px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 39 กองกำลังเฉินปิง


ตอนที่ 39 กองกำลังเฉินปิง

 

ภายในโรงพยาบาลพักฟื้นของกองทัพเจียงหนาน ท่ามกลางพื้นที่โล่งในป่า ชายชราคนหนึ่งกำลังออกกำลังกายยามเช้าในชุดเครื่องแบบฝึกซ้อมกำลังภายในของเขา เขาชกลมอย่างดุดัน ไม่มีใครดูออกเลยว่าเขาอายุเจ็บสิบแล้ว

 

หลังจากออกกำลังกายเสร็จ น่าหลันเจี๋ยทำท่าหยุดฝึก แล้วรับชาจากน่าหลันอู๋ชวงมาดื่มจนหมด

 

“คุณปู่คะ ร่างกายของคุณปู่ฟื้นตัวเร็วมากเลยค่ะ” น่าหลันอู๋ชวงพูดขึ้น

 

“ต้องขอบคุณทักษะทางการแพทย์ของหมอเทวดา ตอนนี้ปู่ไม่เพียงแต่มีสุขภาพดีเท่านั้น แต่มันยังทำให้รู้สึกเหมือนปู่อายุ 20 ปีอีกครั้ง!”

 

“อื้ม นักต้มตุ๋นคนนั้นมีทักษะทางการแพทย์ที่ไม่เลวเลยค่ะ”

 

น่าหลันอู๋ชวงพยักหน้า หลังจากที่เธอได้รับการรักษาจากฉินห้าวตง ร่างกายของเธอดีกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่เพียงแต่ทำให้ประจำเดือนของเธอมาเป็นปกติ ภายในร่างกายของเธอยังรู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย เธอไม่รู้สึกหนาวเย็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 

ในขณะที่ปู่และหลานกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ยามได้พาชายขาพิการคนหนึ่งเดินเข้ามา

 

ชายขาพิการคนนั้นมีอายุราว 30 ปี รูปร่างของเขากำยำมาก เพียงแต่ขาขวาของเขาไม่สามารถใช้การได้ มันดูบิดเบี้ยวไม่ได้รูป เขาใช้ไม้เท้าช่วยเดินที่ทำมาจากท่อนไม้ช่วยพยุงร่างกายของเขาไว้แล้วเดินกะโผลกกะเผลกไปทางน่าหลันเจี๋ย

 

“จ้านฝู่ นายมาได้อย่างไร?”

 

“ผู้อาวุโสครับ พี่ฉางเตา พี่ใหญ่ของผมกำลังจะตาย!”

 

ชายขาพิการพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

น่าหลันเจี๋ยตกใจ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? เมื่อไม่กี่วันก่อนยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

 

“อาการของเขาแย่ลงเมื่อคืน ตอนนี้อยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติ ถ้าหากคุณไม่รีบไปอาจไม่ทันดูใจเขาเป็นครั้งสุดท้าย!”

 

“งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ!”

 

น่าหลันเจี๋ยกล่าวขณะส่งแก้วชาในมือไปให้น่าหลันอู๋ชวง แล้วรีบเดินออกไปข้างนอก

 

“คุณปู่คะ คุณปู่จะไปทำไม?” น่าหลันอู๋ชวงตะโกนเรียก

 

“ก็จะไปดูใจฉางเตาเป็นครั้งสุดท้ายไง”

 

“คุณปู่ คุณปู่ลืมไปแล้วเหรอคะว่าตอนนี้กับเมื่อก่อนมันไม่เหมือนกันแล้ว คุณหมอฉินอาจจะช่วยชีวิตฉางเตาได้นะคะ!”

 

“จริงด้วย ทำไมฉันถึงลืมหมอเทวดาไปได้นะ” น่าหลันเจี๋ยหันไปพูดกับเธอ “บางทีวันนี้อาจจะไม่ใช่จุดจบของชีวิตฉางเตา หลานรีบติดต่อหมอเทวดาเร็ว ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไรก็ต้องให้เขามาให้ได้!”

