ท้ายที่สุดกิลใหญ่ทั้งสี่จึงมุ่งหน้าไปหาเจียงเฟยพร้อมๆกัน พวกเขาต้องใจจะมาซื้ออุปกรณ์สวมใส่จากเขา!
“ของไม่เหลือแล้วมาใหม่คืนพรุ่งนี้แล้วกันแล้วก็คุณจะเอาไปเท่าไหร่ก็ได้แต่ผมขอไม่รับเป็นเงินนะขอรับเป็นวัตถุดิบแทน!” เจียงเฟยกล่าว
“ไม่มีปัญหา!”
หวัหน้ากิลทั้งหมดไม่มีปัญหาเพราะพวกเขาทั้งหมดทราบพื้นเพของเจียงเฟยดี ถ้าพวกเขาให้เงินเจียงเฟยและปล่อยให้เขาไปซื้อวัตถุดิบเอาเองคงมีคนบางคนคิดจะหาประโยชน์จากตรงนั้นแน่ นอกจากนี้พวกเขาก็มีเงินอยู่ในมือไม่มากนักด้วย คำขอแลกเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบของเจียงเฟยจึงดีสำหรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ยังไงเสียพวกเขาก็มีคลังวัตถุดิบเฉพาะและไม่มีวิธีใช้พวกมันให้หมดเร็วๆอยู่แล้ว แทนที่จะปล่อยให้ช่างตีเหล็กไร้ค่าในกิลของพวกเขาทำให้พวกมันเสียเปล่าสู้เอามาแลกกับเจียงเฟยซึ่งเป็นดั่งโคตรพ่อโคตรแม่ช่างตีเหล็กยังไงก็คุ้มกว่า!
“อ่าถ้างั้น ถ้าพวกคุณเชื่อถือในตัวผมผมก็หวังว่าจะได้วัตถุดิบก่อน! จ่ายก่อนเลยก็ดี...ถ้าทำได้อ่ะนะ!” เจียงเฟยกล่าวเพิ่มเติมด้วยใบหน้ายิ้มเจื่อน ยังไงเสียเขาก็ไม่อาจเริ่มตีเหล็กได้ถ้าปราศจากวัตถุดิบ!
“ไม่มีปัญหา!” หัวหน้ากิลทั้งสี่กล่าวตอบพร้อมๆกันอย่างตรงไปตรงมา ในมุมมองของพวกเขาเจียงเฟยไม่มีทางยอมทิ้งผลประโยชน์ในฐานะคู่ค้าระยะยาวเพียงเพื่อจะโกงวัตถุดิบจากพวกเขาเพียงเล็กน้อยอยู่แล้ว!
เจียงเฟยเสนอราคาแพงอย่างไม่สมเหตุสมผลกับกิลใหญ่ทั้งสี่ โดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นวัตถุดิบห้าเซ็ตสำหรับสร้างเกราะอกไรเดอร์(*1)ต่อเกราะอกไรเดอร์เกรดสีเขียวหนึ่งชิ้น ในทางกลับกันจะต้องใช้วัตถุดิบถึงสิบห้าเซ็ตสำหรับเกรดสีฟ้า เกราะไหล่เกรดสีฟ้าแต่ละชิ้นเองก็ต้องใช้วัตถุดิบเท่าๆกันเช่นเดียวกัน!
(*1) ก่อนหน้านี้เป็นเกราะอกโจรสลัดตอนนี้เปลี่ยนเป็นไรเดอร์นะครับ
กระนั้นแล้วตัวเจียงเฟยถือว่าเป็นคนที่ซื่อตรงและเชื่อถือได้ในสายตาของเหล่าหัวหน้ากิลทั้งสี่อยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่ทราบอยู่แล้วว่าอัตราการสำเร็จในการสร้างของเจียงเฟยสูงเกือบ50% โอกาสเป็นไปได้ที่อุปกรณ์ที่ถูกสร้างจะกลายเป็นอุปกรณ์ชั้นสูงเองก็อยู่ที่ราวๆ10%เช่นกัน หัวหน้ากิลทั้งหลายลองคำนวณดูจากอัตราความสำเร็จของสายผลิตภายในกิลพวกตนดูแล้ว ตามขั้นตามตอนแล้วไม่เพียงแต่เจียงเฟยจะทำเงินไม่ได้เท่านั้นเขายังต้องมีหนี้มหาศาลอีกด้วย!
หลังจากรับวัตถุดิบทั้งหมดที่กิลใหญ่ทั้งสี่ส่งมาให้และยัดพวกมันเข้าไปไว้ในคลังแล้วเจียงเฟยก็เอนกายและเริ่มคิดคำนวณบางอย่าง เขาได้วัตถุดิบสำหรับเกราะอกมาเกือบๆ1,000ชุดและวัตถุดิบสำหรับเกราะไหล่อีกราวๆ500ชุด ด้วยวัตถุดิบขนาดนี้เขาสามารถสร้างเกราะอกได้อย่างน้อยก็มากถึง500ชิ้นและเกราะไหล่อีกราวๆ200ชิ้นแต่สิ่งที่เขาต้องให้กิลใหญ่เหล่านั้นมีเพียงเกราะอกราวๆ100-200ชิ้นโดยคละเกรดฟ้ากับเขียวและเกราะไหล่เกรดสีฟ้าอีกนิดหน่อยเท่านั้น สวรรค์โยนกระดูกอันเบ้อเร่อลงมาให้เขาแล้ว!
เซิพเวอร์กำลังจะปิดตัวลงในไม่ช้า เจียงเฟยทราบดีว่าไม่ใช่เวลาจะเริ่มภารกิจแล้ว เขาเริ่มออกเดินไปในเมืองดอร์นไลท์อย่างไร้จุดหมายเพื่อรอให้เซิพเวอร์ปิดตัว!
ราวๆ6โมงเช้าเจียงเฟยก็ตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แม่ของเจียงเฟยยุ่งอยู่ในครัวตามปกติเพื่อเตรียมอาหารเช้า นี่คือรุ่งอรุณของวันใหม่อีกวัน!
หน้าหนาวทางตอนเหนือของจีนค่อนข้างแปลกประหลาด ไม่เพียงแต่ฟ้าเปิดช้าเท่านั้นแต่ยังสว่างช้าด้วยเช่นกัน เมื่อถึงเวลาที่นักเรียนชั้นมัธยมปลายต้องมุ่งหน้าไปโรงเรียนท้องฟ้ายังมืดครึ้มอยู่เลยด้วยซ้ำ บนถนนหนทางเองก็แทบจะไม่เห็นคนเดินเท้าด้วยเช่นกัน!
“บรื้น...บรื้น...”
ในตอนที่เจียงเฟยลากเท้าไปบนพื้นเสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นก็พุ่งเข้ามาในโสตประสาทของเขา
“ฟิ้ว...” รถสปอร์ตพุ่งผ่านเจียงเฟยไปด้วยความเร็วรายกับสายฟ้า แม้ว่าจะอยู่ห่างกันหกเลนแต่ก็ยังมีลมกรรโชกเข้าใส่แก้มของเขาอยู่ดี!
“แมร่งเอ๊ย! ไอ้พวกรีบไปตายพวกนี้! มืดๆแบบนี้ยิ่งมองยากๆอยู่ด้วย!” เจียงเฟยสบทด่า แม้ว่าเจียงเฟยจะถูกเลี้ยงขึ้นมาแบบไม่ได้ลำบากอะไรแต่เขาก็ไม่เหมือนพวกไข่ในหินรุ่นที่สองที่ชอบขับรถแข่งกันกลางค่ำกลางคืนพวกนี้ คนพวกนี้มักจะทำเช่นนี้แทบจะทุกค่ำคืนแต่เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพวกมันในเวลาย่างรุ่งแบบนี้!
“บรื้น...บรื้น...”
พอเจียงเฟยเงียบไปรถคันที่สองก็พุ่งผ่านเขาไปอีกคัน กำแพงลมเย็นเยียบในหน้าหนาวตีหน้าของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้โสตประสาทของเขากระทบกระเทือนอย่างหนัก
“ชนๆแล้วก็ตายๆห่าไปเลยไป!” เจียงเฟยกรีดร้องตามเส้นแสงที่วิ่งผ่านไป
“ตูม!”
ไม่นานนักเสียงชนดังสนั่นก็ดังขึ้นมาไม่ไกลนักตามมาด้วยเปลวเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
“เชี่ย! ตูกลายเป็นผู้ใช้พลังจิตไปแล้วรึไงวะ?”
เจียงเฟยวิ่งต่อไปไม่กี่ก้าวและก็พบว่าเกิดอุบัติรถชนขึ้นจริงๆ!
แลมโบกินี่ปะทะเข้ากับรั้วคอนกรีต มองเพียงครั้งเดียวเขาก็พอจะบอกได้แล้วว่ายับเยิบ ถังน้ำมันดูเหมือนจะเกิดการรั่วและไฟเองก็เริ่มแพร่กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่จะเข้าใกล้ซากรถยังเป็นไปไม่ได้เลย
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...”
ในตอนที่เจียงเฟยตั้งใจจะหมุนตัวและเดินออกไปให้ห่างจากอันตรายเขาก็เห็นว่าคนขับยังมีชีวิตอยู่ ร่างของเขาถูกเหวี่ยงออกมาจากตัวรถเนื่องจากแรงกระแทกและนอนอยู่ไม่ไกลจากรถที่กำลังลุกไหม้ ใบหน้าของเขาถูกฉาบย้อมไปด้วยเลือด
“โว้ย อะไรนักหนาวะ!”
เจียงเฟยวิ่งเข้าไปหาชายที่กำลังแย่ผู้นั้นด้วยความเร็วเต็มพิกัดและลากเขาออกมาให้ห่างจากรถให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ตูม!” ไม่นานนักแลมโบกินี่กระเบิดขึ้น กระแสลมร้อนละอุส่งทั้งสองบินออกมา โชคดีที่พวกเขายังพอมีอะไรหนาๆอย่างเสื้อกันหนาวสวมอยู่ ถ้าช้ากว่านี้พวกเขาคงได้กลายเป็นไก่ปิ้งไปแล้ว!
“แค่ก...”
เด็กหนุ่งที่ถูกพาออกมาดูจะอ่อนแอยิ่งนัก แรงระเบิดเมื่อครู่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เขาพ่นเลือดออกมาคำโต
“เฮ้ยเป็นอะไรเปล่า?”
เจียงเฟยตบหน้าคนผู้นั้น
“ช่วย...ด้วย...”
เลือดยิ่งไหลออกมามากกว่าเดิม
“โว้ย ทนเอาไว้ก่อนเดี๋ยวจะเรียกรถพยายามมาเดี๋ยวนี้แหละ!”
เจียงเฟยวางชายคนนั้นลงบนพื้นและหยิบมือถือออกมากดอย่างรวดเร็ว
“อย่าหลับนะเข้าใจไหม!”
ชายผู้นี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเจียงเฟย นอกจากนี้เขายังกระทั่งก่นด่าชายผู้นี้ให้รถชนตายๆไปซะอีกด้วยแต่ใจจริงเขาก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดต้องการให้ผู้อื่นประสบเคราะห์จริงๆหรอก!
“แค่ก...” เลือดอีกคำใหญ่ๆถูกพ่นออกมา แย่แล้ว!
“รถพยาบาลมันอยู่ไหนแล้ววะ?!” เจียงเฟยกังวลจนหัวใจบีบรัด
“หืม!?” ทันใดนั้นเจียงเฟยก็รู้สึกมึนชาขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เจียงเฟยนำเอาโพชั่นเพิ่มเลือดขวดเล็กจากในเกมออกมา โพชั่นขวดนั้นเองก็ยังอยู่ในกระเป๋าของเขา! โพชั่นที่มีขนาดขวดเล็กๆไม่ต่างไปจากขวดน้ำหอมและไม่มีอะไรโดดเด่นแต่เจียงเฟยในตอนนี้ตั้งความหวังกับมันเอาไว้ยิ่งกว่าสิ่งใด
“ดื่มนี่ลงไป!”
เจียงเฟยยกหัวของชายคนนั้นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเทมันลงไปในปากของชายหนุ่มผู้นั้น!
“เฮ้อ...”
โพชั่นจำนวนเต็มๆปากเต็มๆคำที่มีกลิ่นหอมสดชื่นไหลลงไปในปากของชายผู้นั้น เขาในตอนนี้อยู่ไม่ห่างจากความตายแล้วจริงๆแต่ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกสบายตัวขึ้นมา
ถ้าเขากำลังอยู่ในเครื่องเอ็กซเรย์คงได้เห็นว่าซี่โครงที่หักไปแล้วของตนกำลังเครื่องไหวกลับสู่ตำแหน่งเดิมราวกับปาฏิหาริย์ กระทั่งจุดที่แตกเองก็หายไปและกล้ามเนื้อและเส้นประสาทเองก็ค่อยๆเริ่มกระบวนการซ่อมแซมหตัวเอง!
“แค่ก....แค่ก...”
หลังจากสำลักลมหายใจออกมาหลายครั้งชายผู้นั้นก็เกือบจะพูดกับเจียงเฟยได้แล้วแต่ในเวลาเดียวกันรถพยายามก็มาถึงเสียก่อน
“ไปช่วยชายคนนั้นเร็ว!” หน่วยแพทย์นำเตียงลงมาและเริ่มงานอย่างรวดเร็ว
“เฮ้...อย่าเพิ่งไป! นายเป็นคนที่เรียกรถพยาบาลสินะ? นายต้องไปกับพวกเราก่อน!”
เจียงเฟยกะว่าจะจากไปเมื่อเห็นว่าตัวเองทำทุกๆอย่างที่ทำได้ไปแล้ว ยังไงเสียเขาก็ยังมีเรียนแต่หน่วยแพทย์ผู้หนึ่งกลับจับไหล่ของเขาเอาไว้เสียก่อน
“อา! รู้แล้วๆ!”
เจียงเฟยทราบเหตุการณ์ทั้งหมดทันที ยังไงเสียตัวเขาก็เป็นพยานเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ พวกเขาต้องมีคำถามที่ต้องการจะถามเขาหลังจากนี้แน่นอนและมันอาจจะช่วยในการรักษาชายหนุ่มคนนี้ได้ คลาสเรียนอาจจะสำคัญแต่ชีวิตคนอย่างไรเสียก็หาอะไรมาแทนมิได้ เขาขึ้นไปบนรถพยาบาลโดยไม่กล่าวคำใดอีก