px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 57 จ่ายเงินซื้อแขนขากลับไป


ตอนที่ 57 จ่ายเงินซื้อแขนขากลับไป

 

 “คุณหนูหลิน เอาแต่ปฏิเสธแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” เว่ยเทียนเหลยยืนขึ้นและเดินไปรอบๆ โต๊ะของหลินโม่โม่ เขาพูดด้วยสีหน้าหยอกล้อ “คุณหนูหลิน ความปลอดภัยของบริษัทของคุณเป็นอะไรที่แย่มากจริงๆ การที่ผมมายืนคุยกับคุณอยู่ตรงนี้มันก็อธิบายปัญหาไว้ชัดเจนดีอยู่แล้วนี่

“มองดูพวกลูกน้องคุณสิ พวกเขากลัวถึงขนาดต้องคลานเข้าไปหลบใต้โต๊ะนั่นเลย จะมาโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนเหล่าพี่น้องผมได้อย่างไร และผมก็ได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณหนูหลินโชคร้าย ถูกลอบฆ่าติดต่อกันหลายครั้ง ถ้าเหล่าพี่น้องของผมได้ปกป้องคุณละก็ เรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

หลินโม่โม่รู้ว่าเว่ยเทียนเหลยพูดถูก ความปลอดภัยของบริษัทของเธอมีปัญหาอย่างมาก เพียงแต่ว่าช่วงนี้เธอถูกลอบฆ่าหลายครั้ง จึงไม่มีเวลาที่จะแก้ไขเรื่องนี้

เธอยังรู้อีกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่สามารถให้เว่ยเทียนเหลยเข้าควบคุมงานด้านความปลอดภัยของหลินชื่อกรุ๊ปได้ พวกเขาง่ายต่อการจ้างแต่ยากต่อการกำจัด เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะเสียเปรียบจะต้องเป็นเธออย่างแน่นอน

“ประธานเว่ย ฉันไม่อยากจะพูดเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง บริษัทของเราสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งบริษัทของคุณ “

หลังจากถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เว่ยเทียนเหลยจึงขมวดคิ้วจากนั้นก็พูดพร้อมกับหัวเราะ “คุณหนูหลิน คุณจะรู้สิ่งที่คุณยังไม่เคยลองได้อย่างไร? บริการของบริษัทเราเป็นที่น่าประทับใจมาก ยกตัวอย่างเช่นบริการตามติดส่วนตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จะต้องทำให้คุณพอใจได้อย่างแน่นอน

เขาโบกมือเรียกบอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา “นายสองคนไปคุ้มกันที่ประตูไว้ ฉันจะลองให้คุณหนูหลินเผชิญด้วยตัวของเธอเอง จะได้รู้ว่าบริการของพวกเรานั้นดีขนาดไหน “

บอดี้การ์ดทั้งสองคนยิ้มอย่างชั่วร้าย พวกเขามองไปยังรูปร่างที่มีส่วนเว้าโค้งโหนกนูนของหลินโม่โม่ด้วยสายตาหื่นกระหาย จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู

หลินโม่โม่ตกใจจนหน้าซีด เธอไม่คิดว่าเว่ยเทียนเหลยจะกล้าได้ขนาดนี้ ดังนั้นเธอจึงตะโกนเสียงดัง “คุณจะทำอะไร? ถ้าไม่ออกไปฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”

จากนั้นเธอก็เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะ แต่ทันทีที่เธอหยิบขึ้นมา เว่ยเทียนเหลยก็กระชากสายโทรศัพท์ออก

 “คุณหนูหลิน โทรหาตำรวจมีแต่จะทำให้มันไม่สนุก คุณวางใจได้ ผมจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับอยู่บนสวรรค์”

พูดจบ เขาพุ่งกระโจนเข้าหาหลินโม่โม่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในตอนนี้เอง เขากลับได้ยินเสียง พลั่ก ดังขึ้นที่หน้าประตู บอดี้การ์ดสองคนที่พึ่งจะเดินไปถึงประตูลอยกลับมาล้มลงระเนระนาด

ประตูของห้องทำงานถูกเปิดออก ฉินห้าวตงเดินมาจากข้างนอก ตามด้วยชายทั้งหกคนจากกองกำลังเฉินปิง

หลินโม่โม่รีบโผเข้าหาอ้อมกอดเขา เธอกอดแขนอันแข็งแรงของเขาไว้แน่นแล้วพูดว่า “ห้าวตง ในที่สุดคุณก็มาสักที”

เมื่อเห็นว่าถูกขัดจังหวะ เว่ยเทียนเหลยจึงโกรธเป็นอย่างมาก เขาตะโกนออกไปด้วยความโมโห “แกเป็นใคร? แกทำบ้าอะไรวะ?”

ฉินห้าวตงเหลือบมองเขาอยู่แวบหนึ่ง “ฉันเป็นพ่อแกไงล่ะ มาเพื่อดัดสันดานของแก!”

“ไอ้เด็กน้อยเอ้ย รนหาที่ตายเหรอวะ!

เว่ยเทียนเหลยหันไปตะโกนใส่บอดี้การ์ดสองคนที่พึ่งจะยันตัวลุกขึ้น “เชือดมันให้ฉัน!”

แม้ว่าสองคนนี้พึ่งจะถูกจัดการไป แต่พวกเขายังมีท่าทีที่โหดร้ายจริง พวกเขาคว้ามีดสั้นสองเล่มออกมาจากหลังเอว แล้วฟันใส่ฉินห้าวตงอย่างโหดเหี้ยม

 “ห้าวตง ระวัง!” หลินโม่โม่ตะโกน

ฉินห้าวตงกลับหัวเราะและยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดสองคนนั้นพุ่งเข้ามาด้านหน้าแล้ว จู่ๆ ก็มีเงาสองร่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากด้านหลังของเขา ซึ่งคนที่พุ่งออกมาคือจ้านฝู่และลี่เจี้ยน

“กร็อบ! กร็อบ!สิ้นเสียงดัง บอดี้การ์ดสองคนมองไม่ชัดว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไร จนทำให้มีดสั้นของพวกเขาถูกกระแทรกออกไป  จากนั้นร่างของพวกเขาทั้งสองคนลอยไปตกอยู่ข้างเว่ยเทียนเหลย

 “เอ่อ......” เว่ยเทียนเหลยตกใจจนหน้าถอดสี ลูกน้องทั้งสองคนนี้มีฝีมือดีมาก คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว แถมยังแพ้อย่างราบคาบ

ฉินห้าวตงจับมือของหลินโม่โม่โดยไม่สนใจเขา “โม่โม่ ผมขอแนะนำหน่อยแล้วกัน นี่คือกองกำลังเฉินปิงที่ผมเคยบอกคุณ จากนี้ไปเรื่องความปลอดภัยยกให้เป็นหน้าที่ของพวกเขา!

 “สวัสดีครับคุณหนูหลิน!” ชายทั้งหกคนพูดพร้อมกัน “คุณหนูหลิน ต่อไปนี้ถ้าคุณต้องการอะไรขอแค่ออกคำสั่งมา!” 

หลินโม่โม่มองไปที่เว่ยเทียนเหลยอย่างเกลียดชัง เธอชี้ไปที่เขาแล้วพูดขึ้น “โยนไอ้เลวนี่ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”

“สาวน้อย อย่าคิดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้เมื่อแฟนของเธออยู่ที่นี่นะ รอก่อนเถอะ พี่น้องของฉันอยู่ข้างนอกนั่น”

เว่ยเทียนเหลยหยิบเอาวิทยุสื่อสารออกมาแล้วตะโกน “พวกพ้อง รีบมาจัดการคนให้ฉันหน่อย

ฉินห้าวตงไม่ได้ห้ามเขา แต่มองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย

บอดี้การ์ดในบริษัทรักษาความปลอดภัยเหลยเฉินตอบสนองได้รวดเร็วมาก แค่ในช่วงนาทีเดียวนั้น บอดี้การ์ดทั้งสามสิบคนก็พุ่งเข้ามาที่ห้องทำงานประธาน ในมือของแต่ละคนมีทั้งมีดสั้นและท่อเหล็ก

