px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 39 : ตรวจสอบวิชา


บทที่ 39 : ตรวจสอบวิชา



หลังจากที่จัดการกินยาเพิ่มการเพาะปลูกและยาสมุนไพรต่างๆจนเกลี้ยงแหวนมิติ หลินฟ่านรู้สึกเสียดายเล็กน้อย หากทั้งคู่มียาเยอะกว่านี้ก็คงจะดี EXP เขาจะได้พุ่งกระฉูด

หลังจากที่ตรวจอย่างละเอียดและไม่พบเม็ดยาใดๆแล้ว หลินฟ่านก็หันมาสนใจวิชาต่อสู้

เขาจำได้ว่าเคยเห็นตำราวิชาอยู่ตอนที่ย้ายของจากแหวนมามิติเก็บของส่วนตัว แต่เขาไม่ได้ดูให้ละเอียดว่ามันเป็นอะไรบ้างเพราะเขามีเวลาไม่พอ

หลินฟ่านไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก โม่อี้ซวนเป็นคนฝ่ายอธรรม หรือเรียกกันว่าพวกมาร เขาคิดว่าวิชาของโม่อี้ซวนคงชั่วร้ายและไม่มีอะไรเหมาะสมที่เขาจะเรียนรู้

แต่หลินฟ่านก็คิดขึ้นมาได้อย่างนึง [ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว จะวิชามาร หรือวิชาเทวะ ถ้าคนใช้เป็นมารร้ายต่อให้ใช้วิชาเทวะยังไง มันก็ต้องเอาไปก่อกรรมทำเข็ญอยู่ดี หากมันใช้วิชามารแต่สร้างความดีย่อมไม่มีใครกล้ากล่าวครหามัน] หลินฟ่านจึงตัดสินใจเรียนมันให้หมดทุกวิชา

หลินฟ่านหยิบตำราวิชาขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบมัน

'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีค้นพบวิชาเพาะปลูกจิตสำนึก ระดับสวรรค์ขั้นสูง "จิตมารนภาไร้ลักษณ์" '

" จิตมารนภาไร้ลักษณ์ เป็นวิชาที่พบได้ในนิกายปีศาจอนันต์ ผู้ก่อตั้งนิกายปีศาจอนันต์เคยท่องไปในแดนนรกจนคบกับมารไร้ลักษณ์เป็นสหายจนได้วิชาบ่มเพาะ จิตมารไร้ลักษณ์นี้มา ผู้ฝึกต้องมีวิชาก่อเกิดจิตมารขั้นพื้นฐานของนิกายปีศาจอนันต์เสียก่อนจึงจะฝึกฝนได้"

หลังจากหลินฟ่านเห็นว่าวิชานี้คืออะไรมันถึงกับต้องตะโกนออกมาอย่างดีใจ "เชี่ยยยย มาแล้ววววว!" เขากำลังต้องการวิชาประเภทนี้พอดี เพราะว่าพลังงานที่แท้จริงของเขานั้นน้อยนิดมากและไร้หนทางฟื้นฟู การได้วิชาประเภทนี้มาเขาอาจจะแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้

'ต้องการเรียนรู้ จิตมารนภาไร้ลักษณ์  หรือไม่?'

"เรียนรู้".

ระบบจะถามคำถามตลกๆแบบนี้ทำไมกันน้า ตัวเขาตอนนี้ขาดวิชาประเภทนี้มากที่สุด แล้วยังจะถามทำไมว่าต้องการหรือไม่ต้องการ?

'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีคุณได้เรียนรู้ วิชาบ่มเพาะจิตสำนึกระดับสวรรค์ขั้นสูง  "จิตมารนภาไร้ลักษณ์" Lv 1 EXP (0/100,000) '

"ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีการเรียนรู้ "วิชาจิตมารนภาไร้ลักษณ์" พลังงานที่แท้จริง  +1,000"

หลินฟ่านมีความสุขมากที่ได้วิชาจิตมารนภาไร้ลักษณ์ แถมพลังงานที่แท้จริงของเขายังเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ซึ่งนับว่าสูงไม่ใช่น้อย และคำอธิบายนี้มันบอกไว้ว่า วิชาจิตมารนภาไร้ลักษณ์ นี่มีถึง 9 ขั้น แต่เขาก็สงสัย หากเป็นเขาที่มีระบบเทพวิชา มันจะจบลงที่ 9 ขั้นจริงๆ เหรอ

และหลินฟ่านก็คิดว่า จากที่ผ่านมาทุกวิชาที่เขามี ด้วยความช่วยเหลือของระบบ พวกมันสามารถพัฒนาได้แล้วแบบนี้ "วิชาจิตมารนภาไร้ลักษณ์" มันจะพัฒนาได้อีกหรือไม่?

แต่มันอาจไม่ง่ายขนาดนั้นหากเป็นคนอื่นการเพาะปลูกวิชาแบบนี้พวกมันสามารถทำตอนไหนก็ได้ แต่ของเขานั้นมันต้องใช้เป็น EXP ซึ่งหมายความว่าเขาต้องหาวิธีเก็บ EXP อีก และนี่ไม่ใช่วิชาจู่โจมเสียด้วย

หลินฟ่านเริ่มกังวลเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หากหาวิธีได้แล้วเดี๋ยวมันก็ต้องมีหนทางของมันเอง ยังไงตอนนี้เขาก็ได้ค่าพลังงานที่แท้จริงเพิ่มมาให้พอใช้งานได้สักระยะแล้ว

จากนั้นหลินฟ่านก็ค้นหาตำราวิชาต่อ เขาได้วิชาบ่มเพาะจิตจากโม่อี้ซวนที่เป็นฝ่ายมารแล้ว เขาอยากรู้ทางฝ่ายธรรมะอย่างหนี่หมันเทียนจะมีวิชาแนวนี้ด้วยหรือไม่

'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีค้นพบวิชาเพาะปลูกจิตสำนึก ระดับสวรรค์ขั้นสูง "เจตกระบี่" '

‘เช็ดดดดด... การบ่มเพาะจิตสำนึกระดับสวรรค์อีกแล้ว! วิชาบ่มเพาะของฝ่ายธรรมมะของหนี่หมันเทียนก็เป็นระดับสวรรค์ขั้นสูงเหมือนกันเหรอวะเนี่ย’ หลินฟ่านถอนหายใจเล็กน้อย มันอิจฉาทั้งสองคน พวกมันคงมีความสำคัญกับนิกายมากทางนิกายเลยให้วิชาระดับสวรรค์พวกมันมาฝึกแบบนี้ ...

เจตกระบี่ เป็นวิชาเฉพาะของนิกายกระบีเหลียนหลง ผู้ที่จะฝึกฝนบ่มเพาะวิชา เจตกระบี่ จำเป็นจะต้องสำเร็จในเชิงกระบี่ถึง ร่างกายหลอมรวมกับกระบี่ เสียก่อน จึงจะฝึกฝนวิชา เจตกระบี่นี้ได้

'ติ๊ง!! ...ต้องการเรียนรู้ หรือไม่?'

"เรียนรู้"

'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีคุณได้เรียนรู้ วิชาบ่มเพาะจิตสำนึกระดับสวรรค์ขั้นสูง  "เจตกระบี่" Lv 1 EXP (0/100,000) '

"ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีการเรียนรู้ วิชาเจตกระบี่ พลังงานที่แท้จริง  +1,000"

หลังจากได้เรียนรู้วิชาบ่มเพาะจิตสำนึกถึงสองวิชา ค่าพลังงานที่แท้จริงของหลินฟ่านก็พุ่งกระฉูดไปอย่างมาก ตอนนี้เขาดีใจจนแทบเนื้อเต้น ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายตื่นเต้นแล้วค่อยๆสงบใจลง

ถึงแม้เขาจะได้วิชาทั้งสองมา แต่ทว่าก็ต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะมัน กว่ามันจะมีระดับสูงๆ หนทางยังอีกยาวไกลนัก หลินฟ่านที่คิดได้ก็หายตื่นเต้น ก่อนที่จะค้นหาวิชาต่อสู้ในที่เก็บของมิติ        

'ติ๊ง!! ค้นพบฝีวิชาต่อสู้ ระดับ ปฐพีขั้นสูง ดัชนีปลิดบุปผา'

"ดัชนีปลิดบุปผา" เป็นวิชาต่อสู้ที่บ่มเพาะร่างกายให้แข็งแกร่ง เมื่อฝึกฝนวิชานี้จนสำเร็จ เพียงแค่หนึ่งนิ้วก็สยบโลกได้ ต้องการเรียนรู้หรือไม่?

'เรียนรู้'

"เดี๋ยวนะ" หัวทันใดนั้นเองหลินฟ่านรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาเมื่อคิดอะไรออก คำว่าปลิดบุปผา...มันหมายความว่าทำลายพรหมจรรย์ได้เช่นกัน...

“พลิกสวรรค์ผันแปรพิภพ, เสือร้ายขโมยใจ ตอนนี้ยังมี ดัชนีปลิดบุปผาอีก โอ๊..ต่อไปเราจะกลายเป็นอะไรกันแน่วะเนี่ย? นักล่าพรหมจรรย์ ที่ลักลอบได้เสียกับเจ้าหญิง หรือ โจรปล้นสวาทอันดับหนึ่งในอาณาจักร? ว๊ากกกกก ไม่มีทางงง ... ในฐานะพระเอกที่รักความยุติธรรมอย่างเราจะเรียนวิชาต่ำช้านี้ได้ยังง๊ายยยย?” หลินฟ่านที่หน้าตาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากุมหัวส่ายไปส่ายมา ร้องคร่ำครวญออกมาราวกับคนบ้า

"ไม่เรียนๆ เราต้องไม่เรียน"

หลินฟ่านที่เริ่มกลับมาปกติ นั่งถูคางจ้องมองไปยังตำราวิชาที่เขายังไม่ได้ตัดสินใจเรียนรู้...แล้วทันใดนั้นเอง วลีที่เขาพูดก่อนหน้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง..[ดีชั่ว......ครหามัน]

'ถูกแล้วไม่มีวิชาอะไรที่ไม่ดี ทุกอย่างอยู่ที่คนใช้ นี่ล่ะสัจธรรม ... เราจะไปสนใจอะไรกับแค่ชื่อวิชา หรือคำอธิบาย'

"เรียนรู้" หลินฟ่านตอบอย่างไม่ลังเล

'ติ๊ง!! ... เรียนรู้ "ดัชนีปลิดบุปผา" Lv 1 EXP (0/1,000) '

หลังจากนั้นหลินฟ่านก็ค้นหาตำราวิชาต่อไป ตั้งแต่ที่เขาเรียนรู้ "ดัชนีปลิดบุปผา" แล้ว เขาไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นวิชาอะอีก เขาจะเรียนรู้มันให้หมด แต่วิชาที่เขาพบวิชาต่อมานั้น ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย เพราะวิชานี้เป็นของหนี่หมันเทียน มันคือวิชา กระบี่ตัดวายุ

ระดับชั้นปฐพีขั้นต่ำ

วิชา "กระบี่ตัดวายุ " เป็นวิชาจู่โจมที่ดี แต่น่าเสียดาย ที่หลินฟ่านไม่ได้ใช้กระบี่ วิชานี้เลยยังไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไรในตอนนี้...หากเขาใช้กระบี่ของหนี่หมันเทียนแถวนี้ ไม่เท่ากับเปิดเผยตัวตนหรือยังไง

หลังจากนั้นหลินฟ่านก็ค้นของทั้งหมดและพบว่าที่เหลือก็เป็นพวกอุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ

อุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมดนั้น ไม่ได้จำเป็นสำหรับหลินฟ่าน เพราะเขามี วิชา กายปีศาจนิรันดร์ หากเขาใส่อุปกรณ์ป้องกันดีเกินไปแล้วเขาจะได้รับ EXP ยังไงล่ะ

หลังจากนั้นหลินฟ่านก็รวบรวมเสื้อผ้าชุดป้องกัน และก็กระบี่ที่ไม่ใช้ เพื่อโยนลงเตาหลอม

'ติ๊ง!! ... ระดับช่างตีเหล็กขั้นสูง ยังไม่เพียงพอในการหลอมสร้างอุปกรณ์ระดับนี้'

เมื่อหลินฟ่านโยนของลงเตาหลอม ทันใดนั้นระบบก็แจ้งเตือนขึ้นมา ว่าตอนนี้ระดับช่างของเขายังไม่สูงพอ เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขัดใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเก็บทุกอย่างไว้ในมิติส่วนตัว หากวันหน้าเขามีระดับช่างสูงกว่านี้เขาอาจจะได้ใช้พวกมัน

หลังจากสำรวจทุกอย่างจนหมด หลินฟ่านรู้สึกผ่อนคลาย

หลังจากที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงหลินฟ่านก็หาที่พักสำหรับนอนในคืนนี้ เมื่อพบโพรงไม้ขนาดใหญ่เขาก็เข้าไปในโพรงนั้นก่อนที่คิดจะใช้วิชาบ่มเพาะ จิตมารไร้ลักษณ์ขึ้นมา

ทันใดนั้นหลินฟ่านก็รู้สึกถึงการไหลเวียนของพลังงานไหลวนภายในร่างกายของเขาและเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

'ติ๊ง!! ... "จิตมารไร้ลักษณ์" EXP +10'

'ติ๊ง!! ... "จิตมารไร้ลักษณ์" EXP +10'

...

หลินฟ่านเปิดตาขึ้นมาด้วยความสับสน ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจ เพราะค่า EXPมันขึ้นช้ามากเหลือเกิน จากนั้นเขาจึงลองเลือก บ่มเพาะ วิชาเจตกระบี่ ดู ว่ามันจะมีอะไรต่างกันหรือไม่

'ติ๊ง!! ... "เจตกระบี่" EXP +1'

'ติ๊ง!! ... "เจตกระบี่" EXP +1'

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? วิชาบ่มเพาะจิตสำนึกทั้งสองมีระดับชั้นสวรรค์ขั้นสูงเหมือนกัน แต่ค่า EXP ที่เขาได้รับตอนนั่งฝึกฝนกลับได้ไม่เท่ากัน นี่หมายความว่า เจตกระบี่ ไม่เหมาะกับตัวเขางั้นเหรอ?

หลินฟ่านรู้สึกหงุดหงิด กว่า Lv มันจะเพิ่มเป็น 2 ต้องใช้ค่า EXP ถึง 100,000 แล้วด้วยความเร็วราวกับเต่าคลานแบบนี้ ชาติไหนมันจะเพิ่มได้

'มันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้'

ตอนแรกวิชาทั้งสองนั้นต้องการข้อจำกัดบางอย่างจึงจะสามารถฝึกฝนได้แต่ทว่าด้วยความโกงของระบบเทพวิชาทำให้เขาสามารถฝึกฝนได้ โดยข้ามข้อจำกัดเหล่านั้นไป แต่ว่ามันคงต้องการอะไรบางอย่างเลยทำให้เขาบ่มเพาะมันได้ช้าขนาดนี้ และนี่คงเป็นเหตุผลที่เขาต้องรู้ก่อนว่าการบ่มเพาะจำเป็นต้องทำอย่างไรกันแน่

 

รีวิวผู้อ่าน