px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 41 : เจ้ากลัวหรือไม่


บทที่ 41 : เจ้ากลัวหรือไม่

 

สัตว์อสูรแกะเขาทองถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ พอดีกับจำนวนคน พวกนี้ใช้พลังงานที่แท้จริงกันไปมากยามต่อสู้ ตอนนี้พวกเขาเลยกินกันอย่างเต็มที่ แม้แต่ฮั่นเมิ่งเมิ่ง ก็เลิกสนใจหลินฟ่านแล้วตั้งหน้าตั้งตากินจนอิ่ม

"เอาล่ะ กินเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ จะได้ถึงเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกร ก่อนค่ำ" หลินฟ่านลุกแล้วกล่าวออกมา

"ข้าเห็นด้วย ท่านผู้อาวุโส" ซั่งหัวเทียนพยักหน้ารับคำ คนอื่นต่างเงียบไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา พวกมันรู้ว่าการอยู่เฉยๆ ไม่ยุ่งวุ่นวายอะไรกับคนแข็งแกร่งอย่างหลินฟ่านจะเป็นการดีที่สุด

และแล้วพวกเขาก็ออกเดินทางกลับเมืองทันที ...ในการเดินทาง ซั่งหัวเทียนพยายามกันฮั่นเมิ่งเมิ่งให้อยู่ห่างจากหลินฟ่านมากที่สุด เพราะกลัวนางจะสร้างปัญหาจนถึงแก่ความตาย

ส่วนคนอื่นๆ ก็พยายามเร่งรีบเดินทาง เพื่อให้บรรลุถึงเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรให้เร็วที่สุด พวกมันต่างอึดอัดแลไม่มีใครกล้าเดินใกล้ๆหลินฟ่าน

ไม่มีใครรู้สึกตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของผู้ที่แข็งแกร่ง พวกมันรู้ดีว่าคนจำพวกนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆ พวกมันไม่คิดจะเสี่ยงเพื่อชักชวนสนทนาหรืออะไรทั้งนั้น ต่างคนต่างรักชีวิตของตน

คนจำนวนมากมายได้ตกตายลงในป่าแห่งนี้ บทเรียนข้อเดียวที่ทุกคนต้องรู้เอาไว้ก็คือ เข้มแข็งอยู่ อ่อนแอตกตาย

หลินฟ่านเองก็รู้ว่าทุกคนต่างพยายามอยู่ให้ห่างจากเขา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้ขอให้เดินทางถึงเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกร ก็พอแล้ว เขาไม่ได้คิดอะไรมาก

นักสู้ธรรมดาๆ ระดับก่อเกิดขั้นก่อเกิด 1-2 พวกนี้ไม่สามารถให้ค่า EXP อะไรเขาได้ ไม่ว่าจะพลิกสวรรค์ผันแปรพิภพ หรือ เสือร้ายขโมยใจ พวกมันก็ไม่มีค่าพอให้เขาเก็บ EXP เพราะตอนนี้ ขนาดระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 8 อย่างหนี่หมันเทียน ตอนเขาใช้เสือร้ายขโมยใจยังได้ EXP เพียงน้อยนิด แล้วคนพวกนี้จะนับเป็นอะไรได้

เป็นไปได้ไหมที่ระดับวิชาของ เสือร้ายขโมยใจ จะสูงกว่า พลิกสวรรค์ผันแปรพิภพ?

"หยุดให้บิดาทั้งหมด…"

ในขณะที่หลินฟ่านและคนอื่นๆกำลังเดินผ่านหุบเขา ทั้งสองฝั่งของหน้าผาปรากฏร่างโจรจำนวนมากโผล่ออกมาปิดล้อมพวกมันเอาไว้

"พวกเจ้าทิ้งสิ่งของมีค่ากองไว้บนพื้นให้หมด บุรุษไสหัวไปได้ ส่วนสตรี ให้รอคอยบิดาอยู่เฉยๆ" ชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดเกราะสีดำน่าเกรงขามปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับดาบปราบพยัคฆ์เล่มโต

ชายคนนี้มีศีรษะล้านเลี่ยนเตียนโล่งหน้าตาแลดุร้าย มีรอยบากที่ใบหน้าพาดจากคิ้วซ้ายไปถึงคางด้านขวา

ดาบปราบพยัคฆ์เล่มโต ที่จับพันไว้ด้วยผ้าสีขาวสลับดำ ใบดาบแกะสลักรูปพยัคฆ์ไว้อย่างน่าเกรงขาม

ท่าทางของซั่งหัวเทียนเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเห็นดาบปราบพยัคฆ์เล่มโต

"ดาบพยัคฆ์ ฉูเซี่ยงเกอ"

"โอ้ จับว่าตาเจ้ามีแววไม่น้อย" ฉูเซี่ยงเกอสะบัดดาบใหญ่ไปมาสร้างลมพายุข่มขู่ทุกคนให้หวาดกลัวก่อนที่จะกล่าวออกมา "เห็นแก่เจ้าที่ตายังพอมีแววอยู่บ้าง รีบทิ้งข้าวของมีค่าและผู้หญิงเอาไว้ แล้วจากไปได้ ข้ารับรองจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ"

"ฉูเซี่ยงเกอพวกเราก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักนภาสวรรค์ ... "ซั่งหัวเทียนรู้จักโจรร้ายชื่อดังแห่งเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรผู้นี้ดี และยังรู้อีกว่ามันเองก็เคยอยู่สำนักนภาสวรรค์

"หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว" ฉูเซี่ยงเกอ บันดาลโทสะเพราะได้ยินชื่อที่มันรังเกียจ มันตวัดดาบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่แท้จริงใส่ซั่งหัวเทียน และด้วยคลื่นดาบของมัน ไม่ใช่แค่ซั่งหัวเทียนที่จะตาย แต่คงเป็นทุกคนที่อยู่ด้านหลังมันทั้งหมด

พวกมันทั้งหมดต่างหวาดกลัวและก้าวขาไม่ออก เมื่อเห็นโจรร้ายปลดปล่อยพลังงานที่แท้จริงจำนวนมหาศาลเต็มไปด้วยความอำมหิต พวกมันคิดจะรวมพลังกันต้านรับแต่ทว่า แรงกดดันมันมากเกินไปจนสะกดให้พวกมันขยับไม่ได้

"ฉูเซี่ยงเกอ เจ้ากล้า ... " ซั่งหัวเทียนตื่นตระหนก เขาไม่คิดว่าโจรร้ายตรงหน้าจะลงมือโดยอำมหิตเช่นนี้

เรื่องจริง ที่ฉูเซี่ยงเกอเคยเป็นศิษย์สำนักนภาสวรรค์ แต่เพราะเขาถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรม จึงได้ลงมือตอบโต้ความอยุติธรรม จนเหล่าผู้มีอิทธิพลเริ่มกดดันเขา เมื่อถึงจุดที่ทนไม่ได้เขาจึงลอบฆ่าศิษย์ที่สร้างปัญหาให้เขาแล้วหลบหนีมา นั่นทำให้เหล่าผู้มีอิทธิพลของสำนักนภาสวรรค์โกรธแค้นฉูเซี่ยงเกออย่างมาก พวกมันต่างส่งคนมาตามล่าตัว ฉูเซี่ยงเกอ แต่ทว่า ฉูเซี่ยงเกอที่ผันตัวมาเป็นหัวหน้าโจรก็สามารถเล็ดลอดมือของพวกมันมาได้ตลอด และเริ่มกลายเป็นโจรร้ายที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรในเวลาต่อมา

...ซั่งหัวเทียนที่เห็นรังสีดาบที่น่ากลัว มันก็รู้ดีว่าดาบนี้มันไม่สามารถรับได้

แต่ในขณะที่ ซั่งหัวเทียนปลงตกกับความตายตรงหน้า มือข้างหนึ่งที่ราวกับยื่นผ่านโลกและสวรรค์ ก็ค่อยๆเคลื่อนออกมา รับรังสีดาบที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้ได้อย่างสบายๆ ...ช่างน่าแปลกนัก เขาเห็นมือค่อยๆเคลื่อนที่มาอย่างช้าๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไม กลับสามารถรับรังสีดาบที่ทรงอำนาจและพุ่งมารวดเร็วได้ทันท่วงที

สองตาของซั่งหัวเทียนแทบถลนออกจากเบ้าเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันน่าสะพรึงกลัวเกินไป ...มันเป็นไปได้อย่างไร?

หลินฟ่านมองไปที่ ฉูเซี่ยงเกอ ก่อนที่จะสังเกตบนหัวมันและพบว่ามันอยู่ในระดับก่อเกิดขั้นที่ 4... ระดับแค่นี้นับว่าไม่มีค่าอะไรกับหลินฟ่าน มันเลยได้แต่ส่ายหัวไปมา

"ท่านผู้อาวุโส... " เขาเกือบตายไปแล้ว หากไม่ได้หลินฟ่านยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือวันนี้ปีหน้าคงเป็นวันครบรอบวันตายของเขา ซั่งหัวเทียนจึงรู้สึกตื้นตันและสำนึกบุญคุณหลินฟ่านอย่างมาก

วิชาดาบที่อำมหิตของฉูเซี่ยงเกออยู่ในระดับก่อเกิดขั้นที่ 4 มันรุนแรงเกินไป ตัวเขาที่มีแค่ระดับก่อเกิดขั้นที่ 2 คงไม่สามารถต้านไว้ได้แม้แต่ครึ่งกระบวนท่า แต่ทว่า..ผู้อาวุโสกลับจับมันราวกับหยิบจับใบไม้ที่ร่วงหล่นมาจากต้นไม้

"ท่านเป็นผู้ใด?" ฉูเซี่ยงเกอนั้นสงสัยเล็กน้อยว่าหลินฟ่านเป็นใคร พวกมันสะกดรอยตามกลุ่มซั่งหัวเทียนมาและพบว่าพวกมันเข้าป่าไป 8 คนเท่านั้นพวกมันจึงมาดักรอตอนขากลับ แต่ทว่า มันกลับพบชายหนุ่มปริศนาที่มันไม่สามารถตรวจสอบระดับบ่มเพาะได้โผล่มาขวางทางเอาไว้ อีกทั้งสีหน้ามันยังดูสบายอารมณ์อย่างมาก มันเป็นใครกันแน่?

หลินฟ่านมองหน้าฉูเซี่ยงเกอแล้วก็คิดอะไรในใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปพูดกับกลุ่มของซั่งหัวเทียน "พวกเจ้าล่วงหน้ากันไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้าจะตามไปสบทบทีหลัง"

หลินฟ่านไม่ต้องการให้พวกซั่งหัวเทียนอยู่ เพราะมันอยากใช้วิชาและความสามารถให้เต็มที่

"ผู้อาวุโสท่าน ... " ซั่งหัวเทียนมองไปทางหลินฟ่านด้วยความตื้นตันปนความรู้สึกผิด มันเคยสงสัยผู้มีพระคุณท่านนี้ แต่ทว่าตอนนี้เขากลับไม่ถือสาหาความและคิดจะรั้งอยู่เพื่อรับมือกลุ่มโจรเพียงลำพัง นี่มัน...

"เฮ่อ ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส จะให้คนรุ่นเยาว์ประสบเหตุร้ายต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ไปเถิด " หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างมีคุณธรรม มันยืดอก เอามือไพร่หลังแล้วหลับตาเล็กน้อย เก็กหน้าเคร่งขรึมเพื่อความเท่ห์

ราวกับมีแสงสว่างส่องลงมาจากสรวงสวรรค์ประทับอยู่บนตัวของหลินฟ่าน..ภาพลักษณ์ของหลินฟ่านในสายตาของกลุ่มซั่งหัวเทียนยามนี้ มันราวกับเทพบุตรผู้ทรงธรรม ช่างน่าเลื่อมใส่เป็นอย่างมาก แม่แต่ฮั่นเมิ่งเมิ่งที่มีอคติ ก็พลันรู้สึกยกย่องมันโดยปราศจากอคติในหัวใจ

คำพูดของผู้อาวุโสท่านนี้ราวกับทะลวงไปยังกลางใจของฮั่นเมิ่งเมิ่ง นางรู้สึกสำนึกขอบคุณและตื้นตันอย่างมาก หากไม่ได้เขาช่วยไว้ไม่รู้นางจะถูกกลุ่มโจรกระทำการอุบาทว์อะไรบ้าง นางรู้สึกปลาบปลื้มจนน้ำตาคลอ และรู้สึกโกรธตัวเองที่ก่อนหน้านี้แสดงกิริยาไม่ดีต่อหลินฟ่าน

"ผู้อาวุโส ขอต้องขออภัย ที่คิดระแวงท่าน ... " ซั่งหัวเทียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยท่าทีสำนึกผิดอย่างถึงที่สุด

หลินฟ่านโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "อย่าได้ใส่ใจ ข้าผู้อาวุโสไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร เจ้าก็อย่าได้คิดมาก หากข้าไม่มีจิตเมตตาข้าจะสมควรให้พวกเจ้าเรียกผู้อาวุโสหรือ" หลินฟ่านกล่าวออกมาเรียบๆ

"ท่านกล่าวถูกแล้ว อ่าพวกเราไปกันเถิดอย่าให้ผู้อาวุโสต้องลำบากใจ ... " ซังหัวเทียนรีบชวนพรรคพวกจากไปทันที มันเข้าใจเจตนาของผู้อาวุโสดี หากพวกมันรั้งอยู่ก็จะเป็นได้แค่ตัวถ่วงของท่านเท่านั้น

ฉูเซี่ยงเกอตอนแรกคิดจะติดตามพวกมันไป แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้ากอดอกแย้มยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว มันกลับไม่กล้าหันหลังให้

เมื่อซั่งเทียนหัวจากไป หลินฟ่านก็มองไปที่ฉูเซี่ยงเกอ ก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมกับหลับตาลง "เอาล่ะ ไปกันหมดแล้วข้าจะได้ลงมือเสียที จะได้รีบไปตอนนี้ข้าก็เริ่มง่วงๆละ"

ฉูเซี่ยงเกอรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก "เจ้ากล้าไม่เห็นหัวข้าอย่างนั้นเหรอ"

"วิชาดาบพยัคฆ์ – เพลงดาบ 5 พยัคฆ์ทลายสิ้น"

ฉูเซี่ยงเกอโกรธเกรี้ยวอย่างมาก มันกระโดดขึ้นไปสูงจรดฟ้าก่อนที่จะใช้ออกด้วยวิชาสร้างชื่อของมัน พลังงานที่แท้จริงในตัวถูกเร่งออกมาอย่างมหาศาล รังสีดาบขนาดยักษ์ แผ่ออกมากลางอากาศ ก่อนที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกันพร้อมแผ่พลังกดดันมหาศาล พร้อมฟาดลงมายังศีรษะหลินฟ่านอย่างรุนแรง

หลินฟ่านที่หลับตาอยู่พลันเปิดตาขึ้นมาหนึ่งข้าง พร้อมยื่นมือขวาใช้ออกด้วยดัชนีปลิดบุปผา จี้ไปยังมือที่จับดาบของฉูเซี่ยงเกอ จนกระแทกดาบหลุดออกจากมือของมัน ...ใบหน้าของฉูเซี่ยงเกอเปลี่ยนไปทันที ที่สัมผัสถึงความเจ็บปวดบริเวณมือ มันไม่สามารถหยิบจับดาบพยัคฆ์ได้อีกต่อไป กระบวนท่าของมันถูกทำลายลงไปลักษณะนี้ ซ้ำร้ายดาบปราบพยัคฆ์คู่กายยังหลุดออกจากมือไปอีกด้วย

พริบตาต่อมา หลินฟ่านก็หมุนตัวหนึ่งรอบตวัดขาถีบฉูเซี่ยงเกอที่ยังตะลึงค้างกลางอากาศอยู่จนกระเด็นถอยหลังออกไปทันที เมื่อฉูเซี่ยงเกอถูกถีบกระเด็นออกไปอย่างแรง หลินฟ่านก็แบมือออก รับดาบปราบพยัคฆ์ที่หลุดลอยจากมือของฉูเซี่ยงเกอ เอาไว้อย่างพอดิบพอดี ...จนถึงจุดๆนี้หลินฟ่านยังไม่ได้ขยับขาออกจากจุดที่มันยืนอยู่แม้แต่ก้าวเดียว

"หัวหน้า เป็นอันใดหรือไม่?" ลูกน้องโจรรอบๆรีบกรูกันเข้ามาช่วยเหลือ

ฉูเซี่ยงเกอฝืนลุกขึ้นมาเพื่อไม่ให้เสียหน้า ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างทระนง "ดูเหมือนหากข้าไม่ลงมือด้วยพลังที่แท้จริง เจ้าคงไม่รู้เสียแล้วว่าข้าเป็นผู้ใด"

หลินฟ่านหันไปมองฉูเซี่ยงเกอก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"เจ้าขำอันใดกัน" หัวใจของฉูเซี่ยงเกอแทบจะระเบิดออก เมื่อเจอคนหัวเราะหยามหน้าของเขาขนาดนี้

“ขำอะไรน่ะเหรอ ก็ขำเพราะเผลอคิดไปว่า ตอนเอ็งขอขมามันจะน่าเวทนาขนาดไหนน่ะสิ” หลินฟ่านตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะตวัดดาบปราบพยัคฆ์ในมือเข้าหาร่างกายตัวเอง

ฉูเซี่ยงเกอถึงกับตะลึง มันไม่คิดว่าจะเจอคนบ้าที่ฆ่าตัวตายเช่นนี้

ดาบปราบพยัคฆ์ของเขามันเป็นอาวุธที่อยู่ในระดับสูงเกือบจะอยู่ในขั้นตำนานอยู่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างหมดลมภายใต้คมดาบของมัน แต่พริบตาต่อมาสองตาของฉูเซี่ยงเกอก็แทบถลนออกจากเบ้า

เมื่อดาบที่มันภาคภูมิใจกลับแตกเป็นสามส่วนเมื่อกระทบร่างกายของหลินฟ่าน

"ดะ..ดาบของข้า ... " ฉูเซี่ยงเกอได้แต่จ้องดาบคู่ชีวิต พังทลายร่วงหล่นพื้นดินอย่างโศกเศร้า

"ถ้าพวกเอ็งไม่อยากเป็นเหมือนดาบเล่มนี้ ก็รีบคุกเข่าขอขมาข้าดีๆ ใครทำและทำให้ข้าพอใจข้าจะปล่อยให้รอดไปอย่างสบายๆ ใครขัดขืนรับรองหนุกหนานแน่นวล หุหุ ไงล่ะ ตอนนี้กลัวข้าอ๊ะยัง" หลินฟ่านกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ให้ทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึง

พวกโจรทั้งหมดถึงกับสั่นสะท้านตอนนี้กำลังใจของพวกมันหมดสิ้นลงแล้ว พวกมันไม่สามารถก้าวขาหนีไปจากหลินฟ่าน เพราะว่าพวกมันกำลังหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ พวกมันทั้งหมดรวมทั้งฉูเซี่ยงเกอต่างคิดว่า คนตรงหน้าพวกมันนั้น ไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน

ดาบปราบพยัคฆ์ไม่ใช่อาวุธธรรมดาสามัญ กายเนื้อมนุษย์ย่อมไม่มีทางทานทนได้อย่างแน่นอน

"ท่านผู้อาวุโส ... ได้โปรดเมตตา ไว้ชีวิตพวกข้าด้วย" ฉูเซี่ยงเกอไม่คิดดิ้นรนขัดขืนอีกต่อไป มันรีบคุกเข่าอ้อนวอนหวังให้เซียนตรงหน้าละเว้นชีวิตของมันทันที แน่นอนกลุ่มโจรที่เหลือล้วนรีบคุกเข่าขอมาตามฉูเซี่ยงเกอโดยพร้อมเพรียงกัน

ฉูเซี่ยงเกอไม่ใช่คนโง่ คนตรงหน้ามันไม่ใช่มนุษย์แต่ต้องเป็นเทพเซียนอย่างแน่นอน เพราะมนุษย์ธรรมดา ไม่มีวันต้านทานดาบปราบพยัคฆ์ของมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

หลินฟ่านตอนนี้ฉีกยิ้มจนถึงใบหู หน้ามันบานเพราะกำลังอารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด ...

 

รีวิวผู้อ่าน