px

เรื่อง : ทุ่งรวงทอง (นิยายแปล)**จบแล้ว**
Re-new ตอนที่ 48  การเปลี่ยนแปลง


ตอนที่ 48  การเปลี่ยนแปลง

 

หลังจากรับยามาแล้ว สองพ่อลูกก็ขอบคุณหมอซุนซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งสองคนเดินไปที่นอกเมืองเพื่อกลับไปเอารถเลื่อน ระหว่างทางเสี่ยวเฉาได้ซื้อซาลาเปาเนื้อจากร้านข้างถนนและเอาไปป้อนให้สุนัขทั้งสองตัวกินจนอิ่ม อีกทั้งนางยังใส่น้ำหินศักดิ์สิทธิ์ลงไปในน้ำดื่มของพวกมันด้วยสองหยด

 

สุนัขทั้งสองตัวจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ขากลับพวกมันลากเลื่อนด้วยความเร็วราวสายฟ้า  และถึงกับไล่ทันและแซงเลื่อนที่ใช้ม้าลากได้อีกด้วย คนขับเลื่อนคันนั้นถึงกับร้องอุทานอย่างชื่นชมในความเร็วและความแข็งแรงของสุนัขทั้งสองตัว และคิดอยู่ในใจว่าม้าของเขาคงไม่สามารถไล่ทันพวกมันได้ทันเป็นแน่

 

ระยะทางประมาณ 50 ลี้นั้น สุนัขทั้งสองตัวใช้เวลาวิ่งไม่ถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่พวกมันจะถึงทางเข้าหมู่บ้าน สองพ่อลูกได้แวะไปดูกับดักที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเสี่ยวเฉาก็ไม่ประหลาดใจแต่อย่างใดที่กับดักเกินครึ่งของพวกเขานั้นสามารถดักสัตว์เอาไว้ได้

 

กับดักใหญ่สองอัน อันหนึ่งถูกทำลาย ส่วนอีกอันจับกวางโรตัวอ้วนพีได้หนึ่งตัว แต่กวางโรตัวนั้นถูกจับเอาไว้นานเกินไป มันจึงตายไปได้สักพักแล้ว กับดักที่เล็กกว่าอันอื่นก็จับกระต่ายป่ากับไก่ฟ้าได้เป็นส่วนใหญ่ แต่มีอันหนึ่งที่จับตัวหมาหริ่งเอาไว้ได้ !

 

เสี่ยวเฉาไม่คุ้นเคยกับหมาหริ่ง นางจึงเอาไม้แหย่มันด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่หลายครา หยูไห่ยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยว่า “ขนหมาหริ่งอุ่นมากนะ พอพ่อฟอกหนังมันเสร็จแล้ว  พ่อจะเอาให้แม่ของเจ้าตัดเสื้อให้ลูก เนื้อของมันก็อร่อยมากด้วยอีกทั้งยังบำรุงร่างกายได้ด้วย พ่อว่าน่าจะเก็บไว้กินเอง เจ้าควรเอาไขมันของหมาหริ่งเก็บไว้ด้วย ตอนท่านหมอโหยวกลับมาจะได้ใช้มันทำครีมรักษาแผลไฟไหม้”

 

“หมาหริ่งตัวนี้น่าจะหนักอย่างน้อย 20 ชั่ง ต่อให้ประเมินด้วยราคาต่ำสุด ก็น่าจะขายได้สัก 200 อีแปะ ท่านพ่อว่าท่านย่าจะยอมให้พวกเรากินมันเยี่ยงนั้น ? ” หยูเสี่ยวเฉาตอบโดยไม่ได้คาดหวังมากนัก

 

“เราเป็นคนจับหมาหริ่งตัวนี้ได้ ถ้าพ่อบอกว่าพวกเราจะกิน เราก็ต้องได้กินสิ ! ” หยูไห่เด็ดเดี่ยวมั่นคงกว่าเมื่อก่อนมาก

 

พวกเขาได้สัตว์มากองใหญ่เลยทีเดียว รวม ๆ กันแล้วก็ประมาณ 200 - 300 ชั่ง หยูไห่เอาสัตว์พวกนั้นวางบนเลื่อนแล้วตัวเองเดินไปข้าง ๆ บางครั้งเขาก็จะถามลูกสาวว่านางหิวหรือหนาวบ้างหรือไม่

 

หยูเสี่ยวเฉาถูกห่อจนดูคล้ายลูกบอลผ้าฝ้ายลูกใหญ่ นอกจากตากับจมูกแล้วส่วนอื่น ๆ อยู่ใต้ผ้าฝ้ายทั้งหมด นางอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ‘วิธีที่ท่านพ่อทำกับลูกสาวของท่านพ่อคนนี้นี่ ข้ามิรู้ว่าจะบรรยายเยี่ยงไรดี ! ’

 

สองพ่อลูกไปที่บ้านของท่านลุงของหยูไห่ก่อนเพื่อนำรถเลื่อนไปคืน ระหว่างทางเสี่ยวเฉาก็ได้เกลี้ยกล่อมพ่อของนางว่าเขาไม่ควรคืนเงินที่ยืมไปชั่วคราว เมื่อมีหนี้ที่ต้องจ่าย เขาก็จะมีข้ออ้างไม่ให้เงินที่เขาได้มาจากการขายสัตว์ การมีเงินเป็นของตนเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวของพวกเขา

 

เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้หยูไห่เห็นถึงความสำคัญของการมีเงินอยู่ในมือ ภรรยาของเขามีร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่ให้กำเนิดฉีโตว หลายคราก็ถึงกับไอเป็นเลือด ถึงลูกสาวคนเล็กของเขาจะบอกว่านางสบายดี แต่เขาก็ยังไม่สามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจ ถ้าเขาไม่มีเงินอยู่กับตัวเลยสักอีแปะเดียว แล้วเขาจะทำเยี่ยงไรในอนาคต ? เขาจะต้องดูทั้งสองคนทนทรมานตอนที่ป่วยครั้งต่อไปเยี่ยงนั้นรึ ?

 

เพราะเหตุนั้นเขาถึงไม่กล่าวอันใดตอนที่ลูกสาวของเขารับเงิน 50 ตำลึงไปก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นตอนที่ลูกสาวแนะนำให้จ่ายหนี้ช้าลง เขาก็เห็นด้วยโดยไม่ลังเลสักนิด วันหน้าเขาจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อครอบครัว เขาจะไม่กตัญญูอย่างโง่เง่าอีกต่อไป แล้วเพิกเฉยต่อครอบครัวของตนเองอีกแล้ว

 

“ต้าไห่ พาลูกของเจ้าเข้ามาในห้องก่อนเร็วเข้า จะได้นั่งบนเตียงให้ร่างกายอบอุ่น วันนี้อากาศหนาวเป็นอย่างมาก หลานต้องหนาวมากเลยใช่หรือไม่ ? เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? เจ้าดูซีด ๆ มิร่าเริงเอาเสียเลย” หยูลี่ชุนช้อนตัวเสี่ยวเฉาขึ้นมาพร้อมกับผ้าห่มและรีบอุ้มนางเข้าไปในบ้าน

 

อากาศอันอบอุ่นจากในห้องโดนตัวของเสี่ยวเฉาทันทีที่เข้าไปถึง และก่อนที่นางจะมองสภาพรอบตัวให้ดี ๆ เสี่ยวเฉาก็ถูกสอดเข้าไปในผ้าห่มที่คลุมเตียงอยู่ มันอุ่นสบายอย่างเหลือเชื่อจนทำให้นางรู้สึกง่วงขึ้นมา

 

“ท่านหมอว่าเยี่ยงไรบ้าง ? ” หยูเจียง ท่านอาสามของหยูเสี่ยวเฉาถามขึ้น เขาถือน้ำขิงร้อน ๆ มาสองถ้วย หลังจากวางให้หยูไห่หนึ่งถ้วย เขาก็ไปหลอกล่อให้หลานสาวดื่มน้ำขิง

 

น้ำขิงของตระกูลหยูทำจากขิงสด ๆ เท่านั้นและใช้เวลาต้มนาน มีรสชาติของขิงเป็นหลักและทิ้งรสเผ็ดเอาไว้ในลำคอ หยูเสี่ยวเฉาเบ้หน้าอยากจะหนีความทรมานนี้ แต่อาสามก็ง้างปากนางแล้วกรอกน้ำขิงลงไป ถึงร่างกายของนางจะเริ่มอุ่นแล้ว แต่ความรู้สึกทรมานทั้งปากและคอจากน้ำขิงนั้นจะยังคงอยู่อีกนาน

 

หยูไห่กระดกน้ำขิงของเขารวดเดียวจนหมด เมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของลูกสาว เขาก็หัวเราะเบา ๆ อย่างชั่วร้ายแล้วเอ่ยว่า “ท่านหมอซุนร้านยาถงเหรินตรวจอาการของนางและสั่งยามาสองสามอย่าง มิได้เป็นอันใดร้ายแรงหรอก ! ”

 

เขาจะไม่พูดเด็ดขาดว่าลูกของเขาไม่ได้มีปัญหาสุขภาพอะไรเลย หยูไห่รู้จักนิสัยของนางจางดี เงินคือชีวิตของนาง ! ถ้ามิให้นางเลือดออกเสียบ้าง นางก็คงจะไม่รู้ว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงเป็นเยี่ยงไร คราวหน้าหากนางอยากทำเลว ๆ กับลูกสาวของเขาอีก  นางจะได้คิดถึงผลที่จะตามมาเสียก่อน !

 

นางซุนเอามันเผาออกมาลอกเปลือกออกและวางลงบนมือของเสี่ยวเฉาพร้อมกับเอ่ยว่า  “กินนี่สิ จะได้ช่วยกลบรสในปาก สิ่งสำคัญก็คือหลานสบายดีก็ดีแล้วล่ะ หลายปีมานี้นางก็เจอเรื่องราวแย่ ๆ มามากพอแล้ว”

 

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านย่าใหญ่ ! ” เสี่ยวเฉาชอบมันเผาเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่นางมีแม่มดใจร้ายเป็นท่านย่า นางจึงแทบไม่มีโอกาสได้กินเลยด้วยซ้ำ รสชาติที่หอมหวานของมันเผาช่วยลบบาดแผลในใจที่เกิดจากน้ำขิงไปได้

 

หยูไห่พูดคุยกับท่านลุงใหญ่และลูกพี่ลูกน้องของเขา เมื่อเขาเห็นว่าลูกสาวกินมันเผาหมดแล้วและกำลังขยี้ตาด้วยความง่วง เขาจึงยืนขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ท่านลุงใหญ่ขอรับ ข้าจะคืนเงินให้ท่านลุงก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน และจะจดจำน้ำใจของท่านลุงเอาไว้ตลอดไป”

 

หยูลี่ชุนรีบตอบกลับมาว่า “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันมิใช่รึ ? มิต้องพูดถึงเรื่องที่จะจดจำความใจดีอะไรนั่นหรอก ! อย่าตำหนิพ่อของหลานด้วย เขาเป็นคนจิตใจอ่อนแอ  ส่วนแม่เลี้ยงหลาน...เฮ้อ อย่าไปพูดถึงเลย ! อย่าให้เงินที่ยืมไปเป็นภาระของหลาน  ครอบครัวลุงยังไม่ต้องใช้เงินในตอนนี้หรอก”

 

หยูไห่ช่วยลูกสาวของเขาสวมเสื้อหนังอย่างหนา เสื้อนั้นใหญ่มากจนเกือบถึงพื้น และเหมือนว่านางจะยังมึนงงอยู่ เสี่ยวเฉาจึงเดินสะดุดเข้ากับถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ หยูเจียงยกตัวเด็กน้อยขึ้นมาและเตรียมไปส่งสองพ่อลูกเดินทางกลับบ้าน

 

หยูไห่หยิบกระต่ายและไก่ฟ้าตัวอวบอ้วนออกจากกองแล้วพูดกับลุงใหญ่ของเขาว่า  “ก่อนเข้าเมืองข้าไปวางกับดักบนภูเขามา คงเป็นเพราะหิมะตกหนักเลยทำให้พวกสัตว์หาอาหารกันยาก ข้าเลยจับสัตว์มาได้มากถึงเพียงนี้ เอากระต่ายป่ากับไก่ฟ้าตัวนี้ให้ท่านป้าใหญ่จัดการแช่แข็งพวกมันนะขอรับ งานเลี้ยงปีใหม่จะได้มีอาหารเพิ่ม”

 

หยูลี่ชุนไม่ยอมรับของขวัญและตอบว่า “ต้าไห่ ไปล่าสัตว์ตอนอากาศหนาวถึงเพียงนี้มิใช่เรื่องง่ายมิใช่รึ ตอนที่เสี่ยวเฉากินยาหมดแล้ว นางอาจจะต้องกินยาเพิ่มอีกก็ได้ หลานควรเก็บสัตว์พวกนี้ไว้เองและเอาไปขายในเมืองพรุ่งนี้... ! ”

 

“ท่านลุงใหญ่ ! ถ้าท่านลุงไม่ยอมรับก็หมายความว่าท่านลุงกำลังดูถูกข้าอยู่นะขอรับ ถ้ามิใช่เพราะท่านลุงให้ข้ายืมเงินวันนี้ ข้าก็คงไม่รู้ว่าจะทำเยี่ยงไร...นี่เป็นการแสดงความเคารพของข้า ท่านลุงต้องรับเอาไว้นะขอรับ ! ” หยูไห่แสดงท่าทีจริงจังออกไป หยูลี่ชุนรู้มานานแล้วว่าหลานของเขามีนิสัยดื้อรั้น ถ้าเขายังปฏิเสธอีกต่อไป ชายตรงหน้าก็คงจะยิ่งดึงดันมากขึ้นไปอีกเท่านั้น

 

ยามที่พวกเขาออกจากบ้านของลุงใหญ่ดวงอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว หยูไห่ก้าวไปบนหิมะที่แข็งตัวแล้วและเดินทางไปยังบ้านของเขา ขณะที่เดินไป หัวใจของเขาก็ค่อย ๆ เย็นชาขึ้น

 

ประตูห้องทุกบานปิดสนิท เตาในครัวก็เย็นเฉียบ...เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ก็มีเพียงประตูห้องตะวันตกเท่านั้นที่เปิดออกอย่างร้อนรน ภรรยาและลูก ๆ ของเขาก็รีบวิ่งออกมาทันที แต่ก่อนเขาช่างโง่งมจริง ๆ ที่ปล่อยให้ภรรยาของเขาต้องอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายสุขภาพของภรรยาเขาก็ทรุดโทรมลงและลูกสาวของเขาก็เกือบจะถึงแก่ความตาย

 

ประตูห้องใหญ่ยังคงปิดสนิท เสียงด่าและเสียงทะเลาะกันดังมาให้ได้ยินแว่ว ๆ ในห้องตะวันออก หน้าต่างถูกแง้มเปิดเป็นช่องเล็ก ๆ เมื่อดวงตาข้างในสบเข้ากับตาของเขาก็หายกลับเข้าไปทันที เสียงหน้าต่างปิดยิ่งดังชัดเจนในความเงียบเช่นนี้

 

หยูเจียงขมวดคิ้ว เขาวางเสี่ยวเฉาที่ง่วงจนจะหลับลงบนเตียงในห้องแล้วออกไปข้างนอก  ท่านย่าของนางไม่ได้เกี่ยวโยงกับนางทางสายเลือด แต่ท่านปู่ของนางมิได้เป็นเยี่ยงนั้นด้วยมิใช่รึ การตัดสินใจของท่านลุงรองในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเลอะเลือนมากขึ้นทุกที !

 

แต่ครานี้หยูเจียงตำหนิเฒ่าหยูแบบผิด ๆ แล้วล่ะ หลังจากที่เขากินมื้อเย็นเสร็จ เฒ่าหยูก็แต่งตัวและเดินออกไปข้างนอกหลังจากเห็นว่าลูกชายและหลานสาวยังไม่กลับมาถึงบ้าน  เขาอยากต้อนรับพวกเขากลับบ้านจึงเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ข้างนอกบ้านอยู่นานสองนาน แต่สองพ่อลูกนั้นกำลังจับสัตว์อยู่บนภูเขา พวกเขาจึงคลาดกัน

 

ขณะที่หยูไห่กำลังเตรียมยาอยู่ในบ้าน เฒ่าหยูถึงได้กลับมาจากข้างนอก ทันทีที่มาถึงบ้านเขาก็รีบไปที่ห้องตะวันตก เมื่อเข้าไปข้างในเขาก็เห็นเสี่ยวเฉาที่กำลังหลับอยู่ เฒ่าหยูถามอาการของนางด้วยความเป็นห่วงแล้วพูดว่า “พวกเจ้าได้กินอะไรมาแล้วรึยัง ? ไปบอกเมียของเจ้าให้ทำก๋วยเตี๋ยวสักชามสิ แล้วก็ทำไข่ลวกให้เสี่ยวเฉาด้วย”

 

หยูไห่มองไปที่ห้องใหญ่แล้วส่ายหน้า “เราเหลือแป้งขาวอยู่ไม่เยอะ เก็บไว้สำหรับทำเกี๊ยวตอนปีใหม่เถอะขอรับ วันนี้ข้าจับหมาหริ่งมาได้ ประเดี๋ยวข้าจะเอาไปทำเนื้อตุ๋นกิน”

 

เห็นลูกชายมีแผนจัดการกับสัตว์ที่ล่ามาได้ เฒ่าหยูก็เกือบจะพูดอะไรบางอย่างโดยไม่ทันได้คิด ดีที่เขายั้งปากเอาไว้ได้และเปลี่ยนมาเอ่ยว่า “ก็ดีเช่นกัน ! เนื้อหมาหริ่งก็บำรุงร่างกายได้ดี ลูกน่าจะเอาให้เด็ก ๆ กินบ้าง ! ”

 

พูดจบเขาก็เดินเอามือไขว้หลังกลับไปที่ห้องใหญ่ช้า ๆ เฒ่าหยูสัมผัสได้ว่าลูกชายของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาลอบถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าครานี้ลูกชายของเขาจะเสียความรู้สึกมากจริง ๆ

 

หยูเสี่ยวเฉาตื่นขึ้นเพราะกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของเนื้อ ธรรมดาเนื้อหมาหริ่งก็อร่อยมากอยู่แล้ว พอรวมเข้ากับฝีมือการทำอาหารของนางหลิว เนื้อตุ๋นหม้อนั้นก็สามารถปลุกความเป็นนักกินที่อยู่ในตัวของทุกคนได้เลย

 

ทั้งครอบครัวนั่งล้อมวงอยู่บนเตียงกินเนื้อตุ๋นกันอย่างเอร็ดอร่อย หยูไห่มองเนื้อในถ้วยแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พ่อจะเอาเนื้อตุ๋นไปส่งที่ห้องใหญ่ 2 ถ้วย”

 

นางหลิวชะงักมือที่กำลังกินไปนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้ากินต่อโดยไม่พูดอะไร ตรงข้ามกับฉีโตวน้อยที่บ่นออกมาว่า “ท่านย่าไม่อยากให้เงินไปรักษาพี่สามตอนที่ท่านพี่ป่วย เหตุใดพ่อยังจะส่งเนื้อตุ๋นไปให้ท่านย่าอีกขอรับ ? ”

 

เสี่ยวเฉาเคี้ยวเนื้อในปากก่อนจะกลืนมันลงไป นางหยิกแก้มเด็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ท่านย่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน ถึงท่านย่าจะทำไม่ดีกับพวกเรา แต่เราจะไม่เคารพท่านย่ามิได้ ! ”

 

หยูไห่มองลูกสาวแล้วพยักหน้าอยู่ในใจ ถูกต้องแล้ว ‘ความกตัญญู’ เป็นกฎที่ยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์ ถ้าเกิดมีใครรู้เข้าว่าลูกหลานกินเนื้อกันโดยไม่เอาไปให้ผู้ใหญ่ในบ้านกินบ้าง  ชื่อเสียงของพวกเขาคงพังไม่เป็นท่า นอกจากนี้ครอบครัวของพวกเขาก็มีนางหลี่ผู้ที่ชอบซุบซิบนินทาผู้อื่นอยู่ อะไรที่นางรู้  โลกก็ย่อมรู้เช่นกัน !

 

หยูไห่เดินถือถ้วยเนื้อตุ๋นออกจากครัว เขาเห็นนางหลี่ยืนอยู่ที่ประตูห้องตะวันออก กำลังชะเง้อคอยาวมาทางครัวและมองไปรอบ ๆ ลูกชายจอมตะกละของนางเกาะอยู่ด้านหลังพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า “เนื้อตุ๋น ! ข้าอยากกินเนื้อตุ๋น ! เหตุใดพวกห้องตะวันตกแอบกินเนื้อกันโดยที่ไม่ยอมแบ่งพวกเรา ? ” หยูต้าชานพยายามดึงสองแม่ลูกกลับเข้าไปในห้อง ขณะที่เขากำลังจะปิดประตู เขาก็มองไปที่หยูไห่แล้วเอ่ยว่า “ต้าไห่ หลานก็แค่ถูกแม่ตามใจมากไปหน่อยน่ะ อย่าได้ใส่ใจพวกเขาเลย...”

 

“ยังมีเนื้อตุ๋นอยู่ในครัว ถ้าอยากกินก็ไปตักเอาเอง” หยูไห่เดินเข้าไปในห้องใหญ่พร้อมถ้วยเนื้อตุ๋นในมือ

 

นางจางหรี่ตามองเขา เสียงของนางแหลมเสียจนแสบแก้วหู “โอ๊ย ! ปีนี้ยายแก่คนนี้คงมิมีโชคได้กินเนื้อตุ๋นเสียแล้ว ! หากกินเข้าไปคงได้อายุสั้นลงเป็นแน่ ! ”

 

เฒ่าหยูมองหน้านางแล้วพูดว่า “หยุดพูดมากได้แล้ว ! ข้าเป็นคนยอมให้พวกเขาฆ่าตัวหมาหริ่งเอง สะใภ้รองกับเสี่ยวเฉาร่างกายอ่อนแอทั้งคู่ ควรกินของที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง กินเนื้อที่ล่ามาเองจะทำให้เจ้าอายุสั้นลงได้เยี่ยงไร ? ถ้าเจ้ามิอยากกินเยี่ยงนั้นข้าจะกินเองทั้งสองถ้วยนั้นแหละ ! ”

 

รีวิวผู้อ่าน