px

เรื่อง : ระบบมหานครคนเถื่อน (都市枭雄系统)
ตอนที่6 ซูเจี๋ย


ตอนที่ ซูเจี๋ย

            “ ขอโทษด้วยนะที่ฉันนำความเดือดร้อนมาให้ แต่ว่าคุณวางใจเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เขาสร้างความเดือดร้อนแก่คุณ วันนี้ที่พาคุณมาก็แค่อยากให้เขาได้เห็นคุณ ไม่คิดว่าเขาจะสร้างปัญหาให้ขนาดนี้ ดูไปดูมาหลังจากนี้ฉันจะต้องมีเรื่องให้ปวดหัวมากแน่ๆ ”

            เวลาผ่านไปครู่เดียว เหยาหลานก็ปล่อยแขนของเจียงป๋าย หลังจากนั้นค่อยๆใช้นิ้วมืออันเรียวยาวกุมขมับ เหมือนกับคนปวดหัว อาการมึนเมาที่เคยมีก่อนหน้านี้ก็ได้หายไป     

            “ โอเค ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็จบลงแล้ว ฉันจะไปกินข้าวแล้ว ”

            ยังไงก็ได้ เขาพูดพร้อมยักไหล่ เจียงป๋ายยังคงรอด้วยท่าทางที่สงบเยือกเย็น แล้วค่อยๆหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ทำให้รู้สึกห่างเหิน

            ด้วยความที่เจียงป๋ายไม่ชอบให้ใครมาใช้เขา ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยอย่างไรก็ไม่สำเร็จ “ ฉันนน......โอเค ”  มองดูก็รู้ถึงความหมายของความห่างเหินของเจียงป๋าย เหยาหลานอยากจะอ้าปากพูดแต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่ฝืนยิ้มเพื่อเป็นการตอบกลับเจียงป๋าย

            เขาเดินคนเดียวลำพังออกจากเขตพื้นที่เล็กๆ  ในละแวกใกล้ๆเขาเดินไปต่อแถวเพื่อที่จะซื้อเครื่องในสองไม้ เนื้ออีกยี่สิบไม้ และเบียร์อีกหนึ่งโหล เจียงป๋ายกำลังลงมือกินของที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

             “ เจียงป๋าย ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ? ไม่ทันพูดอะไรก็หายไปซะแล้ว ฉันนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาย ทำอะไรให้นายเดือดร้อน ! ” สายที่โทรเข้ามาโทรจากที่ที่เจียงป๋ายเคยอยู่ก่อนหน้านี้  ผู้จัดการของ “ สโมสรความบันเทิงระดับโลก ” ที่ชื่อว่าหลี่เฉียง เสี่ยตัวอ้วนที่อายุ 40 กว่าปี

            ได้ยินมาว่าเขาก็เคยอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ในเขตตะวันออก มีหน้ามีตาไม่ใช่น้อยเพราะแต่ก่อนเคยเป็นผู้คุม พักหลังมาการทำงานของเขาถูกใจเถ้าแก่ที่นี่ เลยได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกก็ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่ว่ามีคนหลายคนพูดกันมาเช่นนี้

            หลี่เฉียงถือว่าเป็นคนดี มีเมตตา ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเขาก็จะคอยช่วยเหลือ แต่ก่อนที่เจียงป๋ายดูอ่อนแอ ถูกคนกลั่นแกล้ง เขาก็คอยช่วยเหลือตลอด ครั้งนี้ที่เขาโทรหาเพราะนึกว่าเจียงป๋ายเกิดอุบัติเหตุ

            “ เดือดร้อนอะไรกัน ? ”  เจียงป๋ายตอบออกไปโดยที่ในใจมีอุบายบางอย่าง  ได้ยินมาว่าเถ้าแก่ก็เป็นคนใหญ่คนโตของที่นี่ เจ้าเด็กหลิวปินคนนั้นก็แค่นักเลงตัวเล็กๆ ทำไมถึงมีการพูดถึงแบบนั้น ? หลี่เฉียงถึงกับต้องโทรหาฉันด้วยตัวเองเลยเหรอ ?

             “ เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา นายพึ่งจะไปตีหัวคนอื่นมาใช่ไหม ? แถมยังฝากคำพูดจนทำให้คนไปตามหานายที่นี่ ?  ก็ได้ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว จริงๆแล้วฉันคิดว่านายเป็นคนซื่อตรง ไม่เคยโมโหโกรธใคร ทำไมอยู่ดีๆถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ?  อีกนิดเดียวก็ทำให้ไอ้เด็กคนนั้นตายแน่ๆ ! ตอนนี้ก็ได้เรื่อง เขาตามหาแกจนถึงหน้าประตูแล้ว ตอนนี้ฉันก็ช่วยเหลืออะไรนายไม่ได้แล้ว นายมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้วกัน ฉันไม่รู้ว่าครั้งนี้นายจะเป็นฝ่ายเสียเลือดเองหรือเปล่า แกรีบไปบอกคนที่บ้านนายไป คนที่ตามหานาย......อืม  นายล้มเขาไม่ไหวแน่

            เสียงของหลี่เฉียงดังขึ้นอีกครั้ง ตอนที่เริ่มพูดเสียงของเขารับรู้ได้ถึงความหวังที่เขามีต่อเจียงป๋ายอย่างมาก แต่ฟังไปฟังมากลับเปลี่ยนไป แต่ก็ทำให้เจียงป๋ายเข้าใจถึงเจตนาของเขา เหตุการณ์นี้ทำให้หลี่เฉียงกลัวมาก ไอ้นั่นถึงกับมาตามหาเจียงป๋ายถึงที่นี่ แม้แต่เถ้าแก่ยังไม่กล้าสู้ เรื่องนี้เห็นทีว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆแล้ว

             “ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันก็ไปเองแหละ! ” ถ้าอีกฝั่งเขาไปแจ้งตำรวจจริงๆ ตอนนี้ตำรวจคงตามตัวถึงที่แล้ว เจียงป๋ายได้ยินก็รู้สึกหดหู่ แต่จะว่าไปการลงมือครั้งนี้จะต้องเป็นไปด้วยดี เรื่องนี้จะต้องถูกแก้ปัญหาอย่างเงียบๆ ใครว่าเจียงป๋ายกลัวกันล่ะ เพิ่งไปเรียนกังฟูมายังไม่ทันได้พัฒนา ถือเสียว่าครั้งนี้เป็นการฝึกซ้อมฝีมือก็แล้วกัน

            ดื่มเหล้าแก้วสุดท้าย เช็คบิล ออกมาเรียกรถ ประมาณ 20 นาทีเจียงป๋ายก็ถึงประตูสโมสร ประกอบกับเป็นเวลากลางคืน ธุรกิจที่นี่ประกอบไปด้วยโรงแรม ห้องคาราโอเกะ และยังมีร้านนวด ทางเส้นนี้เต็มไปด้วยบริกรยืนต้อนรับ

            ตอนนี้ที่หน้าประตูเต็มไปด้วยรถทั้งคันใหญ่คันเล็กจอดอยู่นับไม่ถ้วน พื้นที่หน้าประตูบางแห่งมีวัยรุ่นหญิงชาย 2-3 คนเมามายนั่งอยู่กับถนน บางคนก็นั่งกอดกัน บางคนไปเป็นคู่ตามอารมณ์ที่พาไป

             “ เสี่ยวป๋าย นายมาแล้วเหรอ !  ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะว่าซูเจี๋ยมาแล้ว พาลูกน้องมาประมาณ 20 กว่าคนอยู่ที่ 666 กำลังรอแกอยู่ พี่เฉียงก็อยู่ที่นั่นด้วย ระวังตัวไว้ให้ดีๆนะ คนนี้นายล้มไม่ไหวหรอก ฉันแนะนำเลยนะว่านายอย่าไปเลย รีบเรียกรถกลับบ้านเกิดนายไป เขากล้ามาตามหาตัวนายถึงที่นี่ นายลองนึกดูสิว่าเขาน่ากลัวขนาดไหน ? ”

            เจียงป๋ายพึ่งจะลงรถยังไม่ทันได้ก้าวเข้าประตู ยามหน้าประตูก็ได้รั้งเขาไว้ ที่นี่คือบ้านเกิดของเจียงป๋าย คนสองคนที่อยู่เมืองเดียวกัน ชายแก่ฝั่งตรงข้ามที่คอยดูแลเจียงป๋ายมาตลอด ตอนนี้เขาได้เห็นเจียงป๋ายมาที่นี่ รีบเร่งดึงตัวเจียงป๋ายแล้วกระซิบว่า

 “ ซูเจี๋ย ? ”

             เจียงป๋ายได้ยินคำนี้ทำให้เขาขมวดคิ้ว ซูเจี๋ยคนนี้เจียงป๋ายรู้จักดี นักเลงหัวไม้ที่อยู่ในเขตฝั่งตะวันออก ในชีวิตของเขามีนักเลงมารวมกลุ่มกับเขานับไม่ถ้วน  2-3ปีที่ผ่านมานี้ ใครก็ไม่กล้าที่จะล้มเขา

            ได้ยินมาว่าทักษะฝีไม้ลายมือในการตีของเขาไม่ใช่เล่นๆ  ไม่ว่าใครหน้าในจะขอร้องอย่างไรเขาก็ไม่ยั้งมือ มีแต่คนเคารพนับถือเขา จริงๆก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาที่นี่ เจียงป๋ายก็เคยเห็น นี่เป็นคนที่เถ้าแก่ต้อนรับด้วยต้วเอง คิดไม่ถึงว่าวันนี้หลิวปินจะเชิญเขามา มิน่าล่ะแม้แต่เถ้าแก่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้า

            เพื่อเป็นการปลอบใจตัวเองหลังจากที่ยามคนนี้พูดความร้ายกาจสมคำร่ำลือต่างๆของซูเจี๋ย ? อย่าล้อกันเล่นเลย เถ้าแก่ก็ไม่ใช่คนโง่อะไร !  ไม่ว่าจะเป็นใครมาที่นี่เขาก็ไม่กลัวหรอก “ลุงเฉา ไม่เป็นไร วางใจเถอะ” เขาตบมือกับลุงเฉา ด้วยสายตาที่เป็นห่วงจากลุงเฉามองไปที่เจียงป๋ายค่อยๆเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ มองทะลุเข้าไปเห็นเขาค่อยๆเปิดประตูห้อง VIP666

            เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปเขาก็เห็นเด็กวัยรุ่นประมาณ 20-30 คน ตรงกลางมีเจ้าหัวโล้น ใส่เสื้อลายดอก กางเกงเดฟขายาว และมีรอยสักนั่งอยู่ โดยมีหลี่เฉียงยืนอยู่ข้างๆพร้อมแก้วเหล้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างหน้า และยังมีสาวสวยประมาณ 3-4 คนคอยป้อนอาหารซ้ายขวา

            เจ้าโล้นที่นั่งอยู่ตรงกลางทั้งสูบบุหรี่และกระดิกเท้า หรี่ตามองเจียงป๋ายด้วยท่าทีหยามเหยียด  หลี่เฉียงที่อยู่ข้างๆแสดงท่าทางหวาดกลัว คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือซูเจี๋ย !  “ ฉันคือเจียงป๋าย แกตามหาฉันเหรอ ? ” เจียงป๋ายก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัว เดินดุ่มๆไม่พูดไม่จาเดินเข้าไปจัดการนักเลงคนหนึ่งต่อหน้าซูเจี๋ยจนเขาทรุดลง ซูเจี๋ยพูดอย่างเย็นชาว่า

            วันนี้เวลานี้ช่างต่างจากอดีต ใครหน้าไหนก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาทั้งนั้น “ เจียงป๋าย นายทำอะไร ! นายพูดกับพี่ซูแบบนี้ นายไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วใช่ไหม !รีบขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้ เขาเป็นคนใหญ่คนโต เขา.....” เจียงป๋ายทำแบบนี้ทำให้นักเลงที่อยู่ข้างๆอยู่นิ่งไม่ไหว นักเลง 20 กว่าคนไม่พูดจาอะไร รีบลุกยืนขึ้น อีก 7-8 คนเตรียมถืออาวุธ ส่วนคนที่เหลือถือขวดเบียร์ ทุกคนเพียงแค่รอคำสั่งของซูเจี๋ยก็สามารถทำให้เจียงป๋ายล้มลงไปได้ หลี่เฉียงที่ยืนอยู่ข้างๆหวาดกลัวจนหน้าซีด จนกระแอมออกมา

             “ อ่า ไอ้เด็กคนนี้ !  ตั้งนานไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้ ! ” ซูเจี๋ยรีบพูดขึ้นเพื่อตัดบทหลี่เฉียง พร้อมกับลุกขึ้นยืน สายตามองไปที่เจียงป๋ายอย่างมีบางอย่างในใจ เจียงป๋ายได้ที่ตอบกลับว่า “ นั่นเป็นเพราะพวกมันกลัว แต่ฉันไม่กลัว !  แกมาเพราะหลิวปินงั้นเหรอ ? ฉันไม่คิดว่าฉันผิด ฉันแค่สั่งสอนที่เขาผิด ทำไมแกถึงออกรับแทนเขา ? ” ด้วยสายตาตรงหน้า เจียงไป๋ไม่ทำอะไร เขานั่งลงพร้อมกับถือเหล้าหนึ่งขวด ค่อยๆดื่มด่ำไปหนึ่งอึกแล้วมองไปที่ซูเจี๋ย

             “ ไม่เลวนี่ เรื่องนั้นฉันรู้หมดแล้ว ไอ้เด็กหลิวปินมันทำไม่ถูก แต่แกลงมือทำแบบนี้ มันไม่เกินไปหรอ เจ้าเด็กนั่นก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ แต่ว่าเจ้าเด็กนั่นก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน เขาเป็นลูกชายของอาฉัน ครั้งนี้อาถึงกับโทรหาฉันด้วยตัวเอง เอาไงดีล่ะ งั้นเรื่องนี้แกต้องอธิบายให้ฉันฟังสักหน่อยแล้ว ”

            ถึงฉันจะมีเงินไม่มาก แต่ก็ไม่ขาดมือ เรื่องของแกฉันก็รู้ ถ้าฉันอยากได้เงินแน่นอนว่าแกมีไม่พอให้ฉันแน่ แกลองพูดซิว่าวันนี้จะเอายังไง? ให้เหลือมือแกไว้ข้างหนึ่งหรือว่าให้ฉันเจาะรูที่หัวแกดี? ” สายตาที่มองดูเจียงป๋ายที่อยู่ข้างหน้า ซูเจี๋ยหลับตาลงพร้อมพูดไปหัวเราะไป คำพูดดูไม่ดุดันแต่ว่าเต็มไปด้วยอารมณ์อาฆาตเคียดแค้น

 

รีวิวผู้อ่าน