px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 93 สามเดือนต่อมา


"อืม....มันก็เหมือนๆกับหัวหน้าผู้คุ้มกันนั่นล่ะ"

หลิงเทียนอธิบายออกมา

"เจ้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันของกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงคืออะไร?

หลินฉีเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

"แล้วมันคืออะไรกันรึ?"

ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากที่โดนหลินฉีรบเร้าถึงขนาดนี้

“ผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันทั้งหมดของกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงมีเพียงแค่ 7 คนเท่านั้น และแต่ละคนยังเป็นตัวตนที่ทรงพลังระดับธรรมชาติอีกด้วย! อีกทั้งพวกเขายังได้รับความสนับสนุนจากกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงทุกอย่าง มิว่าจะเป็นโอสถระดับ 7 ศาสตราวิญญาณระดับ 7... ความมั่งคั่งนี้มิใช่สิ่งที่ตระกูลธรรมดาจะหาได้แม้จะใช้เวลาชั่วชีวิต”

หลินฉีกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น

"หมดแล้ว? มีแค่นี้เองหรือ "ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

หมดแล้ว?

เห็นท่าทางการแสดงออกของหลิงเทียนที่ดูเฉื่อยชาราวกับไม่ตื่นเต้นหรือหวั่นไหวอะไรเลย อดไม่ได้ที่หลินฉีจะกล่าวถามออกมาพร้อมจ้องหลิงเทียนตาเขม็ง "เจ้าไม่รู้หรือไร สิ่งที่กล่าวมานี้ต่อให้เจ้าใช้ทั้งชีวิตอยู่ในตระกูลลี่ก็มิมีวันหามาได้อย่างแน่นอน... เช่นนั้นมันยังไม่เป็นที่น่าสนใจอีกหรือ?"

"อ่า... ฝากไปบอกป้าเจ้าด้วยล่ะ ว่าข้าไม่สนใจเลยสักนิด"

หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมยิ้มบางๆ

"เจ้า... เจ้าคิดที่จะเป็นเพียงผู้อาวุโสหลักของตระกูลลี่ไปชั่วชีวิตหรืออย่างไร?"

หลินฉีประหลาดใจเล็กน้อย

"เฮ่ๆๆ แล้วใครบอกเจ้ากันเล่า ว่าข้าอยากเป็นผู้อาวุโสหลักของตระกูลลี่?"

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวช้าๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นมาพร้อมกับเดินกลับไปโดยไม่คิดจะหยิบเงินค่าอาหารออกมา... แต่ในขณะที่เดินกลับเขากล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "เป้าหมายของข้าไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเล็กๆอย่างอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้!"

เป้าหมายของข้าไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเล็กๆอย่างอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้?...

หลินฉีตกตะลึง

ตัวเขานั้นมักจะฝันอยู่บ่อยครั้ง และความฝันอันยิ่งใหญ่ของเขาก็คือการได้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันของกลุ่มการค้าทิวลิปม่วง หรือไม่ก็กลายเป็นผู้ว่าการมณฑล 1 ใน 18 มณฑลของอาณาจักรนภาล่อง

และนี่เป็นเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถใฝ่ฝันถึงแล้ว

แต่ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นหาได้มีความทะเยอทะยานและมีเป้าหมายอยู่ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ไม่

ความฝันของหลิงเทียนช่างยิ่งใหญ่กว่าของเขามากนัก

"บางทีเพราะเขามีเป้าหมายและความฝันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงทำให้เขาบรรลุระดับบ่มเพาะที่น่าอัศจรรย์ดั่งเช่นทุกวันนี้ ... เทียบกับเขาแล้วข้ากลับเป็นตัวโง่งมที่ไม่รู้เรื่องราวดั่งกบในบ่อน้ำ"

รอยยิ้มขมขื่นปรากฏออกมาบนมุมปากของหลินฉี ก่อนที่เขาจะแหงนหน้ามองฟ้า

ตอนนี้ดูเหมือนความเข้าใจในโลกของเขาพลันเพิ่มสูงขึ้น

ต้วนหลิงเทียนคงไม่รู้หรอกว่า หลังจากเขากล่าวคำพูดนี้ออกไป จะทำให้ชีวิตของหลินฉีเปลี่ยนแปลงไปมากถึงขนาดไหน

แต่แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องในอนาคตหลังจากนี้...

หลังจากนั้นหลิงเทียนก็ดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุข

ในแต่ละวันของเขานั้น เขาจะใช้มันไปกับการบ่มเพาะวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม,ฝึกฝนวิชาฝ่ามือพิชิตมังกร และก็วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย อีกทั้งยังมีการหลอมกลั่นโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกายเพื่อขาย และใช้เองอีกด้วย...

เมื่อมีเวลาว่างหลิงเทียนมักจะใช้มันในการเที่ยวเล่นกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยโดยจะสลับวันกันพาทั้งสองไป

แต่ละวันของเขาดำเนินไปในลักษณะนี้...

.....

ดั่งกาลเวลาติดปีกโผบิน...พริบตาเดียว 3 เดือนพ้นผ่านไป

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ระดับพลังงานต้นกำเนิดของหลิงเทียนมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่ามหาศาล ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นสูงมาก มันรวดเร็วจนเป็นเรื่องราวที่สามารถสั่นสะเทือนโลกแห่งนี้ได้เลย

ระดับบ่มเพาะของเขาตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้เขาก็สามารถผ่านกระบวนการหลอมกลั่นพลังงานต้นกำเนิด ไปบ่มเพาะร่างกายจนเสร็จสิ้นอีกแล้วด้วย ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงสะสมพลังงานต้นกำเนิดเพื่อทะลวงผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3

วิชาฝ่ามือพิชิตมังกรถูกฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้

และด้วยความช่วยเหลือของโลหิตหลิงชี่ วิชาป้องกันพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลของเขาก็ยกระดับจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้จนได้

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับวิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายนั้น หลิงเทียนกลับพบเจอกับคอขวด เขาติดอยู่ในระดับความสำเร็จขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ และไม่อาจทะลวงผ่านไปยังขั้นตอนแก่นแท้ได้สักที

ส่วนเค่อเอ๋อนั้นระดับบ่มเพาะของนางได้ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน อีกทั้งวิชาจู่โจมระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงวิชากระบี่เหมันต์ ที่เป็นวิชาส่งเสริมวิชาบ่มเพาะกระบี่เทพเจ้าเหมันต์นั้น นางก็ฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญแล้ว

นอกจากนี้วิชาป้องกันสี่ตำลึงปาดพันชั่งของนาง และวิชาท่าร่างธารารินไหลที่เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงล้วนถูกนางฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ทั้งสิ้น

พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเค่อเอ๋อในเรื่องวรยุทธ์ทำให้หลิงเทียนต้องประหลาดใจอีกครั้ง...

สำหรับลี่เฟยนั้น หลิงเทียนหลอมโอสถฟื้นกำเนิดให้นางเพื่อที่จะให้นางสลายพลังงานต้นกำเนิดที่นางบ่มเพาะมาก่อนหน้านี้ทิ้งไป และที่ต้องทำเช่นนี้เป็นเพราะ เขาจะให้นางได้ฝึกวิชาบ่มเพาะแบบใหม่เพื่อให้พลังงานต้นกำเนิดของนางมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

สำหรับวิชาบ่มเพาะที่หลิงเทียนมอบให้ลี่เฟยนั้นมีชื่อว่า เอกะดาราสะท้าน ที่เป็นวิชาบ่มเพาะของสหายรู้ใจของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดนั่นเอง และสหายคนนี้ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดยังเป็นถึงจักรพรรดิดาราที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับเขาด้วยซ้ำ กล่าวได้ว่าวิชาบ่มเพาะนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับ กระบี่เทพเจ้าเหมันต์ และ เซียนอสูรสะคราญ ที่หลิงเทียนให้เค่อเอ๋อและมารดาของเขาฝึกฝนเลยทีเดียว

ส่วนในแง่ของวิชายุทธ์ ลี่เฟยนั้นได้ฝึกฝนวิชาที่อยู่ในระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว หลิงเทียนจึงไม่ได้ให้วิชาอะไรแก่นาง

หลังจากที่สลายพลังงานต้นกำเนิดเก่าทิ้ง และบ่มเพาะตามแนวทางวิชาเอกะดาราสะท้านที่หลิงเทียนมอบให้ พลังงานต้นกำเนิดของลี่เฟยเองก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากนัก อีกทั้งระดับพลังของนางยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 แล้วเช่นกัน

ต้วนหลิงเทียนเคยกล่าวถามถึงระดับบ่มเพาะจากมารดาของเขาอยู่บ้าง แต่นางทำเพียงยิ้มและทำให้มันดูลึกลับเขาเลยไม่เคยได้รู้

อย่างไรก็ตามหลิงเทียนคิดว่าระดับบ่มเพาะของมารดาของนั้นต้องเพิ่มมากกว่าแต่ก่อนไปไกลแล้วแน่ๆ

หลิงเทียนนั่งเล่นอยู่ในลานบ้านกับอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัว

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาทั้งเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋นั้นล้วนได้หลิงเทียนหลอมโอสถให้กินอยู่เป็นประจำ ยามนี้เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 แล้ว อีกเพียงแค่นิดเดียวพวกมันก็จะตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้...

" 2 ตัวประหลาดน้อย"

มุมปากของหลิงเทียนอดยิ้มออกมาไม่ได้หลังจากที่มองไปยังอสรพิษน้อยน่ารักทั้งสองตัว

ใครเล่าจะไปคิดว่าในบ้านหลังนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่เขา ไม่ใช่เค่อเอ๋อ และก็ไม่ใช่มารดาของเขา แต่กลับเป็นเจ้าตัวจิ๋วท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู 2 ตัวนี่ซะได้

เมื่อเดือนที่แล้วหลิงเทียนได้พาทั้ง 2 ไปยังป่าหมอกมรณะเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของพวกมัน และบังเอิญไปเจอสัตว์อสูรระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ที่ไม่หวั่นเกรงกลิ่นอายของงูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์ในตัวของพวกมัน เมื่อสัตว์อสูรตัวนั้นพุ่งมาหมายจู่โจมอสรพิษน้อยทั้ง 2 พวกมันทำเพียงหันไปมองเพียงครู่ก่อนที่จะพุ่งออกไปราวเส้นสายอัสนีบาตทะลวงร่างสัตว์อสูรตัวนั้นในพริบตา ...

เขาบนศีรษะของอสรพิษน้อยนับว่าแข็งแกร่งจนทะลวงร่างสัตว์อสูรระดับก่อกำเนิดได้ง่ายดายราวกับทะลวงผ่านกระดาษเปื่อยเปียกน้ำ...

“ตัวเลวร้าย”

ทันใดนั้นเองเสียงใสๆก็ดังขึ้นจากนอกลานบ้าน

ร่างสตรีงดงามในชุดสีม่วงอ่อนเข้ากันกับรูปร่างที่ได้สัดส่วนราวกับสวรรค์สร้าง ลี่เฟยเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะนั่งลงตรงม้าหินอ่อน หยอกล้อกับอสรพิษน้อยทั้งสองตัวและกล่าวขึ้นมากับหลิงเทียนว่า "ตัวเลวร้ายไปเที่ยวป่าหมอกมรณะกับข้ากัน"

"หืม ทำไมล่ะ?"

สายตาของหลิงเทียนจับจ้องไปยังเนินอกขาวผ่องที่เริ่มเติบโตเต็มที่ตามประสาหญิงสาวที่อยู่ในวัยแรกแย้ม เขาถึงกับต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่หลายอึกเลยทีเดียว

"ตัวเลวร้ายเหม็นเน่า เจ้ามองอันใดของเจ้ากันหา!"

ลี่เฟยฮึดฮัดใส่หลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมา "ข้าพึ่งตัดผ่านระดับ เลยอยากเข้าป่าไปหาสัตว์อสูรทดสอบฝีมือเสียหน่อย ... "

"เจ้าตัดผ่านแล้วรึ?"

ต้วนหลิงเทียนอดหดหู่ขึ้นมาไม่ไม่ได้

"ใช่แล้ว"

ลี่เฟยยิ้มกว้างออกมา “ท่านปู่บอกว่าที่ข้าสามารถบ่มเพาะระดับได้รวดเร็วเช่นนี้ต้องขอบคุณเจ้าที่หลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะที่มีความบริสุทธ์สูงถึงเพียงนั้นให้ข้า ท่านยังบอกข้าอีกว่าหากข้าใช้โอสถของนักหลอมโอสถทั่วไปในการบ่มเพาะแล้วล่ะก็ ต่อให้ข้าใช้วิชาบ่มเพาะ เอกะดาราสะท้าน ข้าก็ต้องใช้เวลาอีกกว่าครึ่งปีถึงจะตัดผ่านระดับได้เช่นนี้”

"ฮ่าฮ่า เรื่องนี้มันแน่นอนอยูแล้ว เฮ่ นี่เจ้าไม่รู้หรือไง ว่าสามีของเจ้ายอดเยี่ยมขนาดไหน?"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมา "สำหรับประสิทธิภาพของโอสถบ่มเพาะที่ข้าหลอมนั้นแน่นอนมันย่อมเหนือล้ำกว่าโอสถบ่มเพาะทั่วไปที่ขายกันอยู่ในเมืองออโรร่าแห่งนี้ เพราะโอสถของข้าล้วนมีความบริสุทธิ์สูงเกินกว่า 90% อย่างไรเล่า ...ภายใต้การใช้ปริมาณโอสถและผู้บ่มเพาะที่มีระดับการดูดซับโอสถเท่าเทียมกัน หากใช้โอสถของข้า ระดับความเร็วในการบ่มเพาะย่อมแตกต่างกว่าใช้โอสถทั่วไปถึง 2 เท่า"

"เอ่าละๆ ข้ารู้แล้วว่าเจ้ายอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมที่สุดดด!" ลี่เฟยตอบออกมาอย่างหมั่นไส้เล็กน้อย

แต่นางก็จำได้ดีว่ายามที่ปู่ของนางได้พบว่าโอสถของหลิงเทียนนั้นมีความบริสุทธิ์เท่าไรนั้น ท่านถึงกับตะลึงค้างราวกับคนเสียสติเป็นเวลานาน กว่าที่ท่านจะรู้สึกตัว ...

นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของนางเลยก็ว่าได้ ที่เห็นท่านปู่ของนางตกตะลึงอะไรถึงขนาดนี้

และเมื่อนางได้รับรู้จากปู่ว่าโอสถที่หลิงเทียนบ่มเพาะนั้นมีความบริสุทธิ์สูงกว่า 90% เสียอีก นางเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

จากที่ปู่ของนางบอกให้นางรับรู้คร่าวๆ โอสถบ่มเพาะชนิดเดียวกันนี้ที่ขายกันอยู่ทั่วไปในเมืองนั้น มีราคาประมาณ 5,000 เหรียญเงินต่อ 1 เม็ด

แต่ทว่าหากเป็นโอสถของต้วนหลิงเทียนที่กลั่นออกมามีความบริสุทธิ์ถึงขนาดนี้ เพียงแค่เม็ดเดียวเกรงว่ามันจะมีราคาสูงถึง 100,000 เหรียญเงิน...

"เอาล่ะ ตอนนี้เค่อเอ๋อกำลังบ่มเพาะพลังอยู่ พวกเราเข้าป่าไปกันสองคนดีกว่า อย่าไปรบกวนนางเลย" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับลี่เฟย

หลังจากที่ออกไปบอกแม่ของเขาแล้ว หลิงเทียนก็หันไปจ้องอสรพิษน้อยทั้งสองก่อนที่จะพยายามบอกให้พวกมันอยู่เฝ้าบ้าน และเขาก็กำชับพวกมันไปอีกครั้งว่า "พวกเจ้า 2 ตัวน้อย อย่าได้ซุกซนมากนักล่ะ แล้วก็เฝ้าบ้านให้ดีๆด้วย และถ้าพวกเจ้ากล้าแอบตามมา ข้าจะจับพวกเจ้าทำงูตุ๋น! "

นั่นเพราะหากเขานำอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวนี้ติดตามไปด้วยแล้วล่ะก็ เกรงว่าจะไม่ได้พบเจอสัตว์อสูรอะไรทั้งสิ้น ... เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรระดับสูงมากจริงๆ พวกเขาถึงจะได้เจอ นั่นเพราะสัตว์อสูรระดับสูงมากจริงๆจะไม่กลัวกลิ่นอายงูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์ที่พวกมันปล่อยออกมานั่นเอง

อสรพิษน้อยทั้งสองตัว ผงกหัวน้อยๆรับฟังอย่างรู้ความ ราวกับพวกมันเข้าใจได้ว่าหลิงเทียนบอกอะไรกับพวกมัน นับว่าน่าเอ็นดูนัก หลังจากนั้นพวกมันก็เลื้อยขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ราวกับจะทำหน้าที่เฝ้าบ้านให้ดีอย่างไรอย่างนั้น พวกมันเฝ้ามองหลิงเทียนและลี่เฟยเดินจากไปด้วยสายตาจริงจัง

"ฟ่อ ฟ่ออ ~ ~"

พวกมันทำท่าทางสำรวจรอบๆอย่างจริงจังอยู่ได้ไม่นาน ก็กลับไปเล่นสนุกบนต้นไม้จนลืมหน้าที่เฝ้าบ้านซะอย่างนั้น...

หลิงเทียนมายังป่าหมอกมรณะเป็นสิบๆครั้งแล้ว เขาจึงคุ้นเคยกับป่าแห่งนี้ดี

"ตัวเลวร้าย เข้าไปลึกกว่านี้หน่อย"

ลี่เฟยตื่นเต้นเล็กน้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

"เฮ่ จะเข้าไปลึก ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก"

หลังจากเข้าสู่ป่าหมอกมรณะท่าทางของหลิงเทียนพลันจริงจังขึ้นมาหลายส่วน

"ข้ารู้แล้วน่า"

ลี่เฟยกลอกตามองไปยังหลิงเทียน

ในตอนแรกนั้นลี่เฟยก็คิดว่าเขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่มักทำอะไรตามใจ และชอบแสดงความกล้าหาญโดยไม่ระมัดระวังหรือคิดอะไร แต่ทว่าเมื่อเขาเข้ามายังป่าหมอกมรณะท่าทางของเขากลับกลายเป็นจริงจังและระมัดระวังตัวอย่างมาก

ตอนนี้นางเองก็คุ้นเคยกับความรอบคอบและระมัดระวังของหลิงเทียนแล้ว

แต่นางไม่ได้รู้สักนิดว่านี่เป็นเพียงการกระทำไปตามสัญชาตญาณของหลิงเทียนเท่านั้น ...

มันเป็นสัญชาตญาณที่เกิดจากการทำงานในฐานะมือสังหารอันดับ 1 รวมถึงงานทหารรับจ้างต่างๆ

เมื่อเข้ามายังป่าหมอกมรณะ ประสาทสัมผัสทุกส่วนของหลิงเทียนพลันถูกเร่งเร้าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เขาพยายามสำรวจและตรวจสอบร่องรอยทุกอย่างโดยรอบอย่างละเอียด

ในชีวิตที่แล้วสัญชาตญาณการเฝ้าระวังนี้ ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง

"นี่ มันผิดปกติแล้ว

หลังจากที่เดินอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง หลิงเทียนและลี่เฟยกลับไม่พบเจอสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว

ซู่มม! ซู่มม!

ทันใดนั้นเองร่างที่รวดเร็วราวกับเส้นแสงพลันพุ่งลงมาจากฟ้าไม่ต่างอะไรกับดาวตก และหยุดค้างกลางอากาศตรงหน้าหลิงเทียนและลี่เฟย ก่อนที่พวกมันจะค่อยๆลอยลงมาแตะพื้น

ทั้งคู่เป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ใบหน้าของพวกมันทั้งคู่ฉายแววเหนื่อยล้าออกมาไม่น้อย

ชายวัยกลางคนๆหนึ่งใส่ชุดสีดำ ใบหน้าท่าทางเย็นชา ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นรูปร่างหน้าตาค่อนข้างอัปลักษณ์ และสายตาของมันยังฉายแววละโมบยามที่มองไปยังลี่เฟย

"ผู้ฝึกยุทธ์ ระดับธรรมชาติ!"

ภายในใจของหลิงเทียนพลันเต้นระรัวขึ้นมา เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับตัวตนระดับ ธรรมชาติ ในป่าหมอกมรณะแห่งนี้ พวกมันมาทำอะไรกัน?

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับ ธรรมชาตินั้น เป็นตัวตนที่อยู่เหนือผู้ฝึกยุทธ์ระดับ วิญญาณแรกก่อตั้งขึ้นไปอีกขั้น

"บิน ... ผู้คนสามารถบินได้จริงๆ ... "

ลี่เฟยพลันเหม่อมองด้วยใบหน้าเหม่อลอย แม้ว่านางจะได้ยินเรื่องราวเล่าขานถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติมาก่อน อีกทั้งยังรู้แม้กระทั่งว่า พวกเขามีความสามารถในการผสานหลอมรวมพลังงานต้นกำเนิดในร่างกับพลังงานธรรมชาติโดยรอบจนควบคุมกระแสอากาศ ทำให้เหินบินได้ แต่นางยังอดตกตะลึงไม่ได้ เมื่อพบเห็นด้วยสองตาของนาง

แต่พริบตาต่อมานางก็หันไปพบเจอกับสายตาที่เต็มไปด้วยความใคร่ของชายที่มีใบหน้าอัปลักษณ์หนึ่งในนั้น ทำให้นางถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความรังเกียจ

ทันใดนั้นเอง หลิงเทียนพลันเคลื่อนร่างมาบังลี่เฟยเอาไว้จาก ชายวัยกลางคนผู้นั้น อีกทั้งยังเผชิญหน้ากับมันอย่างไม่เกรงกลัว

"เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งกลับหาญกล้ามาบดบังสายตาข้าไม่ให้ชื่นชมความงามงั้นหรือ? เหอะ!”

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติคนนั้นขุ่นเคืองหลิงเทียนขึ้นมา ก่อนที่จะควบแน่นพลังงานลงในเสียงและส่งตรงไปเล่นงานหูของฃหลิงเทียนโดยตรง

แก้วหูของหลิงเทียนพลันสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างหนักจนแทบจะแตกสลาย!

“พรวด”

ใบหน้าของหลิงเทียนซีดเผือดลงโดยพลัน ทั้งมันยังกระอักเลือดออกมาคำโต

เพียงอาศัยการกล่าววาจาเสียงดังเพียงครั้ง แทบจะปลิดปลงชีวิตของหลิงเทียนให้ดับดิ้นเสียแล้ว

“ตัวเลวร้าย”

ท่าทางของลี่เฟยพลันเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวทันที นางรีบไปประคองร่างของหลิงเทียนเอาไว้

"ข้าไม่เป็นอะไร "

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่ตัวเขายังยืนบังลี่เฟยเอาไว้อย่างมั่นคงไม่ให้สายตาของผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติคนนั้นได้มีโอกาสจ้องมองนาง อีกทั้งเขายังเผชิญหน้ากับสายตาที่น่าหวาดกลัวของศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง

รีวิวผู้อ่าน

runjung12
1288 วันที่แล้ว

พระเอกกาก วันๆทำเรื่องไร้สาระ ป้อสาว ไม่ยอมฝึกวิชาไม่ไปไหนอีก แต่งมาร้อยเรื่องก้อแนวนี้หมด


  แสดงความคิดเห็น