ห้องทำงานของหลินโม่โม่ใหญ่พอที่จะจุคนเหล่านี้ได้โดยไม่อึดอัด

เมื่อเห็นคนของเขามาถึง เว่ยเทียนเหลยก็เริ่มมีความกล้าขึ้นมาทันที เขาชี้ไปที่ฉินห้าวตงแล้วตะโกน “ไอ้เด็กน้อย แกไม่ใช่คนเก่งเหรอ? ต่อให้แกเก่งแค่ไหนแกก็เอาชนะคนของฉันที่เยอะขนาดนี้ไม่ได้หรอก รีบคุกเข่าของแกลงและขอโทษฉันซะ แล้วบอกให้ยัยผู้หญิงคนนั้นเซ็นข้อตกลงร่วมมือกับบริษัทของพวกเราด้วย แล้วในวันนี้ฉันจะไว้ชีวิตที่ต่ำต่อยของแก”

เมื่อมองไปที่คนชั่วเหล่านั้น หลินโม่โม่จึงพูดขึ้นด้วยความกังวล “ ห้าวตง เราควรโทรหาตำรวจดีไหม?”

 “ไม่ล่ะ พวกมันเป็นแค่ปลาตัวเล็กๆ เท่านั้น” ฉินห้าวตงมองไปที่ฉางเตาแล้วพูดขึ้น “ให้ ประธานหลินได้เห็นความแข็งแกร่งของพวกนายหน่อย”

 “วางใจได้เถ้าแก่ พวกตะกอนสกปรกนี้จะถูกจัดการภายในหนึ่งนาที”

หลังจากฉางเตาพูดจบ ชายทั้งหกของกองกำลังเฉินปิงก็ตะโกนออกมาพร้อมกันแล้วพุ่งเข้าใส่บอดี้การ์ดของเว่ยเทียนเหลย

พวกเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าหลินโม่โม่อย่างแท้จริง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสดงความปราณีใดๆ ไม่ทันรอให้พวกบอดี้การ์ดเหล่านั้นตอบโต้ บอดี้การ์ดพวกนั้นก็ถูกโยนลงไปที่พื้นคนแล้วคนเล่า

เว่ยเทียนเหลยตะลึง เขาเบิกตากว้างอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงว่าลูกน้องที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนของเขาจะอ่อนแอต่อหน้าคนเหล่านี้ได้มากขนาดนี้? พวกเขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?

จนกระทั่งฉางเตาคว้าไปที่คอเสื้อของเขาและเขวี้ยงเขาไปที่ข้างหน้าของฉินห้าวตง เขาถึงจะเรียกสติกลับมา

 “เถ้าแก่ จะเอายังไงกับชายคนนี้ต่อ?” ฉางเตาถาม

 “หักแขนขามัน แล้วโยนมันออกไป!” ฉินห้าวตงพูดอย่างเยือกเย็น

“ไม่ ไม่ เดี๋ยวก่อน! มีอะไรค่อยๆ พูดกันก็ได้!” เว่ยเทียนเหลยตกใจกลัวมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าชายวัยรุ่นที่เอาแต่ยิ้มอยู่ตรงหน้านี้ เวลาลงมือกลับโหดเหี้ยมไร้ความปราณี ดังนั้นเขาจึงรีบพูดขึ้น “น้องชาย วันนี้มันเป็นความผิดของฉันเอง แต่ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนั้นเลย มีเพื่อนเพิ่มก็มีหนทางเพิ่มนะ”

ฉินห้าวตงนั่งยองและตบไปที่แก้มของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะว่า “แกมาที่นี่และทำสิ่งที่ชั่วร้าย แกทำร้ายพนักงานของบริษัทเราและทำให้ผู้หญิงของฉันกลัว บุญแค่ไหนแล้วที่ฉันหักแค่แขนขาของแก!

แม้ว่าชายหนุ่มจะยิ้มตลอด แต่ความอาฆาตในดวงตากลับทำให้เว่ยเทียนเหลยกลัวสุดขีด ไม่สงสัยเลยว่าเขาจะหักแขนขาออกเป็นท่อนๆ จริง

เขารีบพูดขึ้น “ไอ้น้องชาย วันนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันยินดีที่จะจ่ายค่าเสียหายให้หลินชื่อกรุ๊ปทั้งหมด”

ฉินห้าวตงจึงพูดต่อ “ยินดีจะจ่ายค่าเสียหายเหรอ งั้นเราก็ตกลงกันได้หน่อย แกทำร้ายพนักงานของหลินชื่อกรุ๊ป จะต้องจ่ายค่าเสียหายมาสิบล้านหยวน”

 “ฉันจะจ่ายมัน!”

เว่ยเทียนเหลยกัดฟันพูด ในครั้งนี้เขาไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ แต่กลับต้องเสียเงินอีกสิบล้านหยวน

 “อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ฉันยังพูดไม่จบ” ฉินห้าวตงพูดต่ออีกว่า “ฉันพึ่งประกาศไปว่าฉันจะหักแขนขาของแก ฉันเป็นคนที่พูดจริงทำจริงเสมอ ดังนั้นฉันต้องทำตามที่ฉันพูดไป......”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เว่ยเทียนเหลยเริ่มตื่นตระหนก เขาพูดอย่างวิตกว่า “ไอ้น้องชาย ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันแล้วเหรอ? ฉันยินดีที่จะจ่ายเงินให้นะ!

 “อย่ารีบร้อนไป ฉันคิดวิธีที่ดีสำหรับแกออกแล้ว แกต้องจ่ายเงินซื้ออวัยวะของแกกลับไป แบบนี้จะได้ไม่มาว่าฉันว่าเป็นคนไม่รักษาคำพูด แกเองก็จะได้รักษาอวัยวะของแกไว้ ทุกอย่างลงตัว เป็นไงบ้าง? แกคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีไหม?”

 “ดี......ความคิดดี! ในเวลานี้เว่ยเทียนเหลยหมดหนทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าต้องจ่ายเงินเพื่อซื้ออวัยวะตัวเองกลับไป

 “ฉันรู้ว่าแกฉลาดพอที่จะตกลง!” ฉินห้าวตงพูดพลางหัวเราะ “ฉันไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล เห็นแก่ความฉลาดของแก ฉันจะลดราคาให้ อวัยวะส่วนละหนึ่งล้านหยวน แกต้องจ่ายฉันมาทั้งหมดเก้าล้านหยวน!

 “หา?” เว่ยเทียนเหลยอ้าปากค้างทันที เขาเอ่ยถามด้วยอาการขนหัวลุก “ไอ้น้องชาย นายคำนวณผิดไปหรือเปล่า ส่วนละหนึ่งล้านหยวน มันควรจะจ่ายแค่ห้าล้านหยวนไม่ใช่เหรอ?”

ฉินห้าวตงพูดด้วยสีหน้าทะเล้น “ฉันบอกแกไม่ชัดเอง ความผิดฉันเอง อวัยวะส่วนปกติคิดแค่หนึ่งล้านหยวน ส่วนอวัยวะส่วนสำคัญคิดห้าล้านหยวน ดังนั้นแกต้องจ่ายฉันมาทั้งหมดเก้าล้านหยวน”

 “นี่......นี่มันแพงเกินไปไหม?” เว่ยเทียนเหลยพูดด้วยสีหน้าที่ขมขื่น

 “ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนที่มีเหตุผล พวกเราตกลงราคากันแล้ว ฉันจะตั้งราคาไว้แบบนี้แหละ แกสามารถบอกได้ว่าแกไม่ต้องการอวัยวะส่วนไหนแล้ว”

 “โดยเฉพาะอวัยวะส่วนสำคัญราคาห้าล้านหยวนนั่น ถ้าแกคิดว่ามันไม่คุ้มแล้วอยากเอามันออก ฉันก็ยินดีจะตัดมันโดยไม่ทำให้แกเจ็บเลย”

 “ฉันต้องการทั้งหมด!”

เว่ยเทียนเหลยมีเมียน้อยอยู่ห้าคน เขาจะปล่อยให้เจ้าโลกของเขาถูกตัดทิ้งได้อย่างไร อย่าว่าแต่ราคาห้าล้านหยวนเลย ต่อให้ราคาสิบล้านหยวนเขาก็ยินดีจะจ่ายมัน

ฉินห้าวตงพูด “ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็มาทำการซื้อขายกันดีกว่า จ่ายเงินมาแล้วของจะไป ทำการซื้อขายอย่างยุติธรรม”

เว่ยเทียนเหลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเอาสมุดเช็กออกมาและเขียนเช็คจำนวนสิบล้านหยวนให้ฉินห้าวตง

หลังจากที่หลินโม่โม่ยืนยันยอดเงินที่เหลือแล้ว ฉินห้าวตงก็ตบบ่าของเว่ยเทียนเหลย “ เอาล่ะ ตอนนี้ก็ยืนขึ้นแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”

เว่ยเทียนเหลยราวกับได้รับการอภัยโทษ เขารีบวิ่งออกจากหลินชื่อกรุ๊ปพร้อมกับคนของเขา

ขณะที่จ้าวเหลียงคลานออกมาจากใต้โต๊ะ เขาก็เห็นพวกของเว่ยเทียนเหลยที่เคยโหดเหี้ยมวิ่งหนีอย่างลนลานออกไป เขาแปลกใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลังจากที่คนพวกนั้นจากไป ฉางเตาจึงหันไปพูดกับฉินห้าวตงว่า “เถ้าแก่ แบบนี้เราใจดีกับไอ้หมอนั่นไปหน่อยไหม?

 “ใจดีเหรอ?” มุมปากของฉินห้าวตงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “ฉันพึ่งทำลายชี่ไตของมันไป ตอนนี้เจ้าโลกของมันไม่ทำงานแล้ว ทั้งชีวิตนี้มันกลายเป็นขันทีไปแล้ว”

หลินโม่โม่ค่อยๆ ตะลึงไปหลังจากที่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เธอจึงพูดกระซิบ “ทำไมคุณถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้!”

ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น “กล้ามาทำให้ผู้หญิงของผมเสื่อมเสีย ผมใจดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ฆ่าเขา”

หลังจากเรื่องทั้งหมดได้ผ่านไป หลินโม่โม่เริ่มจัดการกับปัญหาด้านความปลอดภัยของบริษัท เธอแต่งตั้งฉางเตาเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย แต่งตั้งลี่เจียนเป็นรองหัวหน้า ในขณะที่ จ้าวเหลียงและคนอื่นที่เป็นบอดี้การ์ดที่ไร้ประโยชน์ได้ถูกไล่ออกไป ส่วนคนที่กล้าหยุดเว่ยเทียนเหลยยังคงได้ทำงานต่อ พร้อมทั้งได้โบนัสเพิ่มอีกด้วย

ขณะที่หลินโม่โม่กำลังยุ่งอยู่ โทรศัพท์มือถือของฉินห้าวตงก็ดังขึ้น เป็นสายจากน่าหลันอู๋เซี๋ย

เขากดรับสายแล้วถาม “เจ้าหน้าที่น่าหลัน มีความคืบหน้าอะไรเหรอ?”

 “ไม่ใช่ พวกเราแค่มีคดีด่วนที่ต้องการให้นายช่วย นายรีบมาที่นี่ด่วนเท่าที่นายจะทำได้”

 “เร่งด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ? เอาล่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

ฉินห้าวตงรีบตอบรับทันที เนื่องจากน่าหลันอู๋เซี๋ยได้ช่วยเหลือเขามาหลายครั้ง ตอนนี้เธอกำลังลำบาก เขาจำเป็นที่จะต้องช่วยเธอ

 “เร็วเข้า ฉันจะรอนายที่หน่วยสอบสวนคดีอาชญากรรม”

น่าหลันอู๋เซี๋ยพูดจบก็วางสายไป

เมื่อมีกองกำลังเฉินปิงอยู่ ฉินห้าวตงจึงไม่เป็นกังวลเรื่องปัญหาความปลอดภัยของหลินโม่โม่อีก เขารีบจัดแจงรถแล้วไปหน่วยสอบสวนคดีอาชญากรรมอย่างรวดเร็ว

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน