Chapter 2: ตระกูลมู่หลง
ทันทีที่เฉินไคซิ่นสวมหมวก เสียงก็ดังมาจากที่ห่างไกล เสียงของพวกมันก็เริ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆ...
“ฮ่า”
ในความมืดอันมืดมิด ใครบางคนก็เริ่มต้นเนื้อเรื่องด้วยการฟาดฟันกระบี่ และเลือดก็สาดกระจายไปทั่วทุกแห่งหน! เสียงฟันดาบและเสียงกระบี่ เมื่อพวกมันกรีดกรายผ่านอากาศ ก็เหมือนกับว่าพวกมันอยู่เคียงข้างเฉินไคซิ่น พวกมันก็ทำให้ผู้คนตื่นขึ้น โดยการเหวี่ยงอาวุธของพวกเขาไปรอบๆ และปะทะกันไปมา เสียงของมันก็เหมือนกับทำให้ผู้ครอบครองอาวุธอยู่ในการต่อสู้อันดุเดือดในความมืด การต่อสู้ก็ไม่ช้าและไม่เร็ว เสียงของการบุกและการล่าถอย ก็เหมือนว่าใครบางคนก็ได้จัดการกับดาบ กระบี่ และอาวุธลับทั้งหมด ในขณะที่กำลังล่าถอย!
‘เป็นคนที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้!’
เฉินไคซิ่นก็ฟังเสียงอย่างระมัดระวังและสังเกตพบอะไรบางอย่าง
เขาจำได้ว่าเขาเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน เมื่อตอนที่เขาเข้าเกมครั้งที่แล้วด้วยเช่นกัน แต่ในเวลานั้น เขาพึ่งจะเข้าโลกศิลปะการต่อสู้ และไม่เข้าใจว่าเสียงนั้นหมายถึงอะไร เมื่อเขาได้ยินพวกมัน เขาก็คิดว่ามันเป็นเสียงจากหนังกำลังภายใน ซึ่งความชื่นชอบของเขาต่อโลกศิลปะการต่อสู้ก็ทำให้เขาพึงพอใจไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมเกม
แต่เมื่อดูแล้ว..
เฉินไคซิ่นไม่จำเป็นต้องเปิดตาเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างสกิลยูนีคพวกนี้เลยด้วยซ้ำ จากการสั่นสะเทือนของอาวุธที่กระทบกัน ภาพเบลอๆของคนหลายคนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
ภาพของนักต่อสู้คนหนึ่งที่มีความสามารถระดับสูง กำลังต่อสู้กับอีกแปดคนรอบตัวเขา เขาก็พบว่าเขาถูกล้อมรอบไปโดยอาวุธที่แตกต่างกันออกไปและหมัด
มันไม่จำเป็นต้องถามคำถามอะไรในความคิดของเฉินไคซิ่น
ในช่วงสามปีที่เขาใช้เวลาอยู่ในโลกของศิลปะการต่อสู้ เขาก็ได้ต่อสู้กับนักสู้ที่ทรงพลังนับไม่ถ้วน เนื่องจากว่าเขาถูกกำลังไล่ตามฝีเท้าของหนึ่งจักรพรรดิ สองจักรพรรดินี สามราชา เจ็ดดยุค และสิบสามชั้นยอด ที่ถูกพูดกันว่าพวกเขาไม่มีใครเทียบได้ในเรื่องความสามารถ เขาก็ได้เรียนศิลปะการต่อสู้มามากมายจากฝ่ายที่แตกต่างกันออกไป และเขาก็สามารถที่จะจดจำได้ถึงวิชาในการบ่มเพาะพลังปราณและสกิลอีกด้วย
สกิลที่โชว์ระหว่างช่วงเปิดเกมมาจากศิลปะการต่อสู้ระดับหาที่เปรียบไม่ได้ และพวกมันเป็นวิชาที่เห็นได้ยากในโลกใบนี้ สกิลต่อสู้ของคนที่โดนล้อม ค่อนข้างที่จะแปลกไปเล็กน้อยและดูเหมือนกับว่า มันผสมผสานศิลปะหลายอย่างเข้าด้วยกัน ในขณะที่แปดคนที่ล้อมรอบเขาใช้หมัดอรหันต์เส้าหลิน , ดาบลมผ่านสำนักบู๊ตึ๊ง , ใบไม้ล่วงหลนบนดาบลมสำนักง้อไบ๊ . ขาตัดสวรรค์สำนักภูเขาคองทอง , หัตถ์ฝ่ามืออ่อนนุ่มสำนักคุนหลุน , ดาบขุนนางสำนักภูเขาฮัวซาน , วิชาไม้ตีหมาสำนักขอทาน , หัตถ์ดอกไม้โปรยสำนักถัง
คนที่ใช้วิชาไม้ตีหมาสำนักขอทานมีระดับสกิลที่สูงที่สุด ในขณะที่คนอื่นมีระดับสกิลแค่ระดับมือใหม่เพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสกิลของพวกเขาจะมีระดับที่ต่ำก็ตามที ความเข้าใจของพวกเขาต่อสกิลก็ไม่ธรรมดาเลย พวกเขาทุกคนต่างใช้สกิลออกมาได้อย่างง่ายดายและพวกเขาก็ต่างเก่งกาจกันอย่างมาก
พวกเขาก็ต่างปลดปล่อยสกิลออกไป หลังจากนั้นก็ถอยกลับ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็บุกโจมตีและถอยหลังเพื่อล่าถอยไปพร้อมๆกัน พวกเขาก็แสดงสกิลระดับปรมาจารย์!
อย่างไรก็ตาม.... คนที่โดนล้อมอยู่นั้นก็มีความสามารถที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังของแปดสำนักอันยอดเยี่ยม เขาก็ยังใจเย็นและเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่ว สกิลที่เขาใช้ออกมาไม่ใช่เซ็ตสกิลที่เฉินไคซิ่นจะหาสกิลอื่นมาอ้างอิงได้ ชายคนนี้ใช้สกิลเหมือนจะอยู่ระดับ ‘วิชชา’ (เหนือมนุษย์) ไปแล้ว ซึ่งทำให้เขาป้องกันการโจมตีทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาก็ให้ความรู้สึกได้ถึงความสมบูรณ์แบบ และการป้องกันของเขาก็ไม่สามารถที่จะถูกทำลายได้เลย
เมื่อเขานั่งฟังมัน เฉินไคซิ่นก็ค้นพบว่าเขาก็ดื่มดำลงไปในเสียงเสียงนี้!
เขาไม่ได้สังเกตว่าเขาสามารถที่จะมองเห็นภาพการต่อสู้นี้ได้แล้ว เขาก็ยังสามารถที่จะมองเห็นได้ว่าชายในชุดขาวนั้นเคลื่อนไหวไปมาด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนกับสายลมที่พัดผ่านบนหุบเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ป้องกันการโจมตีจากคนแปดคนที่ล้อมรอบเขา
เพียงแค่เฉินไคซิ่นค้นพบว่าเขานั้นมัวแต่เพลิดเพลินกับฉากในหัวของเขาอยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงสายฟ้าร้องดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด และภาพในหัวของเขาก็หายไปในทันที
เฉินไคซิ่นก็สับสัน หลังจากนั้นเขาก็เห็นค่าสถานะของตัวละครโผล่ขึ้นมา ทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไปและเขาก็โผล่ขึ้นมากลางถนนกว้าง
“นี่มันเด็กที่น่าเอ็นดูและชาญฉลาดอะไรเช่นนี้” หญิงสาวที่ดูเหมือนกับ NPC ก็เคลื่อนที่ผ่านตัวเขาไป เมื่อเธอเห็นเฉินไคซิ่นปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน เธอก็หยุดและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเขา “ช่วงนี้ มีคนหลงทางมากมายปรากฏขึ้นในเมือง เด็กน้อย อย่าโดนคนแปลกหน้าพาตัวไปนะ เข้าใจไหม? แล้วนี่บ้านเธออยู่ไหนกันละ?”
เฉินไคซิ่นก็เงยหัวของเขาขึ้น และเห็นหญิงสาวกำลังยิ้มให้ เขาก็ทั้งประหลาดใจและมีความสุข!
สิ่งที่เขาพบเจออยู่นั้น ก็คือภารกิจที่ธรรมดาหาได้ทั่วไป ซึ่งสามารถถูกพบเจอได้ มีเพียงแค่ผู้เล่นใหม่ที่มีความเข้าใจและค่าความสัมพันธ์ที่สูงเท่านั้น ที่จะพบได้ในช่วงสิบนาทีตอนเข้าเกม
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่น่าแปลก ตั้งแต่ที่เฉินไคซิ่นก็จำได้ว่าค่าความสัมพันธ์ของเขาธรรมดาอย่างมาก เขาไม่น่าจะพบกับผู้หญิงคนนี้ได้นี่นา!
หรือว่าค่าโชคของเขาเพิ่มขึ้นกันแน่?
แม้ว่าเขาจะสับสนอยู่ก็ตามที เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมากด้วยเช่นกัน เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะพลาดโอกาสหายากที่จะฝึกฝนเช่นนี้...
เกมที่ไร้หัวใจนี้ให้พื้นหลังของเขาเป็นเด็กกำพร้าที่เร่ร่อน ซึ่งพ่อแม่ของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว ตราบเท่าที่เขาพูดความจริง เขาก็จะถูกพาตัวไปโดย NPC ที่สงสารเขา หลังจากนั้นเขาก็จะข้ามช่วงเวลาที่จะต้องทำงานจิปาถะทั่วไป อย่างยากลำบาก
เขาสามารถที่จะเรียนรู้วิชาการต่อสู้ธรรมดาทั่วไป ในตอนที่เขาทำงานให้กับหญิงสาวคนนี้ ถ้าเขาโชคดีมากพอแล้วละก็ เขาก็สามารถที่จะถูกรับเป็นลูกศิษย์ และเริ่มเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ในทันที
“ชื่อของข้าคือแฮปปี้ครับ พ่อแม่ของข้า…. ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน ข้าไม่สามารถที่จะกลับไปที่บ้านได้ในตอนนี้…”
“โอ้”
หญิงสาวคนนี้ก็มีจิตใจที่อ่อนโยน เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา เมื่อความสงสารถูกเติมเต็มเข้าไปในหัวใจของเธอ พร้อมกับความสงสาร เธอก็ลูบหัวเด็กหนุ่มที่ยังสูงไม่ถึง 4ฟุต6นิ้ว (137 เซนติเมตร) “เธอคงจะต้องหลงกับพ่อแม่ของเธอในยามสงครามแน่ๆเลย เด็กน้อยผู้น่าสงสารเอ๋ย เฮ้อ โลกใบนี้นี่มัน…อ๊า….เจ้าหนูน่าสงสาร ถ้าเธอยินดี เธอสนใจไปคฤหาสน์กับฉันไหม?”
“คฤหาสน์กำลังรับสมัครคนรับใช้อยู่ในช่วงหลายวันนี้ ถ้าเธอไปที่นั่น เธอก็สามารถที่จะหางานทำในวันปกติได้ เธอจะไม่มีปัญหากับการหาอาหารและหาบ้าน เธอก็ยังหาเงินได้เล็กน้อยอีกด้วย เธอสนใจไหมละ?”
แฮปปี้ก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนออย่างแน่นอน
หญิงสาวที่อ่อนโยนคนนี้ก็พาเขาไป เพียงเวลาไม่นาน พวกเขาก็มาถึงหน้าประตูของคฤหาสน์ที่ดูสวยงาม ที่มีรูปปั้นสิงโตสองตัวตั้งเฝ้ายามอยู่...
เมื่อแฮปปี้เงยหัวของเขาขึ้น เขาก็เห็นตัวอักษรตัวใหญ่ที่สวยงามสองคำสลักไว้บนป้ายเงินขนาดใหญ่
[คฤหาสน์มู่หลง]
เมื่อเธอเห็นเด็กน้อยมีท่าทางประหลาดใจและสับสน หญิงสาวที่อ่อนโยนก็ก้มหัวลงและพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม “แฮปปี้ หลังจากนี้ เธอมาทำงานที่คฤหาสน์มู่หลงนะ ฉันจะพาเธอไปพบกับหัวหน้าพ่อบ้านของคฤหาสน์ก่อน เขาจะได้หางานสบายๆให้เธอทำ”
แต่เธอไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างเธอไม่ได้ประหลาดใจกับบรรยากาศที่เรียบหรูของคฤหาสน์ กลับกัน เขาประหลาดใจที่หญิงสาวที่อ่อนโยนพาเขามายังตระกูลมู่หลงที่โด่งดังต่างหาก
นี่เป็นครอบครัวชั้นสูงที่ทรงพลัง ตระกูลมู่หลง ที่ซึ่งผู้เล่นมากมายพยายามหาวิธีที่จะเข้าร่วม! พวกเขาต่างคิดหาวิธีนับไม่ถ้วนในการเข้าร่วม เพื่อที่จะสามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาได้!
อะไรนะ? ใครบางคนไม่รู้จักครอบครัวนี้งั้นเหรอ?
นี่มันต้องเป็นเรื่องตลกแน่ๆ! แม้แต่คนต่างชาติก็ยังส่ายหัวอย่างรุนแรง ในยามที่ร้องประโยคหนึ่ง “ข้าจะจัดการกับเจ้า ด้วยวิธีเดียวกับที่เจ้าจัดการกับข้า” แม้แต่ในความฝันของพวกเขา พวกเขาก็ต้องการที่จะเรียนรู้ ‘วิชาสับเปลี่ยนดวงดาว’ (1) มันคงไม่มีคนที่ชอบเรื่องกำลังภายในคนไหนจะไม่คุ้นเคยกับวิชาขั้นสุดยอดเช่นนี้
เมื่อหญิงสาวที่อ่อนโยนพูดออกมา แฮปปี้ก็รู้สึกว่าสมองของเขาติดขัดไปชั่วขณะ เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโชคดีได้ขนาดนี้
“เด็กน้อย อย่ามัวแต่ยืนงงอยู่ตรงนั้น เขามาเข้าในกับฉันสิ”
หญิงสาวที่อ่อนโยนก็จูงมือแฮปปี้และเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลมู่หลง
“พืชพรรณพวกนี้มีค่ามาก อ่อนโยนกับพวกมันด้วย ถ้าเธอทำให้มันเสียหายแล้วละก็ เก็บกระเป๋าแล้วออกไปได้เลย”
หัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลมู่หลงยืนอยู่ตรงสนามหญ้าด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง เขากำลังสั่งการสาวใช้และคนรับใช้อยู่ พวกเขาเจ็ดคนมีท่าทางที่ประหลาดใจอยู่บนใบหน้าของเขา
มันเป็นที่รู้กันว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักในการเข้ามาข้างใน ดังนั้นมันจึงเป็นครั้งแรกที่เขาเห็น NPC พาผู้เล่นเข้ามาในตระกูลมู่หลงด้วยตัวของเขาเอง
แฮปปี้ก็ไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น เขาก็กวาดตามองผ่านสนามหญ้าตระกูลมู่หลง และเขาก็พบพืชพรรณมีค่ามากมายต่างตกแต่งอยู่บนสนามและพื้นทางเดิน ห่างไกลออกไป ก็มีหญิงสาวที่สง่างามในชุดขาวนั่งอยู่ในศาลา พร้อมกับกระต่ายตัวน้อยขนฟูบนมือของเธอ มันเป็นภาพที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณหญิงแห่งตระกูลมู่หลง? และคุณหญิงของตระกูลหวัง…”
แฮปปี้ก็มีท่าทางที่สงสัย หญิงสาวที่อ่อนโยนคนนี้ก็อธิบายสถานการณ์ง่ายๆเสร็จแล้ว
หัวหน้าพ่อบ้านก็มองมาที่เขาแล้วเขาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เธอมีชื่อว่าแฮปปี้ ใช่ไหม? เยี่ยมเลย ฉันบอกได้เลยว่าเธอเป็นเด็กหนุ่มที่ดูฉลาดจากแวบแรกที่เห็น เอาละ หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เธอเป็นสมาชิกของตระกูลมู่หลงแล้ว หน้าที่ของเธอก็คือดูแลสัตว์ของคุณหญิงที่อยู่ในสวนหลังบ้าน มากับฉันสิ”
แฮปปี้ก็ยิ้มอย่างมีความสุข
โน้ตคนแปล :