ตอนที่ 87 อาวุธวิเศษผู้พิทักษ์
ฉินห้าวตงเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดท่ามกลางคนเหล่านั้น เขามองไปที่จางว่านคุย เห็นเพียงปากของชายแก่อ้าค้างไปครึ่งหนึ่ง แววตาดูว่างเปล่า ตอนนี้จางว่านคุยดูเหมือนกับคนโง่ก็ไม่ปาน
หลังผ่านไปนานพอสมควร จางว่านคุยถึงจะได้สติ เขายกมือขึ้นและตบหน้าของตัวเองสองครั้ง เขาอยู่ในวงการของโบราณมาครึ่งชีวิต เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากระถางธูปเสวียนเต๋อนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ มันเป็นสมบัติที่เขาทำได้แค่ใฝ่ฝันถึงเท่านั้น
แต่วันนี้มีบางคนเอามันมาให้ถึงหน้าประตูร้านโดยขอราคาแค่หนึ่งแสนหยวนเท่านั้น แต่เขากลับปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
ในเวลานี้เขาแทบอยากจะฆ่าตัวตาย เขาอยากจะชิงเอากระถางธูปเสวียนเต๋อที่เปล่งประกายชวนหลงไหลเข้ามาไว้ในอ้อมกอดให้เหมือนว่าเป็นของตัวเอง
มองดูสีหน้าตกตะลึงของผู้คนโดยรอบ ฉินห้าวตงจึงเดินไปหาเฉียนตัวตัวและกระซิบถามด้วยความเหนียมอาย “ พี่ชาย กระถางธูปเสวียนเต๋อคืออะไรเหรอ ? ”
จริงอยู่ที่เขามีประสบการณ์มากว่าห้าร้อยปี และได้เห็นสมบัติมามากมายนับไม่ถ้วน แต่สมบัติพวกนั้นล้วนเป็นสมบัติของโลกเซียน เขาไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับของตกทอดทางวัฒนธรรมในโลกมนุษย์ ยิ่งไม่รู้ไปใหญ่ว่ากระถางธูปเสวียนเต๋อคืออะไร
“ ฉันจะบอกให้ ” กัวเฟิงหลังจากได้ยินฉินห้าวตงถาม เขาจึงลุกขึ้นพูด “ จักพรรดิเสวียนเต๋อของราชวงศ์หมิงเพื่อที่จะสร้างกระถางธูปจึงขอให้ช่างฝีมือส่วนพระองค์ออกแบบและสร้างกระถางธูปตามรูปแบบของเครื่องกระเบื้องที่มีชื่อเสียงที่ถูกเก็บไว้ในวังหลวงอาธิเช่นเครื่องเคลือบไฉ เครื่องเคลือบหรู เครื่องเคลือบกวาน เครื่องเคลือบเกอ เครื่องเคลือบจวินและเครื่องเคลือบติ้งรวมถึงตามรูปแบบในบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า ‘บันทึกโบราณคดี’ โดยออกแบบและหล่อกระถางธูปออกมาล็อตหนึ่ง ”
“ เพื่อรับประกันคุณภาพของกระถางธูป ช่างฝีมือได้เลือกโลหะล้ำค่าสิบชนิด เช่น ทองและเงิน นำมาอัดรวมเข้ากับทองแดงอย่างประณีตอยู่สิบกว่าครั้ง ชิ้นงานที่เสร็จแล้วจะดูเปล่งประกายและมันวาว เป็นผลงานล้ำค่าของช่างฝีมือ ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ต่อมากระถางธูปเสวียนเต๋อถูกเรียกว่ากระถางธูปทองแดง ”
“ อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเสวียนเต๋อใช้เวลาถึงสามปีในการหล่อกระถางธูปเสวียนเต๋อจำนวนสามพันชิ้น และไม่ได้หล่อเพิ่มอีก พวกมันทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ในพระราชวังต้องห้าม คนธรรมดาเคยได้ยินแค่ชื่อแต่ไม่เคยเห็นรูปร่างของมัน หลังจากผ่านมาหลายร้อยปีจนกระทั่งปัจจุบัน กระถางธูปทองแดงของจริงที่จักรพรรดิเสวียนเต๋อใช้เวลาถึงสามปีในการหล่อได้กลายเป็นของที่หาดูได้ยากแล้ว ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาเริ่มรู้สึกอ่อนไหว “ ทั้งชีวิตของฉันเจอของโบราณมามากมาย แต่ฉันไม่เคยเจอกระถางธูปเสวียนเต๋อของจริงเลย ฉันรู้สึกโชคดีมากที่วันนี้ได้เห็นมัน ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้เสียดายแล้ว ! ”
“ ผู้บริหารกัว มูลค่าของกระถางธูปเสวียนเต๋อนี่เท่าไหร่กัน ? “
มีบางคนถามคำถามคาใจของตัวเองออกมา และเป็นสิ่งที่ฉินห้าวตงก็อยากรู้เช่นกัน
“ กระถางธูปเสวียนเต๋อเป็นสมบัติที่ประเมินราคาไม่ได้ ราคาที่ผมจะบอกพวกคุณเป็นเพียงแค่อ้างอิงกันเท่านั้น หนึ่งปีก่อนในงานประมูลที่ฮ่องกง กระถางธูปเสวียนเต๋อถูกประมูลไปในราคายี่สิบห้าล้าน ”
“ พระเจ้า ! ยี่สิบห้าล้าน นั่นมันพอให้คนธรรมดาใช้ไปทั้งชีวิตเลยนะ...... ”
“ ใช้เงินหนึ่งแสนแปดหมื่นหยวนมาแลกเงินยี่สิบห้าล้านหยวนเนี่ยนะ เด็กหนุ่มคนนี้ช่างโชคดีจริงๆ ”
“ ฉันจุดธูปสวดมนต์ที่บ้านทุกวัน ทำไมฉันไม่โชคดีเหมือนเขาบ้าง ? ”
ขณะที่ผู้ชมกำลังถกเถียงกัน อยู่ๆ ก็มีคนหนึ่งถามขึ้น “ ผู้บริหารกัว มีโอกาสไหมที่กระถางธูปใบนั้นจะเป็นของปลอม ? ”
“ เป็นไปได้ ! ” ท่าทางของผู้ชมทุกคนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ยังพูดต่อ “ เพื่อให้ได้กำไรมหาศาล ดังนั้นตั้งแต่ยุคราชวงศ์หมิงมาจนถึงยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน โบราณวัตถุมากมายไม่เคยหยุดที่จะลอกเลียนแบบรูปแบบของกระถางธูปเสวียนเต๋อ แม้กระทั่งหลังจากที่กระถางธูปเสวียนเต๋อถูกเลิกหล่อไป ในตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่บางคนที่รับผิดชอบหล่อกระถางธูปทองแดงได้เรียกช่างฝีมือคนเดิมมาและและหล่อของปลอมตามขั้นตอนและเทคนิคในการหล่อกระถางธูปเสวียนเต๋อ ”
“ ของปลอมพวกนั้นเกือบจะเหมือนของจริง และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังแยกความแตกต่างไม่ได้ ปัจจุบันมีกระถางธูปเสวียนเต๋อมากมายที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ประจำชาติ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถระบุได้ว่าอันไหนเป็นของจริงหรือของปลอม ซึ่งการระบุว่ากระถางธูปเสวียนเต๋อว่าเป็นของจริงหรือปลอมนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในกรณีที่โดดเด่นในชุมชนโบราณคดีในประเทศ ”
จากนั้นก็มีคนถามขึ้น “ ผู้บริหารกัว แล้วอันนี้ของปลอมหรือเปล่า ? ”
กัวเฟิงเพ่งพิจารณากระถางธูปก่อนจะพูดขึ้น “ ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นของจริง แต่นั่นไม่สำคัญ มันประณีตมาก แต่ถึงแม้มันจะไม่ใช่กระถางธูปเสวียนเต๋อที่ใช้เวลาสามปีในการผลิต มันก็ต้องเป็นของเลียนแบบที่ถูกหล่อขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงแน่ๆ มันสมบูรณ์แบบมาก ! ”
เขาหันไปพูดกับฉินห้าวตง “ น้องฉิน ฉันชอบกระถางธูปนี้มาก ฉันจะจ่ายให้นายสามสิบล้านหยวนถ้านายเต็มใจที่จะขายมัน ”
พูดจบเขาจึงมองฉินห้าวตงอย่างเป็นกังวล แม้ว่าเงินสามสิบล้านหยวนจะเป็นมูลค่าที่ไม่น้อย แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นนักสะสมของโบราณ เขาจะไม่มีทางขายมันเป็นอันขาด ของชิ้นนี้มีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้นทุกปี
“ สามสิบล้านหยวน ! พระเจ้า ! แพงกว่างานประมูลที่ฮ่องกงตั้งห้าล้านหยวนแหนะ ”
“ ฉันอิจฉาเขาเหลือเกิน ! ฉันจะไปเคาะกระถางธูปเหล็กบ้างและดูว่ามีกระถางธูปเสวียนเต๋อซ่อนอยู่ข้างในเหมือนของเขาบ้างไหม ”
“ ได้สิ ถ้าคุณชอบมันก็เอาไปได้เลย ผมเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ”
แม้ว่ากระถางธูปเสวียนเต๋อจะมีราคาสูงมาก แต่เมื่อก่อนฉินห้าวตงเห็นสมบัติล้ำค่าในโลกเซียนมานับไม่ถ้วน เขาไม่สนใจกระถางธูปไร้ประโยชน์เช่นนี้เลยสักนิด สู้ขายมันเพื่อเอาเงินมาดีกว่า
“ น้องฉิน ขอบคุณอย่างมาก ! เอาเลขบัญชีให้ฉันหน่อย ฉันจะโอนจ่ายตอนนี้เลย ! ”
กัวเฟิงดีใจอย่างมากที่ได้ครอบครองกระถางธูปใบนี้ที่ประเมินราคาไม่ได้ เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโอนเงินทันที เหมือนกลัวว่าฉินห้าวตงจะเปลี่ยนใจ
จางว่านคุยตะลึงจนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเห็นฉินห้าวตงหาเงินได้สามสิบล้านหยวนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ! นั่นมันมากกว่าที่เขาหามาได้ทั้งชีวิตเสียอีก ! เห็นกันอยู่ว่าโอกาสทองมันถูกยื่นให้เขาตรงหน้าแท้ๆ แต่เขากลับยกให้คนอื่นแทน
เมื่อได้เห็นกระถางธูปเสวียนเต๋อเป็นของล้ำค่าจริง ฝูงชนก็ตะโกนขึ้น “ ไอ้ทุเรศฉาง ! ชายหนุ่มคนนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ทำไมไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ล่ะ ? กำลังจะผิดคำสัญญาหรือไง ? ”
“ พ่อ ! นายเป็นพ่อของฉันจริงๆ ! ” จางว่านคุยเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขารีบพุ่งไปหาฉินห้าวตงด้วยใบหน้าประจบประแจง “ พ่อทูลหัว นายรู้ได้ไงว่ามีสมบัติอยู่ในกระถางธูปเหล็กนั่น ? สอนฉันหน่อยได้ไหม ? ฉันจะเรียกนายว่าพ่อทุกวันเลยถ้านายสอนฉัน ฉันจะเลี้ยงดูนายไปจนแก่จนวันสุดท้ายของชีวิตเลย......”
ฉินห้าวตงรู้สึกอาย ชายแก่คนนี้เปลี่ยนไปรวดเร็วมาก ‘ฝังฉันเหรอ ? นี่นายอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย นายกำลังแช่งฉันให้ตายในตอนหนุ่มเนี่ยนะ ?’
แต่พอลองคิดดูมันก็เป็นเรื่องปกติ นักธุรกิจที่เห็นแต่ผลประโยชน์แบบนี้ ขอแค่ตัวเองได้ผลประโยชน์ อย่าพูดแค่คำว่าพ่อเลย ต่อให้ต้องเรียกว่าปู่หรือบรรพบุรุษ พวกเขาก็ยอมทำโดยไม่มีความลังเลใดๆ
เขาขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกับคนแบบนี้จริงๆ “ คุณเพิ่งจะบอกว่า ถ้าฉันชนะ ผมสามารถเลือกเอาของในร้านไปได้หนึ่งชิ้นตามที่ผมต้องการใช่ไหม ? ”
“ ใช่ ๆ ! ฉันเป็นคนรักษาคำพูด ! หยิบของที่นายต้องการไปได้เลย ! ”
จางว่านคุยพูดด้วยใบหน้าที่กัดฟันฝืนยิ้ม
สาเหตุที่เขาเห็นด้วยอย่างรวดเร็วนั้น หนึ่งคือคนที่มาประเมินคือกัวเฟิง ผู้บริหารของศูนย์กลางการประเมินวัตถุโบราณเจียงหนาน คนที่เขาไม่สามารถต่อต้านได้ และสองคือเขาไม่มีของมีค่าใดๆ ในร้านเลย เขามีของหรูหราเพียงน้อยนิด แต่พวกมันทั้งหมดถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดี และเขามั่นใจว่าจะไม่มีใครหาพวกมันเจอ
ฉินห้าวตงเพิกเฉยต่อจางว่านคุย เขาเดินเข้าไปในร้านของโบราณ มองสำรวจรอบๆ และพบว่าของทั้งหมดเป็นของปลอม ไม่มีอะไรที่มีค่าเลย
ด้วยวิญญาณเทพที่แกร่งกล้า เขาพบว่าหลังผนังมีพลังวิญญาณแผ่ออกมา แต่พลังวิญญาณนั้นเบาบางมาก เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นของโบราณเก่าแก่ แต่เขาไม่สนใจมันแม้แต่นิดเดียว
เอาอะไรไปดี ? ฉินห้าวตงหันไปมองรอบๆ ทันใดนั้นเขาก็เจอพลังวิญญาณอยู่ที่มุมของผนัง ความเข้มข้นของพลังวิญญาณพอกันกับของกระถางธูปเสวียนเต๋อ
เขาเดินตรงไปและเจอกล่องไม้ที่มุมห้อง ในนั้นมีเศษขวดแตกและเศษเหยือกถูกโยนลงไป
เขามองหาต้นตอแหล่งพลังวิญญาณและเจอเข้ากับแผ่นเล็กขนาดเท่าไข่ไก่ พลังวิญญาณแผ่ออกมาจากของสิ่งนี้
“ นี่เป็นของดี ! ” ฉินห้าวตงคว้าแผ่นเหล็กขึ้นมาและมองอย่างมีความสุข เขาดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าเดิมสิบเท่า มากกว่าตอนที่เขาเจอกระถางธูปเสวียนเต๋อเสียอีก
คนอื่นอาจไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่เขาจำมันได้ตั้งแต่ชำเลืองเห็นครั้งแรก มันคืออาวุธวิเศษผู้พิทักษ์เทียบได้กับชีวิตที่สองของผู้เป็นนายมัน ดังนั้นมันจึงไม่อาจประเมินมูลค่าได้
เขาใช้วิญญาณเทพสัมผัสมัน พบว่าระดับของอาวุธชิ้นนี้เป็นที่น่าพอใจ มันสามารถป้องกันการโจมตีจากผู้ฝึกขั้นจินตานได้สามครั้ง สำหรับเขาในตอนนี้มันเป็นสมบัติที่ใช้ปกป้องชีวิตได้เป็นอย่างดี
ดูแล้วในวันนี้ช่างโชคดีจริงๆ ที่มาถนนขายของโบราณแห่งนี้ ตอนแรกขายกระถางธูปไปในราคาสามสิบล้านหยวน ตอนนี้ก็ยังมาเจออาวุธวิเศษของดีที่ใช้ปกป้องตัวเองได้อีก เรื่องน่าเศร้าเพียงอย่างเดียวของวันนี้คือเขาไม่เจออาวุธวิเศษที่เหมาะจะมาใช้รักษาฉีหว่านเอ๋อเลย
จางว่านคุยตามฉินห้าวตงไป เมื่อเห็นเขาหยิบแผ่นเหล็กสีดำออกมาจากกล่องพังๆ เขาก็แปลกใจในทันที หรือว่านี่จะเป็นของดีหมือนกัน ?
แต่เขาเคยตรวจดูของชิ้นนี้แล้วและมันไม่ใช่ของโบราณ เขาไม่เข้าใจว่าฉินห้าวตงจะเอาไปทำอะไร
“ เถ้าแก่จาง ผมจะเอาชิ้นนี้ ! ”
ฉินห้าวตงแกว่งแผ่นเหล็กชิ้นนี้ตรงหน้าจางว่านคุย จากนั้นเอามันใส่ลงไปในกระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านไป
เมื่อเดินออกจากร้านมา เขาล่ำลาเฉียนตัวตัวและกัวเฟิง จากนั้นเขาก็ออกไปจากที่นี่และเดินหน้าหาอาวุธวิเศษต่อไป
เขาค้นหามามากกว่าสิบร้านและยังคงไม่เจอสิ่งที่เขาต้องการ ในตอนนี้เองทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
เสียงโหยหวยนี้ดูน่ากลัวมากจนหลายคนต้องหันไปมองหาต้นตอของเสียง ฉินห้าวตงเองก็หันไปมองเช่นกัน แต่กลับไม่พบอะไร
ตอนที่เขาหันไปมองนั้น เขาก็บังเอิญชนเข้ากับอะไรบางอย่าง พอรีบหันมาดูพบว่าชนเข้ากับชายผมสั้นคนหนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้เซไปสองสามก้าวจนทำกระจกโบราณหล่นลงกับพื้น
ชายหนุ่มผมสั้นคือเหล่าซาน คนที่พวกอ้วนหวางเรียกมา เมื่อกี้เขาหลบอยู่ท่ามกลางฝูงชนอยู่นาน เห็นฉินห้าวตงหาเงินสามสิบล้านมาได้ในพริบตาเดียว เขาจึงอิจฉาและคิดที่จะหาวิธีรีดไถเงินนั่นมาให้หมด
ตอนที่ฉินห้าวตงเดินออกมา เหล่าซานจึงแอบเดินตามหลังมาตลอดทาง คนที่ส่งเสียงโหยหวนคือเพื่อนของเขาเอง เหล่าซานใช้โอกาสนี้เริ่มรีดไถเงิน เขาจึงเดินเข้าไปชนฉินห้าวตง
“ กระจกของฉัน กระจกล้ำค่าของฉัน ”
เหล่าซานเป็นนักแสดงที่ดีมาก เขาคุกเข่าหยิบกระจกขึ้นมาจากพื้นแล้วเริ่มร้องไห้
ฉินห้าวตงรู้แล้วว่าชายคนนี้กำลังจะรีดไถเงินเขา ในใจก็ได้แต่บ่นว่าในถนนขายของโบราณแห่งนี้มีกับดักมากมาย เขาเดินดูของแค่รอบเดียว ก็เจอเข้ากับนักต้มตุ๋นถึงสองกลุ่ม
แต่เขาไม่ได้โกรธอะไร เขามองดูการแสดงของเหล่าซานอย่างเงียบๆ ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่คนอื่นที่มาเดินซื้อของก็เริ่มมุงเข้ามา เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เหล่าซานร้องไห้ไปสักพัก พอเห็นฉินห้าวตงไม่พูดอะไร เขาจึงยืนขึ้นและตะโกนชี้หน้าด่าฉินห้าวตง “ ไอ้หนุ่ม นายทำกระจกล้ำค่าของฉันแตก นายต้องชดใช้ ! ”
ฉินห้าวตงให้ความร่วมมือในการแสดงเป็นอย่างดี “ โอ้ มันราคาเท่าไหร่กันล่ะ ? ”
เหล่าซานตะโกนขึ้น “ สามสิบล้าน ! ไม่ขาดไม่เกิน ! ”
เขาทำให้ฉินห้าวตงหัวเราะ ชายคนนี้จะต้องเห็นตอนที่ฉินห้าวตงขายกระถางธูปเสวียนเต๋อแน่นอน เพราะเขารู้ดีว่าฉินห้าวตงมีเงินอยู่เท่าไร
“ มันทำมาจากทองเหรอ ? แต่ว่าถึงจะเป็นทองก็มีมูลค่าไม่ถึงสามสิบล้านหยวนหรอกนะ ” ฉินห้าวตงพูดขึ้น
เหล่าซานถือกระจกในมือและตะโกนออกไปเหมือนกับเขาไม่ได้รับความยุติธรรม “ มันเป็นกระจกของซูต๋าจี่ นางสนมของจักรพรรดิคนสุดท้ายของราชวงศ์ชาง ฉันกำลังจะขายมันแต่นายทำมันแตกไปเสียก่อน ”
ฉินห้าวตงพูดด้วยรอยยิ้ม “ นายนี่โกหกเก่งจังนะ ซูต๋าจี่งั้นเหรอ? ทำไมนายไม่บอกว่ามันเป็นกระจกของจักรพรรดินีเลยล่ะ ? ”
จบตอน