px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 88 ร้อนรนจนแทบคลั่ง


หลังจากที่ผู้หลักผู้ใหญ่คุยกันเรื่องแต่งงานระหว่างต้วนหลิงเทียนและลี่เฟยเสร็จ ทุกคนก็ร่วมรับประทานอาหารค่ำกันที่บ้านของหลิงเทียนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

หลังจากที่มื้อค่ำจบลงหลิงเทียนก็เดินมาส่งคู่ปู่หลานถึงที่บ้าน

ชายชรานั้นรู้งานดีนัก มันรีบกลับเข้าห้องของตัวเองไปในทันทีที่มาถึง

"เสี่ยวเฟย ตั้งแต่วันนี้ไปท่านก็เป็นภรรยาของข้าแล้ว ... "

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเบาๆ

“เพ้ย! พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันเสียหน่อย "

ลี่เฟยจ้องหลิงเทียนอย่างเขินอาย

หลิงเทียนจับจ้องไปยังเรือนร่างที่แสนเย้ายวนของลี่เฟยจนตาเยิ้มเป็นมัน ก่อนที่มันจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วกล่าวออกมาด้วยความต้องการว่า "ปู่เจ้าบอกว่าจะให้พวกเราแต่งงานกันตอนข้าอายุ 18 นั่นช่างนานนัก เสี่ยวเฟยเหตุใดพวกเราไม่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันคืนนี้เลยเล่า? "

"ฝันไปเถอะ"

ลี่เฟยกล่าวออกมาด้วยความเขินก่อนที่นางจะเร่งรีบวิ่งเข้าห้องไปทั้งๆที่ใบหน้าแดงก่ำ พร้อมทั้งปิดประตูเสียงดัง

หลิงเทียนได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น

เมื่อหลิงเทียนกลับมาถึงบ้าน เขาพบว่าเค่อเอ๋อนั้นยังนั่งรอเขาอยู่

"เด็กโง่"

ต้วนหลิงเทียนยื่นมือไปโอบเอวเค่อเอ๋อก่อนที่จะกอดนางเอาไว้ แล้วพานางกลับเข้าไปในบ้าน

"นายน้อย"

เมื่อต้วนหลิงเทียนไปส่งนางที่ห้องและกำลังจะกลับไปห้องของตัวเอง เค่อเอ๋อก็เรียกเขาเอาไว้

"หืม?"

หลิงเทียนสงสัยเล็กน้อย

"นายน้อยนอนกับเค่อเอ๋อได้มั้ยเจ้าคะ?" เค่อเอ๋อค่อยๆถามออกมาด้วยความประหม่า

หลังจากที่ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกแล้วหลิงเทียนก็เดินตรงมาที่เตียง ก่อนที่จะนอนลงไปแล้วดึงตัวเค่อเอ๋อมากอดพร้อมทั้งกล่าวถามออกมา "เด็กโง่เจ้ามีอะไรรึเปล่า?"

"นายน้อย ต่อไปเมื่อท่านมีพี่หญิงเฟยเป็นภรรยาแล้ว อย่าทอดทิ้งเค่อเอ๋อได้มั้ยเจ้าคะ?"

เด็กสาวกล่าวความกังวลของนางออกมา

"เด็กโง่เอ๊ย เจ้าจะเป็นเค่อเอ๋อที่น่ารักของข้าไปจนวันตายไม่มีผู้ใดมาทำลายเรื่องนี้ได้ ... ในใจข้านั้นจะมีที่ไว้สำหรับเจ้าเสมอหามีผู้ใดมาแทนที่เจ้าได้ เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่เด็กโง่?"

ต้วนหลิงเทียนกอดและปลอบโยนสาวน้อยในอกด้วยความอ่อนโยน เป็นเรื่องผิดปกติมากที่เขาไม่ทำอะไรอย่างอื่นกับนางเลย

"นายน้อย"

สาวน้อยกอดหลิงเทียนจนแน่นก่อนที่จะผล็อยหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้น ในระหว่างที่รับประทานอาหารเช้าอยู่นั้น หลิงเทียนก็กล่าวขึ้นมา

"ท่านแม่ ,เค่อเอ๋อ ข้าจะไปข้างนอกสักระยะ ในเวลา 2-3 คืนหลังจากนี้ข้าอาจจะยังไม่กลับ พวกท่านเข้านอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอคอยข้า " หลิงเทียนกล่าวออกมา

"ระวังตัวด้วยนะลูก"

ลี่หลัวพยักหน้ารับ

ถึงแม้ว่าหลิงเทียนจะไม่ได้บอกว่าเขาจะไปทำอะไร แต่ลี่หลัวก็เชื่อมั่นว่าบุตรชายของนางจะสามารถรับมือได้

ลูกชายของนางเติบโตแล้ว เขาหาใช่ลูกนกอินทรีที่คอยซุกใต้ปีกของนางอีกต่อไป

"นายน้อยท่านจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอเจ้าคะ" เค่อเอ๋อกล่าวถามออกมาด้วยเป็นห่วง

ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “ในอีกราวๆ 4 วัน ... ถ้าเสี่ยวเฟยมาหาข้า เจ้าก็บอกนางให้รู้ไว้ด้วย”

เขากำลังวางแผนที่จะไปยังเมืองชิงลี่

หากจะกล่าวถึงฐานะและตัวตนของเขาในตระกูลลี่แห่งนี้นั้น หลิงเทียนนั้นหาใช่สาวกธรรมดาอีกต่อไป อย่างน้อยๆผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ลี่เต๋อย่อมยืนเคียงข้างมันจนถึงที่สุด และนั่นต่อให้ปลาที่เคยเล็ดรอดออกจากแห หรือไอตัวบัดซบหัวใจกลับด้านนั่นจะมาชี้ตัวเขา แต่พวกมันก็หาทำอะไรหลิงเทียนได้ไม่

แต่อย่างไรก็ตามหลิงเทียนไม่คิดเปิดเผยตัวเองต่อหน้าคนจากตระกูลหวัง

เมื่อเขาเปิดเผยตัวตนออกมาแล้วตระกูลลี่อาจจะช่วยเขาได้ แต่นั่นคงไม่ตลอดไป

เขาต้องขจัดต้นตอของปัญหาก่อนที่มันจะลุกลามบานปลายในอนาคต

หลังจากที่ออกจากตระกูลลี่แล้ว หลิงเทียนก็ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เขาถอดชุดของตระกูลลี่ออกก่อนที่จะเก็บในแหวนมิติแล้วนำชุดอื่นมาใส่แทน

ตอนนี้แหวนมิติได้ถูกหลอมสร้างใหม่ โดยตัวแหวนกลายเป็นโลหะสีเทาหมองๆ แลดูธรรมดาสามัญ เขาจึงสามารถสวมใส่มันออกมาอย่างโจ่งแจ้งไม่ต้องกังวลว่าผู้ใดจะคิดว่ามันเป็นแหวนมิติ

หลังจากที่แวะไปในตลาด หลิงเทียนก็ทำการซื้อม้าตัวใหม่ แล้วก็อาหารไว้กินระหว่างทาง ก่อนที่จะออกจากเมืองออโรร่าไป

เมืองออโรร่า เมืองชิงลี่ และเมืองหมอกธารา นั้นไม่ต่างอะไรกับจุดยอดของรูปสามเหลี่ยม กึ่งกลางของทั้ง 3 เมืองคือป่าหมอกมรณะ

ระยะห่างจากเมืองชิงลี่กับเมืองออโร่ร่านี้ หากจะกล่าวไปก็คงเทียบเท่ากับ ระยะทางไปกลับจากเมืองออโรร่าไปยังป่าหมอกมรณะชั้นนอก

ถึงแม้เขาจะใช้ม้าเพื่อเดินทางไปยังเมืองชิงลี่ แต่นั่นก็ยังกินเวลาถึง 4 ชั่วยามโดยประมาณ

ต้วนหลิงเทียนนั้นเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้า และเขาก็ถึงป่าหมอกมรณะในยามเที่ยง หลังจากนั้นเขาก็เบี่ยงไปใช้เส้นทางอีกสายเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองชิงลี่

ยามพลบค่ำ

ภาพเมืองชิงลี่นั้นโผล่มาให้เห็นรำไรในสายตาของหลิงเทียน

หลิงเทียนรีบควบม้ามุ่งหน้าออกไปด้วยความเร่งรีบเล็กน้อย

"ไป!"

"ไป!"

แต่ทันใดนั้นเอง เสียง 2 เสียงก็ดังขึ้นจากด้านหลังเขา มันเป็นเสียงของ บุรุษสตรีคู่หนึ่ง

เมื่อหลิงเทียนหันไปมอง ก็พบว่าคนทั้งสองกำลังควบม้าพุ่งเขามาหาเขาด้วยความเร็ว ม้าของพวกมันนับว่ามีความเร็วเหนือล้ำกว่าม้าของเขามากนัก

ชายหนุ่มและหญิงสาวนั้นดูไปน่าจะมีอายุราวๆ 17 ปี

อีกทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพวกมันนับว่าดูหรูหราและสวยงามอย่างมาก

"อาชาเหงื่อโลหิต!"

สายตาของหลิงเทียนจับจ้องไปยังม้าที่พวกมันขับขี่อยู่

เขาได้เห็นม้าทั้งสองนั้น หลังเหงื่อออกมาเป็นเลือด!

ในแง่ของความเร็วนั้นม้าที่เขาขี่อยู่หากเทียบกับอาชาเหงื่อโลหิตแล้วต่างกันมากนัก

"อาชาเหงื่อโลหิตนั้น ตัวหนึ่งก็มูลค่าถึง 10,000 เหรียญทองแล้ว อีกทั้งยังหายากยิ่งนัก ... " ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความตะลึง

ในทวีปนี้ 1 เหรียญทองจะมีมูลค่าเท่ากับ 100 เหรียญเงิน

กล่าวอีกนัยหนึ่งนั่นก็คือ อาชาเหงื่อโลหิตนี้มีมูลค่าสูงถึง 1,000,000 เหรียญเงิน

แม้ประมุขของทั้งสามตระกูลใหญ่จากเมืองออโรร่าก็ยังไม่กล้าใช้จ่ายมือเติบเช่นนี้

เขาเดาได้ทันทีว่า ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้ไม่ได้มาจาก 3 เมืองใกล้ๆป่าหมอกมรณะนี้อย่างแน่นอน

"หรือว่าพวกมันมาจากเมืองประจำมณฑลกัน?"

อาณาจักรวายุครามแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 18 มณฑล และเมืองประจำมณฑลนั้นก็นับว่าเป็นเมืองใหญ่ที่ด้อยกว่าเพียงเมืองหลวงของอาณาจักรเท่านั้น

และแต่ละเมืองประจำมณฑลนั้นจะมีเมืองเล็กๆใต้ปกครองอีก 81 เมือง

"หยุด"

หลิงเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะหยุดม้าที่ข้างทาง

เขาไม่อยากจะทำตัวให้เกิดปัญหาอะไรทั้งนั้นในยามนี้

แต่บางครั้งถึงแม้ตัวเขาจะไม่อยากมีปัญหามากสักแค่ไหนก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่อยากมีปัญหาเช่นเดียวกับเขา

น้องหญิงหรู เจ้าเห็นชาวบ้านข้างหน้าหรือไม่? เมื่อมันเห็นพวกเรามันหวาดกลัวถึงกับรีบหลบเข้าข้างทางเสียอย่างนั้น... "

ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างคึกคะนอง

"สงสัยมันหวาดกลัวที่จะปะทะกับอาชาเหงื่อโลหิตของพวกเรา"

หญิงสาวคนนั้นกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มจ้องนางเขม็งก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างนึกสนุกว่า “น้องหญิงหรู เหตุใดพวกเราไม่แข่งขันกันสักหน่อยเล่า?”

"พวกเราจะแข่งอันใดกัน?"

หญิงสาวเองก็กล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ

"พวกเรามาแข่งขันกันว่า ผู้ใดจะควบม้าไปถึงชาวบ้านผู้นั้นและหวดมันให้ตกลงมาจากหลังม้าด้วยแส้เฆี่ยนม้านี่ได้ก่อนกัน... เจ้าว่าการแข่งขันครั้งนี้ดีหรือไม่"

ชายหนุ่มหัวเราะ

"ดี! น่าสนุกนัก! ไป! " หญิงสาวเองก็เห็นดีด้วย นางเร่งรีบลงแส้อาชาเหงื่อโลหิตของนางทันทีเพื่อชิงความได้เปรียบ

เมื่ออาชาเหงื่อโลหิตถูกลงแส้ มันพลันกระโจนออกไปรวดเร็วยิ่งกว่าเสือดาวเสียอีก

"น้องหญิงหรู เจ้าขี้โกงข้านี่นา!" ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างไม่ยินยอมก่อนที่จะเร่งรีบตามไป

แน่นอนว่าระยะไกลขนาดนี้หลิงเทียนย่อมไม่ได้ยินคำที่พวกมันสนทนา

ต้วนหลิงเทียนมองจากระยะไกลก็เห็นหนุ่มสาวคู่นั้นกำลังควบม้ามาทางนี้ นับว่าเขาคิดถูกที่เลือกหลบมาข้างทางเพราะพวกมันควบมาค่อนข้างเร็วมากทีเดียว เมื่อพวกมันผ่านไปแล้ว เขาก็จะเร่งเดินทางอีกครั้ง

แต่ทันใดนั้นเอง

ฟุ่บ!

ในขณะที่หญิงสาวที่เป็นผู้นำกำลังควบม้าสวนกับเขานั้น หลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังพุ่งแหวกสายลมมาจู่โจมเขาด้วยความเร็วสูง

ท่าทางของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังเพื่อตอบรับสภาวะการโจมตีนั้นทันที

เขาสังเกตได้ในพริบตาว่า มือของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดที่ถ่ายเทลงแส้ และหวดมายังเขา ที่สำคัญมันยังมีเป้าหมายจู่โจมที่ใบหน้าของเขาอีกด้วย...

เหนือศีรษะนางมีร่างช้างแมมมอธโบราณปรากฏออกมา 2 ตัว

อายุ 17 ปี สามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1!

ฟุ่บ!

แม้ว่าแส้นั้นจะยังไม่ได้ฟาดมาถูกใบหน้าเขา แต่อาศัยเพียงแรงอัดของกระแสลมที่เกิดจากการฟาดแส้แหวกอากาศมา ก็ทำให้หลิงเทียนรู้สึกแสบที่ใบหน้าเล็กน้อย

อารมณ์ของหลิงเทียนดิ่งลงทันที

พริบตานั้นเขาพลันสะบัดมือออกมาด้วยความเร็วสูง

เขาใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งเกือบถึงขั้นช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว เพื่อให้มันแสดงภาพเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเพียง 2 ตัวเท่านั้น...

หมับ!

หลิงเทียนคว้าแส้นั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย

หญิงสาวนั้นตกตะลึงอย่างมากนางคาดไม่ถึงจริงๆว่าหลิงเทียนจะสามารถคว้าจับแส้ของนางได้ง่ายดายเช่นนี้ แม้นางจะตกตะลึงแต่นางก็ไม่ลืมที่จะดึงแส้ให้หลุดออกจากมือของหลิงเทียน

"ฮึ่ม!"

แววตาของหลิงเทียนแปรเปลี่ยนไปก่อนที่จะออกแรงกระชากอีกครั้ง

ผลั่กก!

อาชาเหงื่อโลหิตนั้นยังคงพุ่งทะยานต่อไปแต่หญิงสาวนั้น กลับถูกหลิงเทียนกระชากจนตกลงมาจากหลังม้าอย่างสิ้นท่า ลงไปนอนโอดครวญอยู่บนพื้น

"น้องหญิงหรู! หยุดด!"

ท่าทีของชายหนุ่มที่ตามมานั้นบิดเบี้ยวอย่างมากมันหันมาจ้องหลิงเทียนด้วยแววตาอำมหิตก่อนที่จะเร่งรีบไปดูอาการของสตรีที่มากับมันทันที

"พี่สาม ข้าเจ็บเหลือเกิน"

ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด

"ไอ่บ้านนอกรู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร?"

ใบหน้าของชายหนุ่มตอนนี้พลันฉายแววอำมหิตออกมา อีกทั้งน้ำเสียงของมันยังเย็นชาอย่างมาก

ต้วนหลิวเทียนเพียงยักคิ้ว ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่แยแสว่า "ข้าไม่รู้ และก็ไม่สนใจที่จะรู้ด้วย"

"ไอเด็กบัดซบ หาที่ตาย!"

ใบหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวก่อนที่มันงอร่างและพุ่งออกมาราวกับกระสุน

ทันใดนั้นเหนือศีรษะของมันก็ปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 4 ตัว บ่งบอกถึงระดับบ่มเพาะของมัน

ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3

หลิงเทียนเอียงคอเล็กน้อย

มีอายุแค่ 17 ปี แต่สามารถถึงระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ได้ ...

พรสวรรค์ของมันนั้นนับว่าเหนือกว่า อัจฉริยะในรอบ 100 ปี อย่างเซี่ยวหยูซะอีก!

ปัง!

ชายหนุ่มนั้นพุ่งร่างมาราวกับกระสุนและฟาดฝ่ามือไปยังหัวม้าของหลิงเทียน

ใบหน้าของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวทันที ก่อนที่มันจะรีบถีบม้ากระโดดออกมาทันที

ม้าตัวนั้นร้องโอดครวญออกมาหลังจากโดนฟาดฝ่ามือ หลังจากนั้นมันก็ล้มลงและแน่นิ่งไป

มันถูกฟาดตกตายแล้ว

"ตาย!"

สายตาอำมหิตของชายหนุ่มยังคงจับจ้องไปยังหลิงเทียนอย่างไม่ลดละ

ฟุ่บ!

ร่างของมันโน้มลงมาซัดฝ่ามือใส่หลิงเทียนอีกครั้ง

บังเกิดภาพมายาฝ่ามือของมันนับสิบ ล้อมรอบปิดกั้นหนทางหลบหนีของหลิงเทียนไว้

"วิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง อีกทั้งยังมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้"

หัวใจของหลิงเทียนเต้นถี่ขึ้นเล็กน้อย ความสามารถในการโจมตีของชายหนุ่มคนนี้นั้นนับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่ามือเอกะของเซี่ยวหยูแม้แต่น้อย

แต่เมื่อคิดถึงระดับบ่มเพาะก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ของมีที่มีความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัว แม้จะเป็นเซี่ยวหยูเองก็คงรับมือมันอย่างยากลำบาก

"แต่ในเมื่อเจ้ามาเจอกับข้า ก็คิดซะว่าเจ้าอับโชคอย่างยิ่ง!" ดวงตาของหลิงเทียนพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาลง ก่อนที่มันจะเริ่มลงมือ

เขาระเบิดออกด้วยความแข็งแกร่งจนเกือบถึงขีดสุดของ 5 ช้างแมมมอธโบราณ ...

วิชาวาดกระบี่!

ฉับ!

กระบี่อ่อนดาราม่วงพลันเปล่งประกายออกมาเพียงเสี้ยวพริบตาสะบั้นไปยังภาพมายาภาพหนึ่งที่พุ่งเข้ามา

“อ๊าคคคค!”

ชายหนุ่มคนนั้นกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเมื่อมันถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป เมื่อร่างของมันตกพื้น มันกลิ้งไปกลิ้งมาที่พื้นพร้อมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดใบหน้าของมันฉายแววเสียใจออกมาอย่างสุดซึ้ง

แขนของมันถูกตัดขาดจนเสมอไหล่..

"พี่สาม!"

หญิงสาวพลันตื่นตระหนกอย่างมาก

"ท่านปู่ หวย!"

หญิงสาวรีบร้องออกมาอย่างสุดเสียง เสียงของนางดังกังวานไปไกล

ทันใดนั้นหลิงเทียนสังเกตได้ในพริบตาว่ามีชายชราคนหนึ่งพุ่งตัวมาจากที่ไกลๆ...

ในสายตาของหลิงเทียนนั้น ตอนแรกที่เขาเห็นชายชราคนนั้นตัวมีขนาดเท่ามดเท่านั้น แต่พริบตาต่อมาร่างกายของมันพลันมีขนาดใหญ่จนเกือบจะเท่ากำปั้นและเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ...

นั่นหมายความว่ามันกำลังใกล้เข้ามาด้วยความเร็วสูง!

"แย่แล้ว!"

ท่าทางของหลิงเทียนแปรเปลี่ยนไปเป็นตื่นตระหนกอย่างมากทันที มันรู้ว่าตัวตนนี้ทรงพลังขนาดไหน มันรีบกระทืบพื้นพุ่งร่างออกไปยังอาชาเหงื่อโลหิตของชายหนุ่มเมื่อครู่ ก่อนที่จะควบขี่ออกไปด้วยความร้อนรนสุดชีวิต

หนี!

ขาของหลิงเทียนเตะไปที่เอวของอาชาเหงื่อโลหิตอีกทั้งยังฟาดมันด้วยความแรง ทำให้มันพุ่งร่างออกไปเร็วราวกับสายลม

เขามองไปยังเมืองชิงลี่ที่อยู่ไม่ไกล และหันกลับมามองชายชราที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ท่าทางของหลิงเทียนพลันตกวูบลงทันที

ตอนนี้มันหวังเพียงว่าชายชราจะใช้เวลารักษาอาการบาดเจ็บ และเชื่อมต่อแขนที่ถูกตัดขาดของชายหนุ่มคนนั้นนานเพียงพอ

มิเช่นนั้นเขาต้องตายอย่างแน่นอน!

ความเร็วของชายชราคนนี้ จากที่เขาประเมินได้เมื่อครู่ มันรวดเร็วกว่าอาวุโสหลักตระกูลลี่อย่างลี่ไท่มากนัก

ในแง่ของความรวดเร็วของมันนับว่าไม่ได้ด้อยกว่า ตัวตนที่น่าพรั่นพรึงของเมืองหมอกธารา อาวุโสหลักของตระกูลเหอ เหอซื่อเต๋าแม้แต่น้อย

เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้นั้นเป็นตัวตนที่ทรงพลังระดับ วิญญาณแรกกอตั้ง

ในขณะที่ควบม้าออกไปด้วยความเร็วสูง ภายในใจของหลิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างถึงที่สุด มันกลัวว่าชายชราจะเลือกละเลยการรักษาชายหนุ่มผู้นั้นและหันมาจับตัวเขาก่อน ...

ด้วยความแข็งแกร่งระดับนั้นของชายชราเขาไม่มีทางหนีรอดเลยถ้ามันหวังจับตัวเขา

"เร็วอีก เร็วขึ้นอีก!"

ขาของหลิงเทียนพลันเตะกระตุ้นอาชาเหงื่อโลหิตอย่างหวั่นวิตกโดยไม่หยุดยั้ง อาชาเหงื่อโลหิตก็พุ่งไปสุดกำลังเท่าที่มันทำได้ แต่หัวใจของหลิงเทียนก็ยังเต็มไปด้วยความร้อนรนและกังวลถึงขีดสุด

แม้ว่าอาชาเหงื่อโลหิตตัวนี้จะรวดเร็วกว่าอาชาที่เขานั่งมามากถึง 2 เท่าตัว ...

แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่ามันช้ามาก!

รีวิวผู้อ่าน