px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 50 ทีม


ตอนที่ 50 ทีม

 

ตอนกลางวันหลินโม่โม่ก็มาทานข้าวที่โรงอาหารเช่นกัน เพียงแต่ว่าเธอและผู้บริษัทระดับสูง มีห้องส่วนตัวแยกต่างหาก ไม่ทานด้วยกันกับพนักงานทั่วไป

 

หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ เมื่อเดินออกมาก็เห็นฉินห้าวตงที่ถูกสาวสวยติดตามห้อมล้อมอยู่ สีหน้าเธอดูบูดบึ้งเล็กน้อย เธอหันไปพูดกันอันปี้หรูที่อยู่ข้างๆ ว่า “อีกสักครู่ช่วยเชิญคุณหมอฉินมาพบฉันที่ห้องทำงานทีนะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย”

 

มื้อเที่ยงในวันนี้ของฉินห้าวตงเป็นมื้อที่น่าลำบากใจมาก เขาเคี้ยวไปหนึ่งคำก็รีบวิ่งหนีออกมาจากกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้น เพิ่งจะออกมาจากประตูโรงอาหาร ก็เห็นอันปี้หรูมองเขาด้วยรอยยิ้ม

 

 “พี่อัน มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” ฉินห้าวตงถามขึ้น

 

“ประธานหลินบอกว่าไม่สบายนิดหน่อย อยากให้คุณช่วยไปดูหน่อย!”

 

“อื้ม!” ฉินห้าวตงรับปาก แล้วเดินไปห้องทำงานของหลินโม่โม่พร้อมกับอันปี้หรู ในใจก็แอบคาดการณ์ดู เมื่อเช้าแม่ลูกก็ยังดีดีอยู่เลย จู่ๆจะไม่สบายได้อย่างไรกัน

 

หลังจากมาถึงห้องทำงานของประธานหลิน อันปี้หรูก็กลับห้องทำงานของตัวเองไป ฉินห้าวตงมองดูหลินโม่โม่ แต่ก็ไม่เห็นว่าร่างกายมีความผิดปกติอะไร

 

“โม่โม่ คุณไม่สบายตรงไหนหรอ?” ฉินห้าวตงถามขึ้น

 

หลินโม่โม่จ้องมองมาที่ฉินห้าวตง มองจนในใจของเขาเริ่มกลัว หลังจากนั้นสักครู่จึงพูดขึ้นว่า “ทำไม ถ้าฉันไม่ป่วยก็เจอคุณไม่ได้แล้วหรอ? มันไปรบกวนเรื่องดีๆ ของคุณหรือไง?”

 

หลังจากที่ฉินห้าวตงมึนงงไปเล็กน้อย เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมเข้าใจแล้ว คุณไม่สบายที่หัวใจนี่เอง”

 

ที่แท้หลินโม่โม่หึงเขานั่นเอง ฉินห้าวตงเลยดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน ขณะที่กำลังจะใช้โอกาสนี้เอาเปรียบเธอ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา

 

“ใครโทรมาเวลานี้?” ฉินห้าวตงล้วงโทรศัพท์รุ่นต้าหมี่ขึ้นมาดู เป็นเบอร์โทรศัพท์ของน่าหลันอู๋ชวง

 

เขากดปุ่มรับสาย ก็ได้ยินเสียงจากปลายสายดังขึ้นมาว่า “หมอฉิน คุณปู่รวบรวมทหารปลดเกษียณชุดแรกที่ได้รับบาดเจ็บไปหาฉางเตาที่นั่นแล้ว นายจะมาตรวจดูอาการพวกเขาตอนไหน”

 

“อ้อ! เร็วขนาดนี้เชียวหรือ” ฉินห้าวตงตกใจเล็กน้อย

 

“คนเหล่านี้เคยเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมมาก่อน มีบางคนเป็นกระทั่งราชาทหารของพื้นที่หนึ่งเลย แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจึงจำใจต้องออกมาจากกองทัพ ได้ยินมาว่ามีคนสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาได้ พวกเขาจึงรีบมา พวกเขาร้อนใจมาก มันเลยเร็ว”

 

ฉินห้าวตงตอบกลับว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย มารับผมหน่อย พวกเราไปตอนนี้เลย”

 

หลังจากวางสายไป หลินโม่โม่ก็ถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

 

“มีเรื่องด่วน แต่อีกไม่กี่วันผมจะให้คุณได้ประหลาดใจ! บ่ายนี้ผมจะออกไปข้างนอกสักหน่อย เย็นนี้คงไปรับลูกกับคุณไม่ได้แล้ว” ฉินห้าวตงพูดจบ ก็หอมแก้มหลินโม่โม่ แล้วเดินจากไป

 

พอเดินถึงประตู จึงหันกลับมาพูดขึ้นอีกว่า “ผมรู้สึกว่าตงฟางเหลียและคนของเขาน่าเชื่อถือไม่ค่อยได้ เวลาออกไปไหนคุณต้องระวังตัวด้วยนะ”

 

“วางใจเถอะ ฝีมือพวกเขาแย่ไปหน่อย แต่ว่าฉันอยู่ในเมือง ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก” หลินโม่โม่ตอบ

 

ฉินห้าวตงไม่ได้พูดอะไรอีก เขาตัดสินใจรีบไปรักษาทหารรับจ้างอย่างเร็วที่สุด จะได้เปลี่ยนตัวตงฟางเหลียงให้เร็ว

 

เมื่อเขามาถึงประตูบริษัทหลินชื่อกรุ๊ป น่าหลันอู๋ชวงก็ขับรถ Maserati มารออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว

 

“เร็วขนาดนี้เลยหรอ?”

 

เขาเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ

 

“อยู่ในเมืองพอดี ฉันไปทำธุระให้นายมาแล้ว”

 

น่าหลันอู๋ชวงพูดจบก็โยนสมุดสีแดงเล่มเล็กสองเล่มให้ฉินห้าวตง ฉินห้าวตงหยิบขึ้นมาดู มันคือใบอนุญาตการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัว

 

“ทำงานรวดเร็วดีมาก!” เขาพูดพลางเก็บสมุดเล่มเล็กนั้นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

 

“ท่านหมอเทวดาฉินห้าวตงมอบหมายงานให้ฉันทำงาน ฉันจะกล้าไม่รีบทำได้อย่างไรกัน”

 

น่าหลันอู๋ชวงพูดจบรีบสตาร์ทรถ Maserati ทันที เธอขับพาเขามายังโรงพยาบาลพักฟื้นทหาร

 

บ้านหลังที่กองกำลังเฉินปิงอาศัยอยู่นั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว คนพวกนี้บางคนต้องใช้ไม้เท้าค้ำ บางคนนั่งอยู่บนรถเข็น บางคนถึงกับนอนอยู่บนเปลหาม แต่ทุกคนล้วนแต่มีสายตาที่แหลมคม ทั่วทั้งตัวของพวกเขามีไอแห่งความดุร้ายแผ่กระจายออกมา

   

“ผู้อาวุโสครับ คนที่คุณบอกเขาจะรักษาอาการบาดเจ็บของผมได้ไหม?”

 

ชายวัยกลาคนคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเปลหามถามน่าหลันเจี๋ย เขาชื่อเฉินฟู่กุ้ย เคยเป็นราชาทหารที่โด่งดังของเขตเมืองเจียงหนาน แต่ว่าในภารกิจครั้งหนึ่ง ถูกสะเก็ดระเบิดทำให้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง เป็นอัมพาตระดับรุนแรง

   

เป็นเพราะว่าสะเก็ดระเบิดชิ้นนั้นฝังเข้าไปที่กลางกระดูกสันหลัง ใกล้กับเส้นประสาทเกินไป เขาไปพบผู้เชี่ยวชาญทั่วทุกที่แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะนำสะเก็ดระเบิดออกมาได้ เขาจึงทำได้เพียงนอนเป็นอัมพาตติดเตียง

 

น่าหลันเจี๋ยหัวเราะ ชี้ไปที่ฉางเตาที่กำลังยุ่งอยู่ด้านข้างแล้วพูดว่า “ฉันจะโกหกทำไม นายเห็นเขาแล้วหรือยัง เริ่มแรกสภาพอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสกว่านายมาก แต่เพราะได้หมอเทวดาช่วยจนกลับมาหายดี ตอนนี้แข็งแรงมีชีวิตชีวาไม่เหมือนก่อน!

 

เฉินฟู่กุ้ยสายตาประกายด้วยความตื่นเต้น จากราชาทหารต้องกลายมาเป็นแค่ของไร้ค่าที่ทำได้เพียงนอนใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปวันๆ อยู่บนเตียง ความทุกข์ทรมานนี้มีเพียงตัวเขาเองถึงจะรู้ได้

 

พอได้รับโทรศัพท์จากน่าหลันเจี๋ย ว่ามีคนสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้ เขาจึงรีบให้คนนำตัวเขาส่งมาที่นี่ภายในคืนนั้น ในใจเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะได้หวนกลับไปในสนามรบอีกครั้ง

   

ในเวลานี้ มีสียงเครื่องยนต์ดังมาจากนอกบ้าน ฉางเตาพูดขึ้นว่า “คุณหนูน่าหลันพาเถ้าแก่มาแล้ว”

 

สมาชิกกองกำลังเฉินปิงทั้งหกนายต่างซาบซึ้งและเลื่อมใสในตัวฉินห้าวตงมาก พวกเขารีบออกไปต้อนรับทันที

 

คนที่บาดเจ็บต่างก็มองออกมาทางนี้ อยากจะเห็นคุณหมอที่เขาเล่ากันว่าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาได้ ว่าที่จริงแล้วเป็นคนยังไง

 

แต่เมื่อฉินห้าวตงเดินมาเข้ามาในบ้านนี้พร้อมน่าหลันเจี๋ยและกองกำลังเฉินปิง คนเหล่านี้ก็เผยสีหน้าที่ผิดหวังออกมาพร้อมกันทันที คุณหมอคนนี้จริงๆ แล้วเป็นเด็กวัยรุ่นที่ดูไม่เอาไหนเลย

 

คนหนุ่มแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีนหรือว่าแพทย์แผนปัจจุบัน ต่างก็ยากที่จะได้รับการยอมรับเป็นเสียงเดียวกัน หากไม่เห็นแก่ว่าน่าหลันเจี๋ยเป็นคนเรียกรวมตัวล่ะก็ เกรงว่าคงมีคนกลับไปแล้ว

 

เฉินฟู่กุ้ยก็ผิดหวังเช่นเดียวกัน แต่เพราะความไว้วางใจในตัวน่าหลันเจี๋ย จึงไม่ได้พูดอะไร

 

“หมอเทวดา ท่านนี้คือเฉินฟู่กุ้ย ในปีนั้นเป็นราชาทหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเขตเมืองเจียงหนาน ต่อมาในระหว่างทำภารกิจไม่ทันระวังไปเหยียบกับระเบิดของฝ่ายศัตรูเข้า แม้ว่าสะเก็ดระเบิดจะถูกเอาออกมาหมดแล้ว แต่มีหนึ่งชิ้นที่ฝังอยู่ที่กระดูกสันหลัง ไม่มีใครกล้าเอาออก”   

 

น่าหลันหเจี๋ยแนะนำเฉินฟู่กุ้ยให้ฉินห้าวตงได้รู้จัก

 

“ให้ผมดูหน่อย”

 

ฉินห้าวตงพูดพลางนั่งลงที่หัวเตียงของเฉินฟู่กุ้ย ยื่นมือจับชีพจรของเขา เริ่มตรวจดูการเต้นของชีพจร ขณะเดียวกันก็แบ่งลมปราณแห่งพงไพรส่วนหนึ่งเข้าไปในร่างกายขอเฉินฟู่กุ้ย สัมผัสกับตำแหน่งกระดูกสันหลังที่มีสะเก็ดระเบิดติดอยู่อย่างละเอียด

 

ตำแหน่งของสะเก็ดระเบิดนั้นพิเศษจริงๆ ติดอยู่ตรงกลางระหว่างกระดูกสันหลังข้อที่สี่และห้าพอดี แม้ว่าไม่ได้บาดเจ็บถึงไขกระดูกสันหลัง แต่ก็แนบชิดติดกันมากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมอทั่วไปถึงไม่กล้าเอามันออกมา

 

เห็นฉินห้าวตงชักมือขวากลับไป น่าหลันเจี๋ยจึงรีบถามขึ้นว่า “หมอเทวดา อาการเป็นอย่างไรบ้าง? รักษาได้หรือไม่?”

 

“ไม่มีอะไรครับ แค่มีปัญหาเล็กน้อย”

 

ฉินห้าวตงพูดจบก็ให้คนของฉางเตาสองสามคนลงมือช่วยพยุงเอาเฉินฟู่กุ้ยลุกขึ้นจากเตียงและนั่งท่าขัดสมาธิให้ดี แล้วถอดเสื้อข้างบนออก จากนั้นก็นำเข็มเงินออกมา แล้วฝังเข็มลงไปเก้าเข็มที่ตำแหน่งของสะเก็ดระเบิด เหตุที่ทำแบบนี้เพราะต้องการใช้เข็มเงินนี้รักษากระดูกสันหลังรอบๆ ให้อยู่ดี และป้องกันไม่ให้ระบบอื่นๆ ได้รับความเสียหาย

 

หลังจากที่ทำทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฉินห้าวตงก็ถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นก็ปล่อยฝ่ามือไปยังหน้าอกของเฉินฟู่กุ้ย

 

เมื่อลดมือลงก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงออกมา ทันใดนั้นสะเก็ดระเบิดที่อาบเลือดก็ออกมาจากหลังของเฉินฟู่กุ้ย กระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลัง

 

ทุกคนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่เคยเห็นวิธีการเอาสะเก็ดระเบิดออกแบบนี้มาก่อน

 

ฉินห้าวตงหยิบเอายาที่เตรียมมาสำหรับอาการบาดเจ็บนี้มาทาที่หลังของเฉินฟู่กุ้ย แล้วพูดขึ้น“เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณสามารถไปเดินทำกิจกรรมง่ายๆ บนพื้นได้แล้ว แต่ไม่สามารถออกกำลังกายหนักได้ หลังจากพักฟื้นสามวัน ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว”

 

เฉินฟู่กุ้ยนั่งอยู่บนเตียง เขาไม่กล้าเชื่อเลยว่าอาการอัมพาตที่เป็นมายาวนานสามปีกว่าของเขา จะหายดีแบบนี้แล้ว?

 

หลังจากเรียกสติของตัวเองกลับมา เขาก็ให้ฉางเตาประคองเขาลงจากเตียง หลังปรับตัวอยู่สองสามนาที ก็พบว่าตัวเองกลับมาเคลื่อนไหวตัวได้อีกครั้ง เขาน้ำตาไหลอาบแก้มราวกับชายฉกรรจ์ร้องไห้

 

 

“คุณหมอฉิน ขอบคุณคุณมาก ชีวิตนี้ของผมเป็นของคุณแล้ว หลังจากวันนี้ไปคุณจะให้ผมทำอะไรผมก็จะทำอย่างนั้น ไม่ปฏิเสธ”

 

ขณะที่พูด เฉินฟู่กุ้ยก็คุกเข่าลงไป แต่ถูกฉินห้าวตงคว้าตัวไว้

 

“พี่เฉิน ผมช่วยเพราะเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อคนที่เคารพ  ไม่ว่าพี่จะทำอะไรก็แล้วแต่ ผมล้วนเคารพในสิ่งที่พี่ทำ และไม่เก็บเงินค่ารักษาด้วย”

 

หลังจากที่ฉินห้าวตงพูดจบ เขาให้เฉินฟู่กุ้ยนอนพักบนเตียง จากนั้นเริ่มทำการรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรายต่อไป

 

คนที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนรู้จักชื่อเสียงของราชาทหารเฉินฟู่กุ้ย และก็รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาหนักหนาเพียงไหน เมื่อเห็นว่าในชั่วพริบตาเฉินฟู่กุ้ยถูกฉินห้าวตงรักษาจนหาย ในสายตาของคนเหล่านี้ก็มีความหวังขึ้นมาทันที

 

ไม่มีใครเต็มใจอยากกลายเป็นคนพิการ ไม่มีใครเต็มใจอยากกลายเป็นคนที่ไร้ค่า ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเหล่านี้เคยเป็นทหารยอดเยี่ยมที่เคยรุ่งโรจน์มาก่อน

 

ดวงตาของคนเหล่านี้ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความหวัง แต่กลับไม่มีสถานการณ์แย่งชิงกันเพื่อรับการรักษาให้เห็น ให้ใครรักษาก่อนรักษาหลังทั้งหมดล้วนให้น่าหลันเจี๋ยเป็นคนจัดการ ระเบียบวินัยที่เข้มงวดแบบนี้ทำให้ฉินห้าวตงเลื่อมใสอยู่ไม่น้อย

 

สองชั่วโมงต่อมา ฉินห้าวตงรักษาทหารที่บาดเจ็บทีละคน รวมแล้วจำนวนสามสิบคนได้ คนพวกนี้ได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน ทำให้สภาพการบาดเจ็บค่อนข้างหนัก หลังจากรักษาไปแล้วยังต้องให้เวลาพักฟื้นสักพัก อาการที่ไม่ได้บาดเจ็บหนักก็ฟื้นฟูร่างกายได้เรียบร้อยแล้วหลังจากได้รับการรักษาไป

 

คนพวกนี้ต่างก็ได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานาน คนที่มาเพราะเชื่อถือในตัวน่าหลันเจี๋ยตอนแรก ทั้งคนที่คาดหวังมากหรือคาดหวังน้อย  ต่างก็คาดไม่ถึงว่าฝีมือของฉินห้าวตงจะวิเศษถึงเพียงนี้ ไม่นานก็รักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาทั้งหมดจนดีขึ้น

 

พวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็นทหารที่โดดเด่น ทุกคนล้วนมีความภาคภูมิใจในตัวเอง การให้พวกเขาได้ลุกยืนขึ้นได้อีกครั้งถือว่าได้มอบชีวิตที่สองให้แก่พวกเขา

 

“ทำความเคารพ!

 

เฉินฟู่กุ้ยเป็นตัวแทน ทุกคนพร้อมใจกันทำความเคารพฉินห้าวตง แสดงความรู้สึกซาบซึ้งจากภายในใจของตัวเองต่อฉินห้าวตง

 

ฉินห้าวตงพูดขึ้นว่า “ทุกคน เรื่องที่ผมจัดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ผู้อาวุโสน่าหลันเคยบอกกับทุกคนไว้ เพียงแต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะเน้นย้ำอีกครั้ง การที่ผมรักษาพวกคุณทั้งหมดก็เพราะพวกคุณได้เสียสละเพื่อประเทศชาติ ผมทำไปเพราะเคารพในตัวของพวกคุณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัทรักษาความปลอดภัยของผม ใครที่ไม่ยินดีที่จะอยู่ต่อสามารถไปได้ ใครที่ยินดีที่จะอยู่ต่อ ผมก็ยินดีต้อนรับด้วยสองมือของผม มาตรฐานเงินเดือนเป็นสามเท่าของบริษัทประเภทเดียวกันกับบริษัทอื่น และไม่ว่าจะไปหรือจะอยู่ การรักษาอาการบาดเจ็บครั้งนี้ผมไม่ขอเก็บค่ารักษา”

 

“พวกเรายินดี!” คนเหล่านี้พูดตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน

 

ประการแรกคือพวกเขาต้องการขอบคุณฉินห้าวตงจากใจ

 

ประการที่สองคือพวกเขาทั้งหมดออกมาจากกองทัพแล้ว ในพื้นที่อื่นก็ยากที่จะหางานที่ดีแบบนี้ได้

 

ในเมื่อทุกคนยินดีที่จะอยู่ต่อ ฉินห้าวตงก็ดีใจมากเช่นกัน คนเหล่านี้คือกองกำลังหลักของเขาในภายภาคหน้า ฉินห้าวตงส่งมอบเงินจำนวนสิบห้าล้านให้กับฉางเตา ให้เขารีบไปเตรียมพร้อมในการจัดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัย

 

หลังจากจัดการเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฉินห้าวตงก็ขึ้นรถของน่าหลันอู๋ชวงอีกครั้ง

 

“จะไปไหน?” น่าหลันอู๋ชวงถาม

 

 ฉินห้าวตงตอบว่า “ไปตลาดขายส่งสมุนไพร ฉันยังต้องซื้อยาอีกจำนวนหนึ่ง”

 

ตอนนี้เขาคิดว่าฉางเตาและคนอื่นๆ ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการฟื้นตัวนานเกินไป ทางด้านหลินโม่โม่นั้นก็ต้องการใช้คนอย่างเร่งด่วน ดังนั้นจึงตัดสินใจหลอมยาโอสถเป่ยหยวนจำนวนหนึ่ง เพื่อเร่งอัตราการฟื้นฟูร่างกายให้กับกองกำลังเฉินปิง และถือโอกาสเพิ่มระดับการฝึกตนของพวกเขาด้วย

 

 

จบตอน

รีวิวผู้อ่าน