px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 49 ต้องการนวดไหม ?


ตอนที่ 49 ต้องการนวดไหม ?

 

 “ไม่เป็นไร ผมเป็นหมอ นี่เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว” ฉินห้าวตงตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไร

 

ที่จางหว่านลู่มักจะอารมณ์ไม่ดีในแต่ละวันนั้น เป็นผลมาจากโรคกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม ตอนนี้อาการป่วยทั้งหมดรักษาหายเรียบร้อยแล้ว บนใบหน้าจึงมีรอยยิ้มที่สดใสขึ้น
 

“คุณหมอฉิน ยังวัยรุ่นอยู่แต่กลับมีฝีมือดีขนาดนี้เชียวหรือ แถมยังหล่อเหลาอีกด้วย น่าเสียดายลูกสาวของฉันอายุพึ่งจะสิบขวบ ไม่อย่างนั้นจะต้องแต่งให้มาเป็นลูกเขยให้ได้
 

จางหว่านลู่พูดพลางถอนหายใจไปด้วย เหมือนกับว่าเสียดายที่ไม่สามารถเป็นแม่ยายของฉินห้าวตงได้ จากนั้นเธอจึงพูดต่ออีกว่า “เงินเดือนและสวัสดิการของห้องพยาบาลนี้ไม่ได้ขึ้นมาหลายปีแล้ว ฉันจะกลับไปปรับสักหน่อย แพทย์ฝีมือดีเช่นฉินห้าวตงนี้ ได้เงินเดือนเยอะก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
 

จางจื้อเจี๋ยยืนงงอยู่ข้างๆ ยังไม่กล้าเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าทั้งหมดเลย เด็กฝึกงานคนนี้สามารถรักษาโรคของจางหว่านลู่จนหายดีแล้วจริงๆ อีกอย่างห้องพยาบาลนี้ก็กำลังจะได้ขึ้นเงินเดือนแล้ว นี่ช่างเหมือนกำลังฝันไปก็ไม่ปาน

 

จนกระทั่งจางหว่านลู่หยิบเดินออกจากประตูห้องพยาบาลไป จางจื้อเจี๋ยถึงได้สติกลับมา
 

“เสี่ยวฉิน เมื่อสักครู่เป็นพี่จางที่ผิดเอง นายยกโทษให้พี่ด้วยนะ”

 

ฉินห้าวตงยิ้มเล็กน้อยพูดว่า “ไม่เห็นเป็นไรเลย!
 

จุดประสงค์หลักที่เขามาที่นี่ก็คือปกป้องหลินโม่โม่ เรื่องอื่นไม่ได้อยู่ในใจเขาสักนิด
 

“เสี่ยวฉิน พี่จางอยากจะบอกกับนายว่า พี่จางเองก็มีความลำบากใจเช่นกัน” จางจื้อเจี๋ยพูดขึ้น

 

 “เมื่อไม่กี่วันก่อนหลังจากที่หมอหลิวรักษาพนักงานของเราผิดพลาดไปนั้น มีคนหลายคนเสนอให้ปิดห้องพยาบาลนี้ ดีที่ประธานหลินไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเสนอเหล่านั้น”
 

“พี่เองก็รู้สภาพของตัวเองว่า ต้องตกงานแน่นอน คงจะหางานที่ดีขนาดนี้ไม่ได้ ที่บ้านของฉันมีแม่ที่แก่อายุเจ็ดสิบปี และมีลูกๆ ที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษา ภรรยาของฉันก็ดันไม่มีงานทำ ถ้าหากฉันตกงานไป ก็ไม่รู้ว่าควรจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องขัดขวางไม่ให้นายรักษาโรคของหัวหน้าจาง แต่ว่าตอนนี้ฉันว่าเป็นฉันที่คิดมากไปเอง  ฝีมือทางการแพทย์ของนายดีกว่าตาแก่อ้วนอย่างฉันเป็นพันเท่าหมื่นเท่า ฉันนับถือในตัวนายจริงๆ!
 

