px

เรื่อง : ระบบมหานครคนเถื่อน (都市枭雄系统)
ตอนที่ 13 ญาติผู้น้องของหวานหยู


ตอนที่ 13 ญาติผู้น้องของหวานหยู

หลังจบมื้ออาหาร ความสัมพันธ์ของซูเจี๋ย เจียงป๋าย หม่าฉางหยางก็ดีขึ้นไปอีกขั้น

ซูเจี๋ยยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสในตัวเจียงป๋ายมากขึ้น

และหม่าฉางหยางกับเจียงป๋ายนับว่าคุยกันถูกคอ ทั้งสองคนเสมือนเป็นพี่น้องกัน

ไม่รู้ว่าพูดกันเกินจริงไปเท่าไหร่ เรื่องจริงหรือหลอกก็ไม่มีใครรู้ เพียงแต่อย่างน้อยที่สุดความสัมพันธ์ก็ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ทั้งสามต่างนับว่าพอใจ

ดื่มจนพอใจกินจนอิ่มแล้วปฎิเสธข้อเสนอ”เรื่องบันเทิงบันเทิง”ของหม่าฉางหยาง เจียงป๋ายกับอีกหลายคนก็จากออกมา

เพิ่งจะเดินไปถึงประตูเจียงป๋ายได้เห็นร่างที่สวยงามร่างหนึ่ง สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงินอ่อน ร้องเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด รูปร่างดีใบหน้าหน้าที่ใสสะอาดบริสุทธิ์หมือนน้ำ ที่ปรากฏตรงหน้าเขาไม่ไกลเท่าไหร่

เวลานี้สาวน้อยผูกผมเป็นหางม้ากำลังจ้องเขม็งมาแต่ไกลเพ่งมองไปที่เจียงป๋าย พอเห็นเขาเดินออกมาก็ตะโกนเรียกออกมาทันที “เจียงป๋าย”

 “เอ่อ....”เจียงป๋ายตกตะลึง

สาวน้อยวัยรุ่นหน้าตาตรึงใจตรงหน้านี้ หญิงสาวร่างผอมสูงที่สะกดต่สะกดใจไม่มีใครเทียบได้คนนั้นก็คือดาวโรงเรียน หลินหวานหยูญาติผู้น้องของตนได้ ถึงแม้ว่าญาติคนนี้.......

หมายถึงญาติห่างๆทางฝ่ายแม่

แม่ของหลินหวานหยูกับแม่ของเขาเป็นมีสายสัมพันธ์เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดไกลกันมาก เพียงแต่สองครอบครัวอาศัยอยู่ใกล้กัน  อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างแม่ทั้งสองก็ไม่เลว ก็มีแค่การเรียกชื่อพิเศษเท่านั้น

 

ถึงแม้ตอนเด็กความสัมพันธ์จะไม่เลว สาวน้อยคนนี้ก่อนหน้านี้มักจะคอยวิ่งตามก้นเขา แต่เรื่องนั้นผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว?

สาวน้อยตอนที่ขึ้นมัธยมต้นไม่รู้ตั้งหรือไม่ตั้งใจตีตัวห่างออกไปจากตน หลังจากตนจบมัธยมปลายมาเข้าที่เทียนตู ก็ติดต่อกันน้อยลง ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี

จนกระทั้งปีที่แล้วเขามาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนตูที่เมืองนี้ เพราะเหตุผลของแม่จึงได้พบกันบ้างเป็นครั้งคราว เพียงแค่ทักทายกันประโยคสองประโยค

สาวน้อยคนนี้ยิ่งโตยิ่งสวยขึ้นแล้วยิ่งมองโลกกว้างขึ้น คำพูดและท่าทางนั้นไม่ได้โกหกเขา เราไม่ได้สนิทกันเหมือนก่อนอีกต่อไป แม้กระทั้งบางครั้งเขาก็ได้แต่ตำหนิตัวเองเมื่อตอนนั้น ทำให้ตัวเองต้องโดนวิจารณ์จนยับเยิน นอกเหนือจากนี้ไม่ได้ติดต่ออะไรอีก

แต่พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ตัวเจียงป๋ายเองเมื่อก่อนหลังจากตอนนั้นไม่กี่ปีเวลาได้เจอกับสาวน้อยหน้าตาตรึงใจคนนี้หัวใจก็เต้นผิดจังหวะ แต่สาวน้อยคนนี้เป็นคนเรียนเก่ง หน้าตาสะสวยคุณสมบัติดีเลิศ เป็นนักเรียนดีเด่น อนาคตไกล

เมื่อเข้าใจในจุดนี้ เจียงป๋ายก็ลบล้างความคิด ความสัมพันธ์ทั้งสองนั้นแค่ความสัมพันธ์ธรรมดา

แต่ว่าทำไมวันนี้สาวน้อยคนนี้มาที่นี่?

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธนี้หมายความว่ายังไง?

