ตอนที่ 15 เกิดขึ้นกะทันหัน
ระหว่างที่ดูสินค้าต่างๆ เจียงป๋ายก็ถึงกับตาลายเขานั่งขมวดคิ้ว
เพราะตอนนี้เขาเริ่มต้องคิดหนักแล้ว ของเป็นแสนอย่างมีบางอย่างที่ใช้ได้และบางอย่างที่ใช้ไม่ได้ หลายอย่างก็สามารถใช้เงินซื้อได้ จะใช้ยอดวิวซื้อเพื่อ? เขาไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย
แต่สำหรับเคล็ดลับการชกต่อยพวกนั้น แค่ปรมาจารย์แปดหมัดก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
หลังจากที่คุยกับซูเจี๋ย เจียงป๋ายก็พอจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว เคล็ดลับพวกนี้ไม่ใช่ผักกาดที่ซื้อได้ตามท้องตลาด แต่มันเป็นเคล็ดลับยุทธวิถีอันดับต้นๆของประเทศ ทางด้านเจียงป๋ายเองก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับใคร ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดในปฐพีก็ได้ ดังนั้นของพวกนี้จึงไม่ได้สำคัญกับเขาเสียเท่าไหร่
อีกอย่างตอนนี้เขาก็เป็นหนึ่งในปรมาจารย์แล้ว แล้วคะแนนเกียรติยศกว่าหนึ่งพันคะแนนนี่จะพอได้ยังไง? ขั้นสูง?
เอามายืมเพื่อทำสัญญา?
สำหรับเจียงป๋ายแล้ว วิชาหมัดต่างๆ ขอแค่ตั้งใจก็สามารถทำได้ดีแล้วไม่จำเป็นต้องไปสิ้นเปลือง
“หรือไปจับรางวัลจะดีกว่านะ”
คิดไปคิดมา เจียงป๋ายเองก็รู้สึกว่าการไปจับรางวัลน่าจะดีกว่าหน่อย
ถึงแม้จะเป็นแค่การจับรางวัล แต่มันก็ดีกว่ามาเลือกของแบบนี้ อีกอย่างการจับรางวัลก็ใช้แค่หนึ่งพันวิว เป็นตัวเลขที่ไม่เยอะมาก และก็เป็นไปได้ด้วยว่าอาจจะสุ่มได้ของดีเพราะก่อนหน้านี้เขาก็ส่งได้ "จดจำได้ไม่มีลืม" ซึ่งของชิ้นนี้ถ้าใช้คะแนนเกียรติยศไปซื้อต้องไม่พอแน่ๆ!
ถ้าไม่มี “จดจำได้ไม่มีลืม” จะมี จูเซียน ได้ยังไงกันล้ะ? ถ้าไม่มีจดจำได้ไม่มีลืมก็คงไม่มีวันนี้ และจะมีความกล้ามาเปิดบริษัทหนังได้ยังไง?
“ระบบเปลี่ยนเป็นสุ่มรางวัล”
ไม่นาน เจียงป๋ายก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
การสุ่มรางวัลก็ยังเป็นการสุ่มรางวัลอยู่วันยังค่ำ ถ้าไม่โชคดีก็คงไม่มีวันได้สี่เหลี่ยมม่วง สองดำ ห้าขาว สองน้ำเงิน สุดท้ายก็ยังไม่ได้สีม่วง
คุณภาพของของรางวัลขึ้นอยู่กับสีที่ได้ สีที่ต่ำที่สุดคือสีดำ รองลงมาคือขาว และก็น้ำเงินจากนั้นสูงสุดคือม่วง สำหรับที่เขาสุ่มได้ตอนนี้นั้น สีที่ดีที่สุดก็คือสีน้ำเงิน
“ช่างเถอะ สีน้ำเงินก็น้ำเงิน ดีกว่าไม่มี”
เครื่องรางเสือหมุดอีกครั้ง เจียงไบ่ภาวนาให้ได้สีน้ำเงิน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นตามที่หวังเขาได้สีขาวและสุดท้ายระบบก็เด้งขึ้นมาว่า "ยินดีด้วยท่านได้โอกาสสุ่มอีกครั้ง"
“ให้ตายสิ ช่างโชคดีอะไรขนาดนี้!”
สำหรับสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่เจียงไบ่รอมานาน ปกติต้องใช้กว่าพันคะแนนเกียรติยศในการได้มันมา แต่ครั้งนี้เขากลับได้มา เขาจะปฏิเสธได้ยังไงกันล้ะ!
หนึ่งพันคะแนนเกียรติยศคืออะไร?
จูเซียน ที่เขากำลังใช้เพิ่มคะแนนเกียรติยศอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ดังมาก ซึ่งสุดท้ายอาจจะทำให้เขาได้มากกว่าหนึ่งหมื่นคะแนนเกียริติยศก็เป็นได้
สำหรับเคล็ดลับของหมัด ปรมาจารย์แห่งการแตะ ใช้แค่ไม่กี่ร้อยคะแนน ซูเจี๋ยอยู่กับเขามาตั้งสามปีถึงจะให้หนึ่งพันกว่าวิวนี้ แต่แค่เขากดสุ่มก็เสียไปหมดแล้ว?
คิดๆแล้วเจียงป๋ายก็แอบเสียดาย
“คราวหน้าอย่าสุ่มรางวัลแบบนี้อีกเลย เก็บเอาไว้ดีกว่า ไว้มีมากพอค่อยไปสุ่มรางวัลในระดับกลาง” เจียงป๋ายคิดเอาไว้
“ติ๊งต่อง คืนที่เหงาเพิ่มคุณเป็นเพื่อน”
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น-->>
เจียงป๋ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วไปที่กล่องข้อความ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่มเขาเป็นเพื่อน รูปโปรไฟล์ถ่ายกับกระจก เป็นคนที่เอวบางเรียกได้ว่าหุ่นดีเลย
“โห แบบนี้เลยเหรอ?ชื่อ....”เจียงป๋ายนิ่งไป แล้วมองที่รูปโปรไฟล์อีกครั้ง ตอนนี้เขาช่างหลงใหลในชื่อนี้ จึงกดรับนที
“สวัสดีค่ะ ทำอะไรอยู่คะ?” ฝ่ายนั้นทักมาอย่างสุภาพ
“ทำงานครับ”
“ทำงานอะไรคะ?”
“ผู้จัดการห้องสมุด”
ก็โอเคอยู่นะ แต่คุยกันไม่กี่ประโยคเธอก็ส่งรูปมา ซึ่งเซ็กซี่กว่ารูปโปร์ไฟล์เสียอีก เป็นรูปโชว์เรียวขาขาวๆของเธอนั่นเอง....
ผิวของเธอขาวดุจหิมะบวกกับขาที่เรียวยาว.....
“สวยไหมคะ?”
“อื้ม ดีนะ.....” มีคนส่งมาให้ขนาดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดลึกและรีบตอบกลับ
“อยากดูเพิ่มไหม?”
“เอา”
คะแนนเกียรติยศพันคะแนนก็หายไปแล้ว จะให้สิ่งตรงหน้าหลุดมือไปอีกได้ยังไงกัน?
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ส่งรูปมาให้กว่าสิบรูป เป็นรูปที่โพสท่าเซ็กซี่ต่างๆ สวมใส่เสื้อในบางๆ เขามองจนตาลายไปหมด คนสวยๆหุ่นแซ่บๆแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆในโลกออนไลน์นี้
ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ชอบแบบนี้หรอครับ?" เจียงป๋ายรู้สึกหวั่นๆ
“ยังมีอีกไหมครับ?” ฝ่ายนั้นหยุดส่งรูปมา เจียงป๋ายจึงถามไป
“ไม่มีแล้ว ยังอยากได้อีกหรอ? งั้นเดี๋ยวกลางคืนกลับบ้านแล้วไปถ่ายให้นะคะ”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะตอบกลับมาแบบนี้
“ครับ....ดีครับ” เขาตอบอย่างหน้าหนา พร้อมยังรู้สึกรอคอยอย่างบอกไม่ถูก
พอพูดจบพวกเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรกัน เจียงป๋ายรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโรคจิต ที่ชอบอะไรแบบนี้ แล้วเขาจะต่างกับคนโรคจิตตรงไหนล้ะ
ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นหน้า แต่หุ่นของเธอช่างดีจริงๆ
“คือ ขอถามอะไรหน่อยสิ”หลังจากที่คิดประมาณสิบนาทีจนฝ่ายนั้นออฟไลน์ไปแล้วเธอก็ถามขึ้น ไม่นานก็ออนอีกครั้ง
“ถามสิ”
“แล้ว คุณเคยทำเรื่องอย่างว่าไหมคะ?”
“ไม่ครับ” เจียงป๋ายหน้าแดงระเรื่อ ชาติที่แล้วเขาอาจจะเคยทำ แต่ตอนนี้ไม่เคยแล้ว และในเกมส์เขาก็อายุยี่สิบสามยังเป็นหนุ่มอยู่เลย
“ฉันเองก็ไม่เคย”
ฝ่ายนั้นเงียบไป เจียงป๋ายเองก็รู้สึกแปลกๆ ที่แท้ฝ่ายนั้นก็เป็นคนเปิดเผยนี่เอง หุ่นดีขนาดนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักกัน แต่เธอก็กล้าที่จะส่งรูปลับๆมาให้เขามากมาย ดูยังไงก็ไม่น่าเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยได้
“นี่....ดีครับ....ดีครับ...”เขาเงียบไปตั้งนานไม่รู้จะตอบยังไง จึงตอบคำนี้ไปเป็นการปลอบฝ่ายตรงข้ามและปลอบตนเอง
“ไม่ดีเลยค่ะ ฉันอยากลองดู” เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะตอบกลับมาแบบนี้ ไม่นานก็พูดขึ้นอีก “คุณเป็นคนเทียนตูรึเปล่า สนใจไหมคะ?”