px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 47 ฉันจะเรียกคนมาช่วย


ตอนที่ 47 ฉันจะเรียกคนมาช่วย

 

ต้าเหมาสีหน้าเคร่งขรึม เผชิญหน้ากับกำปั้นอันทรงพลังของตงฟางเหลียง กลับไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เขายกกำปั้นต่อยออกไปเช่นกัน
 

แม้กำปั้นของเขาดูเล็กและไม่ทรงพลังเท่ากับของตงฟางเหลียง แต่ว่าเมื่อกำปั้นทั้งสองกำปั้นกระทบเข้าด้วยกันนั้น ต้าเหมาเพียงแค่ถอยหลังไปหนึ่งก้าวนิดๆ เท่านั้น แต่ตงฟางเหลียงกลับถอยหลังไปไกลถึงสามสี่ก้าวถึงจะฝืนยืนให้นิ่งได้
 

เวลานี้ สีหน้าของตงฟางเหลียงเปลี่ยนไปอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าต้าเหมาที่ร่างกายดูเปราะบางและอ่อนแอจะมีพลังมากถึงเพียงนี้
 

ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ต้าเหมากลับไม่ให้โอกาสให้เขาได้หายใจแม้แต่น้อย เขาเตะออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว หลังจากนั้นเตะไปด้านข้างหนึ่งที และเตะไปที่หน้าอกของตงฟางเหลียงอย่างรุนแรง
 

ตงฟางเหลียงรีบพลิกตัวหลบการเตะนั้นอย่างรวดเร็ว และต่อสู้ด้วยกันกับต้าเหมา ทางฝั่งเอ้อร์เหมาก็กำลังต่อสู้กับบรรดาทหารรับจ้างซึ่งเป็นลูกน้องของตงฟางเหลียง
 

มันเป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคนธรรมดาเหล่านี้ยังมีความต่างชั้นกันอยู่มาก เมื่อต้องมาต่อสู้กับชาวยุทธตัวจริง ประมาณสามนาทีต่อมา ตงฟางเหลียงถูกต้าเหมาเตะจนตัวลอย เขานอนหน้าคว่ำอยู่บนพื้นจนลุกขึ้นไม่ไหว

 

ส่วนลูกน้องของเขาถูกเอ้อร์เหมาซัดจนนอนเป็นแนวยาว ร้องไห้หาพ่อแม่กันใหญ่
 

มองเห็นภาพตรงหน้านี้ เฝิงเทียนต๋ายิ้มอย่างกระหยิ่มใจที่มุมปาก เขาจ่ายให้บอดี้การ์ดสองคนนี้ในราคาที่สูงมาก วันนี้จึงตัดสินใจพามาเพื่อเหยียบย่ำหลินชื่อกรุ๊ปโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้ผลที่ได้ไม่เลวเลยทีเดียว

 

ผู้ที่มามุงดูต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ คิดไม่ถึงเลยว่าบอดี้การ์ดที่เฝิงเทียนต๋าพามานั้นจะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้ เมื่อเทียบกันแล้วบอดี้การ์ดทางฝั่งของหลินชื่อกรุ๊ปยังถือว่าอ่อนแอกว่ามาก
 

เฝิงเทียนต๋าเดินมาตรงหน้าหลินโม่โม่อีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่พอใจว่า “โม่โม่ พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมา ไม่จำเป็นต้องทำให้มันน่าอึดอัดใจเช่นนี้ ไปกับผมเถอะ ไปดื่มชาแล้วพูดคุยกัน  แล้วค่อยหาสถานที่พูดคุยเรื่องชีวิต แบบนี้ดีจะตาย!

 

หลินโม่โม่รู้สึกโกรธจนหน้าบูดบึ้ง เธอเข้าใจแล้วว่าเฝิงเทียนต๋ามาเพื่อหาเรื่อง จึงอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธว่า “คุณรีบไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน!

 

“พูดกันดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ผมบังคับใช่ไหม!” เฝิงเทียนต๋าหน้าขรึมขึ้น เขาหันไปสั่งต้าเหมาและเอ้อร์เหมา “เชิญคุณหลินไปดื่มชา!

 

ตามแผนการของเขา ตระกูลหลินจะต้องสูญเสียความน่าเชื่อถือทั้งหมดและวันนี้ถึงจะถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง ตราบใดที่ต้าเหมาและเอ้อร์เหมาพาหลินโม่โม่ไปจากหน้าประตูบริษัทหลินชื่อกรุ๊ปได้
 

ต้าเหมาและเอ้อร์เหมาตอบรับคำสั่ง พร้อมกับยื่นมือออกไปจับแขนทั้งสองข้างของหลินโม่โม่ บอดี้การ์ดของตระกูลหลินทั้งหมดล้วนถูกพวกเขาอัดจนล้มคว่ำไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงคว้าแขนของเธอไว้อย่างกำเริบเสิบสาน เพราะคิดว่าผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่มีกำลังที่จะขัดขืนอย่างแน่นอน  

 

 “เอามือสกปรกของพวกแกออกไป!

 

ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันรอให้มือของพวกเขาแตะต้องแขนของหลินโม่โม่ ทันใดนั้นก็มีเสียงมือกระทบหน้าดังเพี้ยะสองเสียงดังขึ้น ต้าเหมาและเอ้อร์เหมาลอยออกไปทางด้านหลัง บนใบหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยรอยประทับฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่

 

เฝิงเทียนต๋าตกใจเมื่อเห็นบอดี้การ์ดฝีมือดีทั้งสองคนของตัวเองถูกตบจนตัวลอย คิดไม่ถึงเลยว่าหลินโม่โม่จะยังมีบอดี้การ์ดที่เก่งกาจเช่นนี้ด้วย
 

ผู้คนรอบข้างทั้งหมดต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ต้าเหมาและเอ้อร์เหมาเก่งกาจขนาดไหน พวกเขาล้วนเห็นหมดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกตบจนหน้าคว่ำแบบนี้ สีหน้าของคนมากมายเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น เรื่องนี้ดูคึกคักและน่าดูขึ้นซะแล้วสิ
 

แน่นอนว่าคนที่ลงมือนั้นคือฉินห้าวตง เขายิ้มพลางเดินมาตรงหน้าหลินโม่โม่ แล้วหันไปพูดกับต้าเหมาและเอ้อร์เหมาว่า “เป็นอย่างไรบ้าง รสชาติดีใช่ไหมล่ะ? ฉันจะบอกอะไรพวกแกสองคนให้ พวกแกรีบกลับไปแล้วเปลี่ยนชื่อซะ เพราะว่าชื่อต้าเหมากับเอ้อร์เหมาถูกใช้เป็นชื่อของสุนัขสองตัวที่บ้านฉันแล้ว แม้ว่าพวกแกจะเป็นสุนัขเหมือนกัน แต่จะใช้ชื่อซ้ำกับสุนัขที่บ้านของฉันไม่ได้ จะชื่อว่า ไอ้โง่หนึ่ง ไอ้โง่สอง ไอ้เลวหนึ่ง ไอ้เลวสอง หรือจะชื่อไอ้ขี้หมาเยี่ยวหมาก็ตามใจพวกแก แต่จะใช้ชื่อต้าเหมากับเอ้อร์เหมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าฉันเจอพวกแกอีก ฉันจะอัดพวกแกอีกครั้งแน่!

 

หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นจบ ผู้คนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง

 

ตอนนี้ดวงตาทั้งคู่ของต้าเหมาและเอ้อร์เหมาเป็นสีแดงฉาน ในฐานะชาวยุทธ ไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาถูกดูถูกจนทำให้ขายหน้าเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงตะโกนร้องด้วยความโมโหและพุ่งตัวทะยานเข้าหาฉินห้าวตงทันที
 

“ไม่รู้ชะตาตัวเองซะแล้ว!

 

ในดวงตาของฉินห้าวตงเปล่งแสงแห่งความเยือกเย็นแวบหนึ่ง เขาปล่อยหมัดสองหมัดส่งเสียงดัง ‘พลั่กๆ’ ต้าเหมาและเอ้อร์เหมาไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้าน เลยทำให้ถูกอัดจนลอยออกไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตร

 

หลังจากจัดการกับสองคนนี้แล้ว เขาหัวเราะอย่างมีความสุขและเดินมาด้านหน้าเฝิงเทียนต๋าที่กำลังตะลึงงัน
 

“คุณชายเฝิง คุณบอกผมหน่อยว่าผมควรจะจัดการกับคุณอย่างไรดี?”

 

“แกไม่กล้าทำฉันหรอก ฉันจะบอกแกให้ ฉันเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งเฝิงชื่อกรุ๊ป” เฝิงเทียนต๋าพูดด้วยความหวาดกลัว ไร้ซึ่งต้าเหมาและเอ้อร์เหมาที่คอยคุ้มกัน เขาก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย
 

“ว้าว! คุณชายใหญ่แห่งเฝิงชื่อกรุ๊ป! เราจะปฏิบัติต่อคุณอย่างมีมารยาทแน่นอน” ฉินห้าวตงพูดจบ เขาก็ยกเท้าขวาของเขาถีบไปที่ท้องน้อยของเฝิงเทียนต๋า ทำให้เขาลอยขึ้นไปในอากาศ ไปตกลงกลางกองกุหลาบพวกนั้น

 

“อั่ก!” เฝิงเทียนต๋าร้องอย่างน่าสังเวช เหมือนหัวใจและปอดถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หนามของกุหลาบนับร้อยได้ทิ่มแทงไปทั่วร่างของเขา

 

ฉินห้าวตงปรบมืออย่างชอบใจหลังจากถีบเขา แล้วพูดขึ้นว่า “ตามที่คุณต้องการ ไม่ใช้มือ ใช้เท้าถีบแทนแล้วกัน!

 

“ไอ้สารเลว แกกล้าทำร้ายฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!
 

เฝิงเทียนต๋าคลานออกมาจากในกองดอกกุหลาบ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อออกมา แล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ พูดอย่างโมโหว่า “เรียกบอดี้การ์ดมาให้ฉันสิบคน ไม่ใช่สิ ยี่สิบคน รีบนำคนมาหาฉันที่หน้าบริษัทหลินชื่อกรุ๊ปเดี๋ยวนี้......”
 

หลินโม่โม่เข้าใจถึงอิทธิพลที่แท้จริงของตระกูลเฝิงอย่างชัดเจน เธอจึงกระซิบฉินห้าวตงด้วยความกังวลว่า “ห้าวตง คุณออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”

 

 “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เขาเรียกคนมาได้ ผมก็เรียกคนมาได้เหมือนกัน” ฉินห้าวตงหัวเราะแล้วบอกกับหลินโม่โม่ด้วยสีหน้าไร้กังวล จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อต้าหมี่รุ่นเก่ามากออกมา  แล้วต่อสายหาน่าหลันอู๋เซี๋ย
 

หลังจากน่าหลันอู๋เซี๋ยเห็นเบอร์ของฉินห้าวตงแล้ว ก็กดรับสายทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “หมอเทวดา นายโทรมาหาฉัน ไม่ใช่ว่านายพบตัวฆาตกรอีกหรอกนะ?”
 

“ครั้งนี้ไม่ใช่ฆาตกร เป็นพวกอันธพาล มีคนมาลวนลามผม เธอรีบมาดูหน่อยแล้วกัน”

 

ฉินห้าวตงพูดจบ หลินโม่โม่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
 

“ฉินห้าวตง นายช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม ฉันกำลังยุ่งอยู่นะ!

 

“ฉันพูดจริง เธอรีบมาเถอะ หมอนั่นกำลังโทรเรียกคนมา มาช้าผมคงถูกทำร้ายแน่ๆ!” ฉินห้าวตงพูด
 

“นายแน่ใจว่าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” น่าหลันอู๋เซี๋ยถามย้ำอีกครั้ง

 

“ไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน เธอมั่นใจได้เลย ตรงหน้าประตูบริษัทหลินชื่อกรุ๊ปนะ”

 

ฉินห้าวตงพูดจบแล้ววางสายไป
 

หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาก็ก้าวไปข้างหน้ากองดอกกุหลาบ แล้วพูดกับผู้คนโดยรอบที่ดูอยู่ “การที่ทุกคนจะได้เห็นเรื่องน่าตื่นเต้นนั้นไม่ง่ายเลย ช่างลำบากจริงๆ ทุกคนนำดอกกุหลาบเหล่านี้กลับไปเถอะ ดูสิดอกกุหลาบพวกนี้สดใหม่แค่ไหน คุณผู้ชายก็เลือกเอาไปมอบให้กับแฟนคงเหมาะสมอยู่ไม่น้อย คุณผู้หญิงเอากลับไปแล้วตากแดดชงน้ำดื่ม มันช่วยบำรุงความงามและบำรุงเลือด ขับลมได้ดี......”
 

หลังพูดจบ เขาก็นำเอาดอกกุหลาบทั้ง 9999 ดอกของเฝิงเทียนต๋าแบ่งให้ทุกคนทั้งหมด

 

ผู้คนรอบข้างก็ไม่ได้เกรงใจ ต่างคนต่างเอาไปคนละช่อสองช่อ ไม่นานดอกกุหลาบกองนี้ก็ถูกแจกจ่ายไปจนไม่เหลือ
 

เฝิงเทียนต๋าโมโหกัดฟันพูด “ไอ้บ้า เรื่องนี้มันยังไม่จบ! แกรอก่อนเถอะ รอคนของฉันมาเลาะกระดูกแกออก”
 

ในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงเบรกรถอย่างฉับพลันดังขึ้น รถยนต์สีดำสี่คันจอดที่หน้าประตูบริษัทหลินชื่อกรุ๊ป บอดี้การ์ดชุดดำยี่สิบกว่าคนวิ่งลงมาจากรถ มาอยู่ตรงหน้าเฝิงเทียนต๋า
 

เมื่อเห็นร่างของเฝิงเทียนต๋าที่ถูกหนามแทงไปทั่วตัว หัวหน้าบอดี้การ์ดตกใจไปชั่วครู่ ก่อนจะก้าวมาข้างหน้าแล้วถามว่า “คุณชาย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
 

เฝิงเทียนต๋าชี้ไปที่ฉินห้าวตง แล้วพูดด้วยหน้าตาที่บิดเบี้ยวว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้สารเลวคนนี้ มันทำร้ายฉัน มันซัดฉันจนน่วม พวกแกต้องจัดการมันจนทำให้คนอื่นจำหน้ามันไม่ได้!
 

เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านายแล้ว หัวหน้าบอดี้การ์ดจึงยกมือให้สัญญาณ บอดี้การ์ดยี่สิบคนก็กรูเข้าหาฉินห้าวตงทันที ล้อมฉินห้าวตงไว้ตรงกลาง

 

บอดี้การ์ดตระกูลเฝิงต่างก็เป็นทหารปลดประจำการทั้งหมด และยังได้รับการฝึกฝนการต่อสู้อย่างมืออาชีพ ดูแล้วพลังคงไม่ใช่ธรรมดาแน่
 

หลินโม่โม่สีหน้าวิตกกังวล แม้ว่าเธอจะรู้ว่าฉินห้าวตงเก่งกาจ สู้ได้ดีมาก แต่เขาแค่หนึ่งคนต่อคนจำนวนมากขนาดนี้ หากสู้ไม่ดีก็คงต้องเสียเปรียบได้แน่ๆ
 

ในเวลานี้เอง มีเสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้น รถตำรวจสองคันขับมาอย่างรวดเร็ว ประตูรถเปิดออก น่าหลันอู๋เซี๋ยพร้อมด้วยตำรวจเจ็ดแปดคนกระโดดลงจากรถ

 

“มีเรื่องอะไรกัน? ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้” น่าหลันอู๋เซี๋ยตะโกนใส่บอดี้การ์ดที่ล้อมฉินห้าวตงไว้

 

“ไม่ต้องหยุด! อัดมันให้เละ!
 

เฝิงเทียนต๋าส่องกระจกรถ Maserati แล้วดึงหนามกุหลาบออกจากบนใบหน้า ทุกครั้งที่ดึงหนามกุหลาบออกได้ เขาเจ็บปวดจนต้องเบ้ปาก น้ำตาก็ไหลไปด้วย ความเกลียดชังที่มีต่อฉินห้าวตงก็เพิ่มขึ้นไปอีก
 

บอดี้การ์ดของตระกูลเฝิงรู้อิทธิพลของเฝิงเทียนต๋าดี ตำรวจแค่ไม่กี่คนไม่อยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเริ่มเข้าจู่โจมฉินห้าวตงตามคำสั่งของคุณชายใหญ่ต่อไป
 

เมื่อเห็นว่าคนพวกนี้เพิกเฉยต่อเธอ น่าหลันอู๋เซี๋ยสีหน้าเย็นชา แล้วตะโกนเสียงดังใส่เฝิงเทียนต๋า  “รีบสั่งให้พวกเขาหยุดเดี๋ยวนี้!
 

เฝิงเทียนต๋าไม่ได้หันมามอง เขาตะโกนตอบอย่างอวดดีว่า “แกกล้ามายุ่งกับเรื่องของฉันหรอ รีบออกไปให้พ้นซะ เชื่อหรือไม่ว่าฉันสามารถถลกชุดตำรวจของแกออกได้เลย!

 

ด้วยสไตล์การแสดงออกในแต่ละวันของเขานั้น ที่จริงแล้วเฝิงเทียนต๋าไม่เคยเห็นตำรวจธรรมดาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
 

“ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แถมยังรวมกลุ่มทะเลาะวิวาท มาให้ฉันใส่กุญแจมือซะ!”