 

“งั้นเดี๋ยวหนูจะโทรหาเขาตอนนี้เลย” น่าหลันอู๋ชวงพูดจบ จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาฉินห้าวตงทันที

 

ฉินห้าวตงพึ่งจะกดรับสาย ปลายสายก็มีเสียงเป็นกังวลของน่าหลันอู๋ชวงดังเข้ามา “ตอนนี้มีคนป่วย ต้องการความช่วยเหลือจากนายด่วนมาก!”

 

ฉินห้าวตงรับรู้ได้ถึงความกังวลใจของน่าหลันอู๋ชวง เขาจึงพูดตอบกลับไป “มารับฉันสิ ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลเจียงหนาน!”

 

“รอฉันที่ประตู ฉันจะไปถึงที่นั่นในอีกสิบนาที”

 

น่าหลันอู๋ชวงพูดจบก็รีบกดตัดสายทันที

 

ฉินห้าวตงดึงผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบตัวเขาออก จากนั้นเปลี่ยนเป็นชุดที่หลินโม่โม่เตรียมไว้ให้แล้วออกจากห้องคนไข้ไป

 

พอเขาพึ่งเดินมาถึงประตูโรงพยาบาล รถ Maserati สีแดงคันหนึ่งขับเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว

 

“ขึ้นรถสิ!” น่าหลันอู๋ชวงตะโกนอย่างรีบร้อน

 

ฉินห้าวตงเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับ น่าหลันอู๋ชวงจึงรีบเร่งเครื่องทันที ในไม่ช้ารถ Maserati ขับพุ่งทะยานออกไปราวกับยิงลูกธนู

 

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลล่ะ มารักษาคนไข้เหรอ?” น่าหลันอู๋ชวงถาม

 

“ครั้งนี้ไม่ได้มารักษาคนอื่น แต่มาให้คนอื่นรักษา”

 

ฉินห้าวตงเล่าเรื่องอาการบาดเจ็บเมื่อคืนให้เธอฟังคร่าวๆ

 

น่าหลันอู๋ชวงจึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ทำไมนายถึงดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?”

 

ฉินห้าวตงจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ตัวฉันเองเป็นหมอนะ หายเร็วกว่าคนปกติอยู่แล้ว”

 

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเรียนทักษะทางการแพทย์นี้มาจากไหน แต่ว่ามันยอดเยี่ยมมาก”

 

น่าหลันอู๋ชวงขับเร็วขึ้นกว่าเดิม ฝีมือการขับรถของเธอถือว่าไม่เลวเลย เธอสามารถขับได้ด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในย่านใจกลางเมือง

 

“ขับได้ดีนี่!” ฉินห้าวตงพูดขึ้น

 

“แน่นอนสิ ฉันเป็นถึงเทพเจ้าแห่งรถของเมืองเจียงหนานเชียวนะ!”

 

ขณะที่น่าหลันอู๋ชวงพูด มุมปากของเธอกระตุกรอยยิ้มแห่งความภูมิใจไปด้วย

 

“เรื่องจริงเหรอ?”

 

“นายว่าไงล่ะ?”

 

ดูเหมือนว่าน่าหลันอู๋ชวงกำลังพยายามจะพิสูจน์ตัวเอง เธอเร่งความเร็วรถมากขึ้น หลังจากออกเขตเมือง พริบตาเดียวเธอเร่งเครื่องมาที่ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

“รีบร้อนอะไรขนาดนั้น ครั้งนี้ไปรักษาให้ใครเหรอ?” ฉินห้าวตงถาม

 

“นายเคยได้ยินชื่อกองกำลังเฉินปิงไหม?”

 

น่าหลันอู๋ชวงขับรถไปด้วยพลางพูดไปด้วย

 

“ไม่เคย!”

