอฉิน นี่คือบัตรเอทีเอ็มที่มีเงินห้าล้านหยวน มันคือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ โปรดรับไว้ด้วย”

 

ฉินห้าวตงหยิบบัตรเอทีเอ็มใส่กระเป๋าโดยไม่เกรงใจ จากนั้นจึงพูดขึ้น “ลูกชายของคุณดูเหมือนจะเป็นแค่มะเร็งเม็ดเลือดขาวก็จริง แต่ที่จริงแล้วมันเกี่ยวข้องกับการที่คุณฆ่าคนมาตลอดในช่วงหลายปีนี้ด้วย ต่อไปนี้คุณและภรรยาต้องทำเรื่องดีๆ ให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปคงไม่ใช่แค่การเป็นโรค แต่มันอาจนำภัยพิบัติมาสู่พวกคุณ”

 

หลงไห่เซิงตกใจ เขาลังเลไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “คุณหมอฉินต้องการให้ฉันวางมือออกจากวงการนี้ใช่ไหม?”

 

“ไม่ใช่ครับ วงการโลกใต้ดินยังจำเป็นต้องมีคนมาควบคุม ต่อไปคุณแค่จำไว้ว่าต้องทำเรื่องดีๆ ให้มากขึ้นก็พอแล้วครับ”

 

ฉินห้าวตงรู้ดีว่ามีสถานที่ที่สุกสว่างก็ต้องมีสถานที่มืดมนเช่นกัน โลกใต้ดินจำเป็นต้องมีคนเข้ามาควบคุม ถ้าหากหลงไห่เซิงถอนตัวขึ้นมาจริงๆ โลกใต้ดินของเจียงหนานอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้น แต่คงไม่เป็นผลดีต่อทั้งเมืองเจียงหนาน

 

หลงไห่เซิงโค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณคุณหมอฉินที่ชี้แนะ ฉันได้เรียนรู้แล้ว!”

 

หลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างยุติลงแล้ว หลงไห่เซิงให้ลูกน้องทุกคนออกจากสวนสนุก ขณะเดียวกันก็เอาที่กั้นสวนสนุกออก พวกเขาพาหลงเสี่ยวเป่าเล่นม้าหมุนกับถังถังอย่างสนุกสนาน เหมือนกับพ่อแม่คนอื่น

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินห้าวตงและหลินโม่โม่พาแม่หนูน้อยออกจากสวนสนุก และเห็นจางเต๋อเซิ่งนำบอดี้การ์ดสิบคนยืนทำท่าอับอายอยู่ตรงประตูสวนสนุก

 

“ประธานหลิน พวกเรา……”

 

ขณะที่จางเต๋อเซิ่งกำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้น หลินโม่โม่ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “อย่ามัวมาพูดไร้สาระ ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ไปรับเงินเดือนสามเดือนที่บริษัท พวกนายถูกไล่ออกแล้ว!”

 

“อะ……อะไรนะ?” จางเต๋อเซิ่งชะงักไป ตอนแรกเขานึกว่าจะถูกด่า แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินโม่โม่จะเด็ดขาดได้ถึงเพียงนี้ ถึงขนาดไล่พวกเขาทั้งหมดออกจากหลินชื่อกรุ๊ป

 

“ประธานหลิน อย่าทำแบบนี้เลย ให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้งเถอะ!”

 

หลังจากที่จางเต๋อเซิ่งพูดจบ คนอื่นที่อยู่ด้านหลังต่างก็พากันขอร้องอ้อนวอน การได้ทำงานเป็นบอดี้การ์ดของหลินชื่อกรุ๊ป พวกเขาได้ทั้งค่าตอบแทนที่ดีและการปฏิบัติที่ดี ถ้าไปหางานที่อื่น คงไม่ได้ดีเท่าที่นี่แล้ว

 

หลินโม่โม่มองสำรวจพวกเขาอย่างเย็นชาหนึ่งรอบ พลางพูดขึ้น “ฉันไม่อยากพูดซ้ำรอบสอง รีบออกไปเดี๋ยวนี้!”

 

เมื่อเห็นว่าหลินโม่โม่ยังคงไม่เปลี่ยนใจ จางเต๋อเซิ่งจึงเปลี่ยนสีหน้าทันทีพลางเอ่ยถาม “ถ้าจะไล่พวกเราออก คุณก็ต้องมีเหตุผลหน่อยสิ?”

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน