px

เรื่อง : ระบบมหานครคนเถื่อน (都市枭雄系统)
ตอนที่12 เข้าสู่วงการบันเทิง


ตอนที่12 เข้าสู่วงการบันเทิง

เมื่อทั้งสามคนดื่มเหล้าไปสามขวดพร้อมกลับแกล้มห้าอย่าง อยู่ๆเจียงป๋ายก็คิดเรื่องๆหนึ่งออกจนเขาต้องบอกกับทั้งสองว่า “ถูกแล้ว ตอนนี้ฉันมีเงินอยู่ก้อนหนึ่งเลยคิดว่าจะทำธุรกิจสักอย่าง แต่ว่ายังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร พวกนายมีอะไรดีๆแนะนำฉันบ้างมั้ย?”

ประเด็นสำคัญที่ถามออกไปเพื่อถามหม่าฉางหยางผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจระดับมหาเศรษฐี ในส่วนของซูเจี๋ย...

สำหรับซูเจี๋ย...ช่างเขาเถอะ เพราะนอกจากการเข้าสังคมก็จะมีร้านอาหารกลางๆ แม้ว่าเขาจะทำมันออกมาได้ค่อนข้างดี ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ว่าสถานการณ์การเงินของเขาก็ไม่ได้ดีซักเท่าไหร่

ซูเจี๋ยยังมีประสบการณ์ หลังจากได้มาอยู่บนโลกอันกว้างใหญ่นี้ เจียป๋ายรู้สึกประหลาดใจกับคำแนะนำที่รับรู้มานั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้3.32ในทุกวัน

ถือว่าพนักงานในโลกนี้รวมถึงสาวน้อยต่างๆ นั้นรวมกันถึงสามร้อยคนเหรอ ไม่มาก มาน้อย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจของเจียงไป๋

ถึงจะน้อยแต่ก็ยังมีค่า ถ้ายิ่งมาเพิ่มเรื่อยก็จะยิ่งสะสมไปจนมีมูลค่า

คนละ0.01ทุกวันก็ไม่มาก แต่ต้องการหนึ่งพันคน หนึ่งหมื่นคน หรือว่าจะเป็นหนึ่งแสนคน

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็มากพอที่จะไปแล้ว

 “เงิน? อืมม งั้นต้องพูดว่า การพนันเสี่ยงโชค แน่นอนว่าไม่ได้พูดถึงอีกสองรูปแบบ การเสี่ยงโชคมันก็ได้ไม่ใช่เหรอ คุณดูสิพี่หม่าทำซะจนรุ่งเรืองแล้วก็ได้เงินมามากมายไม่ใช่เหรอ?”

ซูเจี๋ยพูดออกมาทำให้เจียงป๋ายหันหน้ามาทันที

เรื่องผิดกฎหมายแบบนี้พวกเราไม่ทำ

 

“ อย่างนั้นอสังหาริมทรัพย์เป็นไง? ตอนนี้ทำเงินได้ดีมากเลยนะ อย่ามองว่างสองปีที่ผ่านมามันทำเงินไม่ค่อยได้ เพราะตั้งแต่นโยบายใหม่แถลงออกมาเนี่ย ราคาที่ดินก็พุ่งขึ้น แล้วยิ่งเป็นเมืองใหญ่อย่างเมืองเทียนตู แน่นอนว่าทำเงินได้ดีมากแน่นอน ฉันคิดว่าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เนี่ยดีเลยนะ”

เอาจริงๆเลยนะฉันก็คิดที่จะทำเหมือนกัน ไม่ติดว่าลูกชายที่ไม่เอาไหนของฉันเอาแต่ก่อเรื่อง ฉันก็จะเริ่มกู้เงินมาลงทุนแล้ว

ถ้าหากน้องเจียงสนใจละก็ พวกเรามาร่วมลงทุนกันได้นะ ฉันกำลังดูราคาพื้นที่ต่างๆ ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นล่ะก็เราจะได้เงินมาไม่ใช่น้อยๆเลย ไม่ต้องพูดอะไรมาก ได้คืนมากี่เท่าไม่ใช่ปัญหาเลย

สำหรับซูเจี๋ยนั้น หม่าฉางหยางสามารถเชื่อถือและพึ่งพาได้มาเลยทีเดียว

“อืมมม ฉันมีเงินไม่มาก ตอนนี้ยังไม่ได้อยากลงทุนอะไร เอาไว้โอกาสหน้ามีเงินแล้วค่อยว่ากัน”

ไม่ใช่เจียงป๋ายไม่ได้เล็งที่ดินไว้ ในชาติที่แล้วเขาก็อยากที่จะทำธุรกิจนี้เช่นกัน

ในประเทศจีนของโลกปัจจุบัน ธุรกิจนี้พึ่งจะเริ่มเป็นที่นิยม หลังจากผ่านช่วงเวลาลุ่มๆดอนๆในช่วงเริ่มต้นมาได้ ตอนนี้มันเริ่มที่จะดีขึ้นแล้ว ไม่อิ่มตัวเหมือนแต่ก่อน แน่นอนว่าหม่าจางหยางก็การันตีเลยว่าต้องเป็นการทำธุรกิจที่โกยเงินได้มหาศาลเลยทีเดียว

แต่ปัญหามันอยู่ที่เขาไม่มีเงิน!

นี่เป็นแหล่งเงินแหล่งทอง มือของเจียงป๋ายกำลังแบกรับความกดดันมากมายเหมือนเม็ดฝนที่โปรยปราย แม้ว่าพอคิดไปมาเงินที่ได้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวก็ตาม

แม้ว่าหม่าฉางหยางจะไม่ค่อยสนใจเงินจำนวนนี้สักเท่าไหร่ เจียงป๋ายก็ไม่อยากสุงสิงด้วยมาก

อย่ามองว่าตอนนี้เงินนี้สำหรับฉันจะค่อนข้างติดขัด แต่ว่าต้องคิดให้มากขึ้นและทางเดินยังลุ่มๆดอนๆ คิดไม่ออกว่าตอนนี้เป็นนักธุรกิจ เจียงป๋ายก็ไม่ยอมที่จะร่วมลงทุนกับเขามาก

ดังนั้นนี่คือคำแนะนำที่มอบให้กับเจียงป๋าย

 “ถ้าอย่างนั้นธุรกิจนำเข้า ส่งออกล่ะ? หรือว่าจะเปิดโรงงาน?”

 “ร้านอาหารล่ะเป็นยังไง? ฉันมีประสบการณ์มาก่อน น่าจะโอเคนะ”

 “ฉันว่าทำธุรกิจบันเทิงดีกว่ามั้ย พวกเรามีบุคลากรมากจะเปิดหลายๆสาขาก็ยังได้ อีกอย่างฉันว่าในแถบนี้จะเปิดร้านตอนกลางคืนยังไงก็ไม่มีทางเจ๊ง แล้วเปิดอีกกี่สาขาก็ต้องเป็นที่นิยมแน่นอน”

 “ฉันว่าเปิดธุรกิจรถยนต์ก็ไม่เลวนะ ตอนนี้จำนวนคนซื้อรถมากขึ้นเรื่อยๆ ขายรถ ซ่อมรถ ฉันมีช่องทางที่จะนำเข้ารถด้วยเงินลงทุนที่ไม่ต้องสูงมาก ฉะนั้นธุรกิจนี้ฉันว่าสามารถทำได้”

ทั้งสองคนต่างถกกันไปมาทำให้เจียงป๋ายเกิดไอเดียขึ้นมากมาย

โดยเฉพาะหม่าฉางหยางที่เป็นเจ้าของธุรกิจน้ำมัน แม้ว่าสินค้านี้จะมีปัญหาไม่น้อย ผลักกันรุกผลัดกันรับไปมา ให้วิธีสกปรกบ้าง แต่ว่าก็ถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เฉลียวฉลาด เป็นคนที่พึ่งพาได้มาก สามารถทำธุรกิจได้มากมายเลยทีเดียว

แต่เจียงไป๋ก็ยังลังเลใจ ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะทำอะไรกันแน่

 “หรือว่าจะสร้างภาพยนตร์ ฉันมีค่ายหนังอยู่”

ตอนนี้ธุรกิจภาพยนตร์ในประเทศกำลังเป็นที่นิยม มีภาพยนตร์ออกมามากมาย ดารานักแสดงก็แจ้งเกิดใหม่มากมายและผู้ลงทุนธุรกิจนี้ก็เพิ่มขึ้น เพียงแค่ลงทุนให้ถูกที่ก็ไม่มีทางเจ๊งแน่นอน ถ้าหากโชคดีเลือกหนังที่บทดี นักแสดงดี ก็สามารถจะเป็นเศรษฐีภายในชั่วข้ามคืนได้เลย

ไม่กี่ปีมานี้เพื่อนของฉันหลายคนก็ลงทุนกับอุตสาหกรรมนี้แล้วก็ได้เงินมากเป็นกอบเป็นกำ ฉันพอจะมีทางช่วยได้ถ้าหากน้องชายอยากทำล่ะก็ฉันสามารถช่วยได้

พูดก็พูดเถอะ หม่าฉางหยางก็พูดออกมาแบบไม่รู้ตัวทำให้ฉางเจียงตาเป็นประกาย

ใช่แล้ว พวกเราเขียนหนังสือไม่ได้แต่ว่าถ่ายหนังได้ ชาติที่แล้วฉันเคยดูหนังและละครมามากมาย

มองเห็นทางสว่างแล้ว

เพียงแค่เรียนรู้ และขึ้นอยู่กับความสามารถในการจดจำ เพราะการเขียนบทละครมันใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ

ยังมีการเปรียบเทียบว่าอันไหนดีกว่ากัน

“ตึง” เจียงป๋ายยืนขึ้นบนโต๊ะ “ดี ถ้าอย่างนั้นก็เอาอย่างงี้แหละ ถ่ายภาพยนตร์!”

“จะถ่ายจริงๆใช่มั้ย!”

ซูเจี๋ยยังมีข้อสงสัยธุรกิจอันนี้อยู่

นอกจากนี้หนึ่งในปรมาจารย์กังฟูยังจะมาถ่ายหนังอีกเหรอ?

ทำไมคิดอะไรแปลกๆ คนพวกนี้ไม่ใช่ควรที่จะได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้หรอ? หรือว่าจะเป็นผู้ที่มีพลังพิเศษในแถบแม่น้ำเจียงหูก็ได้นะ

ถ่ายหนัง?

เหมือนกับสาวโสดได้นั่งรถครั้งแรก

 “ใช่แล้ว พี่ใหญ่มีบริษัททำหนังอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ขายต่อฉันเป็นยังไงล่ะ?”

เจียงไป๋หัวเราะ และไม่ค่อยเข้าใจความคิดของซูเจี๋ยได้เพียงแต่ถามกับหม่าฉางหยาง

 “ได้สิ ของพวกนั้นแต่ก่อนเป็นเพียงของเล่นเด็กๆ มีไว้เพียงเพื่อที่จะหาดาราหน้าใหม่ ฉันก็ไม่ได้จริงจังอะไร ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าผู้จัดการทางนั้นยังรู้สึกโอเค ตอนนี้ไม่นานก็น่าจะได้ผลตอบแทนคืนมาแล้ว

เอาจริงๆฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะดำเนินการต่อ ถ้าหากพวกเธอสนใจฉันก็จะขายให้สองล้านเป็นราคาพิเศษเลย มีเงินเมื่อไหร่ค่อยเอามาให้ฉัน

หม่าฉางหยางหัวเราะและตอบออกมาแบบตรงๆ แถมยังให้ราคาพิเศษและไม่รีบเอาเงิน

เงินของเจียงป๋ายที่มีอยู่นั้นชัดเจนว่ามีอยู่เท่าไหร่ แต่ว่าบนโลกใบนี้เงินสองล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่

 “โอเค เอาเลขบัญชีมาให้ฉันภายในสิบวันฉันจะโอนเงินให้ เธอช่วยฉันมามากแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงสิ่งที่ฉันรับปากไปฉันจะทำตามนั้นแน่นอน”

เจียงป๋ายก็พูดตรงๆ ห้าวันให้หลังเขาจะได้เงินก้อนมากสามล้านเป็นค่าจ้างงวดแรก ก็น่าจะพอ

หลังจากลงมือทำทุกอย่างแล้ว ต้องใช้เวลาในการบริหารงานจนกว่าบริษัทจะคงที่ แล้วค่อยมาคุยกันอีกที

เจียงป๋ายยังต้องการเวลาที่จะฝึกฝนการเขียนบทอีก

ตั้งแต่เจียงป๋ายสามารถจดจำรายละเอียดในชาติที่แล้ว เขาก็มัวแต่สนใจแต่เรื่องในอดีตมาตลอดโดยไม่มีเวลาพักผ่อน ที่จริงค่อยๆใช้เวลาและเติมพลังให้ตัวเองก็ยังไม่สายที่จะทำอีก

 

รีวิวผู้อ่าน