px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 91 ฉันเป็นของพี่


ตอนที่ 91 ฉันเป็นของพี่

 

ฉีหว่านเอ๋อตื่นเต้นมากจนลืมตัว ขณะเดียวกันเธอก็ลืมไปว่าฉินห้าวตงยังอ่อนแออยู่ ตอนเดินเขายังต้องยันผนังไว้เลย ดังนั้นเขาจะรับแรงกอดของเธอไหวได้อย่างไร

 

ตามที่คาดไว้ ฉินห้าวตงที่พลังลมปราณแทบไม่มีเหลือได้ล้มลงไปกับพื้น และเนื่องจากฉีหว่านเอ๋อไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ เธอจึงล้มลงไปทับฉินห้าวตง ภายใต้การทำงานของแรงเฉื่อย ทำให้เธอลื่นไปด้านหน้า หน้าอกอวบอิ่มของเธอกดลงไปบนใบหน้าของเขาพอดิบพอดี

 

“ เอ่อ......พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”

 

ฉีหว่านเอ๋อเพิ่งจะนึกได้ว่าฉินห้าวตงได้รับบาดเจ็บ เธอจึงรีบลุกขึ้นมาจากตัวเขา แล้วก้มตัวลงกะจะช่วยพยุงเขาขึ้นมา

 

เดิมทีฉินห้าวตงแค่หมดแรง แต่พอฉีหว่านเอ๋อมากระตุ้นอารมณ์เขาอย่างฉับพลันเช่นนี้ทำให้เขาเริ่มรู้สึกเวียนหัว แบบนี้จะมาโทษเขาก็ไม่ได้ ต่อให้เป็นชายหนุ่มร่างกายแข็งแรงคนอื่น หากต้องมาเห็นหญิงสาวร่างกายเปลือยเปล่าในระยะประชิดเช่นนี้ เป็นใครก็ต้องเวียนหัวกันทั้งนั้น

 

“ ตอนนี้ฉันไม่เป็นไร แต่ถ้าเธอยังไม่ลุกออกไป ฉันก็น่าจะเป็นแล้วแหละ ”

 

ฉินห้าวตงมองไปที่ลูกระเบิดสองลูกตรงหน้าที่ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวล แล้วพูดขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

“ อ๊า ! ” ฉีหว่านเอ๋อสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงรีบลุกขึ้นยืน แต่ท่อนล่างของเธอกลับปรากฏขึ้นเต็มตาของฉินห้าวตง ทำให้เขารู้สึกแสบๆ ที่จมูกจนเกือบจะเลือดกำเดาไหล

 

โชคดีที่ครั้งนี้ฉีหว่านเอ๋อรีบคว้าผ้าปูเตียงมาปิดไว้และเริ่มลุกจากพื้น

 

เมื่อเห็นภาพสวยงามหายไปต่อหน้าต่อตา ฉินห้าวตงจึงเอามือยันผนังแล้วค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้น

 

ฉีหว่านเอ๋อพูดด้วยพวงแก้มแดง “ พี่ฉิน ฉันขอโทษ เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นไปหน่อย ตอนนี้ไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”

 

ฉินห้าวตงโบกมือแล้วพูดขึ้น “ ฉันไม่เป็นไร ขอสูดอากาศสักพัก ”

 

ฉีหว่านเอ๋อมองไปที่หลุมขนาดใหญ่ตรงผนังที่เธอเป็นคนทำพัง จากนั้นรีบหันไปขอโทษเขา “ พี่ฉิน ฉันขอโทษที่ทำให้ห้องพัง ”

 

“ แบบนี้เรียกว่าพังเหรอ ? ” ฉินห้าวตงพูดแล้วจึงหันหลังเดินออกไปข้างนอก “ ตามฉันออกมาดูสิ !

 

ฉีหว่านเอ๋อไม่รู้ว่าฉินห้าวตงหมายถึงอะไร แต่เธอก็ตามเขาออกมาจากห้อง จากนั้นก็ไปที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ชั้นสาม

 

เธอตกตะลึงทันทีที่เห็นภาพทุกอย่างตรงหน้า คฤหาสน์แสนสวยในตอนแรกกลายเป็นบ้านที่มีผนังพังทลาย ราวกับว่าเพิ่งเจอมรสุมมา

 

ในเวลานี้ฉินห้าวตงพูดขึ้น “ เมื่อเทียบกับที่นี่แล้ว หลุมเล็กนั่นไม่มีความหมายอะไรเลย ”

 

“ ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือฉันเหรอ ? ” ฉีหว่านเอ๋อไม่เชื่อสายตาตัวเอง

 

เมื่อมองไปที่พื้นก็เห็นรอยเลือดกระจัดกระจาย เธอเลยรู้แล้วว่าทำไมฉินห้าวตงถึงอ่อนเพลียมาก

 

“ เธอนั่นแหละ แต่ก็ไม่เชิงหรอก ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของทาสผี ”

 

ฉินห้าวตงพูดแล้วเดินไปข้างหน้า ก่อนจะโน้มตัวลงหยิบเศษแผ่นเหล็กสีดำขึ้นมาจากพื้น ดูเหมือนว่าต่อไปเขาต้องนำสิ่งนี้ติดตัวไว้ตลอด ถ้าก่อนหน้านี้เขามีมัน เขาก็คงไม่บาดเจ็บขนาดนี้

 

อย่างไรก็ตามทุกอย่างที่เกิดขึ้นมักมีเหตุมีผลเสมอ ถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจนกระอักเลือดออกมา เขาก็คงไม่สามารถเปิดผนึกกระจกหยินหยางได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำลายที่ทาสผีมีพลังระดับขั้นอ้านเลย

 

“ ไปกันเถอะ ลงไปคุยข้างล่างกัน ที่นี่มันรกเกินไป พรุ่งนี้ฉันต้องหาคนมาเก็บกวาดใหม่ ”

 

ฉินห้าวตงพูดแล้วค่อยๆ เดินลงไปข้างล่าง ฉีหว่านเอ๋อรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงแขนของเขา

 

เมื่อรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มตรงแขน ทำให้เขานึกถึงภาพสวยงามเมื่อกี้นี้ ทันใดนั้นหัวใจของฉินห้าวตงก็แทบจะลุกเป็นไฟ เขารีบหยุดคิดเรื่องนี้ทันที

 

เขาพูด “ ตอนที่นักพรตเต๋าทำนายดวงเธอ เขาบอกว่าเธอคือผู้ที่มีชีวิตเช่นธาตุโลหะใช่ไหม ? ”

 

“ ใช่ พี่รู้ได้ยังไง ? ” ฉีหว่านเอ๋อถาม

 

“ ฉันเพิ่งมองออก เมื่อตอนที่ฉันต่อสู้กับทาสผี ร่างกายของมันแข็งเหมือนกับเหล็กกล้าซึ่งมันได้ใช้ธาตุโลหะในร่างกายจนถึงขีดสุดเรียบร้อยแล้ว ฉันเลยเดาว่าเธอน่าจะเป็นผู้ที่มีชีวิตเช่นธาตุโลหะ อีกอย่างร่างกายเธอยังมีคุณสมบัติเป็นหยิน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนักพรตเต๋าถึงเลือกเธอเป็นร่างของทาสผี ”

 

 “ นักพรตเต๋าคนนั้นชั่วร้ายที่สุดเลย ถ้าฉันเจอมันอีกล่ะก็ ฉันจะหักคอมันและเตะมันเหมือนลูกบอลเลย ” ฉีหว่านเอ๋อพูดด้วยความโกรธ

 

“ ฉันรับรู้มันได้จากพลังของทาสผี นักพรตเต๋าคนนั้นไม่ธรรมดาเลย ดูจากการพลังการฝึกตนของเธอในตอนนี้ ทางที่ดีที่สุดเธอควรรีบหนีไปให้ไกลเมื่อเจอเขา ” เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินห้าวตงดูจริงจังมากขึ้น

 

“ ฉันเดาว่าชายแก่คนนี้ใช้เคล็กวิชาเลี้ยงผีตามห้าธาตุ เธอเป็นแค่ธาตุโลหะท่ามกลางผีทั้งห้าธาตุ และถ้าแบ่งตามประเภท ตอนนี้น่าจะเหลือผีอีกสี่ตัวคือธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุดินและธาตุไฟ  ”

 

“ อะไรนะ มันยังมีทาสผีอีกสี่ตัวเลยเหรอ ? ” ฉีหว่านเอ๋อตกใจจนอ้าปากค้าง

 

 “ ฉันเดาว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้น ยังไงซะมันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนที่จะรวบรวมผีทั้งสี่ตัวเข้าพร้อมกัน ” ฉินห้าวตงตอบ

 

“ ร่างแม่ของทารกผีต้องมีร่างกายที่บริสุทธิ์และต้องมีพลังหยินในร่างกาย ในเวลาเดียวกันมันก็ต้องเข้ากับธาตุทั้งสี่คือ ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุดิน และธาตุไฟด้วย ซึ่งเงื่อนไขนี้เป็นอะไรที่ยากมาก ดังนั้นมันจึงยากที่จะทำให้สำเร็จ ”

 

ระหว่างการสนทนา ทั้งสองลงมาชั้นล่าง ฉินห้าวตงเอาเสื้อเชิร์ตของตัวเองและกางเกงตัวใหญ่จากตู้เสื้อผ้าของเขาโยนให้ฉีหว่านเอ๋อ

 

“ ฉันไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง ดังนั้นลองใส่นี่ไปก่อนนะ ”

 

ฉีหว่านเอ๋อรับเสื้อแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้อง เธอเอาผ้าปูเตียงจากเรือนร่างของเธอและสวมเสื้อกับกางเกง เสื้อผ้าหลวมๆ เผยให้เห็นเสน่ห์ที่แตกต่างออกไป

 

โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าจุดซ่อนเร้นของเธอไม่ได้สวมอะไรไว้เลย ฉินห้าวตงจึงรู้สึกเร่าร้อนในหัวใจขึ้นมาทันที

 

เขาพูด “ งั้น......เธอก็โทรหาหัวหน้าฉือให้มารับเธอกลับไปแล้วกัน ”

 

“ รับฉันกลับไป ? ทำไมฉันต้องกลับไปด้วย ? ” ฉีหว่านเอ๋อถาม

 

ฉินห้าวตงประหลาดใจ “ อาการป่วยของเธอหายดีแล้ว เธอจะอยู่ที่นี่ต่อทำไม ? ”

 

ฉีหว่านเอ๋อพูดหน้าซื่อ “ ฉันเป็นของพี่แล้ว โดยธรรมชาติฉันควรอยู่ที่นี่เพื่อติดตามพี่ ! ”

 

“ เฮ้ เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก ” ฉินห้าวตงรีบพูดขึ้น “ ฉันแค่รักษาเธอ ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ เธอหลอกฉันไม่ได้หรอก ”

 

แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูสวยและหุ่นร้อนแรงไม่เบา แต่แค่ฉันเห็นเรือนร่างของเธอก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมาบอกว่าเป็นของฉันนะ ?

 

“ ดูพี่พูดเข้าสิ ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ? ฉันไม่มีค่าอะไรสำหรับพี่เลยเหรอ ? ” ฉีหว่านเอ๋อพูดตัดพ้อแล้วจ้องฉินห้าวตง “ พี่เป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ ชีวิตของฉันเป็นของพี่ ดังนั้นฉันสามารถพูดได้ว่านับแต่นี้ไปฉันเป็นของพี่ ฉันจะทำทุกอย่างที่พี่ขอ ”

 

“ โอ้ ! เป็นอย่างนี้สินะ ! ”

 

ฉินห้าวตงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฉีหว่านเอ๋อมีเทคนิคการล้วงข้อมูลที่เหนือมนุษย์และเป็นชาวยุทธที่อยู่ขั้นอ้าน เขาต้องการคนที่มีพรสวรรค์เช่นนั้นจริงๆ

 

“ งั้นก็ได้ ฉันเพิ่งเริ่มก่อตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัย ถ้าเธอต้องการ เธอก็อยู่ช่วยฉันที่นี่ได้ ”

 

ฉีหว่านเอ๋อพูด “ ไม่มีปัญหา นับแต่นี้ไปฉันเป็นของพี่แล้ว ”

 

“ เอ่อ...…” คำพูดแบบนี้จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ ดังนั้นฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น “ เธอไปพักก่อนก็ได้ ฉันต้องรีบฟื้นฟูพลังของฉัน อีกพักหนึ่งฉันจะพาลูกสาวไปแข่งประกวดร้องเพลง ”

 

หลังพูดจบ เขาก็นั่งขัดสมาธิบนพื้นและเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพลังลมปราณที่เหลืออยู่น้อยนิด

 

หลังจากอยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งวัน ฉีหว่านเอ๋อก็เข้าใจฉินห้าวตงทุกอย่าง เธอจึงไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ เธอหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปที่ห้องถัดไป

 

เธอกดโทรหาหมายเลขหนึ่งและพูดอย่างตื่นเต้นหลังจากอีกฝั่งกดรับสาย “ แม่ หว่านเอ๋อเอง ตอนนี้หนูหายป่วยแล้ว ”

 

“ จริงเหรอ ? หว่านเอ๋อ ลูกหายแล้วจริงๆ เหรอ ? ” เสียงหญิงวัยกลางคนดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงเธอดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก เธอเป็นแม่ของฉีหว่านเอ๋อ ชื่อฉือจือเสวียน

 

“ ใช่แล้วแม่ หนูหายแล้ว และต่อไปหนูจะไม่เป็นโรคแบบนั้นอีกแล้ว ! ”

 

ฉือจือเสวียนร้องไห้ด้วยความตื้นตันจากปลายสาย “ ลุงของลูกบอกว่าเขาให้ลูกรักษากับหมอเทวดา ช่วงนี้เขาเลยไม่ให้แม่โทรไปกวนลูก ตอนแรกแม่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรักษาลูกจนหายดี ”

 

โรคแปลกประหลาดของลูกสาวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้จิตใจของเธอหนักอึ้ง ตอนนี้ลูกสาวของเธอได้รับการรักษาจนหายดีแล้วและเป็นข่าวที่ดีที่สุดสำหรับเธอ

 

ฉือโค่วไห่กลัวว่าน้องสาวของเขาจะเป็นกังวลมากไป จึงบอกแค่ว่าพาฉีหว่านเอ๋อไปรักษากับหมอเทวดา แต่ไม่ได้เล่าเรื่องทารกผีให้เธอฟัง

 

หลังจากดีใจกันจนพอประมาณแล้ว ฉือจือเสวียนจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “ หว่านเอ๋อ พรุ่งนี้แม่กับพ่อจะไปเยี่ยมและจะไปขอบคุณหมอเทวดาคนนี้ด้วย !

 

“ แม่ อย่าเพิ่งมาที่นี่นะคะ ” ฉีหว่านเอ๋อรีบพูดดัก

 

“ แม่ ไม่เพียงแต่อย่าเพิ่งมานะ แต่แม่ต้องช่วยหนูเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย อย่าเพิ่งให้พ่อรู้ว่าหนูหายดีแล้ว ”

 

“ เกิดอะไรขึ้น ยัยหนูของแม่ก่อเรื่องอะไรเข้าอีก ? พ่อของลูกกังวลเรื่องโรคนี้มาหลายปี ตอนนี้ลูกหายแล้ว ทำไมลูกไม่ทำให้เขามีความสุขหน่อยล่ะ ? ”

 

ฉีหว่านเอ๋อหัวเราะคิกคัก “ แม่ แม่ก็รู้ความอดทนของพ่อนี่นา ถ้าเขารู้ว่าหนูหายแล้ว เขาก็คงรีบมารับหนูกลับไปทันที หนูอยากอยู่เที่ยวเล่นข้างนอกอีกสักสองสามวัน ”

 

ฉือจือเสวียนคิดไปชั่วขณะ หลายปีมานี้ลูกสาวของเธอต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดนี้มานาน เธอมักจะเก็บตัวอยู่บ้านเสมอ ดังนั้นเธอต้องกระตือรือร้นในการออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอยู่แล้ว อีกอย่างการออกไปเที่ยวเล่นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

 

ดังนั้นเธอจึงตอบรับ “ ก็ได้ แต่ลูกอย่าเที่ยวเล่นนานเกินไปนะ รีบกลับมาและดูแลตัวเองด้วย ”

 

“ หลังจากลูกกลับมา เราจะไปขอบคุณหมอเทวดาด้วยกัน เพราะว่าเขาช่วยคุณหนูของตระกูลฉีให้หายจากโรค ฉันในฐานะแม่ ควรไปขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัว ”

 

“ ขอบคุณค่ะแม่ อย่าลืมบอกลุงฉือล่ะ ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อเด็ดขาด ”

 

หลังจากพูดเสร็จ ฉีหว่านเอ๋อก็กดวางสายอย่างมีความสุข

 

ฉินห้าวตงที่ได้ฝึกฝนมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นโดยเสียงของโทรศัพท์

 

เขาเปิดตาโพลง แม้ว่าการฝึกตนของเขาจะยังฟื้นฟูไม่ถึงระดับสูงสุด แต่อย่างน้อยก็ไม่ปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว

 

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นและพบว่าเป็นสายของแม่หนูน้อยที่โทรหาเขา

 

“ ป่าป๊า จะพาหนูไปงานแข่งขันตอนไหน ? มันกำลังจะเริ่มแล้ว “ แม่หนูน้อยพูดอย่างเป็นกังวล

 

“ รอเดี๋ยวนะ ตอนนี้ป่าป๊ากำลังจะไปรับหนูแล้ว “

 

ฉินห้าวตงพูดแล้วกดวางสายไป จากนั้นก็ลุกขึ้นและเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปข้างนอก

 

“ พี่ฉิน ฉันไปด้วย “ ฉีหว่านเอ๋อพูดและคว้าแขนของเขาไว้

 

“ ก็ได้ ฉันควรหาเสื้อผ้าให้เธอสักชุด ”

 

ฉินห้าวตงพาฉีหว่านเอ๋อเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลิน แม่หนูน้อยรีบวิ่งมาทันทีที่เห็นเขา แต่เขากลับไม่เห็นหลินโม่โม่

 

“ ป่าป๊า หม่าม๊าไปทำงานอีกแล้ว ไปดูหนูแข่งไม่ได้เลย ”

 

แม่หนูน้อยเบ้ปาก เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับการที่หลินโม่โม่ไปทำงาน

 

“ หม่าม๊างานยุ่ง แต่ป่าป๊าก็พาหนูไปที่นั่นได้เหมือนกัน ” ฉินห้าวตงหอมแก้มของแม่หนูน้อยแล้วพูดต่อ “ และยังมีคุณน้าคนสวยไปกับหนูด้วย ”

 

แม่หนูน้อยไม่ได้สังเกตว่าฉีหว่านเอ๋อยืนอยู่ข้างๆ พวกเขาจนกระทั่งเธอบ่นกับฉินห้าวตงเสร็จ

 

“ คุณน้า คุณน้าสวยมากเลย ! ” แม่หนูน้อยพูดอย่างมีความสุข “ คุณน้าจะไปงานประกวดร้องเพลงกับถังถัง ! ”

 

“ แน่นอน น้าจะไปกับหนูด้วย ! ”

 

ฉีหว่านเอ๋อหลงในความน่ารักของแม่หนูน้อยเข้าเต็มเปา เธอชอบแม่หนูน้อยมาก

 

ฉินห้าวตงหาชุดของหลินโม่โม่ให้ฉีหว่านเอ๋อเปลี่ยน หุ่นของทั้งสองคนพอๆ กัน เธอสวมได้พอดีเป๊ะ

 

หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ฉินห้าวตงก็ขับรถพาแม่หนูน้อยและฉีหว่านเอ๋อรีบไปที่ศูนย์ศิลปะเจียงหนาน

 

ที่หน้าประตูศูนย์ศิลปะเจียงหนาน ครอบครัวหวางยืนอยู่หน้าประตูโดยมีบอดี้การ์ดยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังเจ็ดแปดคน

 

หวางหงปิงและหม่าหงต่างสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่พอที่จะปิดหน้าไปครึ่งหน้า

 

การสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ในตอนเย็นไม่ได้เป็นเรื่องที่เท่ห์อะไร แต่มันมีไว้เพื่อปกปิดดวงตาที่บอบช้ำเหมือนแพนด้าของพวกเขาที่ถูกฉินห้าวตงอัดไปเมื่อคืนก่อน มันทำให้พวกเขาอับอายเป็นอย่างมาก

 

 “ ป่าป๊า ทำไมเราไม่เข้าไปล่ะ ? ” หวางกวนถาม

 

หวางหงปิงพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “ เพราะว่าเรากำลังรอนังเด็กนั่นและพ่อของมันที่ฉกเอารางวัลที่หนึ่งที่มันควรจะเป็นของลูกไป วันนี้เราต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกมัน เอาให้มันไม่กล้าเข้ามาร่วมการแข่งขันอีกเลย ”

 

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน