px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 49 : หลินฟ่าน ผู้มีจิตวิญญาณการเป็นอาจารย์ ที่สะท้านตราตึงทุกผู้คน!!


บทที่ 49 : หลินฟ่าน ผู้มีจิตวิญญาณการเป็นอาจารย์ ที่สะท้านตราตึงทุกผู้คน!!

 

"เจ้าว่าอาจารย์ระดับ D ผู้นั้นมันโง่เขลาหรือว่ามันเพ้อฝันไปกันแน่? ถึงกล้าท้าอาจารย์ระดับ B ถึง 4 คนมาประลองด้วยเช่นนี้ ข้าอยากรู้นักมันจะมีจุดจบเช่นไร" ศิษย์คนหนึ่งในชุดสีน้ำเงินกล่าวออกมาด้วยความดูแคลน

"โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยเรื่องอัศจรรย์นัก อาจารย์ลี่ฉิงเฟิง,อาจารย์หูเปิ่น,อาจารย์จุนหวู่ฉาน และอาจารย์ลี่เซียวจุน ทั้ง 4 คนล้วนมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก่อเกิดขั้นที่ 5 แม้จะเป็นผู้ฝึกตนที่มีระดับก่อเกิดขั้นที่ 6 ยังไม่สามารถเอาชัยพวกเขาได้โดยง่าย แต่อาจารย์ระดับ D ผู้นั้นกลับกล้าท้าทายพวกเขา ช่างน่าดูชมยิ่งนัก"

"เหตุใดวันนี้กลับมีเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นบ่อยนัก ตอนที่ข้าเดินผ่านไปยังระดับ C ก่อนหน้านี้ข้าได้เห็นศิษย์ระดับ D เข้ามาท้าทายพวกระดับ C ... ถึงแม้พวกมันจะแพ้แต่พวกมันหาได้หวาดกลัวหรือร้องไห้อย่างเคยไม่ พวกมันกลับกล่าววาจาโอหังอย่าง ‘อย่าหวังจะได้ดูถูกข้าอีกต่อไป สักวันหนึ่งข้าจะมาทวงคืนศักดิ์ศรีของข้า’ ออกมา "

"เฮอะ หากพวกมันแค่ต้องการจะพิสูจน์ตนเอง ก็ยังมีหนทางอีกมากมายไม่ใช่มากระทำการฆ่าตัวตายอย่างการท้าประลองเช่นนี้ แทนที่พวกมันจะไปตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะหรือหาตำราอ่านยังจะดีเสียกว่า"

“อ่อจริงสิ ศิษย์พี่หลิวข้าได้ยินมาว่า ท่านได้หยิบยืมตำราวิชาระดับพิภพขั้นสูงที่ชื่อว่า ทะเลไร้จำกัด มาไม่ใช่รึ ท่านได้ฝึกฝนแล้วหรือยัง? แต่ข้าคาดว่าอัจฉริยะอย่างศิษย์พี่คงฝึกฝนวิชา ทะเลไร้จำกัด เลยขั้นเริ่มต้นแล้วแน่นอน”

"เจ้ากล่าวถูกแล้ว ตอนนี้ข้าฝึกวิชา ทะเลไร้จำกัดได้ถึงขั้นที่ 3 จากทั้งหมด 6 ขั้น ที่ข้ายังไม่เร่งรีบทะลวงผ่านขั้นที่ 3 เพราะว่าข้าต้องการปูพื้นฐานให้แน่น เพื่อในอนาคตยามที่ข้าสำเร็จวิชานี้มันจะได้มีอานุภาพที่สูงส่งยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่สำเร็จวิชาอย่างงูๆปลาๆ " ศิษย์พี่หลิวคนนั้นกล่าวออกมาราวกับจะนอบน้อม แต่ทว่ากลับแฝงความหยิ่งทะนงเอาไว้เล็กน้อย

"ศิษย์พี่หลิวท่านดูนั่น อาจารย์ระดับ D ผู้นั้นมาถึงแล้ว แถมยังพาพวกสวะมาอีกด้วย"

...

หลินฟ่านเดินมาอย่างสบายอารมณ์ไม่ต่างอะไรกับการเดินเล่นในห้าง มันไม่มีความกังวลแม้แต่นิด

"อาจารย์ เหตุใดพวกเราจึงมาที่นี่กัน?" เก๋าฟู่จู๋ถามออกมาด้วยความสับสน

"หึหึ เก๋าตีนจัง นี่ล่ะ! บทเรียนที่สองที่ข้าอยากให้เจ้าและเพื่อนๆได้เรียนรู้" หลินฟ่านตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม

เก๋าฟู่จู๋ถึงกับสงสัยว่าบทเรียนที่ 2 คืออะไรกันแน่ถึงต้องมาเรียนที่สนามประลองแห่งนี้? ถึงแม้พวกมันจะเป็นนักเรียนระดับ D แต่พวกมันก็ย่อมรู้ว่าที่นี่คือสนามประลอง และดูเหมือนตอนนี้จะมีผู้คนมากมายเป็นประวัติการณ์ บางทีอาจจะมีการประลองที่สำคัญ แล้วเป็นผู้ใดกัน?

บางทีเหตุผลที่อาจารย์พาพวกมันมา เป็นเพราะต้องการให้ดูการประลองเป็นแน่

"อาจารย์คงอยากให้พวกเราเห็นการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้พวกเรารับรู้ว่าหากพวกเรายังคงฝึกฝนอย่างหนัก สักวันต้องเป็นแบบผู้เชี่ยวชาญที่ประลองกันเป็นแน่" ลี่เหมียวเหมี่ยวนั้นเป็นสตรี จึงมักคิดอะไรมากมายกว่าบุรุษ ถึงเธอจะมีมันสมองที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แต่ยังเปลี่ยนความจริงที่ว่า พรสวรรค์ของนางอยู่ในระดับไร้ประโยชน์ไม่ได้

หลิวเหมียวเหมียวค่อนข้างเคารพหลินฟ่านอย่างมาก ตั้งแต่ที่อาจารย์หลินเปลี่ยนชื่อนางเป็นหลิวจุ๋ยจุ๋ย นางก็พร้อมจะใช้ชื่อหลิวจุ๋ยจุ๋ยที่อาจารย์เรียกนี้ไปตราบชั่วชีวิตของนาง

"จุ๋ยจุ๋ย เจ้าช่างฉลาดเสียจริง เหตุใดพวกเราจึงไม่ทันคิดกันนะ" ชูตี้กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง

หลิวจุ๋ยจุ๋ยถึงกับเชิดหน้าขึ้นมา แต่ทว่าเมื่อนางเห็นหลินฟ่านกระโดดขึ้นไปบนเวทีนางถึงกับถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก "ท่านอาจารย์ ท่านคิดจะทำอะไรกัน?"

"ข้าจะไป เหยียบพวกมันให้มิด" หลินฟ่านกล่าวตอบโดยไม่ได้หันกลับไป ...เหล่าศิษย์ทั้ง 13 คนที่ได้ฟังต่างยืนงงเพราะความสงสัย พวกมันไม่เข้าใจว่าอาจารย์คิดจะทำอะไรกันแน่...

"พวกเจ้ารีบเรียกท่านหมอมารอเสียก่อนตอนที่ยังมีโอกาสจะดีกว่า ไม่งั้นยามที่พวกเจ้าเห็นอาจารย์พวกเจ้ากระอักโลหิตออกมาค่อยเรียกหมอ คงช่วยมันไม่ทันการณ์แล้วล่ะ" ศิษย์ระดับ B คนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน

เก๋าตีนจัง และคนอื่นๆที่ได้ยินคำพูดของมันถึงกับตกตะลึง พวกมันหันมองหน้ากันเองด้วยสายตาตื่นตระหนก ท่านอาจารย์กำลังจะลงไปประลอง? เหตุใดท่านอาจารย์จึงไม่บอกเรื่องนี้แก่พวกมันสักคำ อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันแรกที่ท่านอาจารย์มาสอนยังสำนักนี้ แล้วท่านจะไปมีเรื่องหรือขัดแย้งกับผู้อื่นได้อย่างไรกัน?

"พวกระดับ D นี่มันขยะจริงๆ แม้แต่อาจารย์ระดับ D ก็พลอยเป็นสวะไร้สมองไปด้วย มันกล้าที่จะท้าทายอาจารย์ระดับ B พร้อมกันถึง 4 คน  นี่..มันเบื่อหน่ายชีวิตมากแล้ว หรืออย่างไรกัน" ศิษย์ระดับ B เริ่มหัวเราะเยาะ พร้อมกล่าวออกมาอย่างดูแคลน

"อย่าได้กล่าววาจาโอหังให้ร้ายอาจารย์ของข้!" เก๋าตีนจังหันไปจ้องศิษย์ระดับ B พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างแค้นเคือง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” ศิษย์ระดับ B ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างหนัก

...

หลินฟ่านเดินขึ้นเวทีไปอย่างช้าๆ ด้วยอิริยาบถสบายๆ ไร้ซึ่งความหวาดกลัว เมื่อมันเห็นอาจารย์ทั้ง 4 เมื่อตอนพักกลางวันยืนเรียงกันมันก็แย้มยิ้มออกมา ก่อนที่จะหันกลับไปมองเหล่าลูกศิษย์ เมื่อเก๋าตีนจังและพรรคพวกเห็นหลินฟ่านหันหลับมา พวกมันก็ต่างจ้องมองไปยังหลินฟ่านด้วยแววตาสงสัย

เมื่อเห็นว่าตอนนี้ลูกศิษย์ทุกคนหันมาให้ความสนใจมันทั้งหมดแล้ว หลินฟ่านก็คิดว่านี่เป็นโอกาสอันดี ที่จะกล่าวอธิบายเนื้อหาของบทเรียนที่ 2 นอกจากนั้น อาจารย์ถือเป็นต้นแบบของเหล่าศิษย์ มันจึงคิดจะแกะสลักภาพตัวเองลงไปตราตรึงในใจของพวกมัน

มีเกียรติ แกร่งกล้า โอบอ้อมอารี และยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขา

หลินฟ่านเอามือไพร่หลังแหงนหน้ามองฟ้าทำมุม 45 องศา มันยืดลำตัวตั้งตระหง่านอย่างทระนงอยู่ครู่หนึ่งราวกับนักปราชญ์ ก่อนที่มันจะหันมามองเหล่าศิษย์ด้วยสายตาคมกล้าที่พยายามเก๊กมาอย่างสุดกำลัง พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงลึกซึ้งว่า  "ในสายตาของผู้อื่น พวกเจ้านั้นไม่ต่างอะไรจากขยะ เป็นสวะที่ไร้ค่ายิ่งกว่าคนธรรมดา ... แต่ในสายตาของข้า พวกเจ้าคืออัจฉริยะที่หายากยิ่งของโลก ...ทั้ง 4 คนที่อยู่ด้านหลังข้านั้น มันกล่าวหาว่าพวกเจ้าเป็นขยะไร้ค่าและเป็นแค่พวกสวะที่ไร้อนาคต ไม่สามารถสอนสั่งให้ได้ดี...

“แต่ข้าจะพิสูจน์ให้พวกเจ้าและทุกคนเห็นว่า ในสายตาของข้า พวกมันก็ไม่แตกต่างอันใดกับสวะไร้ค่าที่โง่เขลาเบาปัญญา ที่ทำได้เพียงอวดเบ่งในกะลาครอบใบเล็กๆ ที่มองไม่เห็นคุณค่าในตัวพวกเจ้า”

"อะ..อาจารย์ ... " ตอนนี้ศิษย์ทั้ง 13 คนได้แต่ใช่ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาจับจ้องไปยังหลินฟ่านด้วยความรู้สึกกตัญญู พวกมันไม่คิดเลยว่าเหตุผลการประลองของอาจารย์ จะเป็นการทำเพื่อพวกมันเช่นนี้

พวกมันนั้นชินชาเสียแล้วกับคำกล่าวเหยียดหยามดูคลน ไม่ว่าจะสวะเอย ขยะไร้ค่าเอย พวกไร้ประโยชน์เอย ซ้ำร้ายบางครั้งพวกมันยังถูกรังแกจนบาดเจ็บโดยไร้หนทางต่อต้าน แต่ทว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่พวกมันจะร่ำไห้ออกมาจากหัวใจขนาดนี้ ...การร่ำไห้ที่เกิดจากความตื้นตัน เมื่อได้ฟังคำกล่าวของอาจารย์ที่เชื่อมั่นในตัวพวกมันยิ่งกว่าพวกมันเองเสียอีก

ยามนี้ส่วนลึกที่สุดในใจของพวกมันได้สลักภาพอาจารย์หลินฟ่านที่ยิ่งใหญ่ลงไป ...ยากที่จะมีผู้ใดมาลบเลือน...

หยาดน้ำตายังคงหลั่งรินราวกับเป็นหยาดน้ำจากมหาสมุทรที่ไร้วันสิ้นสุด

"วาจาของเจ้าช่างกล่าวได้โอหังและดูมีคุณธรรมยิ่งนัก แต่ข้าอยากจะรู้นัก ว่าเจ้าจะมีความสามารถสักเท่าใดกัน ถึงกล้ากล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าจะอบรมสั่งสอนสวะพวกนั้นให้ได้ดีเสียขนาดนั้น?" ลี่ฉิงเฟย กล่าว ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

ยามนี้เรื่องราวเหตุการณ์มันลุกลามยากที่จะแก้ไขด้วยความประนีประนอมได้แล้ว มันถึงจุดที่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องแตกหัก...การประลองครั้งนี้ไม่มีผู้ใดหยุดได้อีกแล้ว

หลินฟ่านมองไปที่ทั้ง 4 คนที่มีระดับก่อเกิด มันด้อยกว่าระดับของเขาไม่เท่าไร หากเป็นคนอื่นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือพวกมันได้...แต่ทว่าสำหรับเขามันไม่ได้มีค่าอะไรเลย สำหรับระดับเท่านี้

ถึงเวลาที่พวกมันต้องสัมผัสกับความโหดร้ายของการตกเป็นเหยื่อบ้างแล้ว

"วันเจ้าจะได้ลิ้มรส คมขวานมหากาฬสะท้านนภาผ่าปฐพีแหวกห้วงอเวจีสดุดีโลหิตพิชิตใต้หล้า ของข้า " หูเปิ่น ประกาศกร้าวออกมาด้วยความดุดัน

หลินฟ่านที่ตะลึงกับชื่อขวานอยู่ 3 ลมหายใจ เมื่อได้สติมันก็หันไปกล่าวกับลูกศิษย์ด้วยความมั่นใจว่า "เหล่าศิษย์ของข้าจงจับตาดูเอาไว้ให้ดีๆ สักวันข้าจะทำให้พวกเจ้าแข็งแกร่งดั่งภาพที่พวกเจ้ากำลังจะได้เห็น!!"

"ครับ/ค่ะ ท่านอาจารย์" เหล่าศิษย์ทั้ง 13 คนต่างพยักหน้ารับคำพร้อมกล่าวตอบรับออกมาอย่างพร้อมเพรียงทั้งน้ำตานองหน้า ...นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกมัน ที่มีคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวกล่าวชื่นชมและเชื่อมั่นในตัวพวกมันถึงขนาดนี้ ไม่สิ..มากกว่าครอบครัวของพวกมันเสียอีก

...ส่วนเหล่าศิษย์รอบๆที่ได้รับชมเหตุการณ์พวกมันก็ล้วนสัมผัสได้ว่าอาจารย์ระดับ D ผู้นี้ ช่างแตกต่างจากอาจารย์คนอื่นในสำนักอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันได้ยินคำพูดที่เหมาะสมกับ บุคคลที่ได้รับการเรียกขานว่า อาจารย์

แต่พวกมันก็ได้แต่ส่ายหัว วาจาที่กล่าวออกมาโดยผู้พูดไร้ซึ่งความแข็งแกร่งฉันท์ใด มันย่อมไร้ค่ายิ่งกว่าลมตดฉันท์นั้น..โลกใบนี้นั้นจะพูดกระไรก็ได้ แต่สุดท้ายวาจาของคนที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ให้ผู้อื่นรับฟัง

ความสามารถและพรสวรรค์ของเหล่าศิษย์ระดับ D นั้นได้รับการยืนยันและเห็นได้ชัดขนาดนี้แล้วว่าไร้ค่าถึงเพียงไหน ..แล้วอาจารย์ที่ถูกตัดสินให้อยู่ในระดับ D จะมีความสามารถสูงได้สักเท่าไรกัน

"วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าทั้ง 4 จ่ายราคาของการกระทำโง่ๆ เช่นการเหยียดหยามคนของข้า อย่างสาสม!!" ยามที่กล่าวออกมาหลินฟ่านแอบเร่งพลังงานที่แท้จริงอย่างแยบยลให้ลมกระเพื่อม เพื่อพัดชุดคลุมของมันให้ปลิวไสว ..ดังนั้นภาพที่เหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านหลังของมันได้เห็นก็คือ...ภาพอาจารย์ที่ยืนเอามือไพร่หลังอย่างองอาจ ชุดคลุมโบกสะบัดราวกับเทพเซียนหยอกล้อวาโย

"เฮอะ โอหัง รับมือ ลำนำขวานมหากาฬสะท้านนภาผ่าปฐพีแหวกห้วงอเวจีสดุดีโลหิตพิชิตใต้หล้า กระบวนท่าที่ 1 สะบั้นไตรโลกา!!" หูเปิ่นไม่คิดรีรออะไรอีก มันเร่งพลังงานที่แท้จริงออกมาตามเคล็ดวิชาทันที ขวานและร่างกายของมันจะอัดแน่นไปด้วยพลังงานที่แท้จริงราวกับเปลวเพลิงสีแดงสดปะทุออกมารอบตัวเส้นผมของมันลุกตั้งขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่มันจะเคลื่อนไหวราวกับเส้นแสงพุงมาทางหลินฟ่านทันที

กระบวนท่า สะบั้นไตรโลกาของมันนั้น สามารถสร้างพลังทำลายได้เหนือกว่าระดับการบ่มเพาะของมันถึง 3 เท่า แม้จะเป็นผู้ที่มีระดับบ่มเพาะเหนือกว่ามันถึง 1 ขั้น ยังรับมือกระบวนท่านี้ได้อย่างยากลำบาก

...แต่ทว่าหลินฟ่านนั้นยังยืนมองพร้อมแย้มยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ...หากมันไม่ห่วงภาพลักษณ์มันก็คิดที่จะแคะขี้มูกออกมาปั้นให้หนำใจ เพราะรู้สึกคันในรูจมูกขึ้นมาตะหงิดๆ ‘หมัดไคโ... 3 เท่า หรือไงวะนั่น สึด!!’

...

"ท่านอาจารย์ ... " นักเหล่าศิษย์ทั้ง 13 คนใจถึงกับตกไปอยู่ตาตุ่มพวกมันแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เหตุใดท่านอาจารย์ถึงไม่หลบ!!?

ลี่ฉิงเฟิงและอีกสองคน รวมทั้งหูเปิ่น ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย ไอบ้าเสียสติผู้นั้นมันคิดจะต้านรับกระบวนท่า สะบั้นไตรโลกา ตรงๆ? นี่เป็นการฝันกลางวันที่ไร้สาระที่สุด

 

รีวิวผู้อ่าน