px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 37 อายุไม่ใช่ปัญหา


ตอนที่ 37 อายุไม่ใช่ปัญหา

 

“สาม……สอง……หนึ่ง”

 

ฉินห้าวตงรีบดึงหลินโม่โม่ให้วิ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่งหลังจากที่เขาตะโกนนับถอยหลัง ในตอนแรกหลินโม่โม่ยังวิ่งตามเขาไป แต่ต่อมาเธอถูกฉินห้าวตงลากทำให้เธอรู้สึกเหมือนเท้าทั้งสองข้างของเธอลอยเหนือพื้นเพราะความเร็วสูง พวกเขาวิ่งไปด้านหน้าราวกับกำลังบินอยู่

 

เมื่อพวกเขาวิ่งมาได้ครึ่งทาง บรรดาชายชุดดำพึ่งจะคืนสติกลับมา เริ่มกราดยิงมาทางพวกเขาอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามวิถีกระสุนของพวกชายชุดดำสูญเสียความแม่นยำเนื่องจากพวกมันไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน เพียงครู่เดียวฉินห้าวตงได้มาถึงด้านหน้าบ้านร้าง เขายกเท้าถีบประตูไม้ผุพัง จากนั้นทั้งสามคนรีบวิ่งเข้าไปด้านใน

 

หลังจากที่เข้ามาในบ้านร้าง เขารีบดึงหลินโม่โม่ให้หมอบซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังผนัง ห่ากระสุนจากบรรดาชายชุดดำที่วิ่งตามหลังมาสาดใส่ผนังอย่างบ้าคลั่ง แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

 

บ้านร้างหลังนี้เก่าและทรุดโทรมมาก ดูแล้วเมื่อก่อนน่าจะเป็นบ้านพักของผู้พิทักษ์ป่า แต่ตอนนี้ถูกปล่อยทิ้งร้างแล้ว

 

การซ่อนตัวอยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่าเพราะไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกชายชุดดำล้อมยิง

 

แต่เนื่องจากบาดแผลของฉินห้าวตงเปิดขณะที่วิ่งมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เลือดของเขาไหลออกมาไม่หยุด

 

“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินโม่โม่ดูเป็นกังวล

 

“ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว!”

 

เมื่อฉินห้าวตงพูดจบ เขาเริ่มกดจุดห้ามเลือดตัวเองอีกครั้ง

 

ในเวลานี้บรรดาชายชุดดำได้รวมตัวกันเข้าปิดล้อมบ้านร้างแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว แต่พวกมันไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะพวกมันรู้ว่าในมือของฉินห้าวตงมีอาวุธสังหารที่สามารถคร่าชีวิตของพวกมันได้ ดังนั้นพวกมันจึงล้อมบ้านจากระยะไกล มีบางคนเข้าไปแอบอยู่หลังต้นไม้

 

ชายชุดดำคนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยเสียงแหบห้าว “เฮ้ พวก! พวกเราไม่ได้อยากทำให้นายลำบากเลย ขอแค่นายส่งตัวผู้หญิงคนนั้นมา พวกเราจะรีบไปทันที!”

 

คำสั่งที่พวกมันได้รับมาในวันนี้คือฆ่าหลินโม่โม่ให้ตาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้กับฉินห้าวตง

 

คำพูดของมันช่วยยืนยันการคาดเดาในใจของฉินห้าวตง คนพวกนี้พุ่งเป้ามายังหลินโม่โม่จริงด้วย มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเป็นพวกเดียวกันกับคนที่ลอบฆ่าหลินโม่โม่ในครั้งที่แล้ว

 

ดีที่หลินโม่โม่ได้มาเจอกับเขาในทั้งสองเหตุการณ์นี้ ไม่อย่างนั้นหลินโม่โม่คงล้มหายตายจากไปนานแล้ว

 

หลินโม่โม่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “คนที่พวกมันต้องการตัวคือฉัน ทำไมคุณไม่ดูแลถังถังให้ดี แล้วส่งตัวฉันให้พวกมันไป!”

 

“คุณกำลังพูดอะไรอยู่?” เสียงของฉินห้าวตงเบาแต่ทว่าเต็มไปด้วยความจริงจัง “ผมบอกคุณไปแล้วว่าขอแค่มีผมอยู่ จะไม่มีใครมาทำอันตรายคุณและลูกได้!”

 

“แต่พวกมันมีปืน อีกอย่างคุณได้รับบาดเจ็บด้วย ถ้าเรายังยื้อให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่มีความหมายอะไร สุดท้ายพวกเราทั้งสามคนจะต้องตาย สู้เสียสละฉันแค่คนเดียวดีกว่า…...”

 

“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้! ผมพูดไปแล้วว่าไม่มีใครสามารถทำร้ายคุณได้หากผมยังมีชีวิตอยู่!”

 

แม้ว่าน้ำเสียงของฉินห้าวตงจะดูเคร่งครึมและหยาบคายไปหน่อย แต่ในใจของหลินโม่โม่กลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา น้ำตาของเธอไหลรินอีกครั้ง

 

“ไม่ต้องกลัว ผมแจ้งตำรวจไปแล้ว ขอแค่พวกเราถ่วงเวลาไปอีกสักพัก ตำรวจก็จะมาถึงในไม่ช้า” ฉินห้าวตงพูดปลอบ

 

ในเวลานี้ เสียงแหบห้าวตะโกนดังมาจากด้านนอกอีกครั้ง “เฮ้พวก นายได้ยินไหม? อย่าคิดว่านายมีความสามารถแล้วจะต่อต้านพวกเราได้ ต่อให้นายเก่งแค่ไหน ก็คงไม่เก่งไปกว่าปืนหรอกจริงไหม?”

 

ฉินห้าวตบไหล่หลินโม่โม่เป็นการปลอบ จากนั้นตะโกนไปยังด้านนอก “งั้นก็ได้ ฉันตอบรับข้อเสนอของพวกแก เข้ามารับคนไปสิ!”

 

“ป่าป๊าเอาหม่าม๊าให้พวกเขาไม่ได้นะคะ” แม่หนูน้อยร้องไห้

 

“ชู่……ถังถังอย่าพึ่งพูดอะไร พ่อแค่โกหกพวกนั้น!” เห็นได้ชัดว่าหลินโม่โม่เข้าใจที่ฉินห้าวตงต้องการจะสื่อ

 

“แต่คุณครูบอกว่าเด็กดีต้องไม่โกหกคนอื่นนะคะ……”

 

“โกหกคนเลวได้ ถังถัง ไม่ต้องพูดอะไรแล้วลูก!”

 

หลินโม่โม่หยุดไม่ให้ถังถังพูดต่อ

 

ฉินห้าวตงต้องการที่จะหลอกชายชุดดำสองคนเข้ามาฆ่า เขาลองนับดู ชายชุดดำถือปืนมีทั้งหมดหกคน ถ้าฆ่าได้หนึ่งคน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเผชิญไปได้หนึ่งส่วน

 

แต่ชายผู้มีเสียงแหบห้าวคนนั้นดูเหมือนจะมองอุบายของเขาออก มันตะโกนขึ้นอีกครั้ง “พวกเราต้องการคนตายไม่ใช่คนเป็น แค่นายผลักผู้หญิงคนนั้นออกมา แล้วพวกเราจะยิงเธอให้ตาย!”

 

เมื่อเห็นว่าพวกชายชุดดำไม่หลงกล ฉินห้าวตงจึงถอนหายใจ คงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องรอให้น่าหลันอู๋เซี๋ยมา

 

ชายชุดดำที่มีเสียงแหบห้าวรู้ว่าฉินห้าวตงต้องการถ่วงเวลา มันจึงตะโกนขึ้นอีกครั้ง “อย่านึกว่านายหลบอยู่ในนั้นแล้วพวกฉันจะไม่มีวิธีจัดการ ฉันจะให้เวลานายหนึ่งนาทีสุดท้าย ถ้ายังไม่ยอมส่งตัวผู้หญิงคนนั้นให้ฉัน นายก็ตายไปพร้อมกับเธอซะ!”

 

ฉินห้าวตงไม่ได้สนใจการข่มขู่เช่นนี้ ขอแค่พวกชายชุดดำกล้าเข้าใกล้เขามากพอ เขาก็จะใช้เข็มเงินฆ่าพวกมันซะ

 

แต่หนึ่งนาทีต่อมา เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมาจากด้านนอก

 

“ซวยแล้ว!” ฉินห้าวตงหน้าถอดสี เขารู้ว่าชายเสียงแหบคนนั้นกำลังมีแผนอะไรอยู่ มันต้องการใช้รถบรรทุกพังบ้านร้างเข้ามา

 

บ้านร้างหลังนี้ไม่ได้รับการซ่อมแซมมานานหลายปี มันแทบจะกันกระสุนไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกรถบรรทุกพุ่งชนเลย

 

เป็นไปตามที่เขาคิด เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รถบรรทุกขับมาทางบ้านร้างหลังนี้

 

หลินโม่โม่เข้าใจเช่นกัน เธอผลักแม่หนูน้อยเข้าสู่อ้อมแขนของฉินห้าวตง จากนั้นรีบวิ่งออกจากบ้านร้างอย่างรวดเร็ว

 

“กลับมาเดี๋ยวนี้!”

 

ฉินห้าวตงคว้าตัวหลินโม่โม่ไว้แล้วกดเธอลงผนัง “ดูแลถังถังให้ดี เรื่องแบบนี้ให้ผู้ชายทำดีกว่า”

 

“ไม่ได้ พวกมันมีปืน มันต้องรอคุณออกไปแน่ๆ……” หลินโม่โม่พูดอย่างร้อนใจ

 

“วางใจเถอะ ผมตายยาก ผมไม่ตายอยู่ที่นี่หรอก!” ฉินห้าวตงส่งแม่หนูน้อยให้หลินโม่โม่หลังจากที่เขาพูดจบ จากนั้นหอมแก้มพวกเธอสองคน “แต่ถ้าหากผมตายไป คุณต้องดูแลลูกให้ดี!”

 

หลินโม่โม่ตกตะลึง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมฉินห้าวตงถึงเสียสละตัวเองเพื่อเธอและถังถังได้มากถึงเพียงนี้

 

ก่อนที่เธอจะคืนสติกลับมา ฉินห้าวตงกระแทกตัวไปที่ผนังอย่างแรง จากนั้นเขาเด้งตัวออกมาแล้วพุ่งออกไปทางหน้าต่างราวกับลูกปืน

 

เห็นได้ชัดว่าพวกชายชุดดำที่อยู่ด้านนอกมีการเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว พวกมันเริ่มกราดยิงหลังจากที่ฉินห้าวตงปรากฏตัวขึ้น แต่ฉินห้าวตงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทำให้กระสุนทั้งหมดพลาดเป้า ในทางตรงกันข้ามฉินห้าวตงใช้โอกาสนี้ฆ่าชายชุดดำไปสามคน

 

เหลือชายชุดดำแค่สามคน คนหนึ่งอยู่บนรถบรรทุก ส่วนอีกสองคนที่เหลืออยู่ไกลเกินกว่าระยะที่เข็มเงินจะพุ่งไปถึง

 

ในเวลานี้เอง รถบรรทุกขับพุ่งตรงมายังบ้านร้าง

 

ฉินห้าวตงรู้ดีว่าถ้ารถบรรทุกพุ่งชน จะทำให้บ้านร้างถล่มลงมาแน่ๆ ส่วนหลินโม่โม่และแม่หนูน้อยคงมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก

 

สถานการณ์อันตรายเกินไป เขาไม่มีเวลามัวมาพิจารณามาก ดังนั้นเขาจึงออกแรงที่เท้ายันตัวขึ้นไปยังรถบรรทุก เขาทุบกระจกหน้ารถด้วยหมัดของเขา ท่ามกลางสายตาอันหวาดกลัวของชายชุดดำ ฉินห้าวตงบีบคอของมันไว้แน่นก่อนจะจับเหวี่ยงออกจากตัวรถไป

 

แม้ว่าชายชุดดำจะถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่รถบรรทุกยังคงวิ่งไปยังบ้านร้างด้วยความเร็วสูงเหมือนเดิม

 

ฉินห้าวตงรีบพุ่งตัวเข้าไปนั่งในเบาะคนขับ จากนั้นรีบเปลี่ยนทิศทางของรถ ขับไปยังชายชุดดำสองคนที่เหลือ

 

เมื่อครู่นี้ชายชุดดำไม่สามารถยิงเขาได้เพราะเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่ในเวลานี้เมื่ออยู่บนรถบรรทุก เขากลายเป็นเป้านิ่ง ชายชุดดำสองคนที่เหลือจึงยกปืนขึ้นกราดยิงใส่เขาอย่างดุเดือด

 

ฉินห้าวตงไม่มีที่กำบังกาย เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันทนรับลูกกระสุน ร่างของเขาถูกยิงติดต่อกันหลายนัด

 

ในไม่ช้า กระสุนปืนในมือของชายชุดดำหมด ฉินห้าวตงไม่ให้โอกาสพวกมันในการเปลี่ยนแม็กปืน เขารีบขับรถบรรทุกพุ่งชนชายชุดดำสองคนนี้ทันที

 

ชายชุดดำสองคนหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก พวกมันหันหลังวิ่งหนี แต่ความเร็วของพวกมันไม่เท่าความเร็วของรถบรรทุก ในไม่ช้าเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังอยู่ภายใต้ล้อรถบรรทุกที่กำลังหมุน

 

ในเวลานี้เอง มีเสียงไซเรนของรถตำรวจดังมาแต่ไกล รถตำรวจสองคันรีบขับมาอย่างรวดเร็ว ฉินห้าวตงรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าในที่สุดน่าหลันอู๋เซี๋ยก็มาเสียที เขาทรุดตัวลงกับเบาะนั่งแล้วหมดสติไป

 

เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล พระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงให้ทุกพื้นที่กลายเป็นสีน้ำตาลทองดูสวยงาม

 

หลินโม่โม่นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย จากใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าทำให้มองออกว่าเธอนอนไม่หลับตลอดคืน

 

พอเห็นว่าในที่สุดฉินห้าวตงก็ลืมตาขึ้นมาเสียที เธอจึงพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณฟื้นแล้ว ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว ฉันตกใจแทบแย่!”

 

ฉินห้าวตงหัวเราะเบาๆ“ผมบอกแล้วว่าผมตายยาก!”

 

“คุณยังจะมาหัวเราะอีก!” หลินโม่โม่เหลือบตาใส่เขาเป็นการตำหนิ “เมื่อวานฉันตกใจแทบแย่ คุณรู้ไหม? หมอคีบเอาหัวกระสุนสิบสามนัดออกมาจากร่างกายของคุณ”

 

“เยอะขนาดนี้เลยเหรอ ใบหน้าของผมไม่ได้ถูกยิงใช่ไหม ต่อไปผมยังต้องพึ่งหน้าตาหากินอยู่นะ!” ฉินห้าวตงเอามือมาลูบแก้มขณะที่พูดไปด้วย

 

“คนแบบคุณนี่นะ ไม่ว่าเวลาไหนก็พูดจาลื่นไหลไปเรื่อย แต่หมอบอกว่าคุณตายยากจริงๆ เพราะกระสุนพวกนั้นไม่โดนจุดสำคัญ ไม่อย่างนั้นคุณแย่แน่ๆ”

 

ฉินห้าวตงแอบพูดในใจ ‘ตายยากที่ไหนกันล่ะ เพราะอีกฝ่ายใช้ปืนพกต่างหาก มันเลยไม่เป็นอันตรายมาก อีกอย่างกระสุนเจาะลงบนร่างกายที่มีลมปราณคอยปกป้องอยู่ เลยไม่สามารถฆ่าได้’

 

ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขายังมีพลังการรับรู้ของเศษเสี้ยววิญญาณมหาเทพอยู่ ดังนั้นจึงตั้งใจปล่อยให้กระสุนพลาดจุดสำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว

 

“ถังถังล่ะ? เธอไม่ได้ตกใจกลัวใช่ไหม?” ฉินห้าวตงเอ่ยถาม

 

“ถังถังไม่เป็นอะไร ตอนนี้ฉันส่งเธอกลับบ้านไปแล้ว”

 

เมื่อเห็นว่าฉินห้าวตงเป็นห่วงลูกสาวของเธอทันทีที่เขาฟื้นขึ้น หลินโม่โม่รู้สึกซาบซึ้งมาก น้ำตาเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ทำไมคุณถึงโง่แบบนี้นะ? มันคุ้มที่จะเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ไหม?”

 

“คุ้มสิ ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ขอแค่มีผมอยู่ จะไม่มีใครมาทำร้ายคุณและถังถังได้อีก”

 

ฉินห้าวตงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของหลินโม่โม่ในขณะที่เขาพูดอยู่ หลินโม่โม่จับมือของเขาไว้ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น “ห้าวตง ขอบคุณนะ!”

 

“ขอบคุณด้วยวิธีไหน? แค่คำพูดแบบนี้ผมไม่เอานะ เอาตัวเข้าแลกดีไหม?”

 

“คนอย่างคุณนี่มันชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย”

 

หลินโม่โม่นึกถึงตอนที่ฉินห้าวตงหอมแก้มเธอเมื่อคืน จึงหน้าร้อนฉ่าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอรีบหลบสายตาไปด้านข้างทันที

 

“ทำไมผมจะไม่จริงจังล่ะ? ที่ผมพูดมาน่ะจริงจังสุดแล้ว” ฉินห้าวตงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “โม่โม่ ให้ผมเป็นพ่อของถังถังเถอะ!”

 

“ตอนนี้คุณไม่ใช่พ่อบุญธรรมของถังถังเหรอไง!”

 

หลินโม่โม่ค่อนข้างประหม่า เธอไม่กล้ามองสายตาอันน่าหลงใหลของฉินห้าวตง

 

“คุณก็รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่ใช่ความหมายนี้ เป็นแฟนของผมเถอะนะ ผมจะดีกับคุณและถังถังอย่างแน่นอน!”

 

“ไม่……ไม่ได้!”

 

คิดไม่ถึงเลยว่าฉินห้าวตงจะร้องขอเช่นนี้ออกมา หลินโม่โม่ประหม่าจนเริ่มทำอะไรไม่ถูก

 

“งั้นทำไมถึงไม่ได้ล่ะ? หรือว่าคุณกลัวว่าผมจะปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นธรรม?”

 

“มะ……ไม่ใช่ ฉันรู้ว่าคุณดีกับถังถังอยู่แล้ว!”

 

หลินโม่โม่มองออกแล้วว่าฉินห้าวตงดีกับถังถังยิ่งกว่าพ่อผู้ให้กำนิดเธอเสียอีก

 

“งั้นเพราะอะไรล่ะ? หรือคุณรังเกียจที่ผมจน?”

 

“ไม่ใช่……ไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ……” ในเวลานี้สีหน้าของหลินโม่โม่ดูไม่สบายใจ เธอไม่หลงเหลือมาดของประธานหญิงจอมเผด็จการอีกต่อไป

 

เธอกัดริมฝีปากแดงสุดเซ็กซี่ของเธอ แล้วพูดกระซิบ “ฉันอายุมากกว่าคุณตั้งเยอะ อีกอย่างฉันเป็นผู้หญิงที่มีลูกแล้ว ฉันไม่เหมาะกับคุณหรอก!”

 

ฉินห้าวตงอ้ำอึ้ง ที่แท้หลินโม่โม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขา ในใจของเขารู้ดีว่านี่คือเมียของเขาและลูกสาวของเขา เพียงแต่เขาไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับใครได้

 

อีกอย่างถ้าพูดถึงเรื่องอายุ ตัวเขาเองเป็นถึงมหาเทพที่อยู่มานานถึงห้าร้อยกว่าปี จะไปรังเกียจหลินโม่โม่ที่มีอายุเพียงยี่สิบกว่าปีได้อย่างไร

 

“โม่โม่ อายุไม่ใช่ปัญหา อีกอย่างคุณแก่กว่าผมแค่ห้าปีเท่านั้น”

 

“ห้าปีมันก็ไม่น้อยเลยนะ……”

 

ไม่ทันรอให้หลินโม่โม่พูดจบ หลินห้าวตงก็จูบปิดปากเธอทันที ทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

 

“อ๊ะ……” หลังจากที่เธอเวียนหัวไปชั่วคราว เธอรีบผลักฉินห้าวตงออกแล้วพูดตำหนิเขา “คุณอย่าขยับตัวเยอะสิ อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่หายดีนะ”

 

ฉินห้าวตงหัวเราะอย่างสนุกสนานพลางพูดขึ้น “ผมก็แค่อยากจะบอกคุณว่าอายุไม่ใช่ปัญหา ในปีนั้นไป๋เหนียงจื่อแก่กว่าสวี่เซียนตั้งพันกว่าปี ทั้งสองคนยังแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเลย!”

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน