px

เรื่อง : The Almighty Ring
Chapter 82 : ควบคุมจิตใจ


 

ฉันลุยแล้วนะ!” เจียงเฟยตะโกนพร้อมกับกระโดดออกไปสู้กับผู้ฝึกสอนอสูรด้วยพุ่งชน

แบทเทิลคราย!

ลมหายใจเยือกแข็ง!

หลังจากประโคมสกิลวงกว้างทั้งสองสกิลไปแล้วเจียงเฟยก็ดึงความสนใจของมอนทั้งสองตัวมาได้เต็มพิกัด จากนั้นเขาก็เริ่มหวดผู้ฝึกสอนอสูรไปเรื่อยๆ

ทริปเปิ้ลแบช!

หมัดเหล็ก!

มานาเบิร์น!

เจียงเฟยอัดสกิลทั้งหมดที่มีออกไป ถ้าเขาเก็บสกิลเอาไว้แล้วโดนผู้ฝึกสอนอสูรควบคุมคงกลายเป็นว่าตัวเขากวาดปาร์ตี้ตนเองจนเรียบแน่!

เจียงเฟยจะใช้สกิลออกมาทุกครั้งที่สามารถใช้ได้ ด้วยการนี้ถึงแม้ผู้ฝึกสอนอสูรจะควบคุมเขาได้ก็คงไม่ได้ประโยชน์มากนัก

แดสเซิลแด๊นซ์เองก็เช่นเดียวกัน นอกจากยั่วยุแล้วเธอจะอัดสกิลทั้งหมดที่มีเพื่อให้พวกมันติดคูลดาวน์ไปซะ ในปาร์ตี้นี้มีเพียงเธอกับเจียงเฟยเท่านั้นที่มีพลังโจมตีเบาที่สุดทั้งที่ไม่ใช่ฮีลเลอร์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจปล่อยให้ตนเองลงมือสังหารคนอื่นๆเนื่องจากความผิดพลาดได้เด็ดขาด!

แดสเซิลแด๊นซ์คอยจับตามองแฟนท่อมไว้ ถ้าคนอื่นๆโดนแทนคงไม่เท่าไหร่แต่พลังโจมตีของแฟนท่อมนี่นิวเคลียย่อมๆเลยนะ!” เจียงเฟยหอบหายใจไปพูดไประหว่างทำการโจมตีไปเรื่อยๆ

มอนสเตอร์ทั้งสองมีพลังโจมตีไม่แรงมากนัก สาวกคลั่งลัทธิสร้างความเสียหายทางกายภาพให้เจียงเฟยได้ไม่เกิน200เท่านั้น ผู้ฝึกสอนสามารถสร้างความเสียหายเวทย์มนตร์ได้สูงถึง600ก็จริงแต่มันก็ต้องใช้เวลาร่ายมนตร์ในการโจมตีแต่ละครั้ง ดังนั้นช่องว่างระหว่างการโจมตีแต่ละครั้งจึงค่อนข้างนานและก็ทำให้ฮีลเลอร์ทั้งสองคนมีเวลามากพอจะดึงเลือดของเขากลับมา

ความยากของมอนทั้งสองตัวนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครในทีมพวกเขาจะถูกควบคุม โรเซ็ตแฟนท่อมที่มีอาวุธทรงพลังในครอบครอง — มีดสั้นสีฟ้าและดาบระดับอีปิคสีม่วงทำให้พลังโจมตีของเธอมีมากเกินบรรยาย ถ้าเธอถูกควบคุมเธอคงกวาดคนในปาร์ตี้จนเรียบแต้แน่!

ฉันขอเรียกน้องชายตัวน้อยออกมาเล่นหน่อยแล้วกัน!”ฟ็อกหัวเราะคิกคักและเปิดใช้งานสกิลด้วยไม้เท้าของเธอ

ทันใดนั้นโกเลมมนุษย์ก็ถูกเรียกออกมา ด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งโกเลมมนุษย์ก็สามารถดึงความโกรธจากสาวกคลั่งลัทธิมาจากเจียงเฟยได้ นั่นทำให้ภาระที่เจียงเฟยเผชิญลดลงไปอย่างมีนัยยะเลยทีเดียว!

ด้วยการที่มีตัวทำดาเมจระดับสูงอย่างแฟนท่อมบวกกับการสนับสนุนจากเจ้าอ้วนจ้าวเฟิงทำให้ดาเมจที่ปาร์ตี้ของเจียงเฟยทำได้น่าประทับยิ่งนัก ในเสี้ยวพริบตาเดียวพลังชีวิตของบอสก็ลดลงไปแตะระดับ80%แล้ว!

ตัวของเจ้าจักเป็นดั่งปรารถนาของข้า!”

เสียงแหบแห้งของผู้ฝึกสอนอสูรดังขึ้นมาและแสงสีแดงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในร่างกายของจ้าวเฟิง!

เวร! ฉันควบคุมตัวละครไม่ได้!” จ้าวเฟิงตะโกน

แดสเซิลแด๊นซ์ดึงเขาเอาไว้!” เจียงเฟยร้องออกมา

ร่างกายใหญ่โตของจ้าวเฟิงขยายใหญ่ขึ้นไปอีก เขาในตอนนี้สูงกว่าสองเมตรไปแล้วและทั่วทั้งร่างก็ส่องประกายสีแดงเลือดออกมา เขาหยุดร่ายเวทย์และเริ่มเหวี่ยงคทาไปรอบๆราวกับกระบอง เขาวิ่งตรงไปยังเมี่ยวเมี่ยวที่อยู่ด้านข้างด้วยความเร็วอันน่าตะหนก!

อ๊า!”

การที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามาแบบนี้ทำให้เมี่ยวเมี่ยวตกใจไม่น้อย ยังไงก็ตามแดนเซิลแด๊นซ์กลับช่วยเธอเอาไว้ได้ทันเวลาด้วยสกิลยั่วยุ!

วิ้ง!” แสงสีแดงส่องออกมาจากร่างของจ้าวเฟิง

เวร! กระทั่งมอนสเตอร์นายก็ยังบัฟได้ด้วยหรอ? เจียงเฟยตกตะลึงเมื่อเห็นว่าจู่ๆพลังโจมตีของมอนสเตอร์ก็เพิ่มขึ้น จ้าวเฟิงต้องอัดบัฟแจ่มๆให้พวกมันอย่างแน่นอน ตอนนี้ตัวเขาที่เปลี่ยนไปอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มบัฟให้กับมอนสเตอร์อย่างสนุกมือ ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่ชัดเจนไปกว่าครั้งนี้ว่าเจ้าอ้วนนี่เป็นซัพพอร์ตที่ดีเพียงใด

เมี่ยวเมี่ยวยื้อชีวิตของแดสเซิลแด๊นซ์เอาไว้ให้ได้ แดสเซิลแด๊นซ์ไม่ต้องลงมือกับเขามากนักเพราะเดี๋ยวจะเป็นการฆ่าเขาแทนซะเปล่าๆ...

เจียงเฟยกังวลไม่น้อย เขาจำเป็นต้องย้ำกับตัวเองเสมอๆแม้ว่าจะฟังดูเหมือนกับเครื่องบันทึกเสียงที่เจ๊งกะบ๊งก็ตามที เธออาจจะเป็นนักรบสายป้องกันก็จริงอยู่แต่ที่เธอถืออยู่ในมือนั้นคือดาบมือเดียวระดับตำนานอย่าได้ลืม ดาเมจที่เธอทำได้ไม่ใช่เรื่องตลก!

แม้ว่ามอนสเตอร์ทั้งสองชนิดนี้จะยังไม่บอสที่แท้จริงและแม้ว่าพวกมันจะโหดหินพอๆกับบอสตัวสุดท้ายในดันเจี้ยนระดับธรรมดาก็ตามแต่พวกมันก็รับมือได้ไม่ยากนัก ยังไงเสียพวกมันก็เป็นเพียงลูกกระจ๊อกเท่านั้น สกิลควบคุมจิตใจที่จะสุ่มเลือกคนนั้นคนนี้ทำให้ปาร์ตี้วุ่นวายก็จริงอยู่แต่ก็รับมือได้ง่ายๆเช่นกัน

ไม่นานนักจ้าวเฟิงก็กลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง เมี่ยวเมี่ยวฮิลเลือดเขาขึ้นมาและตลอดทั้งปาร์ตี้ก็กลับมาใช้รูปแบบเดิมอีกครั้ง หลังจากนั้นผู้ฝึกสอนก็ไม่ได้มีลูกไม้ใหม่ๆอีก สกิลควบคุมจิตใจนั่นเป็นเพียงลูกไม้เดียวที่เจ้าหมอนี่มีแล้ว

การควบคุมจิตใจครั้งถัดมาก็ไม่ได้เลือกตัวแทงค์หรือตัวทำดาเมจอย่างแฟนท่อมทำให้ปาร์ตี้สามารถเก็บชัยชนะไปได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นไปได้ก็เนื่องมาจากความแข็งแกร่งของเจียงเฟยล้วนๆ เขาเกราะหนาเสียจนผู้โจมตีต้องจ้องเขม็งอย่างกรุ่นโกรธเลยทีเดียว อย่างที่สองคือสาวๆแห่งภาคีอัศวินที่มาพร้อมกับพลังโจมตีดุดันไม่ใช่น้อย แค่แบทดิทอย่าง — แฟนท่อมเพียงคนเดียวก็เทียบได้กับผู้เล่นสายโจมตีถึงสองคนแล้วและดาบระดับตำนานภายในมือของแทงค์อย่างแดสเซิลแด๊นซ์เองก็ทำให้เธอกลายเป็นตัวแทงค์สายดาเมจเลยทีเดียว ถ้าเป็นทีมอื่นๆคงถูกมอนสเตอร์พวกนี้เก็บเรียบไปแล้ว!