หลังจากที่พูดคุยต่อกันอย่างตรงไปตรงมา ฉินห้าวตงก็มีความรู้สึกประทับใจต่อชายอ้วนที่เป็นคนเปิดเผยคนนี้อย่างมาก เขาจึงพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ พี่จาง ขอแค่มีผม ห้องพยาบาลจะต้องไม่ถูกปิดอย่างแน่นอน”

 

 “ขอบใจน้องชาย ต่อจากนี้หากมีโอกาส ฉันจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจากนายให้มาก!” จางจื้อเจี๋ยพูดอย่างจริงใจ

 

หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันต่อสักพัก ความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเมื่อครู่
 

เวลานี้ประตูห้องก็เปิดออก หญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปีก็เดินเข้ามา เธอคือจ้าวเสี่ยวเยี่ยน ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทหลินชื่อกรุ๊ป

 

“ตาอ้วนจาง รีบจ่ายยาให้ฉันหน่อย!
 

จ้าวเสี่ยวเยี่ยนปกติแล้วเป็นคนนิสัยเปิดเผยมาก ค่อนข้างรู้จักสนิทสนมกับจางจื้อเจี๋ยเป็นอย่างดี เวลาพูดคุยกับเขาจึงไม่ค่อยสุภาพเท่าไร

 

“เสี่ยวเยี่ยนจื่อ ถ้าไม่สบายตรงไหน มานวดสักหน่อยก็ดีขึ้น......”
 

ตอนนี้จางจื้อเจี๋ยนับถือในฝีมือการนวดของฉินห้าวตงอย่างถึงที่สุด  ขณะที่พึ่งจะขายสรรพคุณของฉินห้าวตงให้กับเธอไป กลับเห็นว่าแก้มของจ้าวเสี่ยวเยี่ยนนั้นแดง เธอพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า “ตาอ้วนนี่ พูดเหลวไหลอะไรกัน!
 

“เสี่ยวเยี่ยน ฉันไม่ได้พูดจาเหลวไหลนะ ฝีมือการนวดของน้องชายของฉันนี้ขั้นเทพเลย เธอไม่สบายตรงไหน รักษาได้ด้วยมือทั้งหมด......”

 

“ตาอ้วนจาง ถ้ายังไม่หุบปาก ฉันจะไปบอกเรื่องนี้ให้กับประธานได้รู้!

 

เมื่อวานตอนเย็นจ้าวเสี่ยวเยี่ยนไปตีแบดมินตันกับเพื่อน เป็นเพราะไม่ได้รับการฝึกอย่างถูกวิธีและยังใช้แรงไปอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดอาการเจ็บกล้ามเนื้อหน้าอกด้านขวาอย่างรุนแรง เดิมทีแค่จะมาเอายาที่ห้องการแพทย์ไปกินสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจางจื้อเจี๋ยจะนวดให้เธอจริงๆ เห็นๆ กันอยู่ว่าต้องการจะมาลวนลามหน้าอกของเธอ
 

จางจื้อเจี๋ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงทำหน้าไม่รู้สึกผิดอะไร ตัวเองแค่อยากจะขายสรรพคุณและแนะนำการนวดของฉินห้าวตงให้ มีตรงไหนที่พูดผิดไปหรอ?

 

ฉินห้าวตงมองเห็นตาอ้วนจางเก้อเขิน จึงพูดแก้หน้าให้ว่า “สวัสดี ผมคือฉินห้าวตง เป็นหมอคนใหม่ของห้องพยาบาลนี้ ไม่ทราบว่าต้องการให้ช่วยอะไรไหม?”
 

จ้าวเสี่ยวเยี่ยนที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกับจางจื้อเจี๋ยอยู่นั้น พึ่งจะมองเห็นฉินห้าวตงยืนอยู่ด้านข้าง คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีหนุ่มหล่อระเบิดขนาดนี้อยู่ด้วย ช่างเป็นเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวในฝันของเธอเลย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยดวงดาวแห่งความรัก
 

“พี่สาว ไม่ทราบว่าต้องการให้ผมช่วยอะไรไหม?” ฉินห้าวตงถามขึ้นอีกครั้ง

 

“เอ่อ......ที่จริงแล้วฉันพึ่งจะอายุยี่สิบสี่ปีเองนะ คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่ก็ได้ เรียกฉันว่าเสี่ยวเยี่ยนก็พอแล้ว......”

 

สีหน้าของจ้าวเสี่ยวเยี่ยนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอถามขึ้นว่า “คนที่ตาอ้วนพูดถึงเมื่อสักครู่นี้ว่าเป็นหมอที่นวดได้ก็คือคุณใช่ไหม?”
 

“น่าจะใช่นะ จริงอยู่ที่ผมเคยเรียนการนวดมาอยู่บ้าง”

 

“เมื่อวานนี้ตอนที่ฉันไปตีแบดมินตันจนเจ็บกล้ามเนื้อหน้าอกด้านขวา คุณช่วยนวดให้ฉันสักหน่อยได้ไหมล่ะ?”
 

จางจื้อเจี๋ยตาโตเป็นไข่ห่าน สิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจ้าวเสี่ยวเยี่ยนถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ทั้งที่ตัวเองเป็นคนหาคนนวดมาให้แท้ๆ หรือว่าเป็นเพราะว่าฉินห้าวตงหล่อเหลากว่าเขาหรอกเหรอ? เกิดมาอ้วนเตี้ยและจนนี่มันไม่มีสิทธิมนุษยชนจริงๆเลย!
 

ฉินห้าวตงเห็นได้ชัดถึงอาการเจ็บของจ้าวเสี่ยวเยี่ยนตั้งแต่แรกแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “อาการป่วยเล็กน้อยของคุณ รักษาได้ง่ายมาก”

 

พูดจบแล้วก็เดินมาคว้าแขนขวาของจ้าวเสี่ยวเยี่ยน ทำท่ายืดแขนสองสามครั้ง ขณะเดียวกันก็ใช้พลังของเทพแห่งพงไพรช่วยคลายจุดที่มีอาการเจ็บปวด
 

“เรียบร้อยแล้ว กลับได้แล้ว หลังจากนี้เวลาออกกำลังกายให้ใส่ใจในช่วงการเตรียมตัวยืดเส้นยืดสายให้มากๆ นะ”

 

จ้าวเสี่ยวเยี่ยนเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย อาการเจ็บกล้ามเนื้อหน้าอกด้านขวาแต่เดิมนั้นไม่หลงเหลือเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามยังรู้สึกสบายตัวขึ้นมากอีกด้วย
 

“คุณหมอฉิน ฝีมือการนวดของคุณช่างดีจริงๆ ช่วยนวดให้ฉันอีกสักครู่ได้ไหม?”

 

จ้าวเสี่ยวเยี่ยนนับถือฉินห้าวตงมาก สายตาออดอ้อนเป็นประกายราวกับจะมีหยดน้ำออกมา

 

จางจื้อเจี๋ยมองด้วยความไม่พอใจ ตอนตัวเองบอกจะนวดให้ เธอกลับบอกว่าจะมาลวนลาม ตอนนี้ไม่แค่ให้นวดกลับเป็นคนเสนอตัวให้เขาอีกด้วย ช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย!
 

ฉินห้าวตงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้สภาพร่างกายของคุณดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ไม่จำเป็นต้องนวดแล้ว!

 

“อย่างนั้นก็ดีเลย คุณหมอฉิน เย็นนี้คุณมีเวลาไหมคะ? ฉันอยากจะเชิญคุณไปกินข้าวเพื่อแสดงความขอบคุณ!

 

“ไม่เป็นไร นี่เป็นงานของผมอยู่แล้ว อีกอย่างเย็นนี้ผมมีธุระแล้วด้วย ไม่มีเวลาจริงๆ ”
 

เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกปฏิเสธแล้ว จ้าวเสี่ยวเยี่ยนก็ไม่เห็นเหตุผลที่ตัวเองจะอยู่ต่อ ทำได้แค่ออกไปจากห้องพยาบาลอย่างจำใจ
 

จางจื้อเจี๋ยเดินเข้ามาตบไหล่ของฉินห้าวตงแล้วพูดว่า “น้องชายฉิน ผู้หญิงในบริษัทของเรานี้มีเยอะแยะ นายเองก็หล่อเหลาขนาดนี้ ฝีมือการแพทย์ก็ดีอีกด้วย ต่อไปคงจะต้องยุ่งแน่แล้ว”
 

ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหามาเร็วกว่าที่ตาอ้วนจางคาดการณ์ไว้เสียอีก

 

จ้าวเสี่ยวเยี่ยนเป็นคนที่ปากสว่าง เมื่อกลับไปถึงห้องทำงานก็ป่าวประกาศเรื่องหนุ่มสุดหล่อของห้องพยาบาลออกไป ไม่นานผู้หญิงในแผนกต่างๆ ก็พากันแห่มาที่ห้องพยาบาลเป็นแถว
 

“ขอโทษนะคะ คุณหมอฉินอยู่หรือเปล่า?”

 

หญิงสาวร่างสูงผอมคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอคือเกาเฟยเฟย พนักงานของหลินชื่อกรุ๊ป

“ผมเอง ไม่ทราบว่าไม่สบายตรงไหน?” ฉินห้าวตงพูดขึ้น

 

หลังจากที่เกาเฟยเฟยเห็นฉินห้าวตงแล้ว ในดวงตาของเธอเปล่งประกายดวงดาวแห่งรักมากกว่าจ้าวเสี่ยวเยี่ยนเสียอีก
 

หล่อ! หล่อมากจริงๆ! หล่อกว่าดาราดังระดับประเทศที่อยู่ในละครเสียอีก หรือว่าเมื่อคืนวานที่ฉันได้ขอพรไป พระโพธิสัตว์ท่านได้ส่งชายหนุ่มรูปหล่อมาให้แล้ว?

 

“เฮ้ คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ฉินห้าวตงถามขึ้นอีกครั้ง
 

เกาเฟยเฟยดึงสติกลับมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “คุณหมอฉินคะ คุณช่วยฉันดูหน่อยสิคะ ว่าฉันไม่สบายตรงไหน”

 

จางจื้อเจี๋ยมองออกชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้แท้ที่จริงไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ที่มานี้ก็เพราะต้องการรุกฉินห้าวตงต่างหาก
 

เขารินน้ำชา นั่งดูการแสดงอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ  หลังจากที่ฉินห้าวตงมา ไม่เพียงแต่ทำให้เขาได้ขึ้นเงินเดือน และยังทำให้ห้องพยาบาลครึกครื้นกว่าเมื่อก่อนขึ้นมาก

 

ฉินห้าวตงแน่นอนว่าดูออกเช่นกัน ผู้หญิงคนนี้ร่างกายแข็งแรงดีมาก ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “สุขภาพของคุณไม่มีปัญหาอะไร ดูแลใส่ใจต่อจากนี้ก็พอแล้ว”
 

“คุณหมอฉินคะ แบบนี้มันไม่ตรวจแบบลวกๆ เกินไปหรือเปล่าคะ คุณก็ตรวจให้ฉันสักหน่อยจะเป็นไรไป ลองฟังเสียงการเต้นหัวใจสักหน่อย.......”

 

เกาเฟยเฟยพูดไปด้วย และใช้มือทั้งสองข้างดันหน้าอกตู้มต้ามของเธอขึ้นมาด้วย
 

“ไม่จำเป็นเลย ผมเป็นหมอแพทย์แผนจีน การรักษาของการแพทย์แผนจีนคือการดู ฟัง สอบถามอาการและจับชีพจร แค่มองแวบแรกผมก็รู้แล้วว่าสุขภาพของคุณแข็งแรงมาก”

 

“แพทย์แผนจีนเหรอ ต่อให้เป็นแพทย์แผนจีนก็ยังต้องจับชีพจรให้ฉันนะ”

 

ขณะที่เกาเฟยเฟยพูด เธอก็ยื่นมือไปข้างหน้า ดึงมือของฉินห้าวตงมา
 

ฉินห้าวตงมึนงง สรุปแล้วเขาจับชีพจรให้เธอหรือว่าเธอจับชีพจรให้เขากันแน่?

 

เพื่อที่จะให้ผู้หญิงคนนี้รีบไป เขาจำใจต้องเอามือวางลงบนข้อมือของเกาเฟยเฟย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “สุขภาพของคุณดีมาก ไม่มีปัญหาอะไร”
 

“จริงเหรอคะ? แต่ว่าฉันมีอาการป่วยจริงๆ นะคะ”

 

ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเกาเฟยเฟยจับจ้องที่ฉินห้าวตงดูเหมือนแทบอยากจะกัดกินเข้าไปในเนื้อของเขา
 

“อ้อ! อย่างนั้นคุณบอกผมหน่อย ว่ามีปัญหาตรงไหน?”

 

“ฉัน......ฉัน......” เกาเฟยเฟอ้ำอึ้งอยู่นาน สุดท้ายก็พูดขึ้นทันทีว่า “ตรงนี้ของฉันมีสิวเม็ดเล็กๆ ขึ้นมา คุณช่วยรักษาให้หน่อยได้ไหมค่ะ”

 

“แค่ก......แค่ก.......แค่ก.....”
 

จางจื้อเจี๋ยที่เพิ่งจะดื่มชาเข้าไปในปาก ถึงกับสำลักไอขึ้นมาทันที คนอื่นล้วนต่างก็ขอให้ตัวเองมีสุขภาพแข็งแรง แต่เธอยังจะมาหาเรื่องป่วยทั้งที่ไม่ได้ป่วยแบบนี้อีก สิวเม็ดเล็กๆ ที่มุมปากของเกาเฟยเฟยแทบมองไม่เห็น มันเรียกว่าอาการป่วยตรงไหน
 

ฉินห้าวตงถูกผู้หญิงคนนี้กวนจนหมดหนทางแล้ว ไม่ดีแน่ที่จะมาโกรธเพราะเรื่องเล็กน้อย เขาจึงจับที่ฝ่ามือของเกาเฟยเฟย แล้วส่งลมปราณแห่งพงไพรเข้าไป

 

ภายใต้ความชุ่มชื้นของลมปราณแห่งพงไพรนั้น ผิวของเกาเฟยเฟยก็เรียบเนียนขึ้น สิวเม็ดเล็กๆ ที่เดิมทียังไม่ใหญ่มากตอนนี้ก็หายไปจนมองไม่เห็นแล้ว
 

“เรียบร้อยแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว”

 

เกาเฟยเฟยหยิบกระจกออกมาส่อง เธอรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าผิวของตัวเองเปลี่ยนแปลงอย่างดีขึ้นจริงๆ

 

“พระเจ้าช่วย คุณหมอฉิน ฝีมือการแพทย์ของคุณช่างดีเหลือเกิน สามารถรักษาอาการป่วยของฉันได้เร็วขนาดนี้.......”
 

เกาเฟยเฟยพึ่งจะใช้โอกาสเช่นนี้ไป แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ข้างนอกห้องพยาบาลยังมีหญิงสาวอีกเจ็ดถึงแปดคนที่รออยู่

 

 “ในเมื่ออาการป่วยหายดีแล้ว ก็รีบไปได้แล้ว พวกเรายังเข้าแถวรออยู่!

 

 ผู้หญิงพวกนั้นพูดจบแล้วดันให้เกาเฟยเฟยออกไป หลังจากนั้นก็มารุมล้อมฉินห้าวตงไว้
 

“คุณหมอฉินคะ หน้าอกของฉันมันเล็กไป คุณหมอรักษาได้ไหมคะ.......”

 

“คุณหมอคะ ฉันรู้สึกเปล่าเปลี่ยว เหงา และนอนหนาวอยู่บ่อยๆ คุณหมอหาวิธีช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ......”

 

“คุณหมอฉินคะ ตอนกลางคือฉันนอนหลับยากจังเลยค่ะ มีวิธีอะไรดีๆ ไหมคะ? หรือคุณหมอจะไปรักษาฉันที่บ้านดีคะ......?
 

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้หญิงในห้องพยาบาลไม่เพียงแต่ไม่เห็นว่าจะลดลง ตรงกันข้ามกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนจางจื้อเจี๋ยถูกบีบไปอยู่ตรงทางเดิน
 

ฉินห้าวตงตกอยู่ในสภาพที่น่าอึดอัดและเคอะเขิน ผู้หญิงเหล่านี้ส่วนน้อยมากที่มาเพื่อรับการรักษาจริงๆ ส่วนใหญ่แล้วมาเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงจากเขาบ้าง มาเพื่อลวนลามเขาบ้าง ช่างน่ารำคาญจริงๆ

 

มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องทนให้ถึงกลางวัน ในที่สุดเขาก็จัดการส่งผู้หญิงเหล่านี้กลับออกไปได้จนหมด แล้วไปกินข้าวด้วยกันกับจางจื้อเจี๋ยที่โรงอาหารของบริษัท
 

“น้องฉิน นายนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้นะ เที่ยงนี้ฉันเลี้ยงนายเอง หลังจากที่นายมา ที่ห้องพยาบาลของเราก็เป็นที่นิยมอย่างมากเลย”

 

จางจื้อเจี๋ยพูดพลางเดินไปที่ช่องจำหน่ายอาหาร ฉินห้าวตงก็ไม่ได้เกรงใจอะไร เขามาที่นี่เป็นวันแรก จึงยังไม่คุ้นเคยกับสภาพที่นี่ จึงเลือกนั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่
 

ใครจะรู้ว่าเขานั่งลงไม่ได้นานเท่าไหร่ ก็ถูกผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมารุมล้อมทันที

 

“คุณหมอฉินคะ เที่ยงนี้ฉันทำเนื้อหมูตุ๋นน้ำแดงมา พวกเราทานด้วยกันเถอะนะคะ......”

 

“เนื้อหมูตุ๋นน้ำแดงมันเลี่ยนไป ฉันนี้มีปลานึ่ง คุณหมอฉินคะ ทานปลาเยอะๆ มันดีต่อสุขภาพนะคะ......”

 

“ปลาของเธอนั้นก้างเยอะเกินไป ถ้าหากไปทิ่มคอคุณหมอฉินจะทำอย่างไร? ฉันมีกุ้งอบค่ะ.......”
 

ชั่วพริบตา รอบตัวฉินห้าวตงก็ถูกล้อมรอบด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจของพนักงานผู้หญิงจากหลินชื่อกรุ๊ป ตรงหน้าเขายังมีอาหารมากมายจัดวางเต็มไปหมด

 

เมื่อจางจื้อเจี๋ยสั่งอาหารเสร็จแล้วกลับมาที่โต๊ะ เขาก็ประหลาดใจมาก เมื่อพบว่าที่นั่งของตัวเองนั้นไม่เหลืออยู่แล้ว

 

 

 

จบตอน

รีวิวผู้อ่าน