 

ฉินห้าวตงส่ายหัว เขาก็แค่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สี่คนหนึ่ง จะไปรู้อะไรเกี่ยวกับกองกำลัง

 

น่าหลันอู๋ชวงจึงอธิบาย “กองกำลังเฉินปิงเคยเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ติดอันดับสามของโลก แต่ที่จริงแล้วพวกเขามีพลังเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแต่ต้องปกปิดพลังบางส่วนเพื่อรักษาสถานะให้ต่ำเอาไว้ พวกเขาจึงไม่แสดงพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา”

 

ฉินห้าวตงฟังอย่างเงียบๆ เขารู้ว่าน่าหลันอู๋ชวงคงไม่แค่ต้องการอธิบายเรื่องกองกำลังให้เขาฟังอย่างเดียวหรอก

 

เป็นไปตามคาด น่าหลันอู๋ชวงพูดขึ้นต่อ “วันนี้คนที่นายจะรักษาคือหนึ่งในกองกำลังทหารเฉินปิง”

 

ฉินห้าวตงถามขึ้น “ในเมื่อพวกเขาทรงพลังขนาดนั้น แล้วทำไมถึงได้รับบาดเจ็บล่ะ? ฟังที่เธอสื่อเหมือนคนที่บาดเจ็บไม่ได้มีเพียงคนเดียวใช่ไหม?”

 

น่าหลันอู่ชวงจึงพูดขึ้น“เรื่องที่ฉันพูดกับนายในวันนี้ นายต้องเก็บเป็นความลับให้ดีนะ ที่จริงแล้วกองกำลังเฉินปิงแตกต่างจากกองกำลังทหารทั่วไป พวกเขามีรัฐบาลจีนหนุนหลังอยู่”

 

“หมายความว่าอย่างไร?” ฉินห้าวตงถามต่อ

 

“ทุกวันนี้การแข่งขันในโลกใต้ดินของแต่ละประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศจีนก็เช่นกัน เนื่องจากมีเรื่องราวมากมายที่ต้องจัดการและไม่สะดวกที่จะลงมือเอง ดังนั้นจึงเกิดกองกำลังเฉินปิงขึ้น”

 

“หลังจากกองกำลังทหารดังกล่าวได้ก่อตั้งขึ้น นอกจากการที่พวกเขารับภารกิจเล็กๆ เป็นการตบตาประชาชนแล้ว ภารกิจที่พวกเขาทำล้วนแล้วแต่เป็นภารกิจพิเศษที่ทางรัฐบาลจีนมอบหมายให้ ในหลายปีมานี้พวกเขาอุทิศตนและอุทิศชีวิตเพื่อทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้แก่ประเทศชาติมานับครั้งไม่ถ้วน”

 

พูดมาถึงตรงนี้ น่าหลันอู๋ชวงยังคงกล่าวต่อ “แต่เมื่อหนึ่งปีก่อน ข่าวเรื่องผู้อยู่เบื้องหลังของกองกำลังได้รั่วไหลออกมา และความลับของพวกเขาถูกเปิดเผยเต่อกองกำลังศัตรูของประเทศจีน”

 

“แต่กองกำลังเฉินปิงไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขารับภารกิจที่ไม่ยากมาหนึ่งภารกิจ แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันคือกับดักของทางญี่ปุ่น ทำให้ทหารในกองกำลังเสียชีวิตในระหว่างทำภารกิจสองคนและได้รับบาดเจ็บหกคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่พวกเขาก็พิการ”

 

“ส่วนเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดคือ เนื่องจากพวกเขามีสถานะตัวตนที่พิเศษ ทำให้หลังจากได้รับบาดเจ็บ ทางรัฐบาลจีนจึงไม่สะดวกที่จะให้การช่วยเหลือพวกเขา สุดท้ายแล้วหลังจากที่คุณปู่ของฉันเกษียณจากกองทัพ จึงใช้บทบาทในการเป็นตัวแทนของตระกูลน่าหลันรับพวกเขามาอยู่ด้วย”

 

“เป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้ต้องดำเนินการแบบส่วนตัวเท่านั้น ดังนั้นปู่ของฉันจึงสร้างบ้านหลังหนึ่งไว้ที่ด้านหลังโรงพยาบาล ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้กองกำลังหกคนที่เหลือพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น”

 

“หัวหน้ากองกำลังเฉินปิงได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด เขานอนติดเตียงมาเป็นปีแล้ว แต่เมื่อคืนวานจู่ๆ อาการของเขาก็หนักขึ้น ตอนนี้เขากำลังจะตาย”

 

ฉินห้าวตงสัมผัสได้ว่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องราวที่กองกำลังพวกนี้ทำ แต่พวกเขาคือวีรบุรุษของประเทศชาติ เขารู้สึกชื่นชมน่าหลันเจี๋ยมากที่พร้อมจะเกษียณตัวเองออกจากตำแหน่งสูงเพื่อกองกำลังพวกนี้

 

“วางใจเถอะ ขอแค่พวกเขายังมีลมหายใจอยู่ ฉันรักษาพวกเขาหายแน่นอน”

 

น่าหลันอู๋ชวงจึงพูดขึ้น “ฉันต้องขอขอบคุณนายแทนพวกเขาด้วย”

 

ยี่สิบนาทีต่อมา รถ Maserati ขับเข้ามาในโรงพยาบาลทหาร แล้วมาถึงหุบเขาเล็กๆ ด้านหลัง

 

บนเนินเขามีบ้านกระเบื้องขนาดใหญ่อยู่หลังหนึ่ง รถ Audi A6 ของน่าหลันเจี๋ยจอดอยู่ที่นั่นเช่นกัน

 

ทั้งสองคนลงจากรถ ฉินห้าวตงเปิดประตูเดินตามน่าหลันอู๋ชวงเข้าไป

 

เมื่อพวกเขาเข้าไปในบ้าน ฉินห้าวตงเห็นน่าหลันเจี๋ยกำลังยืนอยู่ในบ้าน ด้านข้างของเขามีชายขาพิการคนหนึ่งกำลังถือไม้เท้าช่วยเดินพยุงร่างไว้ ตรงข้ามมีชายซูบผอมจนเห็นแต่หนังหุ้มกระดูกอีกห้าคน สองคนนั่งอยู่บนรถเข็น อีกสามคนนอนอยู่บนเตียง

 

คนเหล่านี้ดูภายนอกเหมือนจะเจ็บป่วย แต่ภายในเต็มไปด้วยพลังแห่งการสังหาร มองออกเลยว่าพวกเขาก้าวผ่านซากศพและเลือดไหลนองมานับไม่ถ้วน

 

บนเตียงที่อยู่ตรงกลางมีชายรูปร่างซูบผอมคนหนึ่งนอนอยู่ ในเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหลับสนิท ใบหน้าซีดเผือด ซึ่งน่าจะเป็นฉางเตา กองกำลังคนที่น่าหลันอู๋ชวงพูดถึง

 

ฉินห้าวตงรู้สึกว่าพลังชีวิตของฉางเตากำลังจะหมดไป เขาจะอยู่ได้ไม่นานหากไม่ได้รับการรักษาให้ทันเวลา

 

หลังจากที่เห็นฉินห้าวตงเดินเข้ามา ชายขาพิกาจคนนั้นจ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง ราวกับหมาป่าผู้หิวโหยที่จ้องมองเหยื่อของมัน

 

หลังจากที่น่าหลันเจี๋ยเห็นฉินห้าวตงแล้ว สีหน้าของเขาเผยความดีใจออกมา เขารีบเดินเข้ามาพูดกับฉินห้าวตง “หมอเทวดา ฉางเตาคือวีรบุรุษของประเทศเรา เธอต้องหาวิธีรักษาเขาให้ได้นะ”

 

“ผมรู้แล้วครับ!” ฉินห้าวตงตอบเขาเดินมาด้านหน้าเตียงของฉางเตาแล้วจับชีพจร

 

เมื่อเห็นว่าฉินห้าวตงคือหมอที่น่าหลันเจี๋ยพูดถึง สีหน้าของชายขาพิการจึงดูผ่อนคลายขึ้น แต่ไม่นานเขาก็เผยสีหน้าเคลือบแคลงใจอีกครั้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายวัยรุ่นคนนี้จะสามารถรักษาฉางเตาได้

 

แต่เขายังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา เพราะเขาไว้วางใจน่าหลันเจี๋ย

 

ผ่านไปไม่นาน ฉินห้าวตงก็ชักมือกลับ แล้วตรวจสอบอาการบาดเจ็บของฉางเตา

 

“หมอเทวดา เป็นอย่างไรบ้าง? พอจะช่วยฉางเตาได้ไหม?”

 

ถึงแม้ว่าน่าหลันเจี๋ยจะรู้ว่าฉินห้าวตงมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่อาการของฉางเตาหนักเกินไป ลมหายใจของเขาก็เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนดูเหมือนเริ่มจะหอบหายใจ

 

ฉินห้าวตงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “รักษาได้ครับ เพียงแต่มันค่อนข้างจะยุ่งยาก”

 

หลังจากที่ชายขาพิการได้ยินดังนั้น เขาจึงโยนไม้เท้าช่วยเดินทิ้งไป เขาคุกเข่าลงต่อหน้าฉินห้าวตงแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ขอแค่คุณสามารถช่วยลูกพี่ฉางเตาได้ ชีวิตของพวกเราเหล่ากองกำลังเฉินปิงทั้งหกคนจะเป็นของคุณทันที”

 

ฉินห้าวตงพยุงชายขาพิการขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดกับเขาว่า “ผมมาที่นี่เพราะความเคารพที่ผมมีต่อพวกคุณ และผมไม่ได้ต้องการสิ่งอื่น”

 

เขาหยิบกระเป๋าเข็มออกมาจากกระเป๋าหลังจากที่พูดจบ แล้วเริ่มทำการรักษาทันที

 

อาการบาดเจ็บของฉางเตาซับซ้อนมาก ไม่เพียงแต่เส้นเลือดในอวัยวะภายในได้รับการบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน ขณะเดียวกันในร่างกายยังมีพิษที่ไม่ทราบชื่ออยู่ด้วย แต่ที่เป็นอันตรายที่สุดคือมีปราณกระบี่ซ่อนตัวอยู่ที่จุดตันเถียนของเขา

 

สามารถมองออกเลยว่าคนที่ใช้กระบี่เป็นผู้ที่มีฝีมือสูงมาก ที่จริงเขามีความสามารถในการฆ่าฉางเตาให้ตาย แต่เขากลับไม่ทำแบบนั้น เขาเลือกที่จะใช้วิธีที่โหดร้ายทารุณเช่นนี้ค่อยๆ ให้ฉางเตาทุกข์ทรมานจนตาย

 

ฉางเตาเองก็เป็นชาวยุทธคนหนึ่ง แต่เมื่อถูกปราณกระบี่กดไว้เช่นนี้ จึงทำให้ไม่สามารถใช้ลมปราณภายในจุดตันเถียนได้ เมื่อหมดหนทางที่จะเยียวยารักษาบาดแผลของตัวเอง เขาจึงทำได้แค่นอนรอความตายเช่นนี้

 

“เป็นวิธีที่โหดร้ายมาก!”

 

ฉินห้าวตงแอบสบถด่าในใจ จากนั้นเขารีบใช้เข็มเงินฝังลงไปยังจุดตันเถียนของฉางเตา

 

วิธีฝังเข็มในครั้งนี้ของเขาค่อนข้างจะมีลักษณะพิเศษ เขาปักเข็มหลายเล่มเป็นวงกลมตรงบริเวณจุดตันเถียน จากนั้นเริ่มใช้ลมปราณแห่งพงไพรค่อยๆ ผลักปราณกระบี่ขึ้นมาด้านบนเข็มเงิน

 

ห้านาทีต่อมา เข็มเงินค่อยๆ สั่นสะเทือน จากนั้นเข็มเงินพุ่งออกไปกระแทรกเพดานห้องจนแตกละเอียด

 

“เป็นปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งมาก!”

 

ฉินห้าวตงอุทานในใจ เข็มเงินเหล่านี้แตกละเอียดเพราะปราณกระบี่ ชายที่ใช้กระบี่คนนั้นมีระดับการฝึกตนที่สูงจริงๆ ซึ่งเขาแทบไม่เคยเห็นคนที่มีพลังในการฝึกตนเช่นนี้มาก่อนเลย

 

เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ขั้นตอนที่ยากที่สุดได้ผ่านไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน