ตอนที่ 29 สงครามเลือดและการสังหารหมู่!
“ฆ่ามัน!”
เมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่วิ่งพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ฮวางซางจึงรู้สึกแข็งทื่อในจิตใจขึ้นมาทันที ก่อนจะกัดฟันกรอด แล้วกวัดแกว่งขวานที่อยู่ในมือไปยังด้านหน้าสุด หลังจากนั้นก็กระโดดไปด้านหน้า แล้วผ่าไปยังสุนัขที่พยายามพุ่งเข้ามาตัวนั้นอย่างโหดเหี้ยม
ถ้าหากอยู่ด้านหน้า เขากลัวว่าเขาคงทำได้มากที่สุดแค่คิดหาวิธีปกป้องหลิวซินเท่านั้น ถึงอย่าไงเขาก็ไม่เคยลืมว่า ตอนที่อยู่ในกองบัญชาการ คนเหล่านี้คิดอย่างจะบีบบังคับเขาออกไปตาย
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว!
ตอนนี้เขาลงมือไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้ แต่เป็นเพราะเซรุ่มที่อยู่ในมือของคนเหล่านี้ต่างหาก และก็เพื่อปกป้องอนาคตของมุนษยชาติด้วย!
ขนาดคนที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้ยังเลือกที่จะต่อสู้เพื่อเซรุ่มเลย แล้วเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องถอยละ?
กรอบ!
ถึงม้าว่าสุนัขกลายพันธุ์นี้จะเร็วมากก็ตาม แต่พละกำลังของมันกลับสูงกว่าซอมบี้ทั่วไปขั้นหนึ่งเท่านั้นเอง อีกทั้งพลังการป้องกันก็ยังไม่แข็งแกร่งอีกด้วย แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความเร็วเท่าพวกมันกลับกลายเป็นพญายมที่น่ากลัวของทุกคนแทน แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับฮวางซางที่มีความสามารถในการตอบสนองที่ที่ค่อนข้างดีและเร็วเหนือมนุษย์ทั่วไปนั้น สุนัขเหล่านี้ก็ถือว่าค่อนข้างอ่อนแอกว่าอยู่
พริบตาเดียว แสงจ้าในความหนาวของคืนเดือนมืด สุนัขยักษ์ได้พุ่งลอยตัวขึ้นมาอากาศแต่ยังไม่ทันที่จะถึงตัวของฮวางซาง ก็ถูกฮวางซางสับเข้าไปบนหัวอย่างแรง
หลังจากนั้น ภายใต้การเคลื่อนไหวพลังมหาศาลอันน่ากลัวของฮวางซาง ปลายแหลมคมของขวานนั้น สับไปบนหัวกะโหลกของเจ้าสุนัขยักษ์โดยตรงราวกับหั่นชีสอย่างสบายๆอย่างไรอย่างนั้น ในจังหวะนั้นเอง เสียงฉีกขาดของชิ้นเนื้อก็ดังขึ้น ตัวของเจ้าสุนัขยักษ์ตัวนั้นแยกออกกลายเป็นสองท่อน แล้วล้อมลงไปกองกับพื้นอย่างแรง
เลือดจำนวนมาก ที่ปะปนไปด้วยสิ่งสงปรกและมันสมอง ได้สาดกระเซ็นออกมาจากซากที่ขาดเป็นสองท่อนของเจ้าสุนัขยักษ์ตัวนั้น นองเต็มพื้น แม้กระทั่งยังกระเด็นมาบนตัวของฮวางซางไม่น้อยอีกด้วย ในเวลาเดียวกัน กลิ่นเลือดและกลิ่นเหม็นคาวก็ได้ส่งกลิ่นกระจายออกไปทั่ว
ถ้าเป็นคนทั่วไป เมื่อเห็นเลือดที่ย้อมบนตัวเป็นจำนวนมากแบบนี้จะทำให้เกิดความกระอักกระอ่วมและความตกใจอย่างมาก แต่ในฐานะที่ฮวางซางเป็นหมอนิติเวช ย่อมคุ้นชินกับเลือดสด อีกทั้งยังเคยสังหารซอมบี้มามากกว่า 10 ตัวแล้วแบบนี้ จึงย่อมคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นในตอนที่จะใช้ขวานสับไปบนหัวของสุนัขตัวนั้น เขาจึงเตะสุนัขอีกตัวที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ปัง!ปัง !
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ฮวางซางเตะสุนัขยักษ์ตัวนั้นจนลอยละลิ่วไป เสียงปืนสองนัดก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน จากนั้นสุนัขยักษ์ที่ฮวางซางเตะออกไป รวมถึงสุนัขอีกตัวที่พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง เพื่อซุ่มโจมตีฮวางซาง บนหัวของมันได้ปรากฏรอยรู้จากระสุนคล้ายรูปดอกไม้สีเลือดบนหัวรูปหนึ่ง ก่อจะล้มลงไปกองกับพื้น ชักกระตุกเพียง 2 ที แล้วก็แน่นิ่งไป
“สวยงามมาก!”
เมื่อเห็นหลิวซินจัดการสุนัขยักษ์สองตัวนั้นด้วยปืนเพียง 2 นัด แววตาของฮวางซางก็เปล่งประกายออกมาทันที
ทักษะการยิงปืนของหลิวซินถือว่าไม่เลวเลย หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์ฟื้นตื่นขึ้นมา สมรรถภาพร่างกายของเขาและความสามารถในการตอบสนองก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทักษะการยิงปืนก็เหมือนกับน้ำขึ้น เรือย่อมลอยสูงกว่า ย่อมตอบสนองได้เพียงพอกับความเร็วของสุนัขยักษ์เหล่านี้
ตึงตึงตึงตึงตึงตึง!
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฮวางซางและหลิวซินเริ่มลงมือ หลิวชิง รวมถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยข้างกายเขาอีก 2-3 คนก็ทยอยกันเล็งปากกระบอกปืนไปทางสุนัขยักษ์เหล่านั้น แล้วยิงออกไป
ในกลุ่มคนเหล่านั้น นอกจากหลิวชิงที่ถือปืนพกแล้ว หน่วยรักษาความปลอดภัยคนอื่นๆก็ยังถือปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่น 95 อีกด้วย พลานุภาพของมันพอๆกับแผ่นเหล็ก 8 มิลลิเมตรที่โจมตีมาในระยะ 100 เมตร ดังนั้นในเวลานั้นลูกกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับตาข่ายไฟอันน่ากลัวได้ยิงกราดออกไป พุ่งตรงไปครอบคลุมสุนัขยักษ์เหล่านั้น
ตึงตึงตึงตึงตึงตึง!
ถึงอย่างไรร่างกายของสุนัขยักษ์เหล่านั้นก็ไม่ได้เร็วไปกว่ากระสุนแต่อย่างใด ดังนั้นไม่นานสุนัขยักษ์ 3 – 4 ตัวที่ถูกห่ากระสุนนั้นจนปกคลุมไปทั่วทั้งตัว ก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาราวกับโดนตะแกรงไฟอย่างไรอย่างนั้นก็ดังขึ้นมา เลือดสดระเบิดออกไปทั่วทั้งตัว ก่อนจะจะล้มลงไปกองกับพื้น
ในเวลานั้น สุนัขยักษ์7-8ตัวของสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวตัวนั้นแทบจะสูญสิ้นไปเกือบหมด
ไม่เพียงเช่นนี้ หลังจากที่ยิงสุนัขยักษ์หลายตัวแล้ว หน่วยรักษาความปลอดภัยหลายคนก็ทยอยเล็งปากกระบอกปืนไปที่สัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวยักษ์ใหญ่ตัวนั้น และยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้น รูกระสุนหลายดอกนั้นก็กระจัดกระจายไปทั่วร่างของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น
สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวยิ่งกว่าก็คือ การป้องกันการรุกรานของสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวนั้นสร้างควาตกใจอย่างถึงขีดสุด เนื้องอกหนาๆเหล่านั้นบนร่างกายของเขาเหมือนกับเสื้อเกราะกันกระสุนหนาๆตัวหนึ่ง เมื่อยิงกระสุนเหล่านั้นออกไปสร้างได้เพียงแค่ทะลุผ่านชิ้นเนื้อเข้าไป หลังจากนั้นก็ฝังอยู่ในร่างกายของเขา จึงสร้างได้เพียงภัยคุกคามเล็กๆให้กับเขา
อีกทั้งสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความเจ็บปวดของกระสุนที่ฝังเข้าในร่างกายเหล่านี้ จึงทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“อ่ากกกกกกกกก!”
ในเวลาต่อมา สัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยกระสุนไปทั่วทั้งตัวนั้นก็ได้ร้องตะโกนออกมาอย่างฉับพลัน แต่หลังจากที่ร้องตะโกนออกมาแล้ว ซอมบี้ที่ตัวสั่นก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวเจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวตัวนี้ก็ทยอยพุ่งเข้ามาหาฮวางซางราวกับได้ยินคำสั่งบางอย่าง !
ไม่เพียงแค่นี้ สุนัขยักษ์ที่ดุร้ายก็ได้ส่งเสียงคำรามออกจากมาที่ไกลๆ ราวกับสัมผัสได้ถึงเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวตัวนี้ จากนั้นเงาดำอีก10กว่าตัวก็ทยอยพุ่งออกมาจากทั่วทุกหนแห่ง แล้วตรงเข้ามายังตำแหน่งที่ที่สัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่!
“เหี้ยเอ๊ย!”
เมื่อเห็นภาพนี้ รูม่านตาของฮวางซางก็หดตัวลงทันที
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า นอกจากสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวจะมีความสามารถควบคุมสัตว์กลายพันธุ์นั้นแล้ว ยังสามารถออกคำสั่งกับซอมบี้เหล่านี้ได้อีกด้วย
แต่สิ่งที่สามารถคร่าชีวิตได้ยิ่งกว่าก็คือ ในกรณีที่เจ้าสุนัขกลายพันธุ์ที่เร่งรีบเข้ามาจากทั่วทุกหนทุกแห่งเหล่านั้นได้รวมตัวเข้ากับซอมบี้ เมื่อมีการป้องกันของกองทัพซอมบี้ ก่อนที่หลิวชิงและหน่วยรักษาความปลอดภัยหลายคนนั้นคิดจะโจมตีสุนัขกลายพันธุ์ที่รวดเร็วจนน่าจะตกใจเหล่านั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
แต่ในกรณีที่ให้สุนัขกลายพันธุ์เข้ามาใกล้ นอกจากฮวางซางและหลิวซินที่สามารถโต้กลับได้แล้ว เกรงว่าพลังของคนอื่นๆคงทำได้เพียงสร้างบาดแผลส่วนหนึ่งให้เท่านั้น
“แม่งเอ๊ย มีแต่ต้องสู้เท่านั้นแหละ!”
“หลิวซิน เราต้องลงมือด้วยกัน จัดการเจ้านี่ก่อนเลย!”
เมื่อคือได้ ดวงตาของฮวางซางก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ตะโกนออกไป พร้อมกับถือขวานในมือไว้แน่น กระโดดพุ่งพรวดขึ้นไปด้านหน้า ตรงไปยังเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นทันที
จะจับโจรให้จับหัวหน้า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บางทีอาจจะต้องจัดการเพียงแค่เจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้นถึงจะมีโอกาสรอดชีวิตได้!
“ครับ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง สีหน้าของหลิวซินก็เคร่งขรึมลง หลังจากนั้นก็กระโดดพุ่งพรวดออกไปข้างหน้า เพื่อตามฮวางซางไปฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดที่มีเนื้อตัวเต็มไปด้วยเนื้องอกตัวนั้น
……
แต่ในขณะที่่ฮวางซางและคนอื่นๆกำลังเปิดสงครามนั้นกับเจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างบิดเบี้ยวนั้น เจ้าจมูกงอนและพรรคพวกที่ยังคงพึ่งลิ้นอันนั้นและปืนอีกสิบกระบอกฝ่าวงล้อมซอมบี้ออกไป ได้มาถึงสนามบอลแล้ว ต่อจากนั้นพวกเขาก็แต่ผ่านสนามบอลนี้ไปเท่านั้น พวกเขาก็ถึงลานจอดอากาศยานแล้ว หลังจากนั้นก็สตาร์ทแล้วขับหนีออกไป
ในขณะที่มองไปยังลานจอดอากาศยานอันเลือนล่างด้านหน้านั้น ใบหน้าอันซีดเผือดของเจ้าจมูกงอนนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆขึ้นมา หลังจากนั้นก็หันมามองกลุ่มซอมบี้และสุนัขหลายพันธุ์ที่ล้อมเอาไว้ พร้อมกับไปมองฮวางซางและพรรคพวกที่กำลังเผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายแววตาที่ปิติยินดีและเสียดสีขึ้นมา
เขาไม่รู้ว่าทำไมฮวางซางถึงเลือกฝ่าออกไปอีกทาง แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญกับเขานัก สิ่งสำคัญที่สุดคือเจ้าหนุ่มที่เคยล่วงเกินเขาต้องตายในไม่ช้านี้แน่ แล้วเขาที่พาทุกคนออกไปจกที่นี่ ก็จะกลายเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่สามารถฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ผ่านไปได้
เมื่อคิดได้ตรงนี้ รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจ้าจมูกงอนนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเจิดจรัสขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดที่กระดูกซี่โครงนั้นจะทุเลาลงไปไม่น้อย
พลั่ก!
แต่ทว่าในเวลานั้น เสียงแตกหักกลางอันรุนแรงกลับดังขึ้นมาจากบนหัวของเจ้าจมูกงอนนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าจมูกงอนสัมผัสได้ถึงฝนที่ดูเหมือนจะหยุดตกลงเล็กน้อย เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างลอยผ่านหัวเขาไป
ไม่ ไม่ใช่แค่เหมือน แต่มีสิ่งๆนั้นลอยผ่านหัวเขาไปจริง ๆ!
ตู้ม!
ครู่เดียวต่อจากนั้นเงาสีเลือดตัวนั้นก็ได้ลงมาตรงหน้าเจ้าจมูกงอนและคนอื่นๆ หลังจากนั้นก็คำรามเสียงที่ทำให้น่าอึกอัดออกมา
“นี่……นี่คือ…….”
มองไปที่สัตว์ประหลาดสีเลือดที่ตกลงมาด้านหน้าของพวกเขาที่อยู่ห่างไม่เกินสิบเมตรนั้น เจ้าจมูกงอนก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง ในหน้าปรากฏสีหน้าของความหวาดกลัวอย่างขีดสุดออกมา
มองผ่านแสงไฟฟ้าแรงสูงในสนามฟุตบอล เขาสามารถเห็นสิ่งตรงหน้าได้อย่างชัดเจนว่าในขณะนี้สัตว์ประหลาดข้างหน้าเขามีความสูงของร่างกายประมาณสี่ถึงห้าเมตรไม่มีผิวหนัง กล้ามเนื้อปูดโปนและกรงเล็บและฟันแหลมเหลมคมเหมือนสัตว์เลื้อนคลาน!
นี่คือสัตว์ประหลาดตัวที่ซึ่งถูกฮวางซางสับลิ้นของมันมาครึ่งหนึ่ง!
เพียงแค่ว่าลิ้นขาดของเจ้าลิกเกอร์ตัวนี้ได้ฟื้นคืนสภาพเดิมแล้ว ทั้งแข็งแรงและใหญ่กว่าเมื่อก่อนอีกด้วย ปลายแหลมของลิ้นก็เพิ่มความแหลมคมและยาวมากขึ้น ประกอบกับกล้ามเนื้อสีเลือดที่แข็งแรงบนร่างกาย รวมถึงเล็บยาวแหลมอันน่ากลัวของมัน ยิ่งทำให้มันเหมือนกับปีศาจที่ปีนป่ายขึ้นมาจากนรก สร้างความหวาดกลัวได้ขีดสุดไม่น้อยเลยทีเดียว
เนื่องจากเจ้าลิกเกอร์นั้นน่ากลัวขีดสุดเกินไป ดังนั้นไม่เพียงแต่เจ้าจมูกงอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าลิกเกอร์แล้วเท่านั้น คนที่อยู่ด้านหลังของเจ้าจมูกงอนก็ถูกเจ้าลิกเกอร์นั้นขู่จนลืมแม้กระทั่งการโจมตี
ในขณะที่เจ้าจมูกงอนและพรรคพวกถูกเจ้าลิกเกอร์นั้นขู่อยู่นั้น ดวงตาแดงฉานเล็ก ๆละเอียดของเจ้าลิกเกอร์นั้นกวาดสายตาลงมาที่ลิ้นขาดที่อยู่ในมือของเจ้าจมูกงอนนั้น
ในตอนนี้เอง เมื่อเห็นสายตาของเจ้าลิกเกอร์ เจ้าจมูกงอนก็ค้นพบในทันทีว่าลิ้นขาดที่อยู่ในมือตัวเองอันนี้แทบจะเหมือนกับลิ้นของสัตว์ประหลาดสีเลือดที่อยู่เบื้องหน้าเขา!
ทันใดนั้น เจ้าจมูกงอนก็นึกถึงคำพูดของฮวางซางก่อนหน้านั้นได้ ก่อนจะรู้สึกตื่นตะหนก
ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านั้นเคยพูดไว้ ว่าลิ้นขาดอันนี้มาจากซอมบี้ขั้นสูงตัวหนึ่งหรือเจ้าของของลิ้นขาดอันนี้ก็คือสัตว์ประหลาดสีเลือดเบื้องหน้าตัวนี้?
เมื่อคิดได้ ในที่สุดเจ้าจมูกงอนก็รับรู้ได้ในทันทีว่าตัวเองนั้นได้ตกหลุมพรางของฮวางซางเข้าให้แล้ว ทั้งความกลัวตายและความโกรธแค้นต่อฮวางซาง ทำให้เจ้าจมูกงอนตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮวางซาง ไอบัดซบ....”
กรอบ!
แต่ทว่ายังไม่ทันที่เจ้าจมูกงอนนั้นจะพูดจบ ลิ้นยาวๆของลิกเกอร์ก็ได้พุ่งออกมา จากนั้นก็เสียบทะลุหัวสมองของเจ้าจมูกงอนนั้นโดยตรงราวกับหอกยาวที่แหลมคม หยุดเสียงร้องตะโกนของเจ้าจมูกงอนนั้นไปโดยปริยาย
“อ่ากกกก ยิงมัน!”
“ฆ่ามัน!”
“วิ่งเร็ว!”
……
เมื่อเห็นเจ้าจมูกงอนนั้นถูกลิกเกอร์ฆ่าตายในพริบตาเดียว ทุกคนที่เดิมทีตามหลังของเจ้าจมูกงอนมานั้นก็ตกอยู่ในอาการหวาดผวาและสับสน ส่วนหนึ่งรีบชักอาวุธออกมาโจมตีใส่ลิกเกอร์ และอีกส่วนหนึ่งตะโกนแหกปากร้องแล้ววิ่งหนีกันชุลมุนไปทั่วทุกทิศทาง เพราะกลัวว่าตัวเองนั้นจะตายไปเหมือนกับเจ้าจมูกงอนนั้น
ตึงตึงตึงตึงตึงตึง!
พริบตาเดียว เสียงปืนและเสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้น กระสุนนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้าใส่ลิกเกอร์ราวกับฝนที่ตกกระหน่ำปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ก็ไม่ปาน
แต่ทว่าเจ้าลิกเกอร์นั้นไม่เหมือนกับแต่ก่อนอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจึงไม่ถึงกับยิงไม่เข้าเหมือนกับเจ้าไทแรนท์ก็ตาม แต่การต้านทานของการยิงโจมตีจากปืนยางขนาดเล็กและปืนพกนั้นกลับไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นหลังจากที่กระสุนเหล่านั้นตกลงไปบนตัวของเจ้าลิกเกอร์ มันกลับทำได้เพียงแค่สร้างรูตื้นๆบนร่างกายมันเท่านั้น แต่มันไม่ได้คร่าชีวิตของมันแต่อย่างใด
ซื่อ!
และในเวลาเดียวกัน เจ้าลิกเกอร์ที่ถูกอาหารเบื้องหน้าของมันโจมตีก็ได้บันดานโทสะ ก่อนจะตวัดลิ้นยาวๆที่มีเจ้าจมูกงอนที่กลายเป็นอาวุธของมันฟาดใส่กลุ่มคนเหล่านั้นอย่างแรง
สิ่งที่บังเอิญก็คือ เจ้าจมูกงอนที่ถูกเจ้าลิกเกอร์ฟาดใส่คนเหล่านั้นอย่างแรง ได้หมดลมหายใจแล้วคลายมือซ้ายออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ระเบิดที่อยู่ในมือของเขาได้ร่วงหล่นไปกลางกลุ่มของคนเหล่านั้น
บึ้ม!
นาทีต่อจากนั้น ระเบิดมือนั้นก็ได้ระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น เปลวไฟที่ลุกโชนและกระสุนเหล็กของการสังหารนับไม่ถ้วนนั้นก็ได้กวาดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งราวกับฝนที่ตกกระหน่ำลงมาก็ไม่ปาน ผู้ที่อยู่ในรัศมีของการสังหารนั้นก็แทบจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองวิ่งออกไปได้ทัน จึงถูกกระสุนเหล็กนั้นพุ่งทะลุร่างกาย ล้มลงไปกับพื้น เลือดไหลนองไปทั่วทั้งตัวและพื้น
“ผู้โชคดี”ที่หลบหลีกระเบิดของระเบิดมือนั้นได้ พวกเขากลับโชคดีได้ไม่นาน
เพราะนาทีต่อจากนั้น เสียงคำราแหบแห้งของเจ้าลิกเกอร์ก็ดังขึ้น จากนั้นก็กระโดดพุ่งพรวดไปด้านหน้า แล้วสังหารทุกคนจนหมดสิ้น!
การสังการหมู่นองเลือดในสนามฟุตบอลแห่งนี้ได้เปิดการแสดงขึ้นแล้ว!