px

เรื่อง :
ตอนที่ 8 สันดานอันเลวร้ายของมนุษย์!


ตอนที่ 8 สันดานอันเลวร้ายของมนุษย์!

 

ภายในปั๊มน้ำมัน เสียงร้องแหลมดังขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน ฝูงชนที่ถกเถียงเบียดเสียดกันอยู่นั้นก็แยกจากกันอย่างฉับพลัน  ก่อนจะเห็นผู้ชายวัยกลางคนอายุราวๆ50กว่าปีคนหนึ่งกำลังจับหน้าอกของตัวเองด้วยความเจ็บปวด  เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น  เลือดสดๆได้ทะลักออกมาตามซอกนิ้ว ไม่เพียงแต่จะทำให้เสื้อสีขาวตรงบริเวณหน้าอกนั้นกลายเป็นสีแดงแล้ว  หนำซ้ำยังหยดลงมาบนพื้นอีกด้วย  ไม่นานก็สะสมจนได้เป็นกองเลือดขนาดใหญ่

ส่วนด้านข้างของผู้ชายวัยกลางคนนี้ คือวัยรุ่นหนุ่มที่ย้อมผมสีเหลืองอายุราว 20 กว่าปีคนหนึ่งกำลังมองไปทางผู้ชายคนนั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ในขณะที่กำลังถือกริชที่เปื้อนเลือดในมือของเขา

“ฉัน....ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพุ่งเข้ามาจริงๆ....”

เลือดสดๆที่ทะลักออกมาตามซอกนิ้วของผู้ชายวัยกลางคนอย่างต่อเนื่องนั้นได้ทำลายไฟแห่งความโกรธก่อนหน้าที่อยู่ในใจของหนุ่มผมเหลืองไปหมดแล้ว  หลังจากที่สงบอารมณ์ลงแล้ว หนุ่มผมเหลืองคนนี้ก็ตกอยู่ในอาการหวาดกลัวแทน จนกระทั่งร่างกายของเขานั้นเริ่มสั่นเทา “ฉันเพียงแค่จะขู่เขาจริงๆนะ!”

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองคนได้เกิดการขัดแย้งกันเพราะเรื่องซื้อน้ำมันรถ  หลังจากนั้นภายใต้อารมณ์ชั่ววูบไปชั่วขณะ  หนุ่มผมเหลืองคนนี้ก็ได้แทงผู้ชายวัยกลางคนนี้ไปแล้ว

“มัวอึ้งทำซากอะไร รีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาลสิ!”

“ใช่ นายดูสิว่าเลือดของเขาออกมามากขนาดไหน ถ้าไม่รีบไปส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตเขาคงได้ตายจริงๆแน่!”

“วัยรุ่นละน๊า หุนหันพลันแล่นอะไรขนาดนี้ แล้วยังใช้มีดตัดสินอีก!”

“คนประเภทนี้ดูๆแล้วน่าจะไม่ได้รับการศึกษาที่ดี   ย้อมผมเหลืองซะด้วย เยี่ยมจริงๆ ก่อเรื่องโดยไม่ยั้งคิดขึ้นจนได้!”

……

การเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นสร้างความตกใจแก่ผู้คนไม่น้อย  แต่ไม่ช้าสันดานเลวๆโดยเนื้อแท้ของคนในชาติก็เริ่มก่อกวนขึ้น ฝูงชนที่แยกตัวออกไปแล้วก็เริ่มห้อมล้อมกันเข้ามาใหม่อีกครั้ง  จนกระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยได้จับกลุ่มนินทาลับหลัง  พูดจาเยาะเย้ยถากถาง

“ใช่ ใช่ พาเขาไปโรงพยาบาลซะสิ!”

ถึงแม้ว่าหนุ่มผมเหลืองคนนี้จะเป็นอันธพาลก็ตาม  แต่โดยปกติมากสุดก็ทำได้เพียงแค่รังแกกลั่นแกล้งเด็กนักเรียนของโรงเรียนแถวนี้เท่านั้น  ไม่มีประสบการณ์ไหนที่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์มาก่อน  เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ของฝูงคนในบริเวณนี้  เขาที่ตกอยู่ในอาการหวาดกลัวก็เพิ่งได้สติกลับมา ก่อนจะรีบทิ้งกริชที่อยู่ในมือไปทันทีหลังจากนั้นก็พยายามประคองผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นขึ้นมาแล้วพาไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิต

นี่คือความผิดพลาดครั้งที่สองในวันนี้ของเขา!

ความผิดพลาดครั้งแรกของเขาคือการใช้มีดทะเลาะวิวาท อีกทั้งยังแทงเข้าไปบนหน้าอกของผู้ชายคนนั้นจนบาดเจ็บสาหัสด้วย ส่วนความผิดพลาดครั้งที่สองก็คือการประคองผู้ชายวัยกลางคนที่ได้รับบาดเจ็บเจียนตายคนนี้ขึ้นมา !

“โฮก! ”

ในขณะที่หนุ่มผมเหลืองคนนี้พยายามจะพาผู้ชายวัยกลางคนนี้ขึ้นรถของตัวเองเพื่อพาไปโรงพยาบาล ผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงขึ้นมาทันใด ก่อนจะอาเจียนเป็นเลือดสดออกมาแล้วล้มลงไปกองกับพื้น

“อย่านะ คุณห้ามตายนะ!”

เมื่อเห็นผู้ชายวัยกลางคนอาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้วล้มลงไปกับพื้น หนุ่มผมเหลืองคนนั้นก็เกิดอาหารหวาดกลัวขึ้นมา มือขวาของเขาพยายามที่จะจับผู้ชายคนนี้ให้ลุกขึ้นมา

เขารู้แค่ว่าถ้าผู้ชายคนนี้ตายไป ชีวิตทั้งชีวิตของเขาได้จบเหแน่!

แต่ในตอนนั้นเอง เดิมทีผู้ชายวัยกลางคนๆนี้ที่มีอาการร่อแร่ใกล้ตายเต็มทีกลับหยุดสั่นอย่างฉับพลัน ก่อนที่มือข้างขวาจะออกแรงดึงหนุ่มผมเหลืองคนนี้อย่างรุนแรงและรวดเร็วจนล้มลงไปกองกับพื้น!

อีกทั้งยังไม่ทันที่หนุ่มผมเหลืองคนนี้จะได้สติกลับมา ดวงตาที่แดงฉานราวกับอสูรกายทั้งสองข้างก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของเขา!

หลังจากนั้น ปากของผู้ชายวัยกลางคนๆนี้ก็อ้าออกอย่างรวดเร็ว แล้วกัดไปที่คอของหนุ่มผมเหลืองคนนี้อย่างโหดเหี้ยม พร้อมทั้งกัดฉีกดึงทึ้งอย่างรุนแรง !

ฉัวะ !

ในช่วงเวลานั้นเสียงกัดฉีกอันน่าหดหู่ใจก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงโห่ร้องด้วยความเจ็บปวดของหนุ่มผมเหลืองเมื่อถูกผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นกัด เลือดสดๆที่ผสมปนเปจำนวนมากก็ถูกกลืนไปพร้อมกัน เลือดสดจำนวนมากที่ปะปนกับฟองอากาศที่มาจากเส้นเลือดใหญ่ที่คอได้พุ่งออกมาทางปาก จนกระเซ็นเต็มพื้นดิน!

หนุ่มผมเหลืองอยากจะร้องตะโกนออกมาแต่หลอดลมที่ถูกกัดฉีกไปแล้วทำให้เขาร้องออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงแต่กระตุกและดิ้นพล่านอย่างไร้เรี่ยวแรง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้ชายวัยกลางคนๆนั้นอ้าปากกว้างขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกัดลงไปที่ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของหนุ่มผมเหลืองอย่างโหดเหี้ยม ชิ้นเนื้อแก้มของเขาถูกกัดฉีกออกมาจนทำให้เห็นฟันที่อยู่ภายใต้ชิ้นเนื้อนั้นอย่างชัดเจน !

 “อ๊ากกกก! ! ! ! !”

“ติดเชื้อขั้นที่สอง ติดเชื้อขั้นที่สอง!”

“ซอมบี้ วิ่งเร็ว! !”

……

ในเวลานี้ คนที่สังเกตการณ์อยู่ด้านข้างก็เพิ่งจะได้สติกลับมา หลังจากนั้นก็ร้องตะโกนเสียงแหลมราวกับเห็นผีก่อนจะวิ่งกันวุ่นวายไปหมดทุกทิศทาง!

บางทีอาจเป็นเพราะความหวาดกลัวในขณะที่กำลังหนีตายอยู่นั้น เหล่าวัยรุ่นที่มีสภาพร่างกายแข็งแรงบางส่วนพยายามหนีห่างจากซอมบี้เหล่านี้ให้เร็วที่สุด  โดยไม่สนใจผู้หญิงและเด็กเหล่าคนแก่ผู้อ่อนแอที่อยู่ด้านข้างเลยสักนิด พวกเขาผลักคนเหล่านั้นอย่างไม่แยแสจนมีหลายคนถูกผลักล้มลงไปกองกับพื้น

และสิ่งที่ทำให้คนที่ล้มลงไปนั้นผิดหวังก็คือ ไม่ว่าพวกเขาจะส่งเสียงร้องเรียกยังไง ก็ไม่มีใครเลยที่คิดจะยื่นมือมาช่วย แม้กระทั้งมีคนเหยียบย่ำไปบนตัวของพวกเขาและก็ยังปล่อยให้พวกเขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาอยู่อย่างนั้น

หลังจากฝูงคนได้แยกย้ายหนีตายกันไปหมดแล้ว คนที่ล้มลงไปกองกับพื้นเหล่านั้นก็ได้บาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำทั้งตัว และกำลังตกอยู่ที่นั่งลำบากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ในเวลานั้นเอง ผู้ชายวัยกลางคนที่กลายเป็นซอมบี้ก็ได้ปล่อยหนุ่มผมเหลืองที่ถูกกัดจนเละไม่เหลือรูปร่างเค้าเดิม ก็กระโดดพรวดพราดไปข้างหน้า ก่อนจะพุ่งตรงมายังร่างของคุณป้าคนหนึ่งที่ใกล้เขาที่สุด แล้วกัดฉีกอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง!

ไม่เพียงแต่เวลานี้ หนุ่มผมเหลืองที่สูญสิ้นลมหายใจแล้วก็ได้ลุกขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ หลังจากนั้นก็จับไปที่ขาของคนที่ถูกเหยียบคนหนึ่ง นั้นคือหญิงสาวที่แต่งงานแล้วที่กำลังร้องไห้ครวญครางด้วยความเจ็บปวดย่างต่อเนื่อง ก่อนจะกัดไปบนต้นขาที่ใส่ถุงน่องของหญิงสาวคนนั้นอย่างจัง

ในเวลานั้น เสียงร้องอย่างน่าเวทนาแหลมๆ เสียงกัดฉีกและเสียงกลืนกินก็ดังผสมปนเปขึ้นพร้อมกัน  ราวกับบทเพลงของวงมโหรีที่กำลังบรรเลงเพลงจุดจบของโลกก็ไม่ปานดังก้องไปทั่วปั๊มน้ำมันเล็ก ๆแห่งนี้

แควก !

ซอมบี้หนุ่มผมเหลืองคนนั้นที่ได้ฉีกกระชากชิ้นเนื้อของสาวใหญ่คนนั้น ในขณะที่กำลังเตรียมจะกัดมันลงไปเป็นครั้งที่สอง เหล็กงัดที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือดก็ได้พุ่งเข้ามากลางอากาศอย่างฉับพลัน ก่อนจะทุบไปที่ใบหน้าอันเละเทะของซอมบี้หนุ่มผมเหลืองคนนั้นอย่างเต็มแรง

พริบตาเดียว เสียงกระแทกอันน่าหดหู่ใจก็ดังขึ้น หัวของซอมบี้หนุ่มผมเหลืองคนนั้นที่ดูเหมือนแตงโมโดนทุบด้วยค้อนจนเหละได้แตกออก มันสมองและเลือดสดจำนวนมากได้สาดกระเซ็นไปทั่วทิศทางและนองเต็มพื้น สาวใหญ่ที่กรีดร้องอย่างต่อเนื่องก็ได้ถูกย้อมจนกลายเป็นมนุษย์เลือดในเวลาเดียวกัน

“ฉันมาช้าไป!”

เมื่อมองไปยังสาวใหญ่ที่สิ้นเสียงกรีดร้องไปแล้วคนนั้น รวมทั้งคุณป้าที่ถูกซอมบี้ผู้ชายวัยกลางคนกัดจนไร้ลมหายใจ ดวงตาของฮวางซางก็เปล่งประกายความยุ่งเหยิงขึ้นมาทันใด

ถึงแม้ว่าเขาจะรีบวิ่งเข้ามาด้านนี้หลังจากที่ได้ยินเสียงกรีดร้องแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายกลับยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ฮวางซางถือโอกาสช่วงเวลานี้จับเหล็กงัดรถไว้ในมืออย่างแน่น แล้วทุบไปกลางหัวของซอมบี้ผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังเคี้ยวเนื้อของคุณป้าคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม

ต่อมาเสียงอันน่าหดหู่ใจก็ดังขึ้น หัวของซอมบี้วัยกลางคนคนนี้ก็ระเบิดเละจากการทุบของฮวางซาง มันสมองก็กระเซ็นไปทั่วทุกทิศทางเช่นกัน

เพียงแต่ว่าหลังจากที่ฆ่าซอมบี้ตัวนี้แล้ว ฮวางซางกลับยังไม่วางมือแต่อย่างใด เมื่อมองไปยังคุณป้าที่เริ่มชักกระตุก บาดแผลก็เริ่มแพร่กระจายเป็นสีดำม่วงอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าคุณป้าคนนั้นกำลังเริ่มกลายร่างเป็นผีดิบแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะใช้เหล็กงัดเสียบลงไปบนใบหน้าที่ถูกกัดฉีกไปครึ่งหนึ่งของคุณป้าคนนั้นเต็มแรง

แผละ!

หลังจากที่เสียงดังขึ้น คุณป้าคนนั้นก็หยุดชักกระตุกลงทันที มันสมองที่ปะปนกับเลือดสดๆก็ได้ทะลักออกมาจากกะโหลกที่โดนเสียบของเธอ หนำซ้ำยังไหลรินลงมาบนพื้นดินอีกด้วย

หลังจากที่ฆ่าคุณป้าที่กลายร่างเป็นผีดิบคนนั้นแล้ว ฮวางซางจึงหมุนตัวกลับมา   แล้วมองไปที่ใบหน้าที่สวยงดงามคนนั้น แต่ใบหน้าของสาวใหญ่คนนั้นกลับเต็มไปด้วยสีหน้าแห่งความหวาดกลัวและตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย ก่อนถอนหายใจออกมา

“ขอบคุณค่ะ ....ขอบคุณที่ช่วยฉัน!”

ดูเหมือนว่าสาวใหญ่คนนั้นเพิ่งจะได้สติกลับมา เมื่อมองไปยังศพที่เต็มไปด้วยเลือดและเหล็กงัดรถที่ยังคงถืออยู่ในมือของฮวางซาง ก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือออกมา

“ไม่ ฉันไม่สามารถช่วยเธอได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของสาวใหญ่ ฮวางซางก็เกิดความรู้สึกไม่รู้จะสงสารดีหรือรู้สึกผิดดีขึ้นมาอย่างฉับพลัน หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า แล้ว ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงวังเวงใจ  “เธอติดเชื้อแล้ว

“ฉันติด...ฉันติดเชื้อแล้ว?”

คำพูดของฮวางซางก็ทำให้สาวใหญ่คนนี้รู้ความจริงในที่สุด แต่ทว่าเธอกลับไม่ยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้ ดังนั้นหลังจากที่อึ้งงันไป เสียงร้องไห้ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ดังขึ้น  “ไม่ ไม่นะ ฉันจะติดเชื้อได้ยังไง ไม่ ....ไม่นะ....”

แต่ทว่าไม่ว่าสาวใหญ่คนนี้จะไม่อยากยอมรับความจริงยังไง บาดแผลที่โดนกัดที่กำลังกระจายตัวเป็นสีดำม่วงบนต้นขาของเธอก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นในชั่วพริบตาเดียวเสียงร้องไห้ของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องเรียกอย่างอาฆาต ”โง่เง่าเต่าตุ่น จ้าวซู่นายมันโง่เง่าเต่าตุ่น ปากก็บอกว่ารักฉัน แต่ทำไมไม่ดึงฉันไปด้วย นายมันโง่เง่าเต่าตุ่นจริง ๆ ฮือ ฮือ ฮือ.... ”

เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่เคยบอกว่ารักเธอคนนั้นกลับไม่ได้อยู่ปกป้องเธอในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ หนำซ้ำยังหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวอีกด้วย

ไม่อย่างนั้น เรื่องก็คงจะไม่บานปลายจนมาถึงจุด ๆนี้

ถึงจะพูดออกไปในเวลานี้มันก็ไม่มีความหมายแล้ว....

หลังจากที่ตะโกนด่าทอและกรีดร้องแล้ว สาวใหญ่คนนั้นก็เริ่มตัวสั่นขึ้นมา สีดำม่วงที่อยู่บนต้นขาของเธอก็เริ่มกระจายตัวออกไปตามเส้นเลือดน้อยใหญ่ เสียงของเธอก็ค่อยๆเลือนรางลงเรื่อย ๆ และต่ำ ลงเรื่อย ๆ......

ในที่สุดหลังจากเพียงชั่วพริบตาเดียว เสียงด่าทอของเธอก็หยุดลงทันที  เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาดวงตาที่แดงฉานทั้งสองข้างได้มองไปทางฮวางซาง ก่อนจะก็กระโดดพรวดพราดพุ่งตรงไปหาฮวางซางทันที

เพียงแต่ว่าฮวางซางไม่ได้รอให้เธอเข้ามาถึงตัวแต่อย่างใด เหล็กงัดที่อยู่ในมือของเขาก็ได้เสียบไปบนหัวของเธออย่างรุนแรง  ก่อนที่เสียงแตกอันน่าหดหู่ใจจะดังทะลุออกมาจากกะโหลกของเธอ

หลังจากนั้นร่างกายของสาวใหญ่คนนี้ก็อ่อนลง แต่ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยสีหน้าแห่งความอาฆาตแค้นและเกลียดชัง  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเกลียดคนที่เหยียบขาของเธอหรือเป็นเพราะคนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในเวลาที่สำคัญเช่นนี้กันแน่

“เฮ้อ....”

หลังจากฆ่าซอมบี้ที่กลายร่างมาจากสาวใหญ่คนนั้นแล้ว ฮวางซางก็อดที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้

ถึงแม้ว่าเขาจะมาเพื่อสังหารซอมบี้และเพื่อทำให้พละกำลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ฆ่าซอมบี้หลายตัวแล้วก็ตาม แต่ในใจของเขาในเวลานี้กลับไม่ได้รู้สึกยินดีแต่อย่างใด กลับรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาแทนราวกับหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น

เพียงแค่เรื่องเล็กๆจิ๊บจ๊อยเหล่านี้ สุดท้ายกลับก่อเกิดผู้เสียชีวิตจำนวนสี่รายอย่างคาดไม่ถึง ถ้าไม่ใช่เพราะเขามาทันเวลา แล้วจัดการซอมบี้เหล่านี้ไปก่อน คงจะมีซอมบี้และคนล้มตายเพิ่มจำนวนขึ้นไปมากกว่านี้แน่ๆ

ถ้าหากผลลัพธ์กลับเลวร้ายลงไปอีกครั้ง อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ยากจะควบคุมได้ อย่างกองทัพซอมบี้ก็เป็นได้ !

ในเวลานี้ ฮวางซางเพิ่งจะได้เข้าใจเรื่องหนึ่ง

สันดานอันเลวร้ายของมนุษย์ ภายใต้วันสิ้นโลกแบบนี้ ความหายนะที่นำมาสู่ตัวมนุษยชาติอาจจะไม่ใช่เพราะซอมบี้หรือสัตว์ประหลาดเหล่านั้น แต่มันเป็นเพราะมนุษยชาติเองต่างหาก!

ในขณะนั้น ฮวางซางที่เดิมทีคาดหวังในตัวรัฐบาลก็เกิดความคิดนี้ขึ้นมาในที่สุด

อุบัติเหตุเมื่อสักครู่ในเมือง C  รวมทั้งทั่วโลกเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพเท่านั้น การสังหารชีวิตประชาชนจำนวนมากในสถานที่ที่เขามองไม่เห็นกำลังเกิดขึ้น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้พลังของรัฐบาลก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์แบบนี้ได้ทั้งหมด

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงหวังพึ่งได้แต่ตัวเองแล้ว!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ฮวางซางก็มองไปทางสาวใหญ่ที่นอนตายตาไม่หลับคนนั้น ก่อนจะกัดฟันกรอด พร้อมกับจับเหล็กงัดรถไว้แน่น หลังจากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งตรงเข้าไปในม่านหมอกอีกครั้ง!

 

รีวิวผู้อ่าน