ตอน 65 เล่นเล่ห์เหลี่ยมเก่ง
คนที่เดินเข้ามาคือพนักงานสาววัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ เธอค่อนข้างสวยและมีหุ่นที่ร้อนแรงอันเป็นเอกลักษณ์
เห็นได้ว่าเธอจงใจแต่งหน้าแต่งตัวมาเป็นอย่างดี เธอสวมเสื้อยืดคอกลมรัดรูปตัวจิ๋วเผยให้เห็นเรือนร่างเซ็กซี่และร่องหน้าอกที่อวบอิ่ม
หลังจากเห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว จางจื้อเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะขยับแว่นของตัวเองและกลืนน้ำลายดังอึก
“ โอ้ เธอป่วยเป็นอะไร ? ” ฉินห้าวตงถาม
ตอนแรกผู้หญิงคนนี้เดินเข้าประตูมาด้วยสีหน้าเย้ายวน แต่เมื่อเธอเห็นแม่หนูน้อยในอ้อมแขกของฉินห้าวตง จู่ๆ เธอก็ตกตะลึงไปในทันที
แทนที่จะตอบคำถามของฉินห้าวตง แต่เธอกลับเป็นฝ่ายถามเสียเอง “ คุณหมอฉิน เด็กคนนี้เป็นใครกัน ? ”
“ หนูชื่อถังถัง นี่คือป่าป๊าของหนูค่ะ ! ”
แม่หนูน้อยพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักขณะที่กำลังฉีกห่อเนื้ออบแห้งกิน
ฉินห้าวตงจึงพูดต่อ “ ถึงแม้ว่าจะเลี้ยงลูกอยู่ แต่คุณไม่สบายตรงไหน ผมจะได้รักษาให้ ”
“ ไม่เป็นไร ฉันหายดีขึ้นมาเฉยๆ เลย ”
หญิงคนนั้นหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งไว้แต่ฉินห้าวตงที่ทำหน้างง
จากนั้นก็มีพวกผู้หญิงคนอื่นเข้ามาที่ห้องพยาบาลคนแล้วคนเล่า แต่พวกเธอก็ต้องรีบออกไปเมื่อเห็นภาพที่ฉินห้าวตงกำลังอุ้มลูกอยู่ แม้ว่าจะมีคนป่วยที่มาให้เขารักษาจริงๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เยอะเท่าคนพวกนั้น ดังนั้นเช้าวันนี้จึงเป็นวันที่ฉินห้าวตงว่างมาก
จนถึงตอนนี้เขาถึงเข้าใจความหมายของหลินโม่โม่แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเป็นประธานได้ ก็เธอเก่งในการเล่นเล่ห์เหลี่ยมขนาดนี้ เธอแค่ใช้แม่หนูน้อย ก็สามารถกันเขาให้ออกห่างจากผู้หญิงพวกนั้นได้แล้ว
ตอนที่กินข้าวกลางวันนั้น ไม่มีสถานการณ์แบบเมื่อครั้งที่แล้วเกิดขึ้นอีกเลยเมื่อฉินห้าวตงพาแม่หนูน้อยเดินเข้าโรงอาหารไป ทำให้เขากินมื้อกลางวันกับจางจื้อเจี๋ยอย่างสงบสุข
หลังกินข้าวเสร็จ เขาพาแม่หนูน้อยไปที่ห้องทำงานของหลินโม่โม่ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา ประตูก็ถูกเปิดออกและอันปี้หรูวิ่งหอบหายใจเข้ามา
ฉินห้าวตงแปลกใจไปเล็กน้อย อันปี้หรูเป็นผู้ช่วยของหลินโม่โม่ เวลาทำอะไรเธอมักจะใจเย็นและไม่เคยตื่นตระหนกแบบนี้มาก่อน
“ พี่อัน เกิดอะไรขึ้น ? ”
หลินโม่โม่ขมวดคิ้ว นิทรรศการครั้งนี้สำคัญต่อเธอมาก ดังนั้นเธอจึงตั้งใจให้อันปี้หรูคอยดูสถานการณ์อยู่ที่งานนิทรรศการตลอดเวลา แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงกลับมาเร็วนัก ?
“ ประธานหลิน......บางอย่าง......มีบางอย่างเกิดขึ้น ! ” อันปี้หรูพูดพลางหอบหายใจ
“ เกิดอะไรขึ้น ? ”
“ งานนิทรรศการแร่หินหยกของเราพึ่งเปิดงานไปเมื่อวานนี้ วันนี้ตระกูลเฝิงกำลังจัดงานนิทรรศการหินหยกอีกงานอยู่ฝั่งตรงข้ามเรา ”
สีหน้าของหลินโม่โม่ดูเครียดขึ้น เพื่อจัดงานนิทรรศการแร่หินหยกในครั้งนี้ หลินชื่อกรุ๊ปของพวกเธอลงทุนเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อประชาสัมพันธ์งานไปทั่วประเทศ ตอนนี้ผลตอบรับดีมาก นักธุรกิจหินหยกและนักพนันหยกทั้งหลายต่างหลั่งไหลเข้ามาในงานนี้
แต่ตระกูลเฝิงกลับจัดงานนิทรรศการแบบเดียวกันที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งหมายความว่าหลินชื่อกรุ๊ปได้ใช้เงินเพื่อช่วยพวกเขาโปรโมท และพวกเขาก็แค่นั่งอยู่เฉยๆ รอเก็บเกี่ยวผลจากความพยายามของคนอื่น
สิ่งสำคัญที่สุดคือเฝิงชื่อกรุ๊ปเป็นคู่แข็งระดับบิ๊กของหลินชื่อกรุ๊ปในตลาดหินหยกมาโดยตลอด แถมตอนนี้พวกนั้นกำลังจัดงานนิทรรศการอีกงานตรงข้ามพวกเขา มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกนั้นกำลังจะแข่งกับหลินชื่อกรุ๊ป
อันปี้หรูยังพูดต่ออีกว่า “ สิ่งที่แย่ที่สุดคือขนาดของงานนิทรรศการทางฝั่งนั้นไม่ได้เล็กไปกว่าของเราเลยและหินหยกทั้งหมดของพวกเขาก็มาจากเหมืองเก่าแก่ในประเทศพม่า พวกเขาชนะเราในด้านคุณภาพของสินค้า ”
“ อะไรนะ ? มันเป็นไม่ไปได้ ! ” หลินโม่โม่อารมณ์ขึ้น เธอลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความโกรธ “ ตอนที่เราไปซื้อแร่หินหยกจากเหมืองเก่าแก่นั่น พวกแก๊งขายหยกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ขายให้กับประเทศจีน ? ทำไมถึงไม่ขายให้ตระกูลหลิน แต่กลับไปขายให้ตระกูลเฝิงแทนล่ะ ? ”
อันปี้หรูพูดอย่างขุ่นเคือง “ อันนี้ฉันไม่รู้เหมือนกัน ยังไงซะตอนนี้แขกก็ไปที่งานนิทรรศการของตระกูลเฝิงหมดแล้ว ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้จัดงานนิทรรศการตลอดครึ่งเดือนก็ยังเอาทุนคืนมาไม่ได้เลย ”
“ เอาล่ะ งั้นไปดูกันสักหน่อย ! ”
หลินโม่โม่พูดแล้วรีบเดินออกไป อันปี้หรูตามเธอไปติดๆ ส่วนฉินห้าวตงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วอุ้มแม่หนูน้อยตามเธอไป ถ้าผู้หญิงของเขาอยู่ในความลำบาก เขาก็ควรจะช่วยเหลือเธอ
หลังจากขึ้นรถ หลินโม่โม่ก็ถาม “ ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ ? ”
“ ก็ไปดูกับคุณไง ผมยังไม่เคยเห็นหยกดิบมาก่อนเลย ” ฉินห้าวตงตอบ
“ ใช่! ใช่! หนูก็อยากเห็นเหมือนกัน! ” แม่หนูน้อยเอาตาม
หลินโม่โม่เงียบไปและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ คุณพึ่งเอ่ยถึงแก๊งขายหยกไป มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ ? ” ฉินห้าวตงถาม
หลินโม่โม่ ตอบ – “ แร่หินหยกมีแค่ในประเทศพม่าเท่านั้นและแร่หินหยกจากเหมืองเก่าของประเทศพม่ามีคุณภาพดีที่สุด แม้ว่าที่อื่นจะมีแร่หยกเหมือนกัน แต่คุณภาพของมันด้อยกว่าเยอะมาก ”
“ การส่งออกหินหยกของประเทศพม่าถูกผูกขาดโดยแก๊งหินหยก ในฐานะที่หลินชื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจหลักในด้านค้าขายหยกและอัญมณี จึงจำเป็นต้องเชื่อมสัมพันธ์กับแก๊งขายหยก ซึ่งหลายปีนี้มันผ่านไปได้ด้วยดีมาโดยตลอด ”
“ แต่ในช่วงต้นปีนี้ หลินชื่อกรุ๊ปยื่นข้อเสนอต่อแก๊งขายหยกเพื่อนำเข้าแร่หินหยกหนึ่งล็อตจากเหมืองเก่าในประเทศพม่า แต่แก๊งขายหยกไม่ตอบตกลง พวกเขาอ้างว่าไม่ต้องการส่งออกแร่หินหยกจากเหมืองเก่ามายังประเทศจีน ”
“ พวกเราไม่มีทางเลือกจึงซื้อแร่หินหยกทั้งหมดจากที่อื่น คุณภาพจึงด้อยกว่าแร่หินหยกจากเหมืองเก่าเหล่านั้น ”
“ ตอนนี้แร่หินหยกที่ตระกูลเฝิงได้นำมาจัดแสดงนิทรรศการต่างเป็นแร่หินหยกจากเหมืองเก่านั่นทั้งหมด ทำให้เอาชนะหลินชื่อกรุ๊ป สิ่งนี้อธิบายได้ว่าเบื้องหลังพวกตระกูลเฝิงต้องกำลังเล่นสกปรกอยู่แน่ ”
อันปี้หรูพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า “ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ ตระกูลเฝิงต้องใช้วิธีอะไรสักอย่างในการเชื่อมสัมพันธ์กับแก๊งขายหยกและพวกเขารวมหัวกันวางแผนต่อต้านเรา ”
ระหว่างการสนทนา ขบวนรถก็มาถึงสถานที่จัดนิทรรศการแร่หินหยก ซึ่งอยู่ที่ศูนย์กลางนิทรรศการและชุมนุมเจียงหนาน ซึ่งสร้างขึ้นไว้สำหรับให้บริษัทใหญ่จัดนิทรรศการ
หลังจากลงรถ ฉินห้าวตงก็มองเข้าไปด้านในซึ่งเต็มไปด้วยแร่หินหยกหลากหลายชนิด แม้ภายนอกของมันดูไม่ค่อยแตกต่างกับหินหยกทั่วไปเท่าไร แต่เขาสามารถรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ผู้ฝึกเซียนมีความรู้สึกเร็วต่อพวกพลังวิญญาณมาก ในฐานะมหาเทพแห่งพงไพร พลังวิญญาณแห่งเทพของฉินห้าวตงมีความแข็งแกร่งมาก เขาแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าหินหยกก้อนไหนมีพลังวิญญาณ หินหยกก้อนไหนไม่มีพลังวิญญาณ
“ ประธานหลิน คุณดูนู่น ฝั่งตรงข้ามคืองานนิทรรศการหินหยกของตระกูลเฝิง ”
อันปี้หรูชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดขึ้น
ฉินห้าวตงมองไปทางที่เธอชี้ เขาเห็นหินหยกกองอยู่มากมายที่ฝั่งตรงข้ามนั่น ดูแล้วพื้นที่น่าจะมีขนาดไม่น้อยไปกว่าทางฝั่งนี้ แต่พลังวิญญาณที่หินหยกของทางฝั่งนั้นแผ่ออกมามีความเข้มข้นกว่าทางฝั่งนี้อยู่มาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? คุณภาพที่ดีกว่าจะมีพลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่างั้นเหรอ ? แบบนั้นมันหมายถึงว่าแร่หินหยกที่มีพลังวิญญาณอยู่ภายในจะมีหยกอยู่ในนั้นด้วย ยิ่งพลังวิญญาณมีความเข้มข้นมาก คุณภาพของหยกก็จะยิ่งสูงงั้นเหรอ ?
หลินโม่โม่แตกต่างจากฉินห้าวตงโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เธอเห็นคือผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในงานนิทรรศการของตระกูลเฝิง แต่งานนิทรรศการของเธอกลับมีคนน้อยมาก หากเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังเธอขาดทุนยับแน่
“ ประธานหลิน เราจะทำอย่างไรดี ? ” อันปี้หรูถาม
หลินโม่โม่หน้านิ่ว เพราะเธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน ทุกคนที่มาเข้าร่วมงานต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้น พวกเขาดูคุณภาพของหินหยกออกอยู่แล้ว หินหยกในนิทรรศการของเธอเทียบกับทางฝั่งนั้นไม่ได้เลย หากอยากดึงคนมาที่นี่ เกรงว่าจะเป็นอะไรที่ยากมาก
แต่ฉินห้าวตงกลับทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าของหลินโม่โม่ เขาชี้ไปที่หินหยกแล้วพูดขึ้น “ ในของพวกนี้มีหยกจริงๆ ใช่ไหม? ”
หลินโม่โม่ถอนหายใจแล้วพูดอย่างอดกลั้น “ ภายในแร่หินหยกอาจจะมีหยกอยู่ แต่โอกาสมันมีน้อยมาก สาเหตุที่แร่หินหยกจากเหมืองเก่าของพม่ามีชื่อเสียง เพราะมันมีโอกาสสูงที่จะมีหยกอยู่ในนั้น ”
“ มีทางไหนไหมที่จะมองผ่านพวกแร่หินเหล่านั้นและหาว่าหินก้อนไหนมีหยกและหินก้อนไหนไม่มี ? ”
“ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีเทคโนโลยีปัจจุบันที่สามารถมองผ่านแร่หินหยกได้ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีพวกนักพนันหยกหรอก ” หลินโม่โม่พูด
“ นิทรรศการแร่หินหยกของเรามีเป้าหมายเพื่อให้ลูกค้าพนันว่าหินก้อนไหนมีหยกหรือก้อนไหนไม่มีหยก ก็เหมือนพนันว่าคนไหนคนจน คนไหนคนรวย ที่ไหนคือนรก ที่ไหนคือสวรรค์ พูดง่ายๆ ก็คือธุรกิจพนันหยกนั่นแหละ ”
“ แต่มีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนที่สามารถสร้างข้อวินิจฉัยบนรูปร่างที่ปรากฏของแร่หินดิบได้ แม้ว่าจะไม่แม่นยำ 100% แต่มันก็ดีกว่าที่ต้องไปเสี่ยงกับดวง ” อันปี้หรูพูดเสริม
“ โอ้ ผมมักจะมีโชคมาตลอดด้วยสิ แล้วถ้าให้ผมลองมันล่ะ ? ” ฉินห้าวตงพูด
เขาต้องการดูว่าข้อวินิจฉัยของเขาถูกต้องหรือไม่ ถ้าระดับความเข้มข้นของพลังวิญญาณเกี่ยวข้องกับคุณภาพของหยกจริง งั้นมันก็คงไม่ต่างจากการมองผ่านแร่หินหยกได้
“ ลองดูสิ ยังไงมันก็เป็นหินหยกของหลินชื่อกรุ๊ปอยู่แล้ว คุณถูกใจอันไหน ก็เอาไปให้คนตัดหินที่อยู่ด้านข้างเปิดให้ดูแล้วกัน ” หลินโม่โม่พูด
ฉินห้าวตงหยิบแร่หินหยกราคาสองพันหยวนขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนตัดหินที่นั่งว่างไม่มีอะไรทำ เนื่องจากไม่มีแขก
เมื่อเห็นงานกำลังมา คนตัดหินก็รีบตัดหินทันที เพียงแต่ในนั้นไม่มีอะไรเลย เงินสองพันหยวนจึงกลายเป็นแค่หินไร้ค่าเท่านั้น
“ พ่อหนุ่ม นายเสี่ยงพลาด! ” คนตัดหินกล่าว พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้หรอก อย่าว่าแต่สองพันหยวนเลย ต่อให้ยี่สิบล้านหยวนก็ยังสามารถเสียพนันเอาได้ง่ายๆ
ฉินห้าวตงไม่ได้เสียดาย มันเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ หินที่ไม่มีพลังวิญญาณข้างในจะไม่มีหยกอยู่ในนั้น
จากนั้นเขาก็สุ่มหยิบหินหยกอีกหนึ่งก้อนที่มีพลังวิญญาณค่อนข้างเบาบาง หลังจากตัดสินเปิดดูอีกครั้ง ด้านในมีหยกสีเขียวอยู่ก้อนหนึ่งขนาดเท่าไข่ไก่ แต่คุณภาพของมันไม่ค่อยดีเท่าไร
เมื่อเห็นเช่นนั้น อันปี้หรูจึงพูดขึ้น “ คุณหมอฉิน ดวงคุณไม่เลวเลย เสี่ยงดวงสองก้อน แต่ดันดวงดีหนึ่งก้อน ก้อนนี้ถือว่าคืนทุนแล้ว ”
ฉินห้าวตงพึ่งมองเห็นว่า หินหยกก้อนนี้มีราคาอยู่ที่สองหมื่นหยวน หรือพูดได้ว่าหยกขนาดเท่าไข่ไก่ก้อนนี้ขายได้ประมาณสองหมื่นหยวนเป็นอย่างต่ำ ดูแล้วของสิ่งนี้จะมีมูลค่าจริง
“ มันพึ่งเริ่มเท่านั้น ผมมั่นใจว่าผมจะมีโชคมากกว่าเดิมเสียอีก ”
ระหว่างสนทนา เขาเลือกหินอีกก้อนที่มีพลังวิญญาณมากกว่าเก่าและส่งให้กับคนตัดหิน “ คุณครับ คุณควรระวังหน่อยนะ ผมคิดว่ามันมีหยกอยู่ข้างในหินนั่น ”
“ อย่ากังวลไปหนุ่มน้อย ฉันแม่นยำมาก ”
คนตัดหินมีประสบการณ์ช่ำชองจริงๆ เขาขัดอย่างรวดเร็วบนพื้นที่ฝั่งหนึ่งของหินด้วยล้อขัดและตรวจดูมันอย่างระวังขณะขัดมัน
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยน การเคลื่อนที่ของเขาระวังมากยิ่งขึ้น ไม่นานเขาก็หยุดเครื่องและคว้าผ้ามาเช็ดบนหินจนสะอาด จากนั้นเขาก็เทน้ำสะอาดลงไปที่มัน
ตอนนี้พวกเขาสามารถเห็นบริเวณที่ถูกน้ำเทลงไป มันมีรอยจางๆ สีเขียวเข้ม เหมือนกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ดูเหมือนมันจะเป็นหยกที่บริสุทธิ์มาก
“ สีเขียว สีเขียวออกมาแล้ว! ” อันปี้หรูร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
หลินโม่โม่ก็แปลกใจเช่นกัน เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหยกเนื่องจากทำธุรกิจหยกมานานหลายปี สีเขียวของหินหยกก้อนนี้บริสุทธิ์ใกล้เคียงกับน้ำแข็งมาก ตราบใดที่หาก้อนที่มีขนาดเท่าไข่ไก่ได้ ราคาของมันต้องสูงถึงหนึ่งล้านหยวนแน่นอน
“ หนุ่มน้อย ตอนนี้นายได้ชนะการเสี่ยงหินแล้ว นายอยากต่อรึเปล่า ? ” คนตัดหินถามขึ้น
เป้าหมายของฉินห้าวตงได้ลุล่วงแล้ว ตอนนี้เขาได้พิสูจน์การคาดเดาของเขาแล้วว่ายิ่งพลังวิญญาณในหินหยกมีความเข้มข้นมากเท่าไร หยกที่อยู่ในหินหยกนั่นจะยิ่งมีคุณภาพสูงเท่านั้น
เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจพลางพูดขึ้น “ ผมไม่เอาแล้ว ผมแค่ทดสอบโชคของตัวเองเท่านั้น หินหยกก้อนนี้เป็นของประธานหลิน แล้วแต่เธอเลยครับ ”
จบตอน