px

เรื่อง : กระทะเหล็กกู้โลก
บทที่ 4 ฉันหิวมาก


ในห้องโถงใหญ่ของโรงแรมมีทั้งโต๊ะและเก้าอี้ ก่อนวาระสุดท้ายของโลกหลงเหลือไว้ เมื่อก่อนห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของที่นี่เป็นสถานที่รับประทานอาหารของแขกที่มาพัก

แต่ในตอนนี้ หลังจากที่คนส่วนใหญ่ได้รับอาหารของตัวเองแล้ว ก็กลับไปที่ห้องของตนเอง โดยปกติมีเพียงแค่สมาชิกของทีมสำรวจไม่กี่คนที่นั่งกินข้าวที่ห้องโถงใหญ่

 

ในโอกาสนี้ ซ่งเจิงคุ้นเคยกับผู้รอดชีวิตที่นี่บ้างแล้ว หลังจากนี้จะสามารถกลับไปที่โลกของตนได้ไหมก็ยังไม่รู้ ไม่แน่ว่าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ถึงตอนนั้นอย่างน้อยก็ต้องทักทายกับผู้อื่น รู้จักกันก่อนเป็นเรื่องที่ดี

คนทั้งสองร้อยกว่าคน ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการรับอาหาร  ซ่งเจิงได้ทำความรู้จักไปรอบหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถจำทั้งหมดได้ แต่ชื่อและหน้าตาของผู้รอดชีวิตเขากลับจำได้เกือบทั้งหมด

 

ข้าวที่มีน้ำหนักสิบกว่าจินดูเหมือนว่ามีเยอะมาก แต่แบ่งให้กับคนสองร้อยกว่าคน ทุกคนจึงสามารถได้รับไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผักกาดดองครึ่งกระป๋อง เพียงแค่มื้อนี้เพิ่มซุปมาอีกหนึ่งถ้วยที่มีเนื้อมีกับผักเท่านั้น

แต่นี่ก็เป็นรสชาติที่ยากที่จะได้ลิ้มลองแล้ว หลังจากคนจำนวนมากได้รับซุปผักและเนื้อแล้ว ไม่สนใจว่าน้ำจะร้อนแค่ไหน รีบดื่มเข้าไปโดยทันที

มีบางคนที่ดื่มเข้าไปแล้วมีผักใบเล็กๆติดอยู่บนแก้ม หรือบางคนที่ได้รับรสชาติของเนื้อ ก็ดีใจเป็นอย่างมาก เหมือนว่าได้รับความสบายจากสวรรค์อะไรแบบนั้น

 

ในวาระสุดท้ายของโลก สิ่งมีค่ามากที่สุดคือความรู้สึกอิ่มจนท้องจะแตก! นี่คือความรู้สึกที่ไม่ค่อยได้รับรู้ก่อนที่ซ่งเจิงจะทะลุมิติมา! เป็นพ่อครัวของโรงเรียนม่อเสี่ยง วันๆต้องเผชิญกับอาหารที่ต้องจัดการไม่จบไม่สิ้น แม้แต่ความอยากอาหารก็ยังขาดแคลน โอ้! สวรรค์ ท่านกำลังลงโทษคนอย่างซ่งเจิงหรือ?

ซ่งเจิงเองก็แบ่งน้ำซุปถ้วยเล็กไว้ แต่เขาพึ่งกินแพนเค้กครึ่งชิ้นนไป เห็นน้ำซุปที่แม้แต่เนื้อบดก็ยังมองไม่เห็น ไม่สามารถเรียกน้ำย่อยได้โดยสิ้นเชิง ทุกวันฉันกินแต่ต้มผักกาดกับเนื้อหมู ผัดปลา! นี้คือสิ่งที่ให้คนกินหรือ? เหมือนว่าสุนัขที่โรงเรียนเทคนิคยังได้กินดีกว่านี้เลยป่ะ? เฮ้ย! วาระสุดท้ายนะวาระสุดท้าย! เหมือนกับนรกจริงๆ!

 

หาข้ออ้างสักข้อแล้วก็ยกซุปเนื้อ เข้าไปที่ห้องครัวแล้วหยิบกระทะเหล็กขึ้นชั้นบน กลับไปที่ห้องของตัวเอง

ในโรงแรมไม่มีของอะไรมากมาย จึงมีห้องว่างเป็นจำนวนมาก คนส่วนใหญ่สามารถอาศัยห้องละคนได้หรือสองคนต่อห้อง มีบางคู่สามีภรรยาหรือพ่อแม่ลูกสามคน ยังสามารถแบ่งห้องชุดให้ห้องหนึ่ง สวัสดิการแบบนี้ถ้าเห็นก่อนหน้าวันสิ้นโลก ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถสัมผัสสิ่งแบบนี้ได้

ตลอดทางที่ซ่งเจิงกลับมาถึงห้อง ปิดประตู กลับไม่ได้สังเกตเห็นสายตาสองคู่ที่กำลังจ้องมองมาที่เขา ที่แอบตามขึ้นมา

 

จริงๆแล้วซ่งเจิงเองก็รับรู้ได้ว่ามีคนแอบตามเขามา นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับความเพียรในการออกกำลังกายของเขาตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนเทคนิคม่อเสี่ยง ข้าวที่พวกเขากิน ต้องยกหม้อเหล็กที่หนักถึงสามสิบกว่าจิน ถ้าไม่มีกำลังแขนก็ไม่สามารถทำสำเร็จได้ เขาเชี่ยวชาญในวิชาเทควันโดเป็นอย่างมาก! สมรรถภาพร่างกายจึงถือว่าเป็นปกติ

เมื่อสายตาคู่นั้นที่จ้องมองเขาจากด้านหลัง ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้ว

แต่ความสนใจของซ่งเจิงในเวลานี้ ล้วนอยู่ที่กระทะเหล็กใบนี้ ต่อให้รู้สึกว่ามีคนแอบตามมาก็ไม่ได้ให้ความสนใจ

เข้าไปในห้อง และปิดประตูลง

 

ซ่งเจิงก็หยิบกระทะเหล็กออกมาตรงหน้า เริ่มใช้ทุกวิธีการในการทดลอง

เริ่มจากเริ่มถามคำถามมากมาย แต่กระทะเหล็กใบใหญ่ไม่ขยับแม้แต่น้อย ไม่มีท่าทีที่จะตอบคำถามแต่อย่างใด

นึกถึงสถานการณ์ที่ได้ยินเสียง “ติง” ถึงสองครั้ง ซ่งเจิงก็ถือกระทะเหล็กไว้ในมือ ใช้คำถามเมื่อครู่นี้ถามอีกครั้งในใจ

ในที่สุด ครั้งนี้เพียงแค่ไม่กี่คำถาม กระทะเหล็กก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ

 

 “ติง! ข้าคือกระทะเหล็กยุคปัจจุบัน กระทะเหล็กที่ผลิตขึ้นเองด้วยเหล็กเนื้อหยาบ ตอนนี้เชื่อมต่อกับเจ้านายได้สำเร็จ สามารถเข้าถึงความต้องการและความคิดของเจ้าของได้!”

กระทะเหล็กที่ผลิตขึ้นเองด้วยเหล็กเนื้อหยาบ?

ซ่งเจิงตาค้าง ในใจยังคงเกิดคำถาม : “ตอนนี้คือกระทะหยาบๆ หรือว่าหลังจากนี้สามารถเปลี่ยนเป็นกระทะเหล็กแบบอื่นๆได้อีกอย่างงั้นเหรอ?

 

ติง! ภายใต้เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงหากได้รับพลังงานที่เพียงพอ ข้ากระทะเหล็กจะสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นระดับดี ระดับยอดเยี่ยม จนถึงระดับที่สูงขึ้นไปอีก……ขอบเขตอำนาจของเจ้านายยังไม่เพียงพอ ไม่สามารถเรียนรู้ได้ในขณะนี้!”

ในใจซ่งเจิงทั้งตกใจทั้งดีใจ ไม่เคยเจอเรื่องกระทะเหล็กที่อัพเกรดได้! กระทะเหล็กผลิตขึ้นเองด้วยเหล็กเนื้อหยาบในระดับที่ต่ำที่สุดยังสามารถผลิตแพนเค้กและน้ำสะอาดได้ นั้นก็หมายความว่าระดับที่สูงขึ้นจะต้องเก่งกาจแค่ไหน?

ในใจเกิดความคิดนี้ขึ้น กระทะเหล็กก็ตอบคำถาม : ติง! มีเพียงแค่ตอนที่ดูดพลังงานให้เพียงพอ ข้ากระทะเหล็กถึงจะสามารถผลิตได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเกิดว่าพลังงานไม่เพียงพอ ก็ไม่มีวิธีที่จะผลิตได้!”

 

 “พลังงาน?ซ่งเจิงคิดในใจ : “ฉันจำได้ว่าคุณพูดว่าน้ำยาวิวัฒนาการระดับที่ต่ำที่สุดอะไรนั้น นั้นก็คือพลังงานชนิดหนึ่งใช่ไหม?

ติง! พลังงานมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงน้ำยาวิวัฒนาการที่ไม่จำกัด ส่วนที่ดีที่สุดของน้ำยาวิวัฒนาการ เมล็ดผลึกของสัตว์ชีวะ เมล็ดผลึกซอมบี้ชั้นสูง และอื่นๆ!”

น้ำยาวิวัฒนาการของชิ้นนี้ คือได้จากร่างกายพวกซอมบี้พวกนั้นใช่หรือไม่?ซ่งเจิงถามขึ้นอีก

แต่ครั้งนี้ กระทะเหล็กไม่ได้ตอบ อาจจะเพราะว่าคำถามนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่มันจะตอบ

แต่ซ่งเจิงคิดเองอยู่สักพัก ก็ไตร่ตรองออกมาได้ประมาณหนึ่ง ในตอนบ่ายอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของโรงแรม หัวหน้าเฉินเคยใช้กริชเปิดสมองของนายหลี่ที่ติดเชื้อซอมบี้พวกนั้น เปิดกระโหลกศีรษะของมันแล้วพลิกหา

 

ตอนที่ซ่งเจิงอยู่ใกล้ๆ ได้ยินชัดเจนว่าหัวหน้าเฉินพูดถึงคำว่าน้ำยาวิวัฒนาการพวกนี้

ถ้าเป็นอย่างที่พูด น้ำยาวิวัฒนาการของสิ่งนี้ น่าจะปรากฏอยู่ในสมองของซอมบี้

เมื่อคิดถึงตอนที่กระทะเหล็กไปชนกับสมองของนายหลี่อีกครั้ง ได้ยินเสียงเตือนนั้น เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น กระทะเหล็กก็เริ่มรู้สึกว่ามีน้ำร้อนที่อุ่นๆอยู่ น่าจะเป็นตอนนั้นที่กระทะเหล็กได้ดูดน้ำยาวิวัฒนาการจากสมองของนายหลี่

 

สำหรับเด็กที่ตั้งแต่เล็กเติบโตบนโลกที่สงบสุข สำหรับซ่งเจิงกับเรื่องเปิดกะโหลกศีรษะเพื่อเอาน้ำยาวิวัฒนาการเรื่องนี้นั้น รู้สึกไม่คุ้นชิน แต่เมื่อนึกถึงโรงฆ่าสัตว์ที่มักพบเห็นหัวหมูที่โดนตัด ฉาก**กระเด็น ก็ค่อยๆรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

ก็คิดซะว่าพวกซอมบี้พวกนั้นเป็นเจ้าหมูอ้วนก็แล้วกัน!

ขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงมีคนเคาะประตูห้อง ก็อกๆ เสียงเคาะประตูเบามากๆ เหมือนกับว่ากลัวคนอื่นๆได้ยิน

ในเวลาแบบนี้ จะเป็นใครที่มาหาเรากันนะ?

 

ซ่งเจิงขมวดคิ้วอย่างสงสัย เก็บกระทะเหล็กไว้ในตู้ก่อน ถึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง

เมื่อเปิดประตูออกมา ก็เห็นคนรูปร่างผอมเล็กๆเบียดประตูเข้ามา เดินโซซัดโซเซเข้ามาสองก้าว ก็เกือบล้มลงที่พื้นแล้ว

ซ่งเจิงรีบคว้าประคองไว้ เห็นรูปร่างที่ผอมของคนนี้ แถมยังอ่อนแอเป็นอย่างมาก จนกระทั่งยืนยังยืนได้ไม่มั่นคงเลย

ผมของคนนี้ยาวมาก และเหมือนกับแมงป่อง! ซ่งเจิงรับรู้ได้ถึงลมเย็นที่มืดมนและน่ากลัว!

 

เธอใช้มือไปจับที่คอของซ่งเจิง พูดอย่างอ่อนแอว่า : “ขอร้องล่ะ..ได้โปรด ฉันหิวมาก..ได้โปรดคุณให้อะไรฉันกินสักเล็กน้อยเถอะ..”

คำพูดนี้ ซ่งเจิงถึงพบว่าคนที่มาคนนี้คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิง ถึงแม้ว่าร่างกายจะผอมบาง แต่หน้าอกก็นูนขึ้นมาสองข้าง แค่มองแวบเดียวก็เห็นความแตกต่างว่าเป็นผู้ชายหณือเป็นผู้หญิงแล้ว

รีวิวผู้อ่าน