px

เรื่อง : Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี
ตอนที่ 569: ความยากลำบาก


ตอนที่ 569: ความยากลำบาก

ตามที่คาดไว้ นี่เป็นวิธีที่ชีวิตบนโลกเริ่มต้นขึ้น พายุฝนมหึมาได้เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่คาดว่าสามารถเทียบได้ก็คือฝนที่ตกหลังจากตอนที่โลกโบราณอุ่นขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีก่อน

บนโลก เมื่อปริมาณน้ำฝนต่อวันเกินกว่า 100 มิลลิเมตร มันถูกจัดว่าเป็นฝนตกหนัก สิ่งใดก็ตามที่เกิน 250 มิลลิเมตรจัดว่าเป็นฝนที่รุนแรง แต่คราวนี้อัตราน้ำฝนของโลกมากกว่านั้น 10 เท่า ด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักราวกับว่ามันทะลักลงมาจากท้องฟ้า ในขณะที่เสียงฝนกระทบกับชั้นน้ำแข็งได้ยินไปทั่วโลก เมื่อเวลาผ่านไปฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก็ไม่ได้แสดงสัญญาณให้เห็นว่าจะลดลง ที่จริงแล้วมันเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

บรรยากาศที่หดหู่เกิดขึ้นทั่วทั้งถ้ำ มีผู้คนที่กระซิบกระซาบกันอยู่ และมีบรรดาคนที่ยังไม่รู้สึกตัวที่ยังนอนอยู่บนที่นอนของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีคนที่ขดตัวอยู่ที่มุมเอาหูของพวกแนบกับผนังฟังการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ข้างนอกอย่างจดจ่อ

การปรากฏตัวที่น่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนกระวนกระวายใจ

หลิงฉงอันเอนกายพิงกำแพงโคลนและยังคงนิ่งเงียบ ตะเกียงน้ำมันที่ริบหรี่กำลังไหวไปมาและจวนจะดับด้วยเปลวไฟที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ร่างของเขาสลับไปมาจากตะคุ่ม ๆ เป็นมืดมัว

"ทำไมฉันได้กลิ่นไอน้ำ ? " หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ บันไดสูดกลิ่นไปรอบ ๆ และถามขึ้นด้วยความสงสัย

ฉันก็ได้กลิ่นเหมือนกัน ฉันกำลังสงสัยถึงเรื่องนี้อยู่มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งที่อยู่ข้างเธอก็กล่าวขึ้น

ในตอนแรกการสนทนาของพวกเขาไม่ได้กระตุ้นความสนใจของคนอื่น ๆ ไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ที่จะคิดเกี่ยวกับมัน ทุกคนมีปัญหากับการแยกแยะ อย่างไรก็ตามไอน้ำค่อย ๆ เริ่มรุนแรงขึ้นและน้ำก็เริ่มหยดลงมาจากบันได

ทันใดนั้นผู้คนก็สังเกตว่าพวกเขาอยู่นานไม่ได้ล่ะและค่อย ๆ ยืนขึ้น

“ฝนไม่ได้ตกใช่ไหม ? ” มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งถามขึ้นขณะจ้องมองน้ำสกปรกที่กำลังไหลเข้ามาในถ้ำ

กลุ่มคนต่างสบตากันด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ นับตั้งแต่โลกกลายเป็นน้ำแข็งก็ไม่มีฝนอีกเลย แม้กระทั่งลูกเห็บหรือหิมะก็ยังเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก มันเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี ถึงกระนั้นทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นมันกินเวลามากสุดก็เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น สำหรับฝนแล้วมันเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนเท่านั้น

"มันเป็นไปไม่ได้ อาจจะมีบ่อน้ำพุร้อนใหม่ที่พบในบริเวณใกล้ ๆ "

ทุกคนแอบเห็นด้วย เมื่อเทียบกับฝนแล้วคำอธิบายนี้เป็นไปได้มากกว่า

อย่างไรก็ตามแค่แป๊บเดียวน้ำก็ไหลเข้ามาในถ้ำมากขึ้น ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเต็มถ้ำ

หลิงฉงอันยืนขึ้นแล้วจ้องมองมันอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นเหมือนตื่นจากความฝัน เขารีบสั่งทุกคนว่า "เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้แล้ว ทุกคนเตรียมย้าย ! "

ก่อนจะสิ้นเสียงของเขา เขาก็รีบเผ่นไปที่บริเวณพักผ่อนของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ม้วนกองหนังสัตว์หนา ๆ ของเขาแล้วหยิบเนื้อแห้งที่ห้อยอยู่เหนือหัวของเขา ส่วนคนที่เหลือตอบสนองอย่างช้า ๆ และรีบไปเก็บกระเป๋าของพวกเขา ภาพนั้นดูวุ่นวายจริง ๆ

น้ำค่อย ๆ สะสมสูงพอที่จะท่วมเท้าของพวกเขา น้ำจำนวนมากไหลลงมาจากบันไดและกำลังจะท่วมถ้ำ อย่างไรก็ตามไม่มีใครให้ความสนใจมากนักและยังคงเก็บกระเป๋าของพวกเขาต่อไป

มีคำกล่าวว่า "การทำลายครอบครัวมีค่า 10,000 ดอลลาร์" แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหนังสัตว์ไม่กี่ชิ้นและหัวมันแห้ง ๆ ที่แทบจะไม่อิ่มท้อง แต่สิ่งเหล่านั้นยังเป็นสิ่งของและอุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้รวมไปถึงการออกจากถ้ำที่อบอุ่น ภายใต้สภาพอากาศที่เย็นจัดเช่นนี้ พวกเขาส่วนใหญ่จะไม่สามารถอยู่ได้นานเกินวัน

น้ำค่อย ๆ ไหลเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นทางน้ำล้น ระดับน้ำด้านในเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ทุกคนเป็นมนุษย์วิวัฒนาการ แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในท่ามกลางพวกเขาก็ยังมีร่างกายที่เหนือขีดจำกัดของมนุษย์ธรรมดา ต่อให้ถ้ำจะเต็มไปด้วยน้ำ อย่างมากสุดพวกเขาก็แค่สำลักน้ำที่สกปรกนั้นไม่กี่อึก มันจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต

บันไดของถ้ำส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำแข็ง ด้วยเหตุนี้มันจึงลื่น ภายใต้สถานการณ์ปกติมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินของใคร อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้มีน้ำท่วมและภายใต้แรงกระแทกมหาศาลของน้ำที่ไหล จึงไม่มีการยึดเกาะใต้ฝ่าเท้าของพวกเขามากนัก

กลุ่มคนถูกชะล้างด้วยน้ำหลายครั้ง จนกระทั่งระดับน้ำเต็มถ้ำ ดังนั้นกลุ่มคนเหล่านั้นจึงกลั้นหายใจพยายามลอยไปที่ผิวน้ำ

คนแรกที่ไปถึงผิวน้ำคือหลิงฉงอัน ในขณะที่เขาพยายามยืนขึ้นเขากำลังจะสบถ แต่แล้วเมื่อเขาเห็นทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาถึงกับอ้าปากค้าง สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่อยากจะเชื่อ

ชั้นน้ำแข็งสีเทาเข้มแต่เดิมนั้นได้กลายเป็นมหาสมุทร

เขายืนเงียบภายใต้สายฝน ตกอยู่ในภวังค์

"คุณรู้สึกไหม? ฝนนี้มันอุ่น ๆ " มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งจู่ ๆ ก็กล่าวขึ้น

ทันทีนั้นกลุ่มคนก็สังเกตเห็น ฝนนี้มันผิดปกติจริง ๆ อันที่จริงมันไม่ได้อุ่นมากนัก มันสัก 12 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านั้น สำหรับคนธรรมดาแล้วฝนนั้นยังคงหนาวนิดหน่อย และถ้าพวกเขาเปียกโชกท่ามกลางสายฝนที่อุณหภูมินั้น พวกเขาก็จะป่วย

อย่างไรก็ตามสำหรับมนุษย์เหล่านี้ที่อยู่ภายใต้สภาพอากาศที่เย็นจัดมาเป็นเวลานาน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในถ้ำ อุณหภูมิตลอดทั้งปีก็จะอยู่ที่ประมาณ 3-4 องศาเซลเซียส สำหรับพวกเขาแล้วฝนที่ระดับอุณหภูมินี้มันอุ่นผิดปกติ

ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่เกิดวันสิ้นโลกมีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นมากมายบนโลก ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับเหตุการณ์แปลก ๆ ไม่ต้องพูดถึงต่อให้มีคนที่มีความคิดที่บิดเบือนว่าฤดูหนาวนิวเคลียร์ได้หายไปแล้ว พวกเขาก็ทึกทักเอาว่านั่นมันก็แค่ในจินตนาการของพวกเขา

เมื่อหลิงฉงอันควบคุมตัวเองได้ เขาก็เช็ดน้ำฝนที่ตกใส่เขา จิตใจของเขากำลังงุนงง ไม่เพียงแต่เป็นฝนที่ผิดปกติ อุณหภูมิก็ไม่ปกติเช่นกัน ความหนาวเย็นที่อวลอยู่ในอากาศก็หายไป และในสายฝนก็มีความรู้สึกอุ่นจริง ๆ แทบจะเหมือนกับว่าความรู้สึกถึงพื้นผิวที่ราบเรียบของชั้นน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าของเขานั้นไม่มีอยู่จริง เขาเริ่มสงสัยว่าเขาได้ข้ามไปยังอีกโลกหนึ่งหรือเปล่า และถ้าทางเข้าถ้ำกลายเป็นประตูมิติด้วยพลังลึกลับบางอย่างล่ะ

"โชคดี ที่นี่ยังคงเป็นโลก" เขาลงความเห็นโดยการสังเกตพื้นที่โดยรอบ

เขามองมือของเขาที่ถือเนื้อสัตว์และถุงที่ใส่หนังสัตว์หนา ๆ ความรู้สึกตกใจเล็กน้อยเกิดขึ้นจากจิตใจของเขา แต่ทว่าเมื่อเขาคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้หัวใจของเขาก็จมดิ่งลง และสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึม "ฉันเกรงว่าเราอาจจะต้องละทิ้งถ้ำนี้ไปแล้วล่ะ เมื่อฝนหยุด ถ้ำทั้งหมดนี้จะถูกปิดอย่างสมบูรณ์"

เมื่อเขาพูดจบบรรยากาศก็เงียบมากและสีหน้าของทุกคนก็ดูเคร่งขรึม

มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งได้ทำลายความเงียบและร้องตะโกนออกมาว่า "สิ่งนี้มันจะดีได้ยังไง นี่เท่ากับบังคับให้เราไปตายในท้ายที่สุด"

"ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนได้ ? เราจะผ่านคืนนี้ไปได้ยังไง ? "

มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งที่ยอมแพ้และนั่งลงบนน้ำระบายความคับข้องใจของเขาด้วยการชกไปที่พื้นผิวของมัน การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็ยากที่จะอธิบายถึงความสิ้นหวังและความโกรธ "เทพเฮงซวย พวกเขาก็แค่ไม่อยากให้พวกเราได้อยู่อย่างสุขสบาย"

คนที่เหลือต่างก็เงียบและสีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้าใจ ความเจ็บปวดในใจของพวกเขาไม่อาจจางหายไปได้

ตอนนี้มันเป็นตอนเย็น มีเวลาไม่มากจนกว่าจะถึงค่ำคืนที่หนาวเหน็บอันโหดร้าย ต่อให้พวกเขารีบไปยังเนินเขาที่อยู่ใกล้ที่สุดซึ่งไม่ได้ถูกน้ำท่วมและขุดถ้ำใหม่โดยใช้พละกำลังทั้งหมดที่พวกเขามี พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลายามค่ำคืนอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง นอกจากนี้ภายใต้สภาพอากาศที่ฝนตก กิ่งไม้ได้ดูดซับน้ำไว้และมันก็คงเป็นความผิดพลาดที่คิดว่าคุณสามารถใช้พวกมันเพื่อก่อไฟได้

"ไปกันเถอะ ! " หลิงฉงอันมองดูนาฬิกากลไกอันล้ำค่าที่อยู่ในมือของเขา เขาโบกมือเล็กน้อย "มีเวลาเหลือไม่มากแล้วล่ะ"

"ชีวิตมักจะเต็มไปด้วยความยากลำบากเช่นนี้หรือไง ? " หญิงสาวที่เป็นมนุษย์วิวัฒนาการไม่สามารถกลั้นความเศร้าของเธอไว้ได้

หลิงฉงอันอึ้งไปชั่วขณะและตอบด้วยจิตใต้สำนึกว่า "มันมักจะเป็นเช่นนั้น และจะเป็นเช่นนั้นต่อไป!"

 

รีวิวผู้อ่าน