px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 94 สมบัติของราชันย์กระบี่


"หาที่ตาย!"

ท่าทางของผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาตินั้นแปรเปลี่ยนเป็นอำมหิต ก่อนที่มันจะเร่งแรงกดดันออกมาอีกนิดและกดทับไปยังร่างของต้วนหลิงเทียน

แววตาของหลิงเทียนเริ่มเย็นชาลงร่างกายของเขาสั่นสะท้านแต่เขายังคงยืนหยัดรับแรงกดดันของชายวัยกลางคนโดยไม่ถอยหนี

เขาไม่สามารถถอยได้ ไม่อย่างงั้นแรงกดดันนี้จะถาโถมใส่ลี่เฟย

"ให้ข้าดูหน่อยว่ากระดูกของมดตัวนี้จักแข็งถึงเพียงไหน"

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติหัวเราะออกมาอย่างสุนกสนานก่อนที่จะค่อยๆเพิ่มแรงกดดันที่ส่งไปยังหลิงเทียนอย่างช้าๆ

ตอนนี้แรงกดดันที่หลิงเทียนแบกรับเอาไว้มันเพิ่มมากกว่าตอนแรกถึง 2 เท่า ดวงตาของเขาเริ่มพร่าเลือนแล้ว แต่ทว่าเขายังคงกัดฟันทนยืนหยัดเอาไว้...จิตใจของเขานับว่าแข็งแกร่งราวกับภูผา

สายตาที่ตัวตนระดับธรรมชาติใช้มองหลิงเทียนเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนนี้มันเริ่มบังเกิดจิตอำมหิตแล้ว

แต่ทันใดนั้นเอง

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติอีกคน ได้ใช้สายตาเย็นชามองมายังคนที่สร้างความลำบากให้แก่หลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย "พอได้แล้ว ซันเหล่ย อย่าได้ก่อปัญหาอันใดให้มากความ! หากเจ้าชักช้าจนคลาดกับเป้าหมายอย่าหวังได้ว่าท่านประมุขจะละเว้นเจ้า"

"เฮอะ! จำเอาไว้ไอ้หนู เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้ามันก็เป็นได้เพียงหนอนแมลงเท่านั้น! หากข้าต้องการ ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้ง่ายดายไม่ต่างไปกับการบี้มด ... โชคดีที่ข้าไม่อยากลดตัวลงไปสังหารเจ้า"

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติพยายามใช้วาจาเหยียดหยามทำลายความทระนงของหลิงเทียน

ร่างกายของหลิงเทียนสั่นสะท้านริกๆ แววตาของเขานั้นเริ่มเย็นชาลงและเผยความกระหายในการฆ่าออกมา

"ไปกันเถอะ!"

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติทั้ง 2 คนกระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะบินหายไป

ตุบ! อั่ก!

ในที่สุดหลิงเทียนก็ไม่อาจฝืนตัวยืนอยู่ได้อีกต่อไป เขาล้มลงพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาคำโต

แรงกดดันของผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติไม่ใช่อะไรที่หลิงเทียนในตอนนี้จะต้านทานได้

เมื่อครู่นี้เขาก็ได้พยายามยืนอยู่โดยเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดของร่างกายแล้ว

"ตัวเลวร้ายเจ้าได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้"

ใบหน้าของลี่เฟยซีดเผือดและดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ นางรีบค้นโอสถทองประสานกายระดับ 8 ก่อนที่จะเอาให้หลิงเทียนกินรักษาตัวเองทันที

หลังจากที่กินเม็ดยาลงไปแล้ว สภาพของหลิงเทียนก็ดีขึ้น

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกระหายในการฆ่าของเขายังจับจ้องไปยังทิศทางที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 2 คนบินจากไป จิตสังหารจำนวนมหาศาลเริ่มล้นทะลักออกมา แต่หลิงเทียนยังเก็บเอาไว้ได้ทันไม่งั้นลี่เฟยคงหวาดกลัวจนสิ้นสติ

เขาไม่ได้เป็นคนที่ชอบสร้างปัญหา แต่หากมีคนมาสร้างปัญหาหรือมาข่มขู่เขา เขาจะไม่มีวันละเว้นมัน ...

แต่ในตอนนี้กำลังของเขายังด้อยกว่าศัตรูมากมายนัก

ทว่าเขายังหนุ่มและเต็มไปด้วยความสามารถไร้สิ้นสุด หากรวมกับความทรงจำที่ได้รับจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติพบแล้วล่ะก็ อีกไม่นานตัวเขาต้องเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติ 2 คนนั้นอย่างเทียบไม่ติด ...

และเมื่อเวลานั้นมาถึง ตัวเขาจะทำให้มันทั้งสองต้องสำนึกเสียใจกับการกระทำของพวกมันในวันนี้

"ซันเหล่ย งั้นหรือ ข้าไม่มีวันลืมเจ้าแน่ ไอบัดซบ!"

ต้วนหลิงเทียนสลักนามนี้ลงในความทรงจำของเขาอย่างแน่นหนา

นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ต้องการสังหารใครอย่างถึงขีดสุดเช่นนี้ ตั้งแต่ที่เขาได้จับพลัดจับผลูมาอยู่บนโลกแห่งนี้

คนแรกคือ ต้วนหลิงซิ่ง คนของตระกูลต้วนที่อยู่เมืองหลวง

ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหนือกว่าบุคคลทั่วไปในระดับเดียวกัน ทำให้เขาสามารถฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วมากนัก นี่เพราะเขาใช้พลังงานต้นกำเนิดบ่มเพาะร่างกาย จนกายเนื้อของเขาก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าช้างแมมมอธโบราณ 5 ตัว ทั้งยังมีโอสถทองประสานกายระดับ 8 อาการของเขาจึงหายดีในเวลาไม่นาน

ส่วนทางด้านลี่เฟยนั้น นางได้แต่ยืนมองหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นห่วงและเต็มไปด้วยความรักอยู่ด้านข้าง

เมื่อครู่นี้ยามที่เผชิญหน้ากับตัวตนทรงพลังระดับธรรมชาติ นางหวาดกลัวมากเสียจนสองเท้ารู้สึกหนักไม่ต่างอะไรกับตะกั่ว นางไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย

แต่ในยามที่นางรู้สึกจนตรอกจนทำอะไรไม่ได้ ต้วนหลิงเทียนพลันก้าวออกมายืนหยัดปกป้องนางอย่างกล้าหาญเขายืนขวางอยู่ด้านหน้าของนางราวกับเทพประจำกายที่คอยพิทักษ์นางจากภยันตรายใดๆทั้งปวง

เขายอมบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ยอมให้ใครทำร้ายนางแม้แต่ปลายเล็บ

หัวใจของนางเริ่มเต็มไปด้วยความหวั่นไหว ...

ยามนี้นางรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าของนางนั้นคู่ควรให้นางมอบชีวิตให้

"หืม?"

ทันใดนั้นเองจมูกของต้วนหลิงเทียนก็ขยับสูดดมฟุดฟิดๆ ราวกับได้กลิ่นอะไรบางอย่าง เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปยังที่แห่งหนึ่ง

ลี่เฟยเองก็รู้สึกประหลาดใจแต่ยังเดินตามเขาไป

ในที่สุดหลิงเทียนก็พบร่างชายคนหนึ่งนอนอยู่ในพุ่มไม้..ไม่สิต้องกล่าวว่าพบศพชายคนหนึ่งพุ่มไม้มากกว่า

ชายหนุ่มนั้นอายุไม่ได้มากมายอะไรนักแต่ทั่วทั้งร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล อีกทั้งในมือของมันก็กำแผ่นหยกเอาไว้แน่น พลังงานต้นกำเนิดเริ่มรั่วไหลออกมาจากร่างกายของเขาและบาดแผลสาหัสต่างๆบนร่างที่ราวกับจะถูกเขาฝืนรักษาเอาไว้เริ่มปริแตกออกมา จนทำให้โลหิตเริ่มหลั่งไหลออกมาราวกับสายน้ำ

และเพราะเหตุนี้นี่เองจึงทำให้หลิงเทียนมีประสาทสัมผัสแหลมคมสามารถได้กลิ่นโลหิตและติดตามมาพบร่างเขาเช่นนี้

เมื่อเห็นภาพชายที่มีบาดแผลสยดสยองและโลหิตท่วมร่างกาย สีหน้าลี่เฟยพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเพราะความหวาดกลัว ก่อนที่นางจะเบนหน้าหนีไป

"แผ่นหยกนี้น่าจะเป็น ... "

ต้วนหลิงเทียนหยิบแผ่นหยกขึ้นมา ต้องขอบคุณความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ที่ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าแผ่นหยกนี้คืออะไรและใช้งานอย่างไร

เสียงหนึ่งเริ่มดังขึ้นในหูของหลิงเทียน

"สหายแห่งโชคชะตาเอ๋ย ข้าศิษย์ระดับผู้นำของนิกายเลิศภพจบแดน ช่างกวนหยู ...หากท่านได้ฟังอยู่ เมื่อท่านได้ตรวจสอบดูภายในแหวนมิติของข้า ท่านจะพบกระบี่หยกเล่มหนึ่ง ...หากวันใดที่ท่านสามารถบ่มเพาะได้จนบรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติ ท่านสามารถมุ่งหน้าไปยังราชอาณาจักรพนาครามและเก็บรวบรวมกระบี่หยกเช่นนี้อีก 8 เล่มจากผู้ที่ครอบครองคนอื่น และเมื่อท่านสามารถรวบรวมมันได้ครบ กระบี่หยกทั้ง 9 เล่มจะหลอมรวมผสานเป็นกุญแจ อีกทั้งมันจะชี้นำท่านไปยังขุมทรัพย์ของราชันย์กระบี่ ...กระบี่หยกทั้ง 8 เล่มที่เหลือนับว่ามีความสำคัญและเป็นสิ่งที่ทุกผู้คนล้วนต้องการแย่งชิง เพื่อเป็นเจ้าของขุมทรัพย์และความมั่งคั่งอันมหาศาล ...นิกายเลิศภพจบแดนของข้าเอง ก็ถูกทำลายลงเพราะความโลภของศัตรูที่ต่อกระบี่หยกเล่มนี้! "

"นอกจากนั้นหากท่านสามารถเดินทางไปถึงราชอาณาจักรพนาครามได้แล้ว ...ข้าขอวิงวอนร้องขอท่าน... สหายแห่งโชคชะตา.. หากท่านพอมีเวลาว่างในระหว่างที่ท่านรวบรวมกระบี่หยกนั้น ช่วยนำแผ่นหยกบันทึกเสียงอีกอันที่อยู่ภายในแหวนมิติของข้า ไปยังยอดเขาเดียวดายและส่งมอบมันให้ถึงมือชายที่มีนามว่า ชางกวนหยางด้วย หากท่านทำตามคำขอนี้ตัวข้าช่างกวนหยูจักขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง"

หลังจากที่ฟังจบแววตาของหลิงเทียนก็เรืองวูบขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆเผยออกมาบริเวณมุมปาก

ราชอาณาจักรพนาครามนั้น ตัวหลิงเทียนย่อมเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมันมาบ้างแล้ว อาณาจักรนภาล่องที่เขาอาศัยอยู่ในขณะนี้นับว่าเป็นเพียงอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรพนาครามเท่านั้น

‘จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ดูเหมือนจักรพรรดิและราชันย์คนอื่นๆจะชอบเก็บสมบัติของพวกมันไว้ตามที่ต่างๆ ก่อนที่จะตั้งเงื่อนไขและกุญแจต่างๆเพื่อให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รุ่นหลังได้ต่อสู้แย่งชิงกัน ...เพื่อความสนุกของพวกมัน ...เกมส์หาสมบัตินี้จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดเองก็เคยละเล่นอยู่นับครั้งไม่ถ้วน’

‘สมบัติของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดที่เขาได้วางแผนไว้ว่าจะนำมาใช้สำหรับชีวิตที่ 3 ตอนนี้มันก็ยังถูกซ่อนไว้ที่ ดินแดนลับแล ทำให้ตอนนี้ข้ายังไม่สามารถนำมันมาใช้ได้ ...แต่สมบัติของราชันย์กระบี่นี้กลับอยู่ที่ราชอาณาจักรพนาครามเท่านั้น หากเก็บรวบรวมได้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะหาที่ตั้งและนำมันมา’

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ตัวตนที่มีนามว่าราชันย์กระบี่นั้น แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เชี่ยวชาญกระบี่และบ่มเพาะจนถึงระดับขั้นราชันย์ อย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าระดับบ่มเพาะขั้นราชันย์จะต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ แต่สมบัติที่เขาทิ้งไว้ย่อมล้ำค่าและมีประโยชน์ไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนรีบนำแหวนมิติออกจากศพก่อนที่จะหยดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของทันที

เมื่อสำรวจภายในแหวนมิติ อดไม่ได้ที่เขาจะประหลาดใจ

‘คิดไม่ถึงจริงๆว่าชายคนนี้จะเป็น ผู้หลอมโอสถด้วย... จากวัตถุดิบต่างๆที่เขาเก็บรวบรวมเอาไว้ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 7 ...อืม วัตถุดิบพวกนี้นับว่ามีค่าไม่น้อย’

‘และนี่คือกระบี่หยก ที่เป็น 1 ใน 9 กุญแจที่จะนำทางไปยังขุมทรัพย์ของราชันย์กระบี่สินะ อ่อ..แล้วนี่คงเป็นแผ่นหยกบันทึกเสียงที่เขาหวังให้ข้านำไปส่งมอบที่ยอดเขาเดียวดายอะไรนั่น’

ต้วนหลิงเทียนหยิบแผ่นหยกบันทึกเสียงขึ้นมาก่อนที่จะส่งพลังงานต้นกำเนิดลงไป

เสียงดังขึ้นมาในหูของหลิงเทียนอีกครั้ง "ท่านปู่ ยามนี้นิกายเลิศภพจบแดนถึงคราล่มสลายแล้ว ท่านพ่อและเหล่าผู้อาวุโสล้วนตกตายในสงครามจนหมดสิ้น... .นิกายที่ทำลายนิกายเลิศภพจบแดนของเราคือนิกายอสูรทมิฬ"

แผ่นหยกบันทึกเสียงนี้เป็นแผ่นหยกที่ศพตรงหน้าต้องการให้เขานำไปส่งยังยอดเขาเดียวดาย

‘ดูเหมือนไอบัดซบนามซันเหล่ยนั่นจะเป็นคนของนิกายอสูรทมิฬ’

ดวงตาของหลิงเทียนเรืองวูบออกมาก่อนที่จะเต็มไปด้วยความกระหาย

จากรูปการณ์เขาคิดว่า ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติ 2 คนนั้นคงไล่ติดตามช่างกวนหยูที่นอนตายอยู่ตรงนี้มาเพื่อช่วงชิงกระบี่หยกเป็นแน่ แต่ช่างกวนหยูเลือกที่จะใช้พลังชีวิตทั้งหมดซ่อนเร้นกลิ่นอายเอาไว้เช่นนี้

"ตัวเลวร้าย เจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่หรือ?"

เสียงของลี่เฟยปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์

เสียงที่หลิงเทียนได้ยินนั้นมาจากแผ่นหยกบันทึกเสียงและย่อมมีแต่เขาเพียงคนเดียวที่ได้ยิน ลี่เฟยจึงค่อนข้างสงสัยเมื่อเห็นเขานั่งนิ่งไปนานๆ

"ไม่มีอะไร ข้าคิดว่าเขาน่าสงสารมากเท่านั้น"

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา เมื่อนำสิ่งของมีค่าออกมาจากศพหมดสิ้นแล้วเขาก็จุดไฟเผาทำลายศพนี้ทิ้ง

"เสี่ยวเฟย เจ้าต้องการกลับไปพักก่อนหรือไม่?"

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้หลิงเทียนรู้สึกเป็นห่วงลี่เฟยอยู่ไม่น้อย

"เรื่องนี้ต้องถามเจ้าสิตัวเลวร้าย อาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หากเจ้าเหนื่อยพวกเรากลับกันก่อนก็ได้นะ" ลี่เฟยกล่าว ออกมาเบาๆอย่างห่วงใย

หลิงเทียนสังเกตเห็นได้ว่าท่าทีของลี่เฟยที่มีต่อเขามันเปลี่ยนแปลงไป

ดูเหมือนว่าการเล่นบทฮีโร่ช่วยเหลือหญิงงาม เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการมัดใจสตรี...

"ข้าสบายดีแล้ว พวกเราเข้าไปลึกอีกนิดเถอะ คงมีสัตว์อสูรให้ทดสอบฝีมือบ้าง"

หลังจากนั้นหลิงเทียนก็นำลี่เฟยเข้าไปล่าสัตว์อสูรในป่าหมอกมรณะ

หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พบสัตว์อสูรมากมาย ตัวที่แข็งแกร่งมากๆหลิงเทียนก็จะเป็นคนลงมือจัดการเพียง แต่ถ้าตัวไหนมีระดับบ่มเพาะต่ำกว่าระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 เขาก็จะให้ลี่เฟยจัดการ

ลี่เฟยนั้นตอสู้กับสัตว์อสูรอย่างสุนกสนาน หลังจากได้วิชาบ่มเพาะพลังจากหลิงเทียน พลังงานต้นกำเนิดของนางก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

ทั้งคู่ล่าสัตว์อสูรจนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามราตรี

"ดูเหมือนคืนนี้พวกเราต้องค้างแรมที่นี่แล้ว" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา

คืนนี้นั้น ท้องฟ้าปลอดโปร่งเผยให้เห็นดวงจันทร์กระจ่างกลมโตส่องแสงนวลงดงามเต็มดวง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยทะเลดาราร้อยเรียงเปล่งประกายสว่างไสว หลิงเทียนและลี่เฟยเอนตัวพิงต้นไม้ใหญ่และนั่งมองท้องฟ้ายามราตรีด้วยกัน

"ตัวเลวร้าย ข้าเองก็เคยได้ยินมาอยู่บ้างว่า ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติสามารถควบคุมกระแสอากาศจนบินได้เช่นนี้ ตอนนั้นข้าคิดว่าคำร่ำลือมันเกินจริงไปบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ"

น้ำเสียงของลี่เฟยมีความซับซ้อนเล็กน้อย

"ขาวลือบางอย่าง ก็ไม่ใช่ข่าวลือไม่มีมูลซะทีเดียว"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ

"วันนี้เจ้าไม่กลัวผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติ 2 คนนั้นหรือ?" ลี่เฟยกล่าวถาม

"แน่นอนว่าข้าย่อมกลัว"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติไม่ต้องลำบากยกมือด้วยซ้ำ เพราะแค่แรงกดดันเพียงอย่างเดียวก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว

หากเขาบอกว่าไม่กลัวก็คงเป็นเรื่องโกหก

ลี่เฟยมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อนก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ถ้าเจ้ากลัว..แล้ว ... ทำไมเจ้ายังปกป้องข้าอยู่เล่า"

"ไม่ใช่ว่าบุรุษต้องคอยปกป้องอิสตรีตามหลักการของสวรรค์และโลกหรือ นอกจากนี้เจ้าเองก็อย่าได้ลืมไปสิ ว่าเจ้าเป็นว่าที่ภรรยาของข้า... ไม่ต้องพูดถึงระดับธรรมชาติเลย ต่อให้พวกมันจะมีระดับราชันย์ หรือระดับจักรพรรดิข้าก็จะสู้ตายกับพวกมันเพื่อปกป้องเจ้า "

ต้วนหลิงเทียนยิ้ม

"ระดับราชันย์? ระดับจักรพรรดิ?"

ลี่เฟยทำท่าทางสงสัยออกมา เห็นได้ขัดว่านางไม่รู้จักสองระดับนี้

"ระดับบ่มเพาะในระดับขั้นราชันย์นั้น เป็นระดับบ่มเพาะที่เหนือล้ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับ ผันแปรธรรมชาติ และผู้ฝึกยุทธ์ระดับจักรพรรดินั้นก็เหนือล้ำไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับบ่มเพาะในระดับราชันย์ไปอีกขั้น และนั่นเป็นตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของทวีปเมฆาล่องแห่งนี้แล้ว" หลิงเทียนกล่าวอธิบายออกมา

"เจ้ารู้ทั้งหมดนี่ได้อย่างไรกัน?"

ลี่เฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

"ข้าเพียงอ่านเจอมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง"

ต้วนหลิงเทียนยิ้ม

คงเป็นเรื่องน่าขำนัก! หากเขาเป็นถึงผู้ที่หลอมรวมความทรงจำกับจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ในระดับจักรพรรดิจะไม่รู้เรื่องนี้

"แล้วเมื่อครู่เจ้ากล่าวถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับ ผันแปรธรรมชาติ แล้วมันคืออันใดกันอีกเล่า?"

ลี่เฟยเริ่มอยากรู้อยากเห็น

"เอาล่ะ เสี่ยวเฟยเจ้าจำเอาไว้ให้ดีล่ะ ระดับบ่มเพาะที่อยู่เหนือระดับวิญญาณแรกก่อตั้งไปนั้น จะเป็นระดับบ่มเพาะขั้นธรรมชาติ แต่ทว่าในระดับขั้นธรรมชาตินั้น ยังแบ่งออกได้อีกเป็น 4 ระดับขั้นใหญ่ๆ อันได้แก่ ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ ,ระดับเรียนรู้ธรรมชาติ,ระดับหลอมรวมธรรมชาติ และสุดท้ายระดับผันแปรธรรมชาติ" ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวอธิบายออกมา

"เช่นนี้ล่ะ"

ลี่เฟยพยักหน้าเบาๆ "ตัวเลวร้าย นับว่าข้าประเมินเจ้าต่ำไป จริงๆแล้วเจ้ากลับรอบรู้อยู่ไม่น้อย"

"ฮ่าๆ แน่นอน เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?"

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกบ้ายอเล็กน้อย

"เพ้ย! ข้าเพียงชมเจ้านิดเดียวแต่เจ้าแทบจะลอยได้แล้ว"

ลี่เฟยกล่าวจิกกัดออกมา

"เสี่ยวเฟย..."

"หือ?"

"อย่าเรียกข้าตัวเลวร้ายไม่ได้หรือ มันฟังดูแย่ๆอย่างไรไม่รู้ "

"เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าตัวลามกดีหรือไม่"

"ตัวลามกหรือ? เจ้ากล้าเรียกข้าตัวลามกงั้นหรือ? ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าตัวลามกที่แท้จริงเป็นยังไง"

"อะไร เจ้าจะทำอะไรข้า?"

"ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้ารู้ว่าข้าไม่ใช่ตัวลามกธรรมดา"

"ตัวลามกอย่านะ!"

"เสี่ยวเฟย ...ข้า ... ต้องการเจ้า ... "

"ไม่ได้นะ"

"เจ้าไม่เต็มใจมอบให้ข้าหรือ...?"

"ชะ..ช่วง 2-3 วันนี้จะ..เจ้าทำไม่ได้ ... ช่วงนี้ข้ามี..สิ่งนั้น"

"บัดซบ!"

...

หลิงจากที่ได้ยินเรื่องนี้หลิงเทียนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เขาทำได้เพียงโอบกอดร่างกายที่เย้ายวนและบอบบางของลี่เฟยได้อย่างเดียวเท่านั้น แน่นอนว่ามันย่อมรู้สึกดีไม่น้อย แต่ก็มีความทรมานอยู่ด้วยเช่นกัน

สุดท้ายเขาก็กอดลี่เฟยจนหลับไป

รีวิวผู้อ่าน