แม้ว่าพวกเธอจะไม่ใช่ผู้เล่นที่มีทักษะนักแต่เมื่อเจอกับมอนสเตอร์อีลิทพวกนี้จะใช้เทคนิคใดรับมือได้เล่า? ทั้งหมดที่ทำได้มีเพียงชนกับมันตรงๆเท่านั้น ถ้าเป็นผู้เล่นสายโจมตีระยะไกลก็ยิ่งง่ายเพราะพวกเขาเพียงแค่ยืนเฉยๆและโจมตีก็พอ  ถ้ามีใครตกอยู่ภายใต้การควบคุมของศัตรูตัวแทงค์รองของพวกเขาก็จะเข้ามาซ้อนทันที เรียกได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเป้าฝึกฝนอีกบทเรียนเลยก็ว่าได้

เมื่อผู้ฝึกสอนอสูรตายลงก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงสาวกคลั่งลัทธิที่ยังเหลือเลย เนื่องจากเจียงเฟยรู้ก่อนแล้วว่าไอ้พวกนี้จะไม่ยอมตายตราบใดที่ผู้ฝึกสอนของพวกมันยังอยู่ดังนั้นเขาจึงเมินไม่สนใจพวกมันเลย ถ้าปาร์ตี้ของเขาเป็นเพียงปาร์ตี้ทั่วๆไปพวกเขาคงเลือกจัดการลูกน้องก่อนอย่างแน่นอนเนื่องจากดูไปแล้วสมุนพวกนี้ไม่ต่างไปจากปุยนุ่นเลย ไม่ว่าผู้ฝึกสอนจะโดนดาเมจเท่าไหร่ก็ตามสาวกคลั่งลัทธิจะโดนมากกว่าสองเท่าเสมอ ปาร์ตี้อื่นๆคงจะถูกล่อให้ฆ่าสาวกก่อนเพียงเพื่อจะทราบในตอนท้ายว่าพวกมันไม่อาจถูกสังหาร

ถ้าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นคงทำให้ปาร์ตี้พวกนั้นระส่ำระส่ายไม่น้อย มอนสเตอร์เหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายในแต่ละครั้งได้อย่างรุนแรง มานาของฮีลเลอร์คงหมดในไม่ช้าและพวกเขาก็คงไม่มีปัญญาจะเอาผู้ฝึกสอนให้ลงเป็นแน่ แหวนลึกลับทำให้เรื่องนี้ง่ายดายขึ้นมากนัก

หลังจากที่ทั่วทั้งห้องโถงถูกกวาดไปจนสิ้นแล้วปาร์ตี้ก็เริ่มออกช็อปปิ้ง ด้านหลังโพเดี้ยมเจียงเฟยและคนอื่นๆพบเข้ากับหีบสมบัติใบหนึ่ง

อาเฟยนี่ควรจะเป็นรางวัลใช่ไหม? โรสถาม จิตใต้สำนึกของเธอมองว่าเจียงเฟยเป็นหัวหน้าไปแล้วโดยปริยาย

ผมคิดว่างั้นนะ... เจียงเฟยเองก็ไม่มั่นใจนัก ยังไงเสียหีบนี้ก็อาจจะอยู่ตรงนี้มาก่อนที่พวกเขาจะเคลียโถงก็เป็นได้ บางทีมันอาจจะเป็นรางวัลประจำด่านหรือบางทีก็อาจจะเป็นเพียงหีบสมบัติธรรมดาๆ

คิวตี้เปิดเลย!” เมี่ยวเมี่ยวตะโกนขึ้น ทุกๆคนในภาคีอัศวินโรเซ็ตต่างก็ทราบดีว่าเจียงเฟยมีค่าลัคที่สูงจนบ้าบอ ดังนั้นเมื่อใดที่มาถึงช่วงเปิดหีบหรือค้นศพจะเป็นหน้าที่ของเจียงเฟยเสมอ!

ตกลง!” เจียงเฟยพยักหน้าและเปิดฝาหีบหน้าตาน่าเกลียดขึ้น

ชิ้ง!”

แสงสีฟ้าส่องประกายออกมา...

[ออร่าสโตนแฮมเมอร์(ค้อนหินส่องรัศมี) (ค้อนมือเดียว , ชั้นเยี่ยม)]

[พลังโจมตีกายภาพ + 15]

[พลังโจมตีเวทย์มนตร์ + 70]

[VIT + 5]

[INT + 10]

[เมื่อสวมใส่ : เพิ่มประสิทธิภาพในการฮีลของผู้ส่วมใส่ 10 %]

[เลเวลที่ต้องการ : 20]

หัวหน้ากิลเอาไปเลย!” เจียงเฟยโยนค้อนมือเดียวไปให้กับโรส มีเพียงอัศวินสายสนับสนุนเท่านั้นที่ใช้งานค้อนประเภทฮีลลิ่งได้

ตกลง!” โรสไม่ถามและรับเอาอาวุธสีฟ้าชิ้นนี้มาสวมใส่ทันที มานาและพลังชีวิตของเธอเพิ่มขึ้นมาอย่างมีนัยยะในพริบตา

 

 

รีวิวผู้อ่าน