ตอนที่ 96 คนของใครมากกว่ากัน
“ ในงานนิทรรศการหินหยกของเฝิงชื่อกรุ๊ป ”
ฉินห้าวตงไม่ได้ปิดอีกต่อไป เขาเล่าให้เธอฟังว่าเขาเจอหินพวกนี้ได้อย่างไร แต่เขาข้ามเรื่องแหวนมิติไปและพูดว่าเขาขโมยหินขณะที่ผู้คุมไม่สนใจแทน
น่าหลันอู๋เซี๋ยไม่สงสัยเขาเลย เธอพูดขึ้น ” เร็วเข้า เราต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาสังเกตเห็นความไม่ปกติแล้วขนหินพวกนี้ออกไป ”
หลังจากพูดจบ เธอรีบเดินไปที่รถของฉินห้าวตงอย่างรวดเร็ว
ฉินห้าวตงเปิดประตูและเข้าไปนั่ง แต่ก็ยังไม่วายที่จะถามต่อ “ มีแค่เราสองคนมันจะพอเหรอ ? ”
“ ไปกักกันยาเสพติดพวกนั้นไว้ก่อน เดี๋ยวฉันจะโทรบอกผู้บัญชาการหวาง ” น่าหลันอู๋เซี๋ยพูด จากนั้นเธอก็ให้สัญญาณฉินห้าวตงให้รีบขับรถไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาหวางเจี้ยนเฟิง
คดีที่สำคัญเช่นนี้ต้องโทรเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธ เธอเป็นเพียงรองผู้บัญชาการของหน่วยสอบสวนคดีอาชญากรรม จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะขอความช่วยเหลือเช่นนั้น ดังนั้นเธอทำได้แค่รีบรายงานมัน ส่วนฟางฉวนโซงหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษน่าจะเป็นหวางเจี้ยนเฟิงที่เป็นคนรายงานเขา
หวางเจี้ยนเฟิงเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับเบาะแสที่สำคัญของการค้ายา เขาส่งตำรวจติดอาวุธจำนวนมากไปที่งานนิทรรศการและรีบรายงานเรื่องนี้ต่อฟางฉวนโซงทันที
ในงานนิทรรศการ เฝิงเทียนต๋ากำลังตรวจสอบหินดิบในโซนแยกพร้อมกับชายวัยกลางคนไว้เครา
ชายวัยกลางคนที่ไว้เครามีชื่อว่าเมิ๋งเที่ย เขาเป็นน้องชายของเมิ๋งกางและเป็นนักสู้คนเก่งของโจวเทียนฮู่ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งหินหยก เขาเดินทางมาเจียงหนานในครั้งนี้เพื่อรับผิดชอบดูแลงานทั้งหมดแทนหัวหน้าแก๊ง
แม้ดูภายนอกเขาจะเป็นคนที่ดูหยาบโลน แต่ที่จริงแล้วเขากลับเป็นคนที่ตรวจสอบอะไรละเอียดมาก หลังจากตรวจสอบหินอย่างละเอียดไปหนึ่งรอบ ทันใดนั้นเขาก็เรียกพนักงานที่รับผิดชอบส่วนนี้มาทันที
“ วันนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ? ” เขาถาม
“ ไม่ครับ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ” พนักงานตอบด้วยความเคารพ เพราะแม้แต่ประธานเฝิงเทียนต๋ายังเคารพชายไว้เคราขนาดนี้ เขาเองก็ต้องคอยระวังเช่นกัน
“ มีใครผ่านมาที่นี่บ้างไหม ? “ เมิ๋งเที่ยถามต่อ
เขาลังเลไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้น “ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเพิ่งเดินผ่านไปครับ ”
เขาคิดว่ามันเป็นแค่กองหินที่ผุพังและคงไม่เสียหายอะไรถ้าจะมีคนเดินเข้ามาดูมัน จึงไม่จำเป็นต้องโกหก
แต่สีหน้าของเมิ๋งเที่ยกลับดูเหี้ยมขึ้นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาตะคอกใส่พนักงาน “ อะไรนะ ? ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามให้ใครผ่านเข้ามาในนี้ ! ”
“ อย่าเพิ่งโมโหครับ ผมอธิบายได้ “ เขารีบอธิบายทันที “ ชายหนุ่มเป็นคนไร้การศึกษา ดังนั้นเขาจึงอ่านป้ายไม่ออก แต่พอเขาเข้ามา ผมก็รีบไล่เขาออกไปทันที ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ ”
เมิ๋งเที่ยนใจเย็นลง ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “ เขาหน้าตาเป็นยังไง ? ”
“ เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี ดูขาวและบอบบาง เป็นชายที่ทะเล้นและหน้าตาดี ” พนักงานตอบ
“ ทะเล้นและหน้าตาดีเหรอ ? “ เฝิงเทียนต๋าพึมที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งเขาได้ยินคำพูดของพนักงาน ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น “ บอกรายละเอียดมาอีกหน่อย เขาดูเป็นอย่างไร ? ”
“ เขาสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร อายุประมาณยี่สิบปี…… ” พนักงานที่พูด ทันใดนั้นเขาก็ชี้ไปทางเข้า “ เถ้าแก่ คนนั้นไง เขามาอีกแล้ว ”
เฝิงเทียนต๋ามองตามมือพนักงานไป เห็นแค่ฉินห้าวตงเดินมากับน่าหลันอู๋เซี๋ย
เมื่อคิดถึงเงินหนึ่งร้อยล้านหยวนที่เขาเสียไป เฝิงเทียนต๋าก็พูดด้วยความเกลียดชัง “ มันนี่เอง ไอ้เด็กแมงดา ”
“ น้องเฝิง นายรู้จักคนนี้เหรอ ? ” เมิ๋งเที่ยถาม
“ มันชื่อฉินห้าวตง และมันเป็นคนที่ทำให้เมิ๋งกาง พี่ชายคุณเข้าคุกไงล่ะ ”
“ มันเองเหรอ ? ฉันจะฆ่ามัน ! ”
ท่าทางของเมิ๋งเที่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาได้ยินข่าวลือในประเทศพม่าว่าพี่ชายของเขาถูกจับโดยชายวัยรุ่นคนหนึ่ง และอาจต้องถูกขังเป็นเวลาแปดถึงสิบปี ตอนแรกเขาจะกลับมาแก้แค้นฉินห้าวตงทันทีที่เขาได้ยินข่าวนี้ แต่โจวเทียนฮู่ห้ามเขาไว้ก่อน
โจวเทียนฮู่บอกยังไม่ให้เขาลงมือในตอนนี้ รอให้ทำภารกิจนี้ให้สำเร็จก่อน แล้วค่อยเอาคืนฉินห้าวตงพร้อมกัน
“ พี่เมิ๋ง อย่าเพิ่งทำอะไรโจ่งแจ้ง ” เฝิงเทียนต๋าเป็นคนฉลาด เขาคว้าเมิ๋งเที่ยมาแล้วพูดกระซิบ “ ตอนนี้เราอยู่ในประเทศจีน เราทำได้แค่แก้แค้นอย่างลับๆ ที่นี่มีคนเยอะเกินไป ไม่เหมาะที่จะลงมือ อีกอย่างผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาเป็นตำรวจ ”
เมิ๋งเที่ยลังเลไปพักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ระงับความโกรธของเขาไว้ได้ เพราะก่อนที่เขาจะมาที่นี่ โจวทียนฮู่ได้ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้อะไรมากระทบต่อภารกิจของเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะโดนฆ่าตัดหัว
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ฉินห้าวตงและน่าหลันอู๋เซี๋ยได้เดินมาถึงโซนที่แยกออกมาแล้ว
เฝิงเทียนต๋าเดินไปหาพวกเขา แต่เขาจงใจเพิกเฉยต่อฉินห้าวตง และหันไปคุยกับน่าหลันอู๋เซี๋ยแทน “ คุณหนูน่าหลัน เราไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้าชมส่วนนี้ คุณทำได้แค่เยี่ยมชมข้างนอกเท่านั้นถ้าคุณต้องการซื้อหิน ”
ฉินห้าวตงไม่ได้ไม่พอใจต่อการเพิกเฉยของเฝิงเทียนต๋า เขาเดินไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ คุณเฝิง น่าเสียดายนะที่คุณไม่ปล่อยหินหยกนั่นออกสู่สารธารณะ คุณตั้งใจเก็บมันเอาไว้ทำไมเหรอ ? “
เฝิงเทียนต๋าจ้องเขม็งไปที่เขาแล้วพูดขึ้น “ ฉินห้าวตง ! นายมายุ่งเรื่องคนอื่นมากไปไหม ? มันเป็นการตัดสินใจของฉันว่าจะขายมันหรือไม่ มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย ตอนนี้ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ฉันไม่ต้อนรับนาย ”
ฉินห้าวตงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ คุณแน่ใจไหมว่าทั้งหมดนั่นเป็นหินของคุณ ? อย่ามาเสียใจทีหลังละกันที่พูดแบบนี้ ”
คำพูดของเขาต้องการจะสื่อถึงบางสิ่ง ที่ประเทศจีนมีมาตรการเข้มงวดในการปราบปรามยาเสพติดและปริมาณยาเสพติดที่ซ่อนอยู่ในหินพวกนั้นเพียงพอที่จะพิพากษาตัดสินโทษประหารชีวิตแก่เฝิงเทียนต๋า
เฝิงเทียนต๋าเห็นฉินห้าวตงมีเจตนาจะสื่ออะไรบางอย่าง แต่เขาไม่ต้องการเสียหน้าดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “ ฉันบอกว่าของฉันก็คือของฉันสิ แล้วไง ? นายจะเอามันไปจากฉันงั้นเหรอ ? ”
น่าหลันอู๋เซี๋ยจึงพูดขึ้น “ เฝิงเทียนต๋า ฉันไม่ได้มาซื้อหิน ฉันมาที่นี่เพื่อบอกว่าหินหยกพวกนั้นทั้งหมดถูกควบคุมไว้แล้ว ”
“ อะไรนะ ? ” สีหน้าของเฝิงเทียนต๋าและเมิ๋งเที่ยเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน
เฟิงเทียนต้าจึงพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ มันก็แค่หินหยก ทำไมต้องถูกควบคุมด้วย ? หินพวกนี้มันละเมิดกฎหมายหรือไง ? ”
น่าหลันอู๋เซี๋ยพูด “ ทำตามที่ฉันบอก ตอนนี้ฉันไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายกับนาย ”
“ คุณหนูน่าหลัน นี่มันเป็นการใช้อำนาจมากเกินไปแล้ว ? ผมเป็นนักธุรกิจที่ถูกรับรองโดยกฎหมายและคุณควรให้บริการผม คุณไม่สามารถควบคุมสินค้าของผมได้ เพียงเพราะคุณพูดเช่นนั้นหรอกนะ ผมต้องการคำอธิบายที่มากกว่านี้ ”
เฝิงเทียนต๋าไม่ได้เห็นตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยสอบสวนคดีอาชญากรรมอยู่ในสายตาเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน่าหลันอู๋เซี๋ยอยู่ในตระกูลน่าหลัน เขาคงไล่เธอไปนานแล้ว
น่าหลันอู๋เซี๋ยส่งกระดาษ A4 ให้กับเฝิงเทียนต๋าดูแล้วพูดขึ้น “ อ่านให้ละเอียดซะ นี่คือใบอนุญาตเข้าควบคุมและนายต้องทำตามที่ฉันบอกตอนนี้ เอาล่ะ บอกให้คนของนายออกจากพื้นที่และรวบรวมพวกเขาไปที่ห้องสืบสวนกับตำรวจ ฉันจะให้คำอธิบายกับนายเมื่อคดีจบลง ”
ฉินห้าวตงพยักหน้าอย่างเงียบๆ แม้ผู้หญิงคนนี้จะดูอารมณ์ร้อน แต่เธอกลับจัดการทุกอย่างได้อย่างละเอียดรอบคอบ เธอเตรียมใบอนุญาตเข้าควบคุมก่อนที่จะมาที่นี่เสี่ยอีก
เฝิงเทียนต๋าอ่านใบอนุญาตในมือของน่าหลันอู๋เซี๋ย จากนั้นเขาก็เหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่าง เขาจึงพูดขึ้น “ ฉันรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? ”
เขาไปที่ฉินห้าวตงแล้วพูดขึ้น “ เขาเป็นคนของหลินโม่โม่ คุณมาที่นี่กับเขาพราะว่าหลินชื่อกรุ๊ปต้องการยับยั้งเฝิงชื่อกรุ๊ป นั่นคือการแข่งขันทางการค้าที่ผิดกฎหมาย ฉันจะแจ้งความกลับต่อผู้บัญชาการของคุณ ”
น่าหลันอู๋เซี๋ยพูด “ จะแจ้งความกลับก็ได้ แต่ตอนนี้นายต้องทำตามคำสั่งของฉันก่อน ”
“ ฉันพูดว่ามันเป็นการแข่งขันทางการค้าที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ” เฝิงเทียนต๋ายังคงดื้อดึง
หน้าของน่าหลันอู๋เซี๋ยดูโหดขึ้นทันที เธอตะโกนอย่างโมโห “ เฝิงเทียนต๋า นายจะฝ่าฝืนกฎหมายงั้นเหรอ ? ”
“ มันเป็นการกล่าวหาที่รุนแรงเกินไป ฉันรับไม่ได้ ” เฝิงเทียนต๋าพูด “ เธอควรออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะให้คนมาถีบเธอออกไป ”
น่าหลันอู๋เซี๋ยพูดอย่างโมโห “ ก็ลองดูสิ เฝิงเทียนต๋า ”
เฝิงเทียนต๋ายิ้มอย่างเยือกเย็น “ น่าหลันอู๋เซี๋ย เธอใช้อำนาจรังแกคนอื่นเกินไปแล้ว กระต่ายเมื่อถึงตาจนยังรู้กัดคน ” (ให้ทางผู้อื่นรอดเปรียบเหมือนเบิกทางให้กับตนเอง)
หลังจากนั้นเขาหันกลับไปโบกมือ “ พวกนายมานี่ มาเชิญคุณหนูน่าหลันออกจากที่นี่หน่อย ”
ไม่นานกลุ่มของชายในชุดสูทสีดำก็รีบเข้ามาล้อมพวกเขา ท่ามกลางคนชุดดำเหล่านี้มียี่สิบคนเป็นคนของแก๊งหินหยกที่เมิ๋งเที่ยพามาจากพม่าและอีกสามสิบคนเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเฝิง พวกเขาทั้งหมดดูโหดเหี้ยมและชั่วช้า พวกเขาไม่สนใจน่าหลันอู๋เซี๋ยสักนิด
เฝิงเทียนต๋าพูดขึ้นด้วยท่าทีดูถูก “ น่าหลันอู๋เซี๋ย ฉันรู้ว่าเธอกับไอ้เด็กแมงดานี่มีทักษะต่อสู้อยู่บ้าง แต่คนของฉันมากกว่า ไม่ว่าจะพวกเธอแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้หรอก ”
วันนี้เขาพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมเพราะว่าบอดี้การ์ดของตระกูลเฝิงและคนจากแก๊งหินหยกเป็นบอดี้การ์ดที่ยอดเยี่ยมที่สุด พวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา ฉินห้าวตงไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะคนพวกนี้ได้หรอกไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน
ฉินห้าวตงพูดด้วยรอยยิ้ม “ เฝิงเทียนต๋า นี่เป็นการแข่งว่าคนของใครมากกว่ากันงั้นเหรอ ? ”
เฝิงเทียนต๋าโกรธหนักกว่าเดิมเมื่อเขาเห็นฉินห้าวตงยิ้ม เขาตะโกนขึ้น “ ถ้ามันใช่แล้วจะทำไม ? ฉันมีคนมากกว่าแกอีก นี่คือที่ของตระกูลเฝิง ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กแมงดาอย่างแกที่จะมาทำตัวกร่าง ! ”
“ ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ ”
ฉินห้าวตงยิ้มอย่างนึกสนุก น่าหลันอู๋เซี๋ยมาที่นี่ในนามของหน่วยสอบสวนคดีอาชญากรรม แต่เฝิงเทียนต๋ากลับโชว์จำนวนพวกที่มากกว่าต่อหน้าตำรวจ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“ ไอ้หนุ่ม แกยังไม่กล้าเชื่ออีกเหรอ ? “ เฝิงเทียนต๋าโบกมือให้บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังแล้วพูดขึ้น “ พวกเรา ไปสั่งสอนไอ้เด็กแมงดานั่นให้ฉันหน่อย ”
เขาพึ่งจะพูดจบ ยังไม่ทันที่บอดี้การ์ดของพวกเขาจะทันได้ลงมือ อยู่ๆ ก็เสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้น รถตำรวจกว่าสิบคันขับเข้ามาที่ศูนย์จัดงานนิทรรศการพร้อมกับรถทหารอีกสี่คันตามมาทางด้านหลัง
รถตำรวจขับเข้ามาตรงโซนที่แยกออกไป แล้วล้อมคนเหล่านี้ไว้ตรงหลาง
เฝิงเทียนต๋างงมาก เมื่อกี้เขาพึ่งจะพูดว่าจะแข่งจำนวนคน อีกฝ่ายก็มีกองกำลังเสริมตามมาสบทบมากมายขนาดนี้
สิ่งที่ทำให้น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือมีตำรวจติดอาวุธกว่าหนึ่งร้อยนายกระโดดลงมาจากรถทหาร พวกเขาทั้งหมดติดอาวุธด้วยปืนจริงและกระสุนจริง รองเท้าหนังของพวกเขามีเสียงดัง ‘ตึกๆ’ กระทบกับพื้นทำให้พื้นดินสั่น มันฟังดูหนักแน่นและทรงพลังมาก
ฉินห้าวตงยิ้มให้เฝิงเทียนต๋า “ เป็นไงบ้าง ? คุณชายเฝิงจะยังลงมืออยู่ไหม? จะยังแข่งจำนวนคนอยู่หรือเปล่า ? ”
เฝิงเทียนต๋ารู้สึกอับอายทันที เขาไม่เคยกล้าพอจะต่อกรกับเหล่าตำรวจติดอาวุธเลย ตำรวจติดอาวุธในประเทศจีนเป็นกองกำลังตำรวจที่ยอดเยี่ยมและมีชื่อเสียงมาก คนของเขาสู้ไม่ได้เลยสักนิด
เมิ๋งเที่ยก้าวไปข้างหน้าแล้วกระซิบกับเฝิงเทียนต๋า “ เราควรทำยังไงดี ? ”
“ ไม่ต้องห่วง ตระกูลเฝิงของพวกเราอยู่ที่เจียงหนานมาหลายปีแล้วและเราไม่เคยพ่ายแพ้ใครง่ายๆ ” เฝิงเทียนต๋าพูดขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกดโทรหาหมายเลขหนึ่ง “ ใช่ลุงหลิวไหม ? นี่เทียนต๋านะ หลินชื่อกรุ๊ปสมรู้ร่วมคิดกับทีมตำรวจสอบสวนคดีอาชญากรรมและกำลังจะควบคุมสินค้าของเรา ต้องรบกวนลุงมาที่นี่หน่อยได้ไหม ? ”
ไม่มีใครรู้ว่าปลายสายพูดอะไร แต่สีหน้าวิตกของเฝิงเทียนต๋าหายไปทันทีเมื่อกดวางสาย เขามีใบหน้าที่ดูเยาะเย้ยอีกครั้ง
คนพวกนี้เป็นคนที่หวางเจี้ยนเฟิงพามา หลังจากล้อมรอบพื้นที่นี้แล้ว หวางเจี้ยนเฟิงก็เดินไปหาน่าหลันอู๋เซี๋ยกับฉินห้าวตง
หลังจากที่เขาฟังน่าหลันอู๋เซี๋ยเล่าสถานการณ์จนเข้าใจ เขาจึงหันไปพูดกับเฝิงเทียนต๋า “ คุณเฝิง พื้นที่จัดงานนิทรรศการของคุณถูกต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติด ตอนนี้เราต้องการให้คุณและคนของคุณตามเรามาที่หน่วยสอบสวนคดีอาชญากรรมเพื่อทำการสืบสวน ”
“ ไร้สาระ เฝิงชื่อกรุ๊ปทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายเสมอ มันจะเป็นไปได้ไงว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ? ” เฝิงเทียนต๋าชี้ไปที่ฉินห้าวตงแล้วพูดขึ้น “ อย่ามาหลอกฉัน ฉันรู้ว่าพวกคุณสมคบคิดกับไอ้เด็กแมงดาคนนี้เพื่อกลั่นแกล้งธุรกิจของเฝิงชื่อกรุ๊ป ”
จบตอน