 “ฮ่า พี่ใหญ่พวกเราไปก่อนนะ ฉันจะให้เสี่ยวเทียนรออยู่ข้างนอก หากต้องการอะไรก็เรียกเขาได้”

ซูเจี๋ยหัวเราะ โฉบมาใกล้ด้วยรอยหน้ายิ้มเย้ยมองมาที่เจียงป๋าย ทั้งยังมองไปยังหลินหวานหยู หลังจากนั้นหันหลังกลับแล้วเดินไปออกไปกับพวกหม่าฉางหยาง เดินจากไปแล้วยังส่งสายตามีเลศนัยให้เจียงป๋าย ทำให้เจียงป๋ายอดที่จะกลอกตาไปมาไม่ได้

 “มีอะไรล่ะ? ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”

รอให้พวกนั้นเดินจากไป เจียงป๋ายเดินโฉบเข้าไปถามหลินหวานหยู

 

ยังไม่ทันที่จะถามจบ เจียงป๋ายก็รู้ตัวว่าถามไปก็เสียเปล่าแล้ว เด็กคนนี้ไม่ได้มาหาตัวเขาแน่ ไม่ได้เห็นรูปของสาวน้อยที่ตาหน้าไม่เลวคนนี้มานานตั้งนาน เวลานี้กำลงใช้สายตาคลุมเครือเอามือกอดอกและจ้องเขม็งมาทางนี้

 “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไงไม่สำคัญ เมื่อกี้นายทำอะไร? เจียงป๋าย! งานดีๆทำไมนายไม่ทำแล้ว ฉันไปหานายที่ห้องจะส่งของให้นาย นายก็ไม่อยู่?

ได้ข่าวว่านายไปตีคนมา? แล้วยังลาออกจากงานแล้ว? ตอนนี้ยังอยู่กับพวกอันธพาลพวกนี้อีก!

 “เจียงป๋ายนายทำให้ฉัน.....ไม่ ทำให้คุณน้าผิดหวังมากไป! เขาเลี้ยงนายมาง่ายอย่างนั้นหรือไง? นายเรียนไม่เก่งจะออกมาทำงานก็ทำตัวให้มันดีๆสิ อย่าไปอยู่กับพวกไม่ได้ความแบบนี้!”

ไม่รอให้เจียงป๋ายได้พูดอะไร หลินหวานหยูกำลังโมโหใส่หน้าเจียงไป๋

 “เอ่อ ฉัน.....”

เจี๋ยงป๋ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ว่าคำพูดที่อยู่ในปากไม่รู้จะพูดอะไร

ยังไงดี ลองคิดดูพวกเมื่อกี้นี้ หม่าเสี่ยวเทียนพวกนั้น 3 คนตามหลังมาติดๆ ดูเหมือนไม่ได้มาทางเดียวกัน จนกระทั้งหม่าฉางหยาง........

ลูกพี่ใหญ่หม่าคนนี้ไม่เสียชื่อที่เป็นพี่ใหญ่ เกิดมากล้าหาญชาญชัย วันนี้ไม่ได้ใส่เสื้อทางการมากนัก บนตัวสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ ดูแล้วไกลห่างจากการเป็นคนดีมาก

พูดถึงซูเจี๋ย

คนคนนี้ไถหัวล้าน ใส่โซ่ทองเส้นใหญ่ เสื้อลายดอกไม้ กางเกงลำลอง แล้วยังสวมรองเท้าหนังหัวโต เสื้อเชิร์ตติดกระดุมสองเม็ด รูปร่างท่าทางแบบนี้เหมือนกันอันธพาลโดยแท้!

จะดีเลวยังไงก็เป็นยอดฝีมือมวยจีนโบราณ ตอนนี้คิดๆดูทำไมถึงได้มีรสนิยมแบบนี้.......

ไม่แปลใจทำไมครูคนนั้นให้ตายก็ไม่ยอมรับเขา หากตัวเขาเองต้องเป็นอาจารย์ของเขาก็คงไม่มีหน้าจะยอมรับลูกศิษย์แบบนี้

คิดมาถึงตอนนี้ ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมหลินหวานหยูถึงได้มีความคิดแบบนี้

 “ฉันจะอะไรฉันล่ะ! นายโตขนาดนี้แล้วยังไม่เรียนให้ดีอีก! ทำไมครั้งที่แล้วถึงได้ต่อยตีคน? เพื่อนบ้านนายบอกว่านายตีคนจนหัวแตกแล้ว? ไปเรียนมาจากอันธพาลพวกนั้นหรือไง?

เจียงป๋ายนายคงจะไม่เข้าใจ แบบนี้จะไม่มีอนาคต? ในอนาคตนายคงอยากไปนอนในคุกหรือไม่ก็นอนข้างถนน?

ฉันมองนายผิดไปจริงๆ เมื่อก่อนนายไม่มีฝีมืออะไร จะดีเลวยังไงก็ถือว่าซื่อตรง มาถึงตอนนี้ กลับกลายเป็นพวกเดนมนุษย์ไปแล้ว!”

หลินหวานหยูยืนประมาณด้วยความโกรธโดยไม่คิดสักนิด ดึงดูดให้คนรอบๆมามุงดู ท่าทางที่เหมือนกับเม่นที่สลัดขนหนาม ทำให้คนที่อยู่รอบข้างทุกคนตะลึงงัน

ในความทรงจำของพวกเขาหลินหลานหยูผู้สุภาพอ่อนโยน เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรกตจากครอบครัวเล็กในเจียงหนาน พูดจากับคนอื่นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและสุภาพ ไม่เคยเห็นเขาในแบบนี้?

 “พวกเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร? ทำไมหวานหยูต้องโมโหขนาดนั้น?”

 “ใช่แฟนของเขาหรือเปล่า? จับได้ว่าเขามีกิ๊ก?”

 “อย่าพูดเหลวไหล หวานหยูไม่มีแฟนพวกเราก็รู้ ชายคนนี้ต้องมีความสัมพันธ์อย่างอื่น แต่ว่ามันแปลกนะ ฉันไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้เลย”

 “ต้องมีปัญหาแน่”

เด็กสาวหลายคนกระซิบกระซาบกัน ใส่ไฟกันอย่างสนุกสนาน

 “เอ่อ ที่จริงพวกเขาก็ไมได้เป็นคนเลวอะไร อีกทั้งฉันยัง......”

เจียงป๋ายอยากที่จะอธิบาย แต่เขาพบว่าคำพูดของตนเพิ่งหลุดออกจากปากสาวน้อยคนนี้ก็พูดขัดจังหวะ

 

 “นายยังดื่มเหล้าด้วย? เธอไม่ดื่มเหล้าไม่ใช่หรอ? ชัดขนาดนี้แล้ว ยังไม่ใช่คนเลว นายบอกฉันสิแบบนี้ไม่ใช่คนเลว แล้วคนเลวเป็นแบบไหน! เจียงป๋าย ฉันรู้สึกว่านายยิ่งนับวันยิ่งไม่ได้เรื่อง! ทำตัวไร้ประโยชน์!”

หลังจากที่พูดจบ คิ้วของหลินหวานหยูขมวดหนักกว่าเดิมจนเกิดรอยย่นไปถึงจมูกเล็กๆน่ารัก

แบบนี้เกินไปแล้ว!

หัวคิ้วของเจียงป๋ายขมวดกันแน่น นึกอยากจะโมโห แต่ยังไม่ทันจะได้พูดออกมา สาวน้อยก็ระเบิดคำพูดออกมาชุดใหญ่

เพียงแค่คำพูดพวกนี้พูดออกมา ทำให้ไฟโกรธในใจของเจียงป๋ายลดลง ไม่มีคำพูดใดๆ

 “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ไม่ว่าจะพูดยังไงคราวหลังอย่าไปอยู่กับพวกคนเลวพวกนั้น”

ฉันตามหานายมาสองสัปดาห์แล้ว เรื่องของนายได้ยินมาว่าซับซ้อนยุ่งยากมาก ฉันขอร้องให้เพื่อนในพื้นที่ตามหา พวกเขาบอกว่าตอนนี้คนเจ็บยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล คนทางนั้นได้ยินมาว่าภูมิหลังน่าสงสัย ยุ่งยากมาก นายต้องระวัง! ฉันจะหาวิธีช่วยจัดการให้!

นายไม่มีงานทำเงินใช้จ่ายก็มีไม่มาก ครั้งที่แล้วแม่ส่งเงินมาให้ฉันนิดหน่อย ไม่เยอะ สองพันหยวน นายเอาไปก่อน นอกจากนี้หากนายยินยอม ฉันคุยกับคณบดีแล้ว นายไปทำงานที่ห้องสมุดโรงเรียนของเราได้ ที่นั้นขาดบรรณารักษ์พอดี งานไม่เหนื่อย หนึ่งเดือนได้ 1,800 เงินเดือนไม่นับว่าสูง แต่รวมกินและที่พัก”

พูดถึงตรงนี้ เสียงของหลินหวานหยูเบาลงไปมาก ไม่ได้โกรธเกี้ยวเหมือนเมื่อกี้  เวลาพูดยังคงมีความเย็นชา แต่ก็ยังคงมีความห่วงใยอยู่ในนั้นถึงแม้จะไม่ปรากฏชัดนัก

ถ้าหากเป็นเจียงป๋ายเมื่อก่อนอาจจะไม่เห็น แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน

นี่ทำให้ไฟโกรธในใจของเจียงป๋ายดับไปโดยสิ้นเชิง คิดๆไปแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้สาวน้อยคนนี้คงเสียแรงไปไม่น้อย

 

รีวิวผู้อ่าน