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยตะโกนด้วยความโกรธ ทันใดนั้นตำรวจก็เอากุญแจมือมาใส่เฝิงเทียนต๋าทันที
 

“แกเป็นใครกัน? แม่งเอ้ย ไม่อยากเป็นตำรวจแล้วเหรอ กล้าทำกับฉันถึงขนาดนี้ ไม่รู้เหรอว่าฉันคือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเฝิง.....”

 

เฝิงเทียนต๋าโกรธจัด หันกลับมาด่าไม่หยุด ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าที่โกรธแค้นของน่าหลันอู๋เซี๋ย

 

“เจ้าหน้าที่น่าหลัน?” เฝิงเทียนต๋าตกตะลึงในทันที ถ้าต้องพูดถึงในเมืองเจียงหนานมีไม่กี่คนที่เขากลัว แน่นอนว่าน่าหลันอู๋เซี๋ยเป็นหนึ่งในนั้น
 

สาวน้อยคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก เดิมทีไม่สนใจในปัญหาของเขา แต่ที่สำคัญที่สุดคือคนที่อยู่เบื้องหลังนั่นคือตระกูลน่าหลัน ที่มีความเก่งกาจกว่าเฝิงชื่อกรุ๊ปของพวกเขาร้อยเท่า
 

“รีบสั่งให้คนของคุณหยุดลงมือเดี๋ยวนี้!” น่าหลันอู๋เซี๋ยตะโกนด้วยเสียงที่เย็นนชา

 

 “เอ่อ” ครั้งนี้เฝิงเทียนต๋าไม่กล้าร้องตะโกนอีก เขาตอบตกลงอย่างตรงไปตรงมา แล้วหันหลังกลับไปร้องบอกลูกน้อง “ไม่ต้องสู้แล้ว ฉันบอกให้หยุด!
 

แต่ในเวลาชั่วครู่เช่นนี้ ลูกน้องบอดี้การ์ดของเขาถูกฉินห้าวตงซัดไปห้าหกคนแล้ว คนเหล่านี้ก็ถือว่าได้เห็นฝีมือที่เก่งกาจของฉินห้าวตง ได้ยินคำสั่งให้หยุดจากเจ้านาย พวกเขาก็รีบหยุดทันที

 

เมื่อคนเหล่านี้หยุดลงมือแล้ว ฉินห้าวตงก็รีบวิ่งเข้ามาหาน่าหลันอู๋เซี๋ย แล้วยังถือโอกาสถีบหน้าบอดี้การ์ดตรงหน้าไปหนึ่งที

 

“คุณตำรวจ มาแล้วเหรอ ถ้ามาช้ากว่านี้ ฉันต้องถูกอันธพาลพวกนี้ตีตายแน่เลย”
 

เห็นฉินห้าวตงทำสีหน้าน่าสาร น่าหลันอู๋เซี๋ยจึงคิดในใจว่า ไม่เสแสร้งแล้วมันจะตายไหม? เห็นกันอยู่ว่านายเป็นฝ่ายจัดการคนพวกนี้ ทำเหมือนกับว่านายเสียเปรียบอย่างนั้นแหละ
 

“นี่มันเกิดเรื่ออะไรขึ้นกันแน่?” น่าหลันอู๋เซี๋ยถาม

 

“คุณตำรวจ อันธพาลคนนี้กับพรรคพวกลวนลามประธานหลินของพวกเรา ฉันเลยสั่งสอนคนพวกนี้เพื่อความยุติธรรม เขาก็เรียกคนเยอะขนาดนี้มารุมทำร้ายฉัน คุณต้องเชื่อฉันนะ”

 

 “เหลวไหล เรื่องไม่ใช่แบบนี้......” เฝิงเทียนต๋าอยากจะแก้ตัว เขากระวนกระวายใจจนพูดติดอ่าง

 

ฉินห้าวตงไม่ได้สนใจเขาอยู่แล้ว ชี้ไปที่ตงฟางเหลียงและพวกอีกไม่กี่คนที่กำลังคลานขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า “คุณตำรวจ ดูสิ นี่คือบอดี้การ์ดของประธานหลิน ถูกพวกเขาทำร้ายจนยับเยิน!”
 

น่าหลันอู๋ชวงจึงหันมาถามเฝิงเทียนต๋าว่า “นี่คือฝีมือคุณใช่ไหม?”

 

จบตอน

รีวิวผู้อ่าน