px

เรื่อง : Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี
ตอนที่ 521: ลบภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่


ตอนที่ 521: ลบภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่

ความเข้าใจของระบบต่อมนุษย์หรือชีวิตนั้นเกินความสามารถของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือความสามารถของนักชีววิทยา ถึงตอนนี้ชุมชนวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถหาแนวทางเสริมความแข็งแกร่งที่ไม่มีผลข้างเคียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีนี้ใช้ 'ระบบ' การใช้งานมีความล้ำลึกอย่างเหลือเชื่อ

ลู่หยวนไม่เพียงแค่คาดการณ์อนาคตอีกต่อไป แต่ตอนนี้เขามีความสามารถในการมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าด้วย มันเป็นการคำนวณข้อมูลขนาดใหญ่โดยทั่ว ๆ ไปบนพื้นฐานของข้อมูลที่เพียงพอ นี่เป็นผลมาจากสุดยอดความสามารถการคำนวณของสมองสี่มิติ นอกจากนี้เหตุการณ์ในอนาคตที่เขาคาดการณ์ไว้อาจยังคงพลิกผันไปตามการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรที่นำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามภารกิจในระบบนั้นแตกต่างจากการคาดการณ์ของลู่หยวนอย่างมากแม้จะดูคล้ายกัน ดูเหมือนว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎแห่งความเป็นเหตุเป็นผล

เขารีบทำการสแกนร่างกายของเขาบนชั้นอะตอมทันที แต่ก็ไม่พบร่องรอยของระบบ มันคล้ายกับวิญญาณที่มีอยู่ในร่างกายของเขาเท่านั้น เขารู้ถึงการมีอยู่ของมัน แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะพิสูจน์ได้

อย่างไรก็ตามทันทีที่ข้อมูลถูกส่งออกไป ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของระบบเมื่อเขารู้สึกวูบวาบในร่างกายของเขา มันไหลผ่านร่างของเขาคล้ายกับตาข่ายที่ลากไปทั่วร่างกายของเขา

ลู่หยวนไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าเขาไม่มีวิธีติดตามการมีอยู่ของมัน อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้ค้นพบวิธี มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะจัดการกับมัน

ลู่หยวนค่อย ๆ หลับตาพยายามจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของมันในความเร้นลับ จากนั้นเขาก็ลืมตาและพวกมันก็เปล่งแสงขึ้น ในขณะที่เขากดฝ่ามือลงบนหน้าอกของเขา ดูเหมือนหมอกจะถูกดึงโดยพลังที่มองไม่เห็น ในที่สุดมันก็ถูกดึงออกมานอกร่างกายของเขา จากนั้นหมอกก็หดตัวและถูกรวบรวมไว้บนฝ่ามือของเขา

พลังจิตของเขาเป็นพลังที่ลึกลับ แน่นอนว่าจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้พลังจิตของพวกเขาดำเนินการอย่างดีที่สุดของมัน หากไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนพลังของพลังจิตก็จะค่อนข้างอ่อนแอ ในตอนแรกก่อนที่ลู่หยวนจะได้เห็นอวกาศเป็นครั้งแรกประสิทธิภาพของพลังจิตของเขาในอวกาศค่อนข้างไร้ประโยชน์ แต่เมื่อเขาพยายามทำความคุ้นเคยกับอวกาศทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เหตุผลที่ทำให้พลังจิตของเขาไร้ประโยชน์ก็เพราะเขาไม่รู้วิธีสร้างปฏิสัมพันธ์กับอวกาศก่อนหน้านี้

ลู่หยวนมองที่ฝ่ามือของเขา ตอนนี้หมอกมีขนาดเท่ากับเมล็ดงา ดูเหมือนลูกกลม ๆ ที่มีแสงจาง ๆ เขาไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลย มันเป็นอนุภาคที่เล็กกว่าโปรตอน ลู่หยวนไม่สามารถตรวจจับน้ำหนักของมันได้แม้กระทั่งด้วยพลังของเขา

เพื่อป้องกันไม่ให้มันหลบหนีหรือส่งข้อมูลใด ๆ ออกไป มันถูกกักไว้บนฝ่ามือของลู่หยวนอย่างแน่นหนาด้วยความช่วยเหลือจากพลังจิตของเขา ได้หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดทั้งภายในและภายนอกของมัน

ตอนนี้พลังจิตของเขาประสบความสำเร็จในระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ดูเหมือนมันจะไม่มีข้อจำกัดใด ๆ เมื่อเขาตรวจสอบร่างกายของเขาก่อนหน้านี้ การขยายภาพทำให้เขาสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นไปจนถึงขอบเขตที่เขาสามารถเห็นได้แม้กระทั่งอนุภาค อย่างไรก็ตามถ้าเขาต้องการเขาสามารถทำได้แม้กระทั่งสร้างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นและการหลอมนิวเคลียส

เมื่อมองดูลูกกลม ๆ ของแสงนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก เขาพึ่งพาระบบนี้มานานและหากปราศจากมันเขาอาจเสียชีวิตในระหว่างวันสิ้นโลกและเวลาของเขาบนโลกคงหมดไปแล้ว เขาอาจจะไม่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ในระดับหนึ่งจริง ๆ แล้วมันมีส่วนในการช่วยเหลือมนุษยชาติ

อย่างไรก็ตามเวลาได้เปลี่ยนไปและระบบก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว เขาไม่กล้าเก็บอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ที่มาไว้ข้าง ๆ เขาซึ่งสามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาได้ตลอดเวลาจากภายในร่างกายของเขาเอง

อารยธรรมขั้นสูงที่เป็นเจ้าของระบบอาจมีเจตนาไม่ดีต่อสิ่งมีชีวิตสี่มิติ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าหลังจากอารยธรรมขั้นสูงนี้ได้รวบรวมข้อมูลเพียงพอแล้วมันจะไม่ถอดผ้าคลุมหน้าเพื่อลบเจตนาร้ายของมันออกไป

เขาไม่กล้าประมาทระบบ

หลังจากครุ่นคิดสั้น ๆ เขาควบคุมลูกกลม ๆ ของแสงนั้นทะลวงผ่านพื้นที่สามมิติและส่งมันไปยังมิติที่สี่

แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่าลูกกลม ๆ ของแสงนี้เป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมทางเทคโนโลยีอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สามารถเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับมนุษยชาติที่จะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการแสวงหาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคต แต่มันก็ยังอันตรายเกินไปที่จะเก็บไว้ในตัวเขา เทคโนโลยีในปัจจุบันของมนุษย์ไม่สามารถจัดการกับมันได้ ที่แย่กว่านั้นคืออาจสูญเสียอารยธรรมขั้นสูงไป

มนุษย์ยังคงสามารถปกป้องตนเองจากพวก Glassians ได้ แต่เมื่อเทียบกับอารยธรรมขั้นสูงดังกล่าวที่เกินกว่าจินตนาการของพวกเขา พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเผชิญกับมันซึ่ง ๆ หน้า

เหตุผลที่เขาโยนมันไปในโลกสี่มิตินั่นเป็นเพราะที่นั่นเวลามีการขับเคลื่อนที่แตกต่างกัน ความสามารถในการเคลื่อนย้ายสสารของลู่หยวนทำให้เขาเคลื่อนที่ผ่านมิติที่สี่ได้ 10,000 เท่าของความเร็วแสง และบางทีคลื่นเล็ก ๆ สามารถกวาดลูกหมอกกลม ๆ นั้นไปได้ไกลกว่า 10 ปีแสง ที่ความเร็วนั้นเวลาจะขับเคลื่อนต่างกัน และยิ่งไกลเท่าไหร่มันก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นสำหรับลู่หยวนและคนอื่น ๆ

หลังจากที่เขาทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ลู่หยวนก็รู้สึกโล่งใจ

ในขณะนั้นเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาตกใจและสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ

...

"ขอโทษนะ ฉันคือเฉินซินเจี๋ยเป็นเลขาฯ ของนายกเทศมนตรี ฉันมีบางอย่างที่ต้องรายงานต่อนายกเทศมนตรี" เฉินซินเจี๋ยที่กำลังรออยู่ชั้นล่างพูดด้วยความโกรธ ผมของเธอยุ่งเหยิงและตาของเธอแดง เธอตื่นตระหนก

"เลขาฯ เฉิน ฉันช่วยคุณไม่ได้ โปรดเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย เพราะนี่เป็นคำสั่งของนายก (ตรงนี้ผู้เขียนใช้คำว่า president ซึ่งยังไม่พบที่มาที่ไป ตำแหน่งของลู่หยวนคือ mayor ตรงนี้จึงขอใช้คำว่านายกแทน) หากไม่ได้รับอนุญาตจากนายกแม้แต่นายกเทศมนตรี (น่าจะหมายถึงนายกเทศมนตรีจากเมืองอื่นๆ ที่อพยพมาอยู่กับเมืองแห่งความหวัง) ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป!" หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์อธิบายด้วยรอยยิ้ม

เขาถูกควบคุมตัวไว้ในบ้านรึไง นี่คุณต้องการทำอะไรกันแน่?!เฉินซินเจี๋ยตื่นตระหนก สีหน้าของเธอเหมือนคนเมา

ที่บอกว่าเขาถูกควบคุมตัวให้อยู่ในบ้านน่ะ? ใครจะกล้าทำเช่นนั้น? หัวหน้าทหารรักษาการณ์คิดและหัวเราะ ที่เขาไม่อนุญาตให้เธอเข้าไปก็เพราะเขาคิดว่านายกไม่ต้องการพบใครในตอนนี้

"ให้เธอเข้ามา ! "

  

ในขณะนั้นได้ยินเสียงดังกึกก้องเหมือนเสียงระเบิดและทำให้เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย

"ครับ ท่านนายก ! " เขาตอบทันทีด้วยความเคารพ เขายืดตัวตรงแล้วคำนับ

ถึงแม้เขาจะอยู่ที่ชั้นล่างเขารู้สึกเหมือนนายกจะมองเห็นเขา

"ให้ เธอ เข้าไป ! "

ทุกคนรู้สึกว่ามันแปลกเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ได้ยินเสียงนั้น

"แต่ ..." ผู้ช่วยท้วงติง

"มันเป็นคำสั่งของนายก แค่ทำตามที่เขาพูด ! "

เฉินซินเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมองที่ชั้นบนสุดอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าทหารอนุญาตให้เธอเข้าไป เธอก็ไม่ได้คิดอะไรอีกและเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเธอไปที่ที่ลู่หยวนอยู่โดยใช้ลิฟต์พิเศษ

เธอรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ก่อนจะถึงชั้นบนสุด

ขณะที่เธอขึ้นลิฟต์ไปบรรยากาศของความกดดันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เธอเข้าใจผิด เธอรู้สึกว่าคนที่อยู่ชั้นบนสุดไม่ใช่ลู่หยวนแต่เป็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์

ในไม่ช้าเธอก็มาถึง เฉินซินเจี๋ยเดินไปข้างหน้าแค่ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เธอตระหนักว่าประตูลิฟต์ปิดลงเมื่อเธอหันไป

จากนั้นเธอก็กำมือแน่นจนเริ่มเป็นสีขาวขณะที่เธอเดินตรงไปยังคฤหาสน์อย่างช้า ๆ

มีกระแสน้ำไหลผ่านต้นไม้บริเวณใกล้เคียงและเสาโลหะรับน้ำหนักที่สลักอย่างประณีต มันเป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาในคฤหาสน์ที่หรูหราเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเธอไม่มีอารมณ์ที่จะมองไปรอบ ๆ

ออร่าที่กดดันนั้นเริ่มรุนแรงยิ่งขึ้น และในไม่ช้าก็สามารถรู้สึกได้ถึงออร่าแห่งความตายในขณะที่มันครอบครองบรรยากาศทั้งหมด เธอหน้านิ่วคิ้วขมวดขณะที่หายใจอย่างยากลำบาก เธอกดฝ่ามือกับหน้าอกของเธอและเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ

ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากระยะไกล เหมือนประกายไฟที่กำลังจะระเบิด เธอสามารถสัมผัสถึงมันได้ และเธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ขณะที่เธอจ้องมองเขา เธอก็ตัวอ่อนปวกเปียกจนเกือบจะล้มลง!

เมื่อมองผ่านสวนพฤกษศาสตร์เธอเห็นหัวขนาดใหญ่มากลอยอยู่กลางอากาศและสูงเท่าเพดาน เธอรู้สึกตกใจในทันทีที่เธอเห็นเขา จากนั้นเธอก็ได้สติและตระหนักว่าเขาคือลู่หยวน ไม่เช่นนั้นเธอก็คงจะวิ่งหนีไป อย่างไรก็ตามเธอยังคงรู้สึกลึก ๆ ถึงความหวาดกลัวภายในตัวเธอ

คุณเกิดอะไรขึ้นกับคุณ…” เฉินซินเจี๋ยตกใจและถามอย่างตะกุกตะกัก

"ฉันดูน่าเกรงขามไหม?" ลู่หยวนไม่ได้อ้าปากพูด เขาหลับตาและได้ยินเสียงของเขาดังขึ้น

เฉินซินเจี๋ยรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่น เธอเดินไปรอบ ๆ สวนพฤกษศาสตร์และร่างกายที่ใหญ่โตของลู่หยวนอยู่ตรงหน้าเธออย่างเต็มตา เธอปิดปากทันทีและถอยกรูดไปสองสามก้าวโดยไม่ตัว

เขาไม่สามารถตำหนิเธอได้เพราะเขารู้ว่าใครก็ตามที่เห็นเขาก็จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้

เขาเป็นยักษ์จริงๆ เขาสูงกว่า 10 เมตรแม้จะนั่งอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอหวาดกลัวเนื่องจากเธอเคยเห็นซูจี้เชียงที่กลายร่างเป็นยักษ์ก่อนหน้านี้ในสำนักงานอาวุธปืน

แต่เธอไม่เคยเห็นยักษ์ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน มีระลอกที่เต็มไปด้วยไอทั่วร่างกายของเขาและพวกมันถักทอกันอย่างแนบแน่น ในเวลาเดียวกันเธอสามารถเห็นประกายไฟลึกลับที่วูบวาบบนร่างกายของเขา อากาศรอบตัวเขาถูกบิดเบือนจากระลอกเหล่านี้ สายลมที่แผ่วเบาพัดผ่านทำให้ร่างกายของเขาไม่ชัดเจนและพร่ามัว

อันที่จริงลู่หยวนได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมพลังของเขา ถ้าเขาผ่อนลงปรากฏการณ์จะยิ่งรุนแรงแข็งขึ้นหลายร้อยเท่า แม้แต่สนามแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงก็อาจได้รับผลกระทบ

 

รีวิวผู้อ่าน