px

เรื่อง : เนตรเซียนทะลุสมบัติ
ตอนที่ 28 กลับมาที่ร้าน


ตอนที่ 28 กลับมาที่ร้าน

“ 2 วันที่ผ่านมาแกหายหัวไปไหนมาห้ะ? ถึงเพิ่งจะกลับมาเอาวันนี้!” กัวปาผีถลึงตาใส่หยางโปพร้อมกับระเบิดออกมาด้วยความโกรธ

หยางโปได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับไปว่า “ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยน่ะเถ้าแก่ ผมก็เลยต้องกลับบ้าน”

“แล้วแกไม่มีโทรศัพท์เหรอ? ทำไมแกถึงไม่โทรมาบอกฉันสักคำ!” กัวปาผีได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็ยังคงโมโหอยู่ “แกไม่รู้เหรอว่าภายในร้านนี้มีของมีค่ามากขนาดไหนแล้วคิดเป็นเงินเท่าไหร่? แกไม่อยู่ที่นี่ 2 วัน ถ้าเกิดของในร้านถูกขโมยไปแกจะชดใช้ได้ไหม!”

หยางโปมองไปที่กัวปาผีด้วยท่าทางที่เงียบสงบโดยไม่พูดอะไรออกมา เขารู้นิสัยของอีกฝ่ายดีกว่าการที่เขาจ่ายเงินค่าแรงให้กับหยางโปและหยางโปตอบแทนด้วยการโดดงานเขาไปถึงสองวัน มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่...เงินที่ขายได้ทั้งหมดภายในร้านนี้ก็เป็นเถ้าแก่กัวที่เป็นคนเก็บเงินทั้งหมด มันจะถูกขโมยได้ยังไงกัน?

ทันทีที่เห็นท่าทางของหยางโป กัวปาผีก็รู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเดิม “แกทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง? ทำผิดแล้วยังลอยหน้าลอยตาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกหมายความว่ายังไงห้ะหยางโป!”

“หักเงินเดือน! 2 วันที่แกไม่อยู่ร้านฉันจะหักเงินเดือนแกแล้วก็ต้องถูกปรับเพิ่มด้วย! ฉันจะปรับแกสองเท่า! แกทำแบบนี้แสดงว่านายคงจะไม่อยากทำงานที่นี่แล้วสินะ!”

หยางโปได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเขาก็คิดว่าคงจะถึงเวลาเปิดปากเพื่อลาออกจากงานนี้เสียที

หลังจากที่เสียงตะโกนของกัวปาผีดังสนั่น ด้านนอกก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นก่อนที่จะมีเสียงคนลอยแว่วเข้ามา “เถ้าแก่กัวนี่น่ากลัวจริงๆเลยนะเนี่ย ถ้าเกิดไม่เอาเจ้าเด็กนี่แล้ว ฉันจะทำยังไงดีละเนี่ย?”

กัวปาผีหันกลับไปมองก่อนที่จะพบว่าเจ้าของเสียงที่พูดคือเถ้าแก่เจี่ย เขาจึงหันกลับไปจ้องหยางโปพร้อมกับเปล่งเสียงหึออกมาจากลำคอ “นี่เป็นเรื่องภายในร้านกู่เต๋อจาย เถ้าแก่ร้านโป๋กู่ถางอยากจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องของคนอื่นด้วยเหรอ?”

 

เถ้าแก่เจี่ยยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่เบิกบานใจ “เถ้าแก่กัวพูดอะไรแบบนั้น มีใครบ้างที่ไม่รู้จักนิสัยของเถ้าแก่กัว ฉันจะไปกล้ายื่นมือเข้าไปในชามข้าวของเถ้าแก่กัวได้ยังไงกันล่ะจริงไหม?!”

กัวปาผีส่งเสียงไม่พอใจ “หึ ! ก็ถือว่าเถ้าแก่เจี่ยยังฉลาดอยู่บ้างนะ”

เถ้าแก่เจี่ยหันไปมองหยางโปก่อนที่จะเห็นแท่นฝนหมึกที่มีลักษณะคล้ายกับก้อนอิฐที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาข้างๆเขา ภายในใจก็เกิดอาการขบขันขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “นั่นสินะ ฉันไม่กล้าเอามือล้วงเข้าไปในชามข้าวของเถ้าแก่กัวหรอก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าสภาพอาการในชามข้าวนั่นจะดีรึเปล่าน่ะสิ”

กัวปาผีไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทว่าสีหน้าของหยางโปเกิดอาการชะงักขึ้นมาจนทำให้เขาต้องหันกลับไปหาเถ้าแก่เจี่ย พร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจว่าเถ้าแก่เจี่ยมาที่นี่ต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?

ก่อนหน้านี้เถ้าแก่เจี่ยแทบจะไม่มาเหยียบที่นี่เลย ทุกครั้งที่มาที่นี่ก็จะเกิดเรื่องตลอดและหยางโปจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่ก็ทำให้กัวปาผีเสียผลประโยชน์จากเขาไปหลายแสนหยวน วัตถุประสงค์ที่เขามาที่นี่ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอน

กัวปาผีเองก็รู้สึกแปลกใจ “คำพูดของนายนี่กำกวมดีนะ”

เถ้าแก่เจี่ยยิ้มออกมาก่อนที่จะกวาดตามองมาที่หยางโป “เสี่ยวหยางมาอยู่ที่นี่ร้านนี้ 2 ปีแล้วสินะ?”

หลังจากที่หยางโปถูกอีกฝ่ายจ้องมองมาร่างกายของเขาก็เกิดอาการแข็งทื่อในทันที ที่แท้เถ้าแก่เจี่ยมาที่นี่ก็เพราะจะเล่นงานเขานี่เอง!

กัวปาผีพยักหน้า “2 ปีแล้ว มาพร้อมกับกับหลี่หลิงเด็กที่ร้านของนายนั่นแหละ ตอนนั้นยังเป็นเด็กกะโหลกกะลาอยู่เลย ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว”

 

เถ้าแก่เจี่ยยิ้ม “ช่วงเวลา 2 ปีนี่ก็ไม่ถือว่ายาวนานแต่ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาสั้นๆ บางคนอาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ ‘ใครบางคน’ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เปลี่ยนจากเด็กยาจกคนหนึ่งให้การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินวัตถุโบราณได้! ”

ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย กัวปาผีก็รีบถามขึ้นมาว่า “หมายความว่ายังไง? ”

เถ้าแก่เจี่ยยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง “ดูเหมือนว่าเถ้าแก่กัวจะยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ นี่เสี่ยวหยางนายไม่ได้บอกเถ้าแก่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยเหรอ?”

กัวปาผีหันไปหาหยางโป “เกิดอะไรขึ้น?”

หยางโปจ้องไปที่เถ้าแก่เจี่ยด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไรกันแน่ ถ้าหากจะให้กัวปาผีไล่เขาออกไปก็คงจะไม่ใช่วิธีการที่ยุ่งยากแบบนี้ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งและเห็นว่ากัวปาผีรู้สึกร้อนรนใจ เขาจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ก็ไม่ได้มีอะไรหรอกเถ้าแก่ ก็แค่ก่อนหน้านี้ผมไปซื้อของมาแล้วก็เถ้าแก่เจี่ยดันเห็นเข้า ก็เลยคิดเองเออเองว่ามันเป็นของมีราคา”

กัวปาผีได้ยินเช่นนั้นเขาก็เชื่อในสิ่งที่หยางโปพูด เป็นเพราะหยางโปทำงานเป็นเด็กฝึกที่นี่แค่เพียง 2 ปีเท่านั้น หากเขาตาถึงสามารถเลือกของภายในตลาดขายของโบราณที่มีราคาได้จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด คงจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก

“นี่เถ้าแก่เจี่ย นายคงไม่คิดจริงๆหรอกใช่ไหมว่าหยางโปจะซื้อของที่มีราคาขนาดนั้นได้?” กัวปาผีถามขึ้น

เถ้าแก่เจี่ยเกิดอาการชะงักเพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะโต้ตอบกลับมาเช่นนี้เขาจึงถลึงตาใส่พร้อมกับพูดต่อว่า “เถ้าแก่กัว นายนี่หลอกง่ายชะมัดเลยนะ! นายรู้รึเปล่าว่าวันนั้นฉันอยู่กับใคร? ตอนที่ฉันเห็นของชิ้นนั้นฉันอยู่กับผู้ดูแลชวี! ”

 “ตอนนั้น เสี่ยวหยางเอาเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินมาที่ร้านของฉันแล้วมันก็เป็นของที่ได้มาจากตลาดผีด้วย ตอนนั้นผู้ดูแลชวีเองก็อยู่ที่นั่นแถมเขายังชื่นชมเสี่ยวหยางด้วยตัวเองว่าหลังจากนี้เจ้าเด็กนี่จะมีความสามารถในการประเมินราคามากกว่านี้อีก! ”

กัวปาผีชะงักไป “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่เคยเห็นหยางโปไปตลาดมืดเพื่อซื้อของมาก่อน นี่เขาได้ของดีมาจากที่นั่นจริงเหรอ?”

กัวปาผีอ้าปากค้างด้วยท่าทางราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ท่าทางของเขาในเวลานี้ราวกับเขาเป็นเด็กนักเรียนที่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่ถูๆไถๆเรียนหนังสือด้วยความยากลำบากตลอดเวลา ที่จู่ๆก็ประกาศกับทุกคนว่าสอบติดมหาลัยชื่อดังจนทำให้ทุกคนเกิดอาการตกตะลึงยังไงยังงั้นเลยล่ะ

เถ้าแก่เจี่ยมองไปที่กัวปาผีก่อนที่จะหัวเราะออกมา “แต่เถ้าแก่กัวนี่ก็เก่งดีนะ แม้แต่เด็กเฝ้าร้านของตัวเองก็ยังตาถึงเลือกของดีได้ น่านับถือจริงๆเลยนะเนี่ย!”

กัวปาผีสีหน้าเจื่อนขึ้นมา “เถ้าแก่เจี่ยพูดอะไรแบบนั้น ฉันว่าหลี่หลิงยังมีพรสวรรค์มากกว่าอีก”

คำพูดที่ดูถ่อมตนของกัวปาผีที่พูดออกไปนั้นขัดแย้งกับสีหน้าของเขาในเวลานี้เป็นอย่างมาก การที่หยางโปเป็นเด็กที่ร้านของเขาแถมเรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่เขากลับรู้เป็นคนสุดท้ายเนี่ยนะ! เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างมากแถมยังทำให้เขารู้สึกข้องใจด้วยว่าเขาคงจะไม่สามารถจัดการกับเจ้าเด็กคนนี้ได้อีกแล้ว!

“เสี่ยวหยางว่าแต่ของชิ้นนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ? ” เถ้าแก่เจี่ยยิ้มพร้อมกับถาม

“ขายแล้ว!” หยางโปถลึงตาไปที่อีกฝ่าย เขารู้สึกว่าวันนี้เถ้าแก่เจี่ยดูกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษราวกับว่าต้องการจะยั่วยุเขาอยู่ตลอดเวลา

“ขายแล้วเหรอ?” เถ้าแก่เจี่ยยิ้มขึ้นมา “ขายให้ใครล่ะ? แล้วขายไปเท่าไหร่?”

 

หยางโปส่ายหน้า “ผมก็ไปเดินวนๆอยู่ในตลาดมืด ก็ไม่ได้ทำเงินได้มากมายเท่าไหร่”

หยางโปไม่อยากพูดอะไรมากกว่านั้น ทว่าเถ้าแก่เจี่ยก็ยังพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สนใจว่า “อ่อเหรอ? เดินวนรอบๆ...แต่ก็คงจะได้เงินดีมากเลยล่ะสิ! ”

รีวิวผู้อ่าน