ตอนที่ 20 ญาติผู้น้องเกิดเรื่องแล้ว
เวลาผ่านไปครึ่งเดือนโดยไม่รู้ตัว
ในครึ่งเดือนนี้ชีวิตการเป็นอยู่ของเจียงป๋ายเต็มไปด้วยความสุขสบาย ทุกวันเอาแต่อ่านหนังสือ ความรู้ของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก เวลาสั้นๆครึ่งเดือนนี่ไม่ว่าวิชาไหนก็สามารถเทียบกับนักศึกษาปริญญาเอกได้ เศรษฐศาสตร์ วัฒนธรรม การเมือง ชีววิทยา ประวัติศาสตร์ และหลายๆวิชาก็เข้าใจหมด อย่างน้อยหนังสือแปดพันเล่มก็ได้ถูกเจียงป๋ายอ่านหมดแล้ว
ในเวลาปกตินอกจากอ่านหนังสือแล้ว เจียงป๋ายทุกๆสองวันจะไปต้าชื่อเจี้ยหนึ่งครั้ง ที่ตรงนั้นปล่อยให้หลี่เฉียงกับซูเจี๋ยดูแล ธุรกิจเริ่มมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากคนที่ดูสถานที่กลายเป็นคนของซูเจี๋ยแล้ว ยามก็กลายเป็นชายหนุ่มที่ร่างใหญ่ ดูแกร่งมาก
ส่วนข้างในมีเรื่องอะไร ในใจของเจียงป๋ายรู้ดี ปิดตาข้างเดียวไม่ไปสนใจ คนพวกนี้ส่วนมากเป็นคนที่ซูเจี๋ยหามา แต่ไม่ได้ทำงานกับเขา เพียงแค่เขาไม่ได้ควบคุมด้วยตนเอง แต่ใครๆก็รู้ว่าใครคือนายที่แท้จริง
โดยเฉพาะเจียงายป๋ต่อสู้เพียงหนึ่งครั้งก็มีชื่อเสียงแล้ว เรื่องที่กวาดล้าง24คนรวมด้วยซูเจี๋ยที่อยู่ในนั้นโดยคนเดียว ได้ถูกวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเล่าต่อๆกันไป ทุกครั้งที่เจียงไป๋ไปก็สามารถรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ถูกเคารพ แต่ว่าสิ่งที่เจียงไป๋ไม่รู้คือ ไม่ได้มีแค่คนสิบกว่าคนที่อยู่ในต้าชื่อเจี้ยนี้ที่รู้เรื่องการต่อสู้ของเขา ทางพื้นที่ตะวันออกก็ได้เล่าชื่อเขาต่อๆกันอย่างเงียบๆ
เจียงป๋ายไม่ใช่คนเจียงหู เขาไม่เคยคิดอยากจะเป็นคนเจียงหู แต่ชื่อของเขากลับถูกคนหลายๆคนเล่าต่อๆกัน
อย่างไรก็ตามซูเจี๋ยคือคนที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆอยู่ในพื้นที่ตะวันออก คนนั้นก็เป็นคนปากสว่าง เจอใครก็พูดว่าเจียงไป๋เก่งขนาดไหน ทำให้เจียงป๋ายต้องกลายเป็นพี่ใหญ่เบอร์หนึ่งของเจียงหู ใครก็ไม่กล้าสู้ อย่างน้อยอยู่ที่พื้นที่ตะวันออกก็มีชื่อเสียงมาก ไม่รู้มีวัยรุ่นกี่คนที่อยากจะเข้ามาเป็นลูกน้องเขา
คนกี่สิบคนที่สมัครเข้ามาในต้าชื่อเจี้ยนั้น สมัครใจที่จะรับค่าจ้างต่ำแล้วเป็นยามเพื่ออะไรเหรอ?
ก็แค่ตอนที่อยู่ข้างนอกบอกว่าเป็นคนของพี่เจียง คนอื่นก็ไม่กล้ายุ่ง? การที่พูดออกไปนั้นคือได้หน้าตาชัดๆ!
สิ่งพวกนี้เจียงป๋ายไม่รู้ พูดได้ว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเจียงป๋ายทั้งหมด
นอกจากสองเรื่องนี้ ในครึ่งเดือนนี้หม่าฉางหยางก็ไม่ได้อยู่เฉย เตรียมการจัดการบริษัทภาพยนตร์ของเขา ไปเปลี่ยนชื่อตามความต้องการของเจียงป๋าย เปลี่ยนเป็น“หลงเผิงฟิลม์” ทั้งหาคนทำLOOG ทั้งหาคนเปลี่ยนป้าย ยังถามถึงบัตรประชาชนของเจียงป๋าย อยากเอาธุรกิจโอนให้เจียงป๋ายล่วงหน้า จากต้นจนจบก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องเงิน ทำให้เจียงป๋ายรู้สึกเกรงใจ
เหมือนกับทุกคนกำลังยุ่งอยู่ มีแค่เขาคนเดียวที่ว่างงาน นอกจากอ่านหนังสือ ก็ออกไปสนุกเฮฮาถ้าถามถึงว่าอยู่กับใคร ยังต้องถามอยู่เหรอ?
คนนั้นก็คือพี่สาวเพื่อนบ้านที่สวยหยาดเยิ้มของเจียงป๋าย?
หลังจากการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ของเจียงป๋ายกับเหยาหลานเข้าใกล้กันอย่างชัดเจน เวลาเจอกันก็ทักทายได้อ่อนโยนขึ้น เหยาหลานเหมือนจะชอบพูดจาแทะโลมเจียงป๋าย บางเวลาก็แสดงเสน่ห์ของตนเอง หวังจะล่อใจ จนทำให้เจียงป๋ายรู้สึกโกรธ
สิ่งที่แปลกใจคือหลังจากวันนั้นมาอู๋เทียนไม่เคยไปหาเจียงป๋ายอีกเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหยาหลานได้พูดอะไรหรือเปล่า
ตอนเช้าที่มหาวิทยาลัย ญาติผู้น้องตัวน้อยมาส่งข้าวทุกวัน ถึงจะปากแข็งเหมือนเดิม แต่การมีน้ำใจนั้นเจียงป๋ายก็ค่อยๆรู้สึกได้ ตอนค่ำกลับบ้านยังสามารถปรับอารมณ์ปรับทุกข์กับหญิงสาวสวยข้างบ้าน ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย แต่สิ่งเดียวที่รู้สึกเสียใจคือหลังจากวันนั้นซูเหม่ยไม่เคยติดต่อกับเจียงป๋ายอีกเลย ราวกับว่าระเหยหายไปจากโลกมนุษย์
“ติง ติง ติง......คุณปู่ หลานของปู่โทรมา......คุณปู่ หลานของปู่โทรมา......”
วันนี้นั่งอยู่ในห้องสมุด กำลังอ่านหนังสือของโฟ๋หลั่วอีเต๋อ ที่เป็นเรื่อง《梦的解析》(การเข้าใจและวิเคราะห์ของความฝัน)อย่างสนุก จู่ๆโทรศัพท์ของเจียงป๋ายดังขึ้น เสียงเรียกเข้านี้เป็นเสียงที่เจียงป๋ายเปลี่ยนใหม่ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้คนนับร้อยที่อยู่ในห้องสมุดมองไปที่เจียงไป๋ ทำให้เจียงป๋ายประหม่า
“สวัสดี คุณเป็นใคร? ” เห็นเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก เจียงป๋ายรู้สึกแปลกใจจึงรับสายโทรศัพท์แล้วถามอย่างมีมารยาท
“ใช่ญาติผู้พี่ไหม?ฉันคือหม่าซูหยวน”
เสียงโทรศัพท์มีเสียงของผู้หญิงส่งมา เป็นเพื่อนร่วมห้องของหลินหวานหยู ก่อนหน้านี้เจียงป๋ายเคยเจอครั้งหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นถือว่าดี โดยเฉพาะหม่าซูหยวน มีความสัมพันธ์กับหลินหวานหยูดีที่สุด ตอนนั้นยังหัวเราะเยาะสองคนนั้น หลังจากนั้นก็ไปขอเบอร์โทรศัพท์ของเจียงป๋าย แต่ไม่เคยติดต่อ
มองดูนาฬิกาข้อมือตอนนี้ก็6โมงทุ่มหนึ่งแล้ว ทำไมโทรมาในเวลานี้?
“สวัสดี、สวัสดี ซูหยวนมีอะไรไหม? ”เจียงป๋ายยิ้มแล้วถาม สำหรับเด็กผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาจากเมืองทางเหนือนี้เขารู้สึกได้ดี
“คือแบบนี้ เมื่อกี้จางเทียนอั๋ง รับหวานหยู ไป เหมือนหวานหยูมีอะไรจะให้เขาช่วย วันนี้เขาจึงโทรหาหวานหยู บอกว่ามีข่าวแล้ว เหมือนจะทำยากอยู่ จะให้หวานหยู ไปกินข้าวกับเขา เขาถึงจะยอมช่วย แต่ฉันคิดว่ามันไม่ได้มีแค่นี้ จางเทียนอั๋งหมอนี่ตอนอยู่โรงเรียนก็ไม่ใช่คนดี ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้มีรุ่นพี่ผู้หญิงไปทำแท้งเพราะเขา อยู่ข้างนอกยังทำเรื่องร้ายๆอีกมากมาย ฉันรู้สึกไม่ไว้ใจ ดังนั้นฉัน......”
หม่าซูหยวนพูดอย่างช้าๆ แสดงน้ำเสียงที่กังวล
“พวกเขาไปไหนแล้ว?”
ฟังคำพูดนี้ สีหน้าของเจียงป๋ายก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงไม่ดี
หลินหวานหยูจะมีเรื่องอะไรได้อีก? ก็มีแค่เรื่องนั้นของตนเอง!
เคยบอกกับหญิงคนนี้แล้วว่าเรื่องจบไปแล้ว ทำไมเธอยังไม่เชื่อ?
จางเทียนอั๋งอีกคนคืออะไร? ไม่ใช่ที่บอกว่าในบ้านมีอำนาจไม่น้อยเหรอ? ถ้าจะช่วยจริงจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้จัดการจบแล้วเหรอ ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของตนเองกับซูเจี๋ยเหรอ? ทำไมยังหลอกหลินหวานหยูออกไป?
กินข้าว เกรงว่าจะไม่ง่ายแค่นี้!
“เหมือนจะไปที่โรงแรมแมริออท!”
“ฉันรู้แล้ว เธอไว้ใจได้ ฉันจัดการเอง”
หลังจากตอบรับเจียงป๋ายก็ตัดสาย หมุนตัวออกไปจากมหาวิทยาลัย เดินอยู่รอบๆมหาวิทยาลัยเพื่อรอคนมารับ เจียงป๋ายขึ้นรถแล้วไปทางโรงแรมแมริออท
นั่งรถไปได้ครึ่งทาง คิดว่าไปคนเดียวไม่เหมาะสม ก็เลยโทรหาซูเจี๋ย
ไม่ใช่เพราะว่าไปคนเดียวแล้วกลัว แต่เป็นเพราะกำลังสู้รบของเจียงป๋ายไม่ธรรมดา ให้ซูเจี๋ยมาจัดการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังได้ดีกว่า คนนี้มีความสัมพันธ์ที่มากมาย โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับตำรวจ ถ้าเกิดเรื่องอะไรจริงๆ แล้วเจียงป๋ายลงมือจัดการ เรื่องที่เหลือให้ซูเจี๋ย มาจัดการจะดีกว่า ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ต่างๆที่อยู่ในโลกใหญ่นี้ การจ่ายเงินส่งของขวัญ ดึงความสัมพันธ์ก็ไม่ใช่ซูเจี๋ยทำทั้งหมดเหรอ?
“พี่ใหญ่ไว้ใจได้ ฉันจะไปตอนนี้เลย!”ซูเจี๋ยได้ฟังคำพูดของเจียงป๋าย ก็พลางเรียกลูกน้องพร้อมแล้วเดินทางไปแมริออท
ตอนที่เจียงป๋ายมาถึง ซูเจี๋ยก็มาถึงแล้วและข้างตัวมีคนวัยกลางคนคนหนึ่งรอยู่ด้วย”พี่ใหญ่ คนนี้คือประธานของโรงแรมแมริออท ประธานฉาง เพื่อนของเหลาหม่า ฉันเพิ่งติดต่อมา จางเทียนอั๋งที่คุณพูดนั้นอยู่ที่ชั้นบน”
“สวัสดี คุณชายเจียง”
ประธานฉาง คนนั้นมีประสบการณ์ของเรื่องความสัมพันธ์ ถึงเจียงป๋ายจะอายุน้อย แต่เขาไม่มีความรู้สึกดูถูก รีบเข้ามาจับมือ
ว่านหาวเป็นโรงแรม 5 ดาวที่มีราคาสูง สามารถมีโรงแรมแบบนี้ ค่าตัว การต้อนรับคนก็จะดูสนิทสนม ไม่แปลกที่สามารถเป็นเพื่อนของหม่าฉางหยางได้