ตอนที่ 13 เปลี่ยนสภาพและพ้นขีดอันตราย !
“เฮ้อ……”
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ในที่สุดฮวางซางก็ลืมตาของตัวเองขึ้นมาหลังจากนั้นก็ผ่อนปรนลมหายใจออกมายาวๆ
สิ่งที่ผิดปกติก็คือ ลมหายใจครั้งนี้มันยาวนานกว่าปกติอย่างไม่คาดคิด จนกระทั่งสามารถรักษาให้คงที่ได้นานกว่าครึ่งนาทีจึงจะหมดอย่างสมบูรณ์
และในเวลาเดียวกันรอยช้ำสีม่วงดำที่ดูเหมือนกับดินเหนียวๆก็ค่อยๆแห้งแตก กลายเป็นทรายสีดำละเอียดร่วงหล่นลงไปบนพื้น
ตอนนี้บาดแผลบนตัวของฮวางซางได้สมานกันแล้ว แม้กระทั้งรอยแผลถลอกก็ไม่มีหลงเหลือ นอกจากนี้ดูเหมือนผิวหนังของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเนียนละเอียดชุ่มชื่นขึ้นด้วย เมื่อมองไปแล้วเหมือนกับหินหยกที่นุ่มนวลไร้คราบสกปรกอย่างไรอย่างนั้น
อีกทั้งสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ เดิมทีตัวเขานั้นยังเป็นคนเจ้าเนื้อและไขมันย้อยๆอยู่บ้างเล็กน้อย แต่บัดนี้หลังจากเปลี่ยนแปลงร่างทั้งร่างของเขาก็ "ผอมลง" ไปมาก ชั้นเนื้อบนร่างกายได้มลายหายไปแล้ว ก่อนแทนที่ด้วยกล้ามเนื้อที่มีพละกำลังมหาศาลทำให้ร่างทั้งร่างของเขาเหมือนกับเสือชีตาห์ตัวหนึ่งที่สามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมาได้
“นี่คือบรรลุแล้วและได้ชำระล้างแล้วใช่ไหม?”
เมื่อมองไปทางแขนทั้งสองข้างที่ชุ่มชื่นนุ่มนวลราวกับหินหยกนั้น ฮวางซางก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้แรงงานอะไรในการทำงานมาก่อน แต่มือทั้งสองข้างที่จับมีดนี้กลับยังมีหนังด้านสีขาวคล้ายรังไหมปรากฏขึ้นมาหลายปี แต่บัดนี้รังไหมด้านเหล่านั้นกลับสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดูเหมือนร่างทั้งร่างได้เปลี่ยนโฉมใหม่อย่างไรอย่างนั้น
อีกทั้งไม่เพียงแต่ภายนอกเท่านั้น ตอนนี้ฮวางซางสามารถสัมผัสอย่างชัดเจนว่าร่างกายของตัวเองได้ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษ เหมือนกับว่าได้ถูกปลดปล่อยหลังจากต้องแบกรับภาระหนักๆมาหลายปี มันรู้สึกผ่อนคลายจนหาที่เปรียบไม่ได้ คล่องแคล่วและเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปล่า
“ว้าว เหมือนกลับไปในวัยละอ่อนเลยแฮะ”
เมื่อเงยหน้าขึ้น ฮวางซางก็ได้มองตัวเองในกระจกอีกครั้ง หลังจากนั้นก็หุบยิ้มลงพร้อมกับส่ายหน้า
ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาในตอนนี้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปก็ตาม แต่ดูเหมือนว่านิสัยส่วนตัวนั้นกลับแตกต่างไป บวกกับผิวหนังที่ได้เปลี่ยนเป็นเนียนขาวละเอียดขึ้นดูเหมือนร่างทั้งร่างจะดูวัยรุ่นลงหลายปี สิ่งที่พิเศษกว่าคือหลังจากที่รูปร่างที่ดูเปลี่ยนแปลงไปและมีความเฉลียวฉลาดขึ้น อย่างน้อยการเปลี่ยนแปลงนี้ก็สามารถทำให้พวกสาวๆหวั่นไหวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เพียงแต่ว่าฮวางซางกลับไม่ได้สนใจใบหน้าของตัวเองแต่อย่างใด ตอนนี้เขาสนใจแต่กำลังอันน้อยนิดที่ได้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น
เพราะถึงอย่างไรในสงครามแห่งความเป็นความตายของสัตว์ประหลาดสีเลือดตัวนั้น ก็ทำให้เขาได้รับรู้ถึงความอ่อนแอลึกๆของตัวเองที่ก่อเกิดอันตรายไว้มากมายเพียงใด !
ในวันที่จุดจบของโลกนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ !
เมื่อคิดได้ ฮวางซางก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาในใจหรือว่าจะต้องรีบไปตามหาซอมบี้เพื่อทดสอบพละกำลังที่เปลี่ยนแปลงไป !
แต่ยังไม่ทันทีก็ฮวางซางจะเคลื่อนไหวแต่อย่างใด เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ข้างกายเขาก็ดังขึ้นมา !
“หลิวซิน?”
ในขณะที่มองไปยังชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ ฮวางซางก็เงียบลงก่อนจะกดรับมัน
“ฮ่องเต้ พี่ พี่ชายสุดที่รักของฉัน ในที่สุดก็รับสายสักที!”
ทันทีที่รับสาย หลิวซินก็รีบพูดด้วยความร้อนรนใจปนกังวลใจขึ้นมาทันที “พี่จะทำอะไรกันแน่ พี่ไม่รู้หรอกว่าฉันพล่ำโทรหาพี่หนึ่งวันเต็มๆ หนึ่งวันมานี้ฉันคิดว่าพี่คงจะโดน.....”
“หนึ่งวัน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน ฮวางซางก็อึ้งไปเลย หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่อยู่บนกำแพง ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา บ่ายสามโมงของวันที่ 19แล้ว!
นี่เขาใช้เวลาหลับตาไปเกือบ 1 วันเต็มๆเลยเหรอเนี้ย!
เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกว่าตัวเองหลับไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ!
ดูเหมือนว่าประโยคที่ว่าด้วยเรื่องการบำเพ็ญที่ไร้กาลเวลานี้จะไม่ผิดแต่อย่างใด มิน่าละคนที่บำเพ็ญตามตำนานที่เล่ากันมาเหล่านั้นถึงได้ใช้เวลาบำเพ็ญหลายสิบปี!
แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกลับไม่เรื่องนี้ สิ่งที่ฮวางซางรู้สึกประหลาดใจก็คือมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้หลิวซินตามหาตัวเองอย่างร้อนใจขนาดนี้ “ ก่อนหน้านั้นฉันลืมเอามือถือไปด้วยน่ะ พูดมา นายตามหาฉันทำไม?”
“ฮ่องเต้ ฉันจำได้ว่าบ้านของพี่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนี่?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินจึงคิดได้ถึงเรื่องนั้นพอดี หลังจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความกังวลใจ “ พี่รู้ไหมว่าโรงพยาบาลที่แรกในเมืองได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ในนั้นได้ปรากฏสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวมาก ๆขึ้นตัวหนึ่ง กองกำลังตำรวจหลายร้อยคนที่ตั้งฐานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นสังหารอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้คนที่อยู่ในโรงพยาบาลและตำรวจเหล่านั้นต่างพากันหนีตายกันเป็นจำนวนมาก ตอนนี้โรงพยาบาลทั้งหลังถูกทำลายลงแล้ว”
“สัตว์ประหลาดอะไรถึงได้เก่งขนาดนี้?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน ฮวางซางก็ตื่นตกใจไม่น้อย
ถึงแม้ว่ากองกำลังตำรวจจะไม่ได้เป็นกำลังเสริมที่แข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ถึงอย่างไรส่วนใหญ่ก็มีปืน ถึงจะเป็นสัตว์ประหลาดที่เขาประสบพบเจอก่อนหน้าก็คงจะไม่สามารถต้านทานปืนของตำรวจกว่าสองร้อยนายได้หรอก?
หรือว่า ในเมือง C จะปรากฏบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาดสีเลือดตัวนั้นอีก?
“ไม่รูเหมือนกัน ฉันเองก็แอบได้ยินข่าวนี้มาจากพ่อเหมือนกัน หลังจากได้ยินฉันก็รีบโทรหาพี่ทันทีเลย”
น้ำเสียงที่เคลือบแคลงความสงสัยก็พูดขึ้นอีก “ฉันได้ยินพ่อพูดว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูเหมือนจะตั้งใจทำโรงพยาบาลนั้นให้เป็นรังของตัวเอง เพราะมันได้ปักหลักไม่หลีกหนีไปไหน แต่บ้านพี่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลนั้นมาก ฉันคิดว่าพี่น่าจะมาที่นี่ดีกว่า อย่างน้อยก็ปลอดภัยหน่อย”
“ฉันรู้แล้ว แต่ฉันจะไปถึงช้าหน่อย”
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย ในที่สุดฮวางซางก็ตอบรับคำเชิญของหลิวซิน หลังจากนั้นก็วางสายไป
ตอนนี้เขาก็ได้กำจัดเชื้อไวรัสออกไปแล้ว ยอมไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจับไปทำการวิจัยหรือถูกตัดขาดอีก อีกทั้งบัดนี้เมือง C ก็ดูเหมือนจะมีสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ การไปหลบซ่อนตัวที่มหาวิทยาลัยป้องกันประเทศจึงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก
สิ่งสำคัญที่สุดคือการฟื้นตื่นขึ้นมาของระบบ นี่ก็ใช้เวลาไปหนึ่งวันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากสองวันนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นอีก ดังนั้นเพื่อเตรียมการป้องกัน เขาจำเป็นต้องหาสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลง !
เมื่อตัดสินใจได้ ฮวางซางจึงรีบเคลื่อนไหวทันที เขาเก็บเสื้อผ้าสองสามตัวและอุปกรณ์การผ่าตัดที่จำเป็นต้องใช้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองไปทางลิ้นครึ่งหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นอันนั้น
“เอาไปด้วยดีกว่า!”
หลังจากยืนลังเลอยู่สักพัก ฮวางซางก็หยิบถุงซิปล๊อคใบหนึ่งออกมา แล้วก็นำมาห่อหุ้มลิ้นขาดนั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะยัดมันลงในกองเสื้อผ้า
นี้เป็นลิ้นที่มาจากสัตว์ประหลาดตัวนั้น ซึ่งมันมีความสามารถในการสยบซอมบี้ทั่วไปได้ อีกทั้งยังคุ้มค่าต่อการวิจัยไม่น้อยอีกด้วย การเอาไปด้วยคงจะมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย
หลังจากที่เก็บของเหล่านี้เสร็จแล้ว ฮวางซางจึงเดินไปที่ประตูแล้วเก็บที่ตั้งป้ายวิญญาณที่อยู่บนแท่นบูชายัดใส่กระเป๋าเดินทางของตัวเอง
ถึงแม้ว่าชื่ออาจารย์ท่านนี้ ในความจริงแล้วจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ฉุดช่วยเขาออกมาจากพ่อค้ามนุษย์ก็ตาม แต่พ่อเลี้ยงคนนี้ก็ได้เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเขามาสามปี หลังจากนั้นก็ทิ้งหยกและเงินเพียงเล็กน้อยให้เขาได้เอาชีวิตรอดในโลกมนุษย์ แม้กระทั่งอะไรก็ไม่ได้สอนเขา แต่ถ้าไม่มีเขาป่านนี้ฮวางซางก็คงจะถูกตัดแขนตัดขากลายเป็นขอทานไปแล้ว แล้วเขาจะประสบความสำเร็จอย่างเช่นวันนี้ได้ยังไงละ?
ยิ่งไปกว่านั้น หยกเม็ดนั้น....
เมื่อนึกถึงก่อนที่อาจารย์จะสิ้นใจก็ได้นำหยกนี้ให้กับตัวเขาอย่างเคร่งขรึม ฮวางซางจึงอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ “ อาจารย์นะอาจารย์ ที่แท้ท่านก็มีความลับปิดบังผมนี่เอง”
แต่ไม่ว่าอาจารย์ของเขาจะเป็นคนยังไงและมีความลับอะไร แต่ทั้งหมดนี้มันก็ไม่มีความหมายอีกแล้วเมื่ออาจารย์จากไป ดังนั้นหลังจากที่ถอนหายใจแล้ว ฮวางซางก็หยิบกระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่มากนักออกจากบ้านไป
เมื่อฮวางซางเดินลงมาถึงด้านล่างและเดินมาถึงโรงจอดรถแล้ว ภาพเบื้องหน้ากลับทำให้เขาพูดไม่ออก
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เขาจอดอยู่ในโรงรถได้หายไปไม่เหลือร่องรอยแล้ว แม้กระทั้งรถ SUB ที่เพิ่งจะซื้อมาได้แค่เพียงสองสามปีเท่านั้นก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
รถของฉันถูกขโมยไปแล้ว!
“นี่มันวันสิ้นโลก…..”
เมื่อรถโดนขโมยไป ฮวางซางอดที่จะรู้สึกกังวลใจขึ้นมาไม่ได้
ดูเหมือนว่าซอมบี้ได้บุกเข้าอาละวาดและกองกำลังตำรวจได้ถูกพวกมันควบคุมไว้แล้ว ความเป็นระเบียบภายในเมืองได้พังทลายลง ตลอดจนถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอก ในที่สุดพวกเหตุการณ์หลากหลายนี้ก็ไม่อาจสกัดกั้นไว้ได้อีกต่อไป ภัยพิบัติได้มาถึงแล้ว
แต่พวกมนุษย์ก็ยังรักเงินมากกว่าชีวิตของตัวเองหรือว่าพวกเขาไม่กลัวที่จะเจอกับซอมบี้เหรอ?
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ฮวางซางก็ส่ายหน้า หลังจากนั้นก็ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นมาก่อนจะเดินทางตรงไปยังทิศทางของกองกำลังป้องกันประเทศทันที
สถานการณ์ในปัจจุบันไม่สามารถใช้รถได้ แต่ยังดีที่ระยะทางจากนี้ไปถึงกองกำลังป้องกันประเทศยังไม่ถือว่าไกลมากนัก ถ้าเดินไปก็ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
กึก!
แต่ทว่าหลังจากที่ฮวางซางเพิ่งจะออกจากบ้านได้ไม่ไกลนัก รถจี๊ปที่เปื้อนไปด้วยโคลนจนลายตาคันหนึ่งได้ออกมาจากม่านหมอก หลังจากนั้นก็เลี้ยวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
บนรถจี๊ปคันนี้มีคนอยู่ทั้งหมดสามคน เมื่อเห็นท่าทางดุร้ายราวกับผีห่าซาตานของพวกเขาและรถจี๊ปที่มาพร้อมกับสีที่เหมือนกับสีผมของพวกเขา ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรนัก
หลังจากหยุดรถขวางฮวางซางแล้ว ชายหัวล้านที่ถือมีดสับอยู่ในมือก็ได้กระโดดลงมาจากรถจี๊ป หลังจากนั้นก็เล็งไปที่ฮวางซางทันที ก่อนจะแสยะยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับคนย้ายบ้าน พอดีเลย ข้าจะช่วยเจ้ารับภาระเอง ทิ้งของบางส่วนไว้ที่นี้แล้วไสหัวไปซะ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าหนุ่มหัวล้านก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมาทันใด “ ถ้านายไม่ไปดีๆละก็ ข้าคงต้องทำได้เพียงให้นายกระอักเลือดแล้วละ!”
พวกเขาสองสามคนนี้เดิมที่เป็นอันธพาลที่อยู่แถวนี้ ปกติแล้วจะออกปล้นและชิงทรัพย์เป็นจำนวนมาก ตอนนี้โรงพยาบาลนั้นก็ถูกสัตว์ประหลาดโจมตีแล้ว คนที่อยู่แถวนี้จำนวนมากต่างก็พากันเก็บข้าวของย้ายบ้านกันจ้าละหวั่นเพื่อหลีกหนีเหตุการณ์อันเลวร้าย ซึ่งพวกเขาก็ถือโอกาสนี้ก่อเหตุปล้น
ถึงอย่างไรคนที่ย้ายบ้านเหล่านี้ก็มักจะนำข้าวของเงินทองไปด้วย คนที่ก่อเหตุปล้นเหล่านี้จึงมักได้ผลประโยชน์มากกว่าเมื่อก่อน บวกกับการรักษาความปลอดภัยในเมือง C ตอนนี้ก็วุ่นวายมาก การปล้นไปทั่วทุกหนทุกแห่งหรือแม่กระทั้งฆ่าคน แล้วไหนจะการปรากฏตัวของซอมบี้อีก พวกเขาจึงย่อมทำการปล้นได้ตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด
เรื่องที่ว่าจะเจอซอมบี้หรือไม่ ตอนที่จำนวนซอมบี้ยังมีไม่มากนัก อีกทั้งพวกเขาก็มีรถอีกด้วย ถ้าหากเจอพวกเขาก็คงหนีได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่หลิว ก็โหดร้ายกันเกินไป ไอ้ไก่อ่อนนั้นมันไม่กลัวจนฉี่ราดแล้วเหรอ?”
“ใช่ พี่ดูเขาสิ ยังกะตาทึ่มโง่จริงๆ”
“น่าเสียดายที่ไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวน้อย ไม่งั้นคงฟินไปละ เหมือนกับคนก่อนหน้านั้นไง...”
และในเวลาเดียวกัน เมื่อได้ยินชายฉกรรจ์หัวล้านคนนั้นพูดขึ้น สองคนที่นั่งอยู่บนรถก็ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาท่าทางเหมือนกับคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น
“เหอะ เหอะ...”
แต่ก็นะ พวกนี้คิดว่าฮวางซางถูกพวกเขาขู่จนกลัวหัวหดไปแล้ว ฮวางซางกลับมองไปทางหนุ่มหัวล้านคนนั้นรวมถึงกวาดสายตาไปบนรถจี๊ปคันนั้นด้วย หลังจากนั้นจึงได้แสยะยิ้มออกมา
“ถูกขู่จนโง่ไปแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นฮวางซางยิ้มออกมาอย่างคาดไม่ถึง หนุ่มหัวล้านคนนั้นก็ตกตะลึงหลังจากนั้นก็หัวเราะอย่างดุร้ายออกมา “อย่าคิดว่าจะทำเป็นแกล้งโง่...”
ผัวะ!
แต่ทว่ายังไม่ทันที่หนุ่มหัวล้านจะพูดจบ ฮวางซางก็กระโดดไปด้านหน้า หลังจากนั้นก็ถีบใส่ท้องของหนุ่มหัวล้านคนนั้นอย่างสะใจ
พริบตาเดียว เสียงกระแทกอันน่าหดหู่ใจก็ดังขึ้นมาจากใบหน้าอัปลักษณ์ที่ดูโหดร้ายนั้น ดูเหมือนว่าหนุ่มหัวล้านคนนั้นที่น้ำหนักราวๆสองร้อยกิโลนั้นได้ถูกฮวางซางเตะใส่จนปลิวละลิ่วไปด้านหลังและลอยเคว้งอยู่ในอากาศ ก่อนจะล้มลงไปบนพื้นอย่างแรงในระยะทางหลายเมตรพร้อมกับอ้วกออกมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในอ้วกนั้นก็ยังปะปนไปด้วยเลือดอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
“แม่งเอ๊ย...”
เมื่อเห็นฮวางซางทำร้ายหนุ่มหัวล้านคนนั้น อีกสามคนที่ิอยู่บนรถก็ทั้งกลัวทั้งโกรธ ก่อนจะหยิบมีดโลหะขึ้นมาไว้ในมือเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่ฮวางซาง
พละกำลังหลังจากที่ฮวางซางเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วของเขามีไว้รับมือกับอันธพาลแถวนี้อย่างนั้นเหรอ!
ยังไม่ทันรอให้พวกเขาได้ลงจากรถ ฮวางซางก็ถือโอกาสนี้พุ่งพรวดไปข้างหน้า แล้วขึ้นไปเหยียบกระโปรงหน้ารถก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกเขา โดยการใช้เท้าข้างหนึ่งเตะใส่คนผมเหลืองที่ได้ยืนขึ้นแล้วคนหนึ่ง หลังจากนั้นก็ใช้มือขวาจับไปที่อันธพาลตรงคนขับแล้วโยนลงไป
ผัวะ!
พริบตาเดียว อันธพาลเหล่านี้ก็ได้ถูกฮวางซางโยนทิ้งลงไปจากรถ จนลอยละลิ่วไปไกลกวาร้อยเมตร สุดท้ายก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงอู้อี้ๆดังขึ้น
แต่ชั่วพริบตาเดียวหลังจากที่ตัดสินใจจัดการอันธพาลทั้งสามคนแล้ว ฮวางซางจึงได้นำกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือซ้ายขึ้นไปวางบนรถ หลังจากนั้นก็เหยียบคันเร่งรถจี๊ปคันนั้นแล้วทิ้งอันธพาลที่ถูกฮวางซางจัดการที่ดูเหมือนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ที่กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดไว้
วุ่นวาย แต่ก็ยังมีข้อดีในความวุ่นวาย!