ตอนที่ 88 นักรีดไถเงิน ผู้ซื่อสัตย์
เหล่าซานตะโกนแย้งขึ้นมา “ ให้มันน้อยๆ หน่อย นายทำของฉันพัง สมควรแล้วที่นายต้องชดใช้ให้ฉัน ”
“ ฉันโอเคถ้านายต้องการให้ฉันจ่าย งั้นบอกมาหน่อยว่าของชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ ? เราควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาประเมินมันด้วย ฉันจะไม่ยอมจ่ายเงินสามสิบล้านหยวนให้เพียงเพราะนายต้องการมันเฉยๆ หรอกนะ ” ฉินห้าวตงโต้กลับ
ผู้ชมทุกคนต่างเห็นด้วย “ ใช่แล้ว ถ้าเป็นของโบราณก็ต้องถูกประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญก่อน ไม่ใช่แค่อ้าปากแล้วก็จะได้เงินสามสิบล้านฟรีๆ...... ”
“ ฉันคิดว่าเขากำลังรีดไถเงินนะ กระจกแตกนั่นจะมีราคาเท่าไหร่กันเชียว ? ”
เหล่าซานรู้สึกเสียใจทีหลังเมื่อเขาได้ยินผู้ชมถกเถียงกัน เขาอิจฉาที่ฉินห้าวตงเพิ่งได้เงินมาสามสิบล้านหยวน ดังนั้นเขาจึงหลุดปากพูดราคานี้โดยไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลัง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเรียกราคามากเกินไป ถ้าเขาเห็นด้วยที่จะส่งกระจกแตกไปประเมินราคาโดยผู้เชี่ยวชาญ ราคามันก็คงจะอยู่ที่สามสิบหยวนเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มผ่อนเสียงลงทันที “ ฉันก็ไม่ได้ต้องการแต่เงินสามสิบล้านสักหน่อย นายจะจ่ายให้ฉันได้เท่าไหร่ล่ะ ? ”
“ ราคามันก็ขึ้นอยู่กับความสูญเสีย ” ฉินห้าวตงยื่นไปรับกระจกมาและตรวจสอบ จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ กระจกใบนี้หล่นลงกับพื้นจริง แต่มันไม่เห็นเสียหายอะไรเลย นายต้องการให้ฉันชดใช้เป็นค่าอะไร ? ”
เหล่าซานมองไปที่กระจกอย่างแปลกใจ เขาพบว่ากระจกที่เพิ่งถูกอ้วนหวางเตะจนแตก ตอนนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนของใหม่ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
เกิดอะไรขึ้น ? เขาเห็นมากับตาว่าอ้วนหวางเตะกระจกจนแตก ตอนนี้มันกลับไม่มีรอยตำหนิอะไรเลย
เขาคิดไปพักหนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้ต้องซ่อมด้วยเทคนิคพิเศษแน่ๆ แต่เขาเพิ่งรับกระจกไปนี่นา เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ?
ฉินห้าวตงส่ายหัวอย่างเงียบๆ เขาคิดกับตัวเองว่านับวันพวกรีดไถเงินแบบนี้ยิ่งมีความชำนาญน้อยลงทุกที พวกเขาควรใช้ของที่เปราะบางแตกง่ายอย่างเช่นพวกแจกัน และต่อให้พวกเขาจะใช้กระจก ก็ควรทุบและเหยียบมันมาก่อน จากนั้นค่อยเอามารีดไถเงินคนอื่น ทำไมพวกเขาใช้กระจกที่ไม่มีรอยแตกอะไรมารีดไถเงินคนอื่นล่ะ ?
เหล่าซานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องมันมาถึงจุดนี้โดยไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่แถต่อไป “ เห็นกันอยู่ว่ามันตกลงกับพื้น ถึงแม้ภายนอกจะดูไม่เป็นไร แต่ข้างในมันเสียหาย นายต้องจ่ายให้ฉัน ”
ฉินห้าวตงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ชายคนนี้ช่างตลกจริงๆ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถาม “ เสียหายข้างในงั้นเหรอ ? ทำไมฉันไม่เห็นมันเลือดออกแม้แต่หยดเดียวล่ะ ? ”
ในเวลานี้เอง มียามของถนนขายของโบราณเดินเข้ามาสองคน คนที่เดินนำเข้ามาหันมาถามพวกเขาทั้งสองคน “ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน ? ”
ฉินห้าวตงหันไปพูดกับยาม “ พี่ชาย ผมบังเอิญไปเจอนักรีดไถเงิน เข้า เขาต้องการให้ผมจ่ายเงินสามสิบล้านหยวนที่ทำกระจกแตก พวกพี่ว่าเขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า ? ”
ยามร่างสูงขมวดคิ้วและหันไปถามเหล่าซาน “ เรื่องจริงไหม ? ”
“ ไม่...มันเป็นอย่างที่เขาพูดแหละ ” เหล่าซานกำลังจะเถียง แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าอยู่ๆ คำพูดของเขาจะเปลี่ยนเป็นคำรับสารภาพแทน “ ฉันเป็นนักรีดไถเงิน เมื่อกี้เขาเพิ่งทำให้เพื่อนของฉันต้องเจ็บใจตอนที่อยู่ร้านขายของโบราณของอ้วนหวาง อ้วนหวางจึงขอให้ฉันมารีดไถเขา เพราะต้องการเงินจากเขา ”
ผู้ชมระเบิดเสียงหัวเราะทันทีที่เขาพูดออกมา พวกเขาเองก็แปลกใจเช่นกันว่าทำไมนักรีดไถเงินคนนี้ถึงได้ซื่อสัตย์นัก ยอมบอกแผนการอันโง่เง่าของพวกตัวเองออกมาจนหมด
เหล่าซานตัวสั่นและได้สติ เขาไม่รู้ว่าเมื่อกี้มีอะไรเข้าไปในตัวเขา ทำให้เขาพูดแผนการที่คิดไว้ออกมาจนหมดโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ในที่สุดฉินห้าวคงก็รู้ว่าเขาไม่ได้บังเอิญเจอนักรีดไถเงิน แต่เป็นอ้วนหวางที่ส่งเขามาที่นี่
ยามร่างสูงมองไปที่เหล่าซานเหมือนเห็นตัวประหลาด ก่อนจะพูดขึ้น “ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ต้องไปสถานีตำรวจกับเรา ”
เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น คนอย่างเขากลัวตำรวจที่สุด เขาจึงรีบขอร้องทันที “ ได้โปรดพี่ชาย ครั้งนี้ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันมันโง่เองและจะไม่ทำอีกแล้ว ”
ยามร่างสูงหันไปที่ฉินห้าวตง “ เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับเขาแล้วแหละ ”
เหล่าซานรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงหันไปพูดกับฉินห้าวตง “ น้องชาย ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดอภัยให้ฉันด้วย ฉันมีแม่วัยเจ็บสิบปีที่ต้องเลี้ยงดูและยังมีลูกที่กำลังเรียนหนังสืออีก...… ”
ฉินห้าวตงยิ้มบาง ก่อนจะพูดขึ้น “ ที่จริงแล้วเราเจรจากันได้ ”
“ เยี่ยมเลยน้องชาย ฉันขอโทษนายด้วย และจะคำนับให้นาย ! ”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็โค้งคำนับให้กับฉินห้าวตงและกล่าวคำขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินห้าวตงได้ยินคำพวกนี้มากมายในละครทีวีและเขาก็ไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อย “ แค่ขอโทษมันยังไม่พอสำหรับฉัน เพราะว่านายทำให้ฉันกลัวมากตอนที่นายบอกจะเอาเงินสามสิบล้านหยวน ฉันต้องการค่าทำขวัญ ”
“ คะ...ค่าทำขวัญงั้นเหรอ ? “ เหล่าซานตะลึง เมื่อกี้เขาพึ่งจะเป็นคนรีดไถคนอื่น ทำไมตอนนี้อีกฝ่ายจะมารีดไถเขาคืนซะล่ะ ?
“ นายไม่ยอมเหรอ ? งั้นคงต้องปล่อยให้ตำรวจจัดการแล้วล่ะ ”
“ ตกลง ฉันยอม...ฉันยอม ” เหล่าซานพูดซ้ำไปซ้ำมา อย่างน้อยจ่ายเงินก็ยังดีกว่าต้องไปเข้าคุก เงินหมดก็แค่หาใหม่ แต่ถ้าถูกจับเข้าคุกแล้ว ไม่ใช่จะได้ออกมาง่ายๆ
“ นายต้องการเท่าไหร่ ? ” เหล่าซานถาม
“ ตอนนี้นายมีเงินเท่าไหร่ ? ”
“ ฉะ...ฉันมีหนึ่งพันหยวน “ เหล่าซานไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงบอกจำนวนเงินทั้งหมดที่เขามีออกไป นี่ทำให้เขาตกใจมาก เมื่อกี้เขาจะพูดว่าหนึ่งร้อยหยวนนี่นา แต่ทำไมปากมันถึงพูดออกไปว่าหนึ่งพันหยวน ?
ฉินห้าวตงขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะดูไม่พอใจ แต่เขาก็พูด “ แม้ว่าหนึ่งพันหยวนมันจะน้อยไปหน่อย แต่ฉันก็จะเอา ครั้งหน้าถ้านายพยายามจะรีดไถฉันอีก ก็เตรียมเงินมาให้มันเยอะกว่านี้หน่อยนะ ”
“ เอ่อ...… ” เหล่าซานรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ เขาเป็นนักรีดไถเงิน ไม่ใช่คนถูกรีดไถ ทำไมเขาต้องเอาเงินมามากกว่านี้ด้วย ?
แต่เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบเงินหนึ่งพันหยวนในกระเป๋ายื่นให้กับฉินห้าวตง จากนั้นเขาก็หันหลังวิ่งหนีไป
เมื่อเห็นนักรีดไถเงิน มีจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนี้ ผู้ชมก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
ฉินห้าวตงเอาเงินใส่เข้าไปในกระเป๋าของเขา จากนั้นชูกระจกที่อยู่ในมือแล้วตะโกนขึ้น “ เฮ้! หยุดก่อน นายลืมกระจกไว้หรือเปล่า ? ”
“ ฉันไม่เอา ถือว่าเป็นของขวัญให้นายแล้วกัน ! ” เหล่าซานพูดขณะที่วิ่งหายเข้าไปในฝูงชน
ฉินห้าวตงยิ้ม วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ฉินห้าวตงจึงใช้กระจกทำเป็นพัด เขาพัดไปพลางเดินดูของไป
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาเดินผ่านร้านทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังไม่เจออาวุธวิเศษที่เหมาะสม เขารู้ว่าของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับไป
ในร้านขายของโบราณของอ้วนหวาง เขาจ้องเขม็งไปที่เหล่าซาน “ แกเป็นนักรีดไถเงิน แต่แกเอาเงินมันมาไม่ได้แม้แต่หยวนเดียวแถมยังปล่อยให้มันเอาเงินแกไปอีกงั้นเหรอ ? น่าอับอายจริงๆ ! ”
นักพรตเฒ่าจอมปลอมพูดขึ้น “ เหล่าซาน คนอย่างนายถูกคนอื่นรีดไถเงินมาแบบนี้ ตอนนี้นายทำให้วงการรีดไถเงินเสื่อมเสียชื่อเสียง ! ”
เหล่าซานพูดด้วยสีหน้าอันขื่นขม “ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้มันแปลกมากๆ กระจกที่ถูกพี่ใหญ่เตะจนแตกกลับถูกซ่อมแซมจนเหมือนกับว่าไม่เคยมีใครเหยียบมันมาก่อน ”
“ในตอนนั้นสมองของผมดูเหมือนจะควบคุมปากตัวเองไว้ไม่ได้ พวกเขาถามผมว่าผมเป็นนักรีดไถเงิน เหรอ แล้วผมก็ตอบว่าใช่ พวกเขาถามอีกว่าฉันมีเงินเท่าไหร่ในกระเป๋า ฉันก็บอกทุกอย่าง สมองของฉันกำลังคิดขณะที่ปากของฉันพูดอย่างอื่นแทน ”
ในที่สุดชายแก่ในชุดคอจีนที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้น “ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันแปลกจริงๆ จำตอนที่เรากำลังหลอกเขาได้ไหม ? พวกเราดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมความคิดได้ในทันที ”
ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าจอมปลอมก็เบิกตากว้าง “ ทุกคนกำลังจะบอกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นรู้พลังพวกเวทย์มนต์งั้นเหรอ ? ”
เหล่าซานพยักหน้าซ้ำแล้วซ้่ำเล่า “ มันเป็นไปได้สูง พอลองมาคิดดู ทุกอย่างมันแปลกเกินไป ฉันอยู่ในวงการนี้มาหลายปี และไม่เคยทำอะไรที่แปลกแบบนี้มาก่อนเลย ”
อ้วนหวางกระพริบตาและคิดไปชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้น “ ดูเหมือนพวกเราจะเจอผู้มีฝีมือเข้าแล้ว นับแต่นี้ไปอย่าไปยุ่งกับชายหนุ่มนั่นอีก เราสู้เขาไม่ได้หรอก ”
หลังจากฉินห้าวตงกลับถึงบ้าน เขาก็โยนกระจกลงบนโต๊ะชาและเดินไปที่ห้องของฉีหว่านเอ๋อ
แต่เมื่อเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ เขาก็เป็นอันต้องตกใจ จุดสีทองอ่อนที่เขาเห็นตอนก่อนออกจากบ้านยังมีขนาดเท่าเหรียญอยู่เลย แต่ในเวลานี้มันกลับหดลงจนมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวแล้ว
มันบ่งบอกได้ว่าผีทารกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดูท่าเธออาจจะไม่สามารถก้าวผ่านคืนนี้ไปได้
ความว่างเปล่าราวกับคนตายในแววตาของฉีหว่านเอ๋อเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ เธอมองไปที่ฉินห้าวตง เหมือนกับกำลังมองคนแปลกหน้า
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ นายกลับมาแล้ว ”
“ ใช่แล้ว ” ฉินห้าวตงพยักหน้า
“ ทุกอย่างพร้อมไหม ? ”
“ ก็ส่วนใหญ่ ! ” ฉินห้าวตงตอบ แต่น้ำเสียงดูเหมือนเขาจะไม่มั่นใจ
“ ดูเหมือนว่านายไม่ค่อยมั่นใจเลยนะ ! ” ฉีหว่านเอ๋อพูดขณะที่ดึงมีดออกมาจากหมอนและยื่นให้ฉินห้าวตง
“ นี่มันอะไร ? ” ฉินห้าวตงถาม
“ นายสัญญาแล้วว่านายจะฆ่าฉันถ้านายล้มเหลวในการรักษา ฉันไม่ต้องการเป็นอสูรกายครึ่งคนครึ่งผี ”
น้ำเสียงของฉีหว่านเอ๋อดูเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าเธอกำลังพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเธอเอง
“ ไม่ต้องกังวล ฉันจะต้องรักษาเธอให้ได้ ”
แม้ปากของฉินห้าวตงจัพูดเช่นนั้น แต่เขาก็รับมีดมาเช่นกัน ถ้าหากเรื่องมันมาถึงจุดที่ไม่มีทางเลือกแล้ว เขาคงทำได้เพียงต้องเลือกที่จะฆ่าฉีหว่านเอ๋อ
หลังจากพูดจบ เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่น แล้ววางทุกอย่างลงบนโต๊ะชา รวมถึงแผ่นเหล็กอาวุธวิเศษผู้พิทักษ์นั่นด้วย
เขาเริ่มเขียนยันต์หลังจากที่เตรียมการเสร็จ เพียงแต่ว่าด้วยการฝึกตนในตอนนี้ ทำให้เขาไม่สามารถเขียนยันต์ระดับสูงออกมาได้ จึงทำได้เพียงเขียนพวกยันต์พื้นฐานจำพวกยันต์สะกดวิญญาณและยันต์ขับไล่วิญญาณ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเปอร์เซ็นต์ตวามสำเร็จจึงไม่สูงนัก ยันต์ที่เขาเขียนมาทั้งหมดสิบใบ จึงใช้ได้เพียงแค่หนึ่งถึงสองใบเท่านั้น
เมื่อเขาเขียนยันต์เสร็จ เขาแปะยันต์สะกดวิญญาณไว้ที่กลางหัวของฉีหว่านเอ๋อ
หลังจากแสงสีเหลืองเปล่งประกาย ไอดำที่รวมกันอยู่บริเวณหว่างคิ้วของฉีหว่านเอ๋อถูกขับออกไปทางคิ้วทั้งสองฝั่งอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นช่องว่างขนาดเท่าไข่ไก่
ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล ฉินห้าวตงดีใจ จากนั้นเขาก็แปะยันต์ขับไล่ปีศาจอีกสองชิ้นลงบนขมับของฉีหว่านเอ๋อ ครั้งนี้แสงสีเหลืองเข้มขึ้นกว่าเดิม ขับไล่ไอดำออกไปจากคอของเธอ
หลังจากไอดำถูกขับออกไปแล้ว ใบหน้าที่งดงามก็ปรากฏให้เห็นออกมา แววตาของเธอกลับคืนสู่ปกติ
“ ขอบคุณ คุณหมอฉิน ! ”
ฉีหว่านเอ๋อกระโดดกอดฉินห้าวตงด้วยความดีใจ เธอดีใจจนร้องไห้ออกมา เธอถูกขังโดยผีทารกมากว่าสิบปี รู้สึกเหมือนถูกกลืนกินตลอดเวลา มันเข้าใจได้ว่าเธอต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน
เธอรู้สึกสิ้นหวังมากเมื่อเธอได้ยินว่าเธออาจจะจบลงด้วยการเป็นทาสผี ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ส่งมีดให้ฉินห้าวตงหรอก ในที่สุดตอนนี้เธอก็เห็นความหวังในการรักษาแล้ว ดังนั้นเธอจึงมีความสุขเป็นอย่างมาก
ฉินห้าวตงรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงแรงกดจากหน้าอกอันนุ่มนิ้มของเธอ เขาดันฉีหว่านเอ๋อ ออกแล้วพูดขึ้น “ นี่เป็นความสำเร็จขั้นแรก ฉันยังต้องวาดยันต์เพิ่มขึ้นอีกเพื่อขับไล่ผีทารกออกจากร่างเธออย่างสมบูรณ์ ”
“ โอเค คุณหมอฉิน ฉันจะช่วยคุณด้วย ! ”
ฉีหว่านเอ๋อพูดขณะที่เธอเริ่มรวบรวมกระดาษเหลืองและเตรียมหมึกให้กับฉินห้าวตง เหมือนกับผู้ช่วยอยู่ข้างๆ เขา
ฉินห้าวตงหยิบพู่กันขึ้นมาเตรียมจะวาดต่อ ในตอนนี้เองอยู่ๆ โทรศัพท์ที่เขาเอาวางไว้บนโต๊ะชาก็ดังขึ้น
จบตอน