หลี่หวานหรูพูดขอความช่วยเหลือ : “ได้โปรดเถอะคุณ ฉันเต็มใจจริงๆไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร เพียงแค่คุณให้อาหารฉันสักเล็กน้อย ได้โปรดช่วยชีวิตปู่ของฉันเถอะ….”
ซ่งเจิงจริงๆก็ใจอ่อน เมื่อมองเห็นหลี่หวานหรูท่าทางจะร้องไห้ ก็เกิดความสงสารขึ้นมาในใจ
ความลับของกระทะเหล็กก็ยังไม่มีใครรู้ แต่ถ้าเกิดว่าแบ่งอาหารออกมาส่วนหนึ่ง ช่วยชีวิตคนสักชีวิตหนึ่ง ซ่งเจิงก็เต็มใจที่จะทำ แต่ไม่รู้ว่า แม่สาวหลินหวานหรูผู้นี้จะน่าเชื่อถือได้หรือไม่
ซ่งเจิงคิดไปคิดมา แล้วจึงพูดกับหลี่หวานหรูว่า : “งั้นเธอพาฉันไปดูหน่อย ถ้าเกิดว่าที่คุณพูดคือเรื่องจริง ผมก็จะพิจารณาแบ่งอาหารให้คุณ”
“จริงเหรอ?”
สายตาหลี่หวานหรูเป็นประกาย รีบเช็ดน้ำตาออก พูดด้วยความดีใจว่า : “ได้ ฉันจะพาคุณไปตอนนี้เลย!”
ขณะที่พูด หลี่หวานหรูแทบรอไม่ไหวรีบลุกขึ้นเดินไปข้างนอกประตู เดิมทีเพราะว่าเธอหิวมาเป็นเวลานานจนร่างกายซูบผอม เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็เซลงมา!
ซ่งเจิงรีบเข้าไปประคองเธอไว้ ทั้งสองคนก็ไม่ได้ตกใจอะไร เมื่อเดินผ่านระเบียงทางเดินมา พวกเขาก็เดินมาถึงด้านหน้าของโรงแรม
หลี่หวานหรูและปู่ของเธอถูกจัดให้อยู่ในห้องชุด พื้นที่ห้องจะกว้างกว่าห้องของซ่งจิงอยู่นิดหน่อย เมื่อเข้ามาในห้อง ก็เห็นผู้เฒ่าท่านหนึ่งนอนอยู่บนเตียงชิดริมหน้าต่าง รูปร่างผอมแห้ง มองดูแล้วใกล้จะไม่ไหวแล้วล่ะ
แถมยังสายตาของผู้เฒ่าเหมือนว่ามองไม่ค่อยชัดแล้ว ได้ยินเสียงเปิดประตู ก็ลุกนั่งขึ้นมาอย่างงกๆเงิ่นๆ กระตุกหนวดสั่นแล้วพูดขึ้นว่า : “เสี่ยวหรูกลับมาแล้วเหรอ ซุปเนื้อที่ได้มาวันนี้ปู่ยังไม่กิน เหลือไว้ให้หลานนะ หลานรีบมากินสิกำลังร้อนๆอยู่เลย มันช่วยเสริมสร้างร่างกายได้นะ……”
ได้ยินประโยคนี้ หลี่หวานหรูก็ตาแดงขึ้นมาทันที โผเข้าไปหาแล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า : “ปู่……”
ในเวลานี้ซ่งเจิงถึงแน่ใจแล้วว่าแม่สาวหลี่หวานหรูผู้นี้ไม่ได้โกหกตนเอง มองท่าทางปู่ของเธอ เกรงว่าจะหิวมานานมากจริงๆ ใกล้ที่จะทนไม่ไหวแล้ว
ตอนนี้จึงไม่ลังเล ควักแพนเค้กอีกครึ่งหนึ่งจากอกออกมา ส่งให้กับหลี่หวานหยู แล้วพูดว่า : “ของกินพวกนี้เธอเอาไปเถอะ ฉันมีเพียงเท่านี้แหละ”
แพนเค้กหัวหอมที่อบมาอย่างเหมาะเจาะพอดี กลิ่นหอมของงาส่งกลิ่นออกไปทั่ว สายตาของหลี่หวานหรูเป็นประกาย อดไม่ได้ที่น้ำลายแทบจะไหลออกมา แต่ไม่แสดงอาการให้เห็นใดๆ ก็ส่งแพนเค้กให้กับผู้เฒ่าอยู่บนเตียง : “ปู่ รีบกินเถอะ นี่เป็นของที่ทีมสำรวจจัดให้วันนี้ ฉันกินมาแล้ว……”
อาจจะเพราะว่ากลัวผู้เฒ่าปฏิเสธ หลี่หวานหรูเลยโกหกโดยสุจริต
ผู้เฒ่าได้ยินเธอพูดแบบนี้ ถึงรับมา ดมกลิ่นที่อยู่ตรงหน้า แล้วจึงเงยหน้ามองซ่งเจิงที่ยืนอยู่ในห้อง : “เสี่ยวหรู คนนี้คือใครเหรอ?”
“เขาคือซ่งเจิง คือ…..” หลี่หวานหรูกัดริมฝีปาก มีท่าทีกำลังจะพูดแล้วก็หยุดลง สีหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย
เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำซ่งเจิงว่าอย่างไรดี บางครั้งก็ค่อนข้างยากลำบาก
และในรูปร่างลักษณะแบบนี้ในสายตาของผู้เฒ่า แต่กลับเป็นเรื่องเข้าใจผิด จึงส่งเสียงอ๋อออกมาแล้วจึงพูดว่า : “ไม่ใช่ว่าหลานมีแฟนแล้วหรือ? ก็ดี ปู่ดูเจ้าหนุ่มคนนี้หน้าตามีชีวิตชีวาดี เสี่ยวหรูหลานต้องปฏิบัติต่อเขาดีๆนะ”
การมาถึงของวาระสุดท้ายของโลก ซึ่งเหมือนกับผู้หญิงหรือคนแก่ กลุ่มผู้ป่วยพวกนี้ ถ้าอยากที่จะดำรงชีวิตต่อไป มักจะต้องหาชายที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นที่พึ่งพา
เรื่องแบบนี้ในกลุ่มผู้รอดชีวิตไม่ใช่ความลับ แม้กระทั่งเมืองเจียหยางที่อยู่ในเขตเมืองลิตเติลร็อค มันได้กลายเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปของมนุษย์สายพันธุ์หลายคนที่ข้างกายจะโอบกอดผู้หญิงเป็นจำนวนมาก
ดำรงชีวิตอยู่ในวาระสุดท้ายของโลกมานานหลายปี หลี่หวานหรูและปู่ได้ยินปรากฎการณ์พวกนี้มาอยู่บ้าง แต่เห็นพ่อหนุ่มซ่งเจิงคนนี้ที่ดูมีชีวิตชีวา ไม่มีแววตาที่ดูเป็นคนไม่ดี ดังนั้นจึงไม่ได้คิดไปในทางนั้น
ในมุมมองของผู้เฒ่า ในเมื่อซ่งเจิงนำแพนเค้กของมีค่าสิ่งนี้ให้กับหลี่หวานหรู นั่นแสดงให้เห็นชัดว่าเขาจริงใจต่อหลี่หวานหรู
ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่า ซ่งเจิงและหลี่หวานนหรูทั้งสองก็ต่างหน้าแดง
หลี่หวานหรูแอบมองไปที่ซ่งเจิงแวบนึง แล้วพูดด้วยเสียงต่ำๆเบาๆว่า : “ปู่ไม่ต้องมายุ่งมากหรอก……”
มองดูปู่หลานที่พูดคุยกัน ซ่งเจิงเป็นคนนอก ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ค่อยๆถอยตัวออกมา
เมื่อมาถึงหน้าประตู เดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว หลี่หวานหรูก็ตามเขาออกมา
จับเสื้อผ้าของซ่งเจิงแล้วพูดว่า : “เอ่อ ซ่งเจิง….ครั้งนี้ขอบคุณคุณมากจริงๆ คุณช่วยชีวิตปู่ของฉันไว้ ฉันต้องรักษาสัญญาอย่างแน่นอน….”
ซ่งเจิงอดไม่ได้ยิ้มอย่างฝืดๆแล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไร เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เธอรีบกลับไปดูแลปู่ของเธอเถอะ”
ความกตัญญูต้องมาก่อน โดยเฉพาะตอนนี้ยุคของวาระสุดท้ายของโลก เพราะเหตุผลของสมรรถภาพร่างกายทั้งคนแก่และเด็ก มักจะถูกมองว่าเป็นภาระที่ไร้ประโยชน์ เมื่อถึงตอนหลบหนีก็จะเป็นตัวเลือกแรกที่จะถูกทิ้งก่อน
หลังจากการมาถึงของวาระสุดท้ายของโลกในช่วงเวลาสิบปี ผู้คนจำนวนมากได้ถูกสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างนอกพวกนั้นกัดตาย ที่สามารถมีชิวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้นั้น มีน้อยมากๆแล้ว
ในเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หลี่หวานหรูไม่เคยมีความคิดที่จะทอดทิ้งปู่ของเธอ เห็นได้ชัดว่ากตัญญูมากจริงๆ ซ่งเจิงมองออกในจุดนี้ ถึงได้ให้แพนเค้กกับเธอ พูดถึงการตอบแทน เขายังไม่มีความคิดนั้นจริงๆ
“ไม่ ฉันได้ให้สัญญาไว้แล้ว ต้องทำตามสัญญา”
หลี่หวานหรูกัดริมฝีปาก พูดด้วยเสียงเบาๆ : “คุณวางใจได้ รอให้เรื่องทางนี้ของปู่จัดการให้เรียบร้อยก่อน ฉันจะไปหาคุณเอง!”
ขณะที่พูด สายตาของหลี่หวานหรูมองลึกลงไปที่ตาของซ่งเจิง แล้วถึงหันตัวเดินกลับไปที่ห้อง
ซ่งเจิงยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ยิ้มออกมา ในใจกลับไม่ได้สนใจมากนัก
ขณะที่เดินกลับในใจของเขาก็กำลังคิดคำนวณอยู่
หลังจากที่นำแพนเค้กให้หลี่หวานหรูแล้ว ในตัวของซ่งเจิงก็ไม่มีอาหารอะไรอีก ถึงแม้ว่ากระทะเหล็กผลิตแพนเค้กออกมาได้พลังงานที่เพียงพอ หลังจากทานเข้าไปแล้วก็แก้หิวได้
แต่ถ้าผ่านวันนี้ไป พรุ่งนี้ไม่มีอะไรให้กินแล้ว จะกินได้ก็แค่เพียงรอเบื้องบนแบ่งพวกผักกาดดองกระป๋องพวกนั้นกับบิสกิตอัดแท่งมาให้เท่านั้น
มันจะต้านทานความหิวได้ไหมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่รสชาติของอาหารพวกนี้แย่มากๆ แถมยังไม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเกิดว่าทานเข้าไปเป็นเวลานาน แน่นอนว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
และกระทะเหล็กที่ผลิตของกินขึ้นเองได้นั้น กลับจำเป็นต้องใช้น้ำยาวิวัฒนาการจากสมองซอมบี้ถึงจะใช้การได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ถ้ายังอยากให้มันผลิตขึ้นมาเองได้ละก็ จำเป็นต้องคิดหาวิธีหาน้ำยาวิวัฒนาการแล้ว และบริเวณใกล้เคียงโรงแรมฟู่คัง ก็หาซอมบี้ได้ไม่เท่าไหร่ แน่นอนว่าไม่สามารถหาน้ำยาวิวัฒนาการได้
ซ่งเจิงรู้สึกถึงความยากลำบากแล้ว หรือว่าเขาต้องไปเข้าร่วมทีมสำรวจ ล่าซอมบี้ดี?
ถ้าทำแบบนี้แน่นอนว่าอันตรายมาก แต่ถ้าอยากจะใช้ชีวิตต่อไปได้ ถ้าอยากกินให้ท้องอิ่มล่ะก็ ที่เห็นตอนนี้ก็มีแต่เส้นทางนี้แล้ว
ซ่งเจิงเองเป็นคนที่ทำอะไรเด็ดขาด ไม่ลังเล หลังจากที่คิดได้แล้วตรงนี้ ในใจก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ก็ไปหาหัวหน้าเฉิน สมัครเข้าร่วมทีมสำรวจ!
เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น ข้างในและนอกโรงแรมก็มืดไปหมดแล้ว
ยุคสมัยของวาระสุดท้ายของโลก ไฟฟ้ากลายเป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน ในเมืองลิตเติลร็อค มีเพียงโรงไฟฟ้าที่อยู่เขตด้านในเมืองที่สามารถรักษาพลังงานส่วนนี้ได้ เพื่อแจกจ่ายไฟฟ้าให้กับเมืองที่อยู่เขตด้านใน
แต่สถานที่ที่รวบรวมไฟฟ้านั้นได้กระจัดกระจายที่อยู่เขตรอบนอก ใช้ได้เพียงพลังงานสำรองที่โรงแรมเหลือไว้ให้ ก่อไฟทำอาหาร เพื่อรักษาปริมาตรการใช้ไฟฟ้าของหลายร้อยห้องทั่วทั้งโรงแรม นี่ก็เป็นอุปสรรคมากแล้ว ดังนั้นทุกวันหลังจากหกโมงเย็นเป็นต้นไป ทั่วทั้งโรงแรมจะตัดไฟ เข้าสู่โลกแห่งความมืด
ในเมื่อวาระสุดท้ายของโลกