px

เรื่อง :
ตอนที่ 14 กองกำลังทหารและข่าว!


ตอนที่ 14 กองกำลังทหารและข่าว!

 

หลังจากแย่งรถจี๊ป ของอันธพาลสามคนนั้นมาได้ ฮวางซางจึงขับตรงไปยังมหาวิทยาลัยกองกำลังป้องกันประเทศโดยตรง

เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวาน ระดับความวุ่นวายในเมือง C ในตอนนี้นั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีกขั้น แม้กระทั่งการก่อเหตุการณ์จลาจลที่เพิ่มขึ้นมาจากความวุ่นวาย

ตลอดเส้นทางมีร้านค้าที่ถูกยื้อแย่งสิ่งของ เหตุการณ์การต่อสู้ที่เลวร้ายก็ได้เกิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ประตูได้ถูกเปิดออกทุกหนทุกแห่ง ร้านค้าแต่ละแห่งยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ มีแม้กระทั่งรอยเปื้อนของคราบเลือดเป็นจำนวนมาก บางครั้งก็เห็นซากศพหลายคนซ่อนอยู่ในมุมถนน นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีอาคารและรถที่ถูกไฟเผาไหม้จนคาดไม่ถึง อีกทั้งยังไม่มีใครมาช่วยดับไฟอีกด้วยดูแล้วเหมือนเป็นสงครามที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือความวุ่นวายในตอนนี้ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งความสามารถของความวุ่นว่ายนี้ทำให้ซอมบี้ที่อยู่บนท้องถนนได้เริ่มเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่ขาดสาย เพียงแค่ว่าเนื่องจากการก่อตัวของม่านหมอกที่ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่จึงทำให้ผู้คนไม่ได้สังเกตเห็นมันก็เท่านั้นเอง

แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ความพังพินาศย่อยยับของเมือง C ก็คงจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วนี้!

น้ำมือแห่งความชั่วร้ายของมนุษยชาติ กำลังนำพาตัวเองไปสู่ความหายนะที่ละขั้นๆ

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์อันวุ่นวายแบบนี้ ฮวางซางที่มีพละกำลังเหนือกว่าคนทั่วไปก็จนปัญญา คงทำได้เพียงมุ่งหน้าต่อไปยังกองกำลังป้องกันประเทศนั้นแหละ

ปังปังปังปังปัง!

แต่ทว่าในขณะที่ฮวางซางกำลังมุ่งหน้าไปยังกองกำลังป้องกันประเทศอยู่นั้น เสียงปืนก็ดังระนาวราวกับลูกโซ่กลับดังแผ่ขยายมาจากที่ไกลๆ สร้างความตกใจให้กับฮวางซางเล็กน้อย

 ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตำรวจอาชญากรรมนั้นไม่เลวเลย แล้วก็ยังเคยใช้ความสัมพันธ์นี้ยืมปืนมาเล่นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเสียงปืนชนิดพิเศษที่ดังขึ้นมานี้ไม่ได้มาจากปืนกระบอกเล็กของกองกำลังตำรวจเหล่านั้นอย่างแน่นอน แต่มันเป็นปืนอันทรงพลังขนาดใหญ่ของกองกำลังทหารต่างหาก!

นี่เป็นอาวุธของกองกำลังทหาร!

“กองกำลังทหารเข้ามาในเมืองแล้วเหรอ?”

เสียงชนิดพิเศษของปืนทหารนั้นทำให้ฮวางซางรู้กระปรี้กระเป่าขึ้นมา ภายใต้สถานการณ์แบบนี้บางทีอาจจะมีเพียงกองทหารเท่านั้นที่จะทำให้สถานการณ์มั่งคงขึ้นมาใหม่และรักษาพลังประเทศชาติให้กับเมือง C อีกครั้ง

เมื่อคิดได้ตรงนี้ฮวางซางก็ขับตรงไปทางเสียงปืนที่ดังแผ่ขยายออกมาด้วยความรวดเร็ว

ไม่นาน เสียงปืนที่ดังไปทุกหนทุกแห่งก็ดังชัดเจนมายิ่งขึ้น หลังจากที่ทหารที่ติดอาวุธครบมือค่อยๆปรากฏตัวในม่านหมอก ตามมาด้วยรถหุ้มเกราะอีกหลายคันได้กระจัดกระจายไปทั้งสองข้างทางของถนน สุดท้ายก็ได้เข้าครอบครองถนนสายนี้ไว้ทั้งสาย

และในเวลาเดียวกัน ภายในรถหุ้มเกราะยังมีการติดตั้งแตรเพื่อไว้ส่งเสียงเตือนอีกด้วย

“พวกเราเป็นทหารปลดปล่อยประชาชนของเทียนฉาว จากคำแนะนำของผู้บังคับบัญชา ตอนนี้เมือง C ได้เริ่มปฏิบัติการควบคุมโดยทหารแล้ว ปฏิบัติการเคอร์ฟิวและปิดกั้นถนน ขอให้ทุกคนเชื่อฟังทหารแล้วรีบกลับไปอยู่ในบ้านของตัวเอง ห้ามออกมาเพ่นพ่านบนถนนเป็นเวลาชั่วคราว!”

“หากมีผู้ใดฝ่าฝืน พวกเราจะปฏิบัติตามข้อบังคับฉุกเฉินในช่วงเวลาสงครามอย่างเคร่งครัด คนที่ประพฤติผิดในสถานการณ์เช่นนี้ฆ่าทิ้งได้ทันที!”

หลังจากที่กองทหารปรากฏตัวรวมไปถึงรถหุ้มเกราะที่ค่อยส่งเสียงเตือน

 กองทหารเป็นเหมือนคมมีดของประเทศ พวกเขาเป็นผู้มีอำนาจที่อยู่ในใจของประชาชาวราษฎร์ที่กองกำลังตำรวจไม่สามารถเปรียบเทียบได้

อันธพาลเหล่านั้นไม่กลัวตำรวจแต่กลับไม่กล้าที่จะไม่เคารพกองทหาร!

“ไม่ถูกต้องสิ....”

แต่ทว่าในขณะที่กำลังมองไปทางถนนที่เริ่มถูกปิดกั้นอยู่นั้น ทหารที่รักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมก็ทำให้ฮวางซางแปลกใจและเยือกเย็นก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นมา

ร่างกายของทหารเหล่านี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่พละกำลังของพวกเขาดูเหมือนจะน้อยลงกว่ามาก  อีกทั้งก็ยังมีเพียงรถหุ้มเกราะเป็นกำลังเสริม แม้กระทั่งในมือของพวกทหารก็มีเพียงแค่ปืนยาวและปืนยิงเร็วไม่มากอีกด้วย พวกปืนจรวดและรถถังเพื่อเตรียมไว้สำหรับระเบิดโจมตีนั้นกลับไม่เห็นเลย!

สำหรับทหารราบที่ติดอาวุธแบบสมบูรณ์ของเมืองเทียนฉาวแล้วนี่ดูไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง!

 “ช่างเถอะ ไหนๆก็ใกล้ถึงมหาวิทยาลัยกองกำลังป้องกันประเทศแล้ว ถึงตอนนั้นก็ถามหลิวซินก็รู้เรื่องแล้ว”

หลังจากนั้นเพียงชั่วพริบตา ฮวางซางก็ส่ายหน้าแล้วเดินทางต่อ พร้อมกับส่งข้อความไปหาหลิว

ซินเพื่อบอกว่าตัวเองนั้นใกล้จะถึงแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในที่สุดเขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยกองกำลังป้อนกันประเทศจนได้

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกลาโหมป้องกันประเทศแห่งชาติในตอนนี้ได้ทำการบังคับใช้เคอร์ฟิวแล้ว ไม่เพียงแต่ประตูโลหะที่หนาเตอะก็ได้ปิดลงอย่างแน่นหนาแล้ว อีกทั้งด้านหน้าของประตูใหญ่ได้มีการจัดตั้งสิ่งกีดขวางมากมายไว้ แม้กระทั่งได้ทำการสร้างป้อมปราการขึ้นมาอีก 2 หลังอีกด้วย บนป้อมปราการและด้านหลังสิ่งกีดขวางนั้นก็มีกลุ่มทหารที่มีอาวุธครบมือยืนประจำการอยู่ รับประกันได้ว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยกว่านอกประตูใหญ่อย่างแน่นอน

“คนมาเยือนโปรดหยุด เราได้ทำการควบคุมด้านหน้าไว้หมดแล้ว !”

เมื่อเห็นฮวางซางขับรถจี๊ป ลายตาพุ่งเข้ามา ทหารที่อยู่บนป้อมปราการและหลังสิ่งกีดขวางก็รีบยกปีนยาวและปืนยิงเร็วขึ้นมาทันที แล้วเล็งเป้าไปที่ฮวางซาง หนึ่งในนั้นได้ส่งเสียงตะโกนออกไปว่า ”โปรดให้ความร่วมมือ ไม่อย่างนั้นจะใช้ข้อบังคับฉุกเฉิน พวกเราสามารถใช้ปืนได้ทุกเมื่อ

 “เดี๋ยวก่อน!”

ยังดีที่หลิวซินมาทันเวลา เขาวิ่งเหยาะๆออกมาจากประตูด้านข้าง จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษที่มีตราประทับและส่งให้ทหาร แล้วพูดขึ้นว่า “เขาเป็นเพื่อของผม มีใบผ่านทางด้วย”

 “ครับ!”

เมื่อเห็นตราประทับละลายเซ็นบนกระดาดแผ่นนั้น สีหน้าของทหารก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที แล้วพยักหน้าพร้อมพูดขึ้นว่า “แต่คุณก็รู้กฎเกณฑ์ดีนะครับ รถภายนอกห้ามเข้า อีกอย่างจะต้องผ่านการตรวจสอบด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ติดเชื้อจึงจะเข้าไปด้านในได้”

 “เรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้ว วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นหรอก”

หลิวซินยิ้มกว้างออกมา หลังจากนั้นก็กวักมือไปทางฮวางซางก่อนเรียกว่า “ฮ่องเต้ มาเถอะ ทิ้งรถไว้ตรงนี้ก่อน มีคนช่วยจัดการให้พี่อยู่แล้ว”

 “โอเค”

ความจริงรถจี๊ปนี้ไม่ใช่ของฮวางซางอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซินเขาก็ยิ้มออกมาบางๆ หลังจากนั้นก็หยิบกระเป๋าเดินทางลงจากรถก่อนมุ่งตรงไปยังด้านหน้าของหลิวซิน

“สุดยอด พี่ฮวางซาง พี่ไปทำศัลยกรรมหรือไปขัดผิวมาเนี่ย?”

 เมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ หลิวซินมองไปยังฮวางซางที่ดูเหมือนจะผอมลง อีกทั้งผิวหนังที่เคยเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขานั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนจนหลิวซินนิ่งอึ้งไป

“พูดเว่อร์ เกินไปแล้วฉันเป็นแบบนี้ก็ปกติอยู่แล้วเพียงแค่นายไม่ตั้งใจสังเกตฉันเท่านั้นแหละ....”

ฮวางซางไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง จึงทำได้เพียงพูดอย่างคลุมเครือออกไป หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนหัวข้อ “ จริงสิ ตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงฉันเห็นกำลังทหารบางส่วนได้เคลียถนนไว้แล้วและรักษาความสงบของสังคม นายรู้เรื่องนี้ไหม? “

“ผมเองก็เพิ่งรู้ครับ”

หลิวซินพยักหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาบนใบหน้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เพราะเหตุการณ์ในตอนนี้ของเมือง C ได้วุ่นวายขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งซอมบี้ที่เดินไปเดินมาได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่มีวิธีอื่นนอกจากส่งคนที่แข็งแกร่งและมีพละกำลังออกไปก่อน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้หลิวซินก็อดที่จะถอนหายใจยาวๆออกมาไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แค่กำลังทหารที่เคลื่อนไหวอยู่ในเมือง C ก็มีสามกลุ่มแล้ว อีกทั้งยังมีกองกำลังเสริมอีกสองกลุ่มอีกด้วย พึ่งพาพวกเขา....เกรงว่าจะกั้นไว้ไม่อยู่นะสิ”

“กั้นไม่อยู่ก็ต้องกั้น ไม่งั้นเมือง C จบเห่แน่”

ในที่สุดฮวางซางก็เข้าใจว่าทำไมกองทหารเหล่านั้นถึงได้ผิดปกติไปเพราะว่าเดิมทีพวกเขาคือกองกำลังเสริม เมื่อคิดได้ตรงนี้ เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “กองกำลังเสริมอีกนานแค่ไหนกว่าจะมาถึง? “

“เดิมทีมณฑลหูหนานของพวกเราไม่ได้มีกองกำลังเสริมอะไรเลย นอกจากสามกลุ่มที่อยู่ในเมืองCเหล่านี้ ก็เหลือเพียงแค่กองกำลังเสริมและกองทหารที่อยู่ในบริเวณเมืองบางส่วน รวมถึงกองพลทหารอากาศเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้ตกไปอยู่ในปฏิบัติการรักษาความสงบของสังคมภายในเมืองของตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่จะมาสนับสนุนเราได้”

หลิวซินส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า “ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็ทำได้เพียงคาดหวังกับกองกำลังสนับสนุนในเมืองแล้ว แต่เนื่องจากม่านหมอกที่ปกคลุมไปทั่ว แล้วยังมีเหตุผลอื่นๆอีกบางส่วน ต่อให้พวกเขานั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงมาก็ตาม เร็วที่สุดก็คงจะถึงคืนพรุ่งนี้อยู่ดี”

เขตสงครามทางตอนใต้ของเทียนฉาวได้ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนาน กองบัญชาการเขตสงครามทางตอนใต้ได้ตั้งอยู่ด้านข้างเมืองหยาง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์นี้ ถ้าต้องการกำลังทหารจากฝั่งนั้นอย่างเร็วสุดก็ยังต้องใช้เวลา 1- 2 วันจึงจะมาถึงที่นี่

“หวังว่าถึงตอนนั้นจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้นะ”

เมื่อรู้ว่ากำลังทหารหลักต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันจึงจะมาถึง ฮวางซางจึงเกิดความรู้สึกหนักหน่วงเพิ่มขึ้นมาในจิตใจ ถึงอย่างไรการยืดเวลาออกไปนานมากเท่าไหร่ สถานการณ์ในเมือง C ก็ยิ่งแย่ลงมากขึ้นเท่านั้น

ฮวางซางคุยไปพร้อมกับเข้ารับการตรวจสอบที่อยู่นอกประตูไปด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีท่าทีว่าจะติดเชื้อหรือมีร่องรอยของบาดแผล ในที่สุดฮวางซางก็ได้เข้ามาในสถานที่ของกองกำลังที่เลื่องชื่อลือช้าในด้านการทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ในตอนนี้ตกอยู่สถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อให้อยู่ในเขตมหาวิทยาลัยก็ไม่สามารถออกมาเดินเล่นได้ ดังนั้นฮวางซางจึงตามหลิวซินไปที่บ้านของพ่อแม่ของหลิวซินไปก่อน หลังจากนั้นก็พักในห้องที่หลิวซินเตรียมไว้ให้

สำหรับพ่อแม่ของหลิวซินนั้นเนื่องจากเรื่องซอมบี้ในเวลานี้จึงทำให้ท่านทั้งสองนั้นยุ่งจนไม่หยุดพัก จึงไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับบ้าน จึงไม่สามารถมากล่าวทักทายฮวางซางได้

หลังจากพูดคุยกันสักพักแล้ว หลิวซินก็กลับไปเล่นเกมที่ห้องของตัวเอง ในที่สุดฮวางซางก็ได้มีเวลาเป็นส่วนตัวที่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงเรื่องสัตว์ประหลาดสีเลือดน่ากลัวตัวนั้น รวมถึงการดำรงอยู่ของสิ่งลึกลับที่ทำลายล้างโรงพยาบาลแห่งนั้น  แล้วก็ยังมีการฟื้นคืนของระบบในช่วงเวลานี้อีก ในใจของฮวางซางเหมือนกับถูกหินก้อนหนึ่งกดทับเอาไว้ ทำยังไงเขาก็ไม่มีทางผ่อนคลายลงสักนิดเลย

ดังนั้น สุดท้ายเขาจึงพักผ่อนด้วยความอ่อนเพลียและตรงไปเปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในห้องแทน

ในเมื่อระบบได้บอกไว้ว่าจุดจบของโลกได้มาถึงตัวมนุษยชาติแล้ว ความเลื่อมใสศรัทธา ความหวาดกลัวและความเพ้อฝันต่างเป็นความจริงทั้งหมด งั้นเขาจึงถือโอกาสในตอนนี้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องบางส่วนให้ได้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับสิ่งนั้นโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย

แต่ก่อนหน้านั้น ฮวางซางได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดจบของโลกมาบางส่วนแล้ว รวมถึงเรื่องซอมบี้และเรื่องราวในม่านหมอก

ตามการรายงานข่าวตอนนี้เชื้อไวรัสซอมบี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกและสถานการณ์การแพร่เชื้อก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แต่ยังมีความโชคดีอยู่เพียงสิ่งเดียวคือ การกลายพันธุ์ในช่วงแรกเริ่มของซอมบี้นั้นจะมีผลกับร่างกายของคนตายเท่านั้น ดังนั้นซอมบี้ที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงแรกๆจึงยังคงมีจำนวนไม่มากนัก บวกกับอิทธิพลของหนังและเกมในหลายปีมานี้ ผู้คนจึงมีประสบการณ์ในการต่อกรกับซอมบี้อยู่บ้าง  ดังนั้นภายใต้การนำพาของรัฐบาลแต่ละประเทศจึงไม่ได้ถึงกับตกอยู่สถานการณ์พังทลายไปทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้นคือคนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกามีอาวุธอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งเป็นประเทศที่มีประชากรที่หน้าแน่นน้อยกว่า จึงทำให้ควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสของซอมบี้ได้

มีเพียงปืนเท่านั้นที่จะเป็นประโยชน์ได้มากที่สุด เมื่อวันสิ้นสุดของโลกมาถึง ม่านหมอกหนาทึบที่แผ่คลุมไปทั่ว จำนวนการใช้ปืนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเฉลี่ยต่อคน อีกทั้งความสงบเรียบร้อยของสังคมของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ตกอยู่ภายใต้ความวุ่นวาย ภายในประเทศ ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจากการใช้ปืนของพวกเขา หลังจากนั้นก็กลายร่างเป็นซอมบี้ ส่งผลให้สถานการณ์ที่เดิมทีสามารถควบคุมไว้ได้แล้วพังทลายลงอีกครั้ง!

สรุปก็คือสถานการณ์ทั่วโลกในตอนนี้ไม่อาจมีความสุขสมรื่นรมย์ได้!

แต่ตอนที่ฮวางซางได้อ่านข่าวเหล่านี้นั้น โพสต์ที่อยู่ในการอภิปรายข่าวบางส่วนนั้นกลับดึงดูดความสนใจของเขา

ม่านหมอกและซอมบี้คือการเริ่มต้น อันตรายที่แท้จริงมันได้มาถึงแล้ว!

เมื่อเห็นหัวข้อโพสต์นี้ฮวางซางก็เกิดความรู้สึกแข็งทื่อในใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบกดเปิดโพสต์นั้นเพื่ออ่านทันที

เป็นดังเช่นที่เขาคาดเดาไว้จริง ๆ ในโพสต์นี้ได้บอกถึงเนื้อหาทั้งหมดที่แทบจะเหมือนกับข้อมูลที่ระบบได้บอกเขาอย่างคาดไม่ถึง แม้กระทั่งต่อไปอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดอื่นๆก็มีพูดเอาไว้ทั้งหมดด้วย

เพียงแค่โพสต์นี้ออกมา ความเชื่อของคนเหล่านั้นกลับมีน้อยมาก มีเพียงคนที่โง่บางส่วนเท่านั้นที่ตอบกลับโพสต์นี้ แม้แต่โพสต์ด่าทอเลยก็มี

สำหรับการเยาะเย้ยหรือด่าทอของคนเหล่านี้ คนเจ้าของโพสต์นั้นก็ไม่ได้โต้กลับแต่อย่างใด หวังว่าแค่เพียงให้ทุกคนจะเชื่อทุกอย่างที่เขาบอก ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้บอกกับทุกคนว่าถ้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ งั้นความเป็นไปได้ที่สุดคือสัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาตามระดับที่ผู้คนจะรับได้ สัตว์ประหลาดในระดับของการรับได้ของทุกคนนั้นไม่กี่สัดส่วนก็ถือว่าสูงมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้ทุกคนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่เป็นที่นิยมเหล่านั้น ไม่ก็ข้อมูลในเรื่องเล่าต่างๆให้มากที่สุด จะได้เตรียมการรับมือในช่วงเวลาที่ต้องการ

หลังจากนั้น เจ้าของโพสต์นี้ก็ไม่ได้ตอบกลับมาอีก

 “ทำไมคนๆนี้ถึงได้รู้เรื่องเหล่านี้ละ?”

เมื่ออ่านโพสต์นี้จบ ฮวางซางก็ตกอยู่ในภวังค์ทันที

เข้าตระหนักได้ถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง

นอกจากหยกเม็ดนี้ที่เขามีทั้งหมดแล้วยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการสืบทอดสิ่งของแบบอื่นๆบนโลกใบนี้อีกด้วย!

รีวิวผู้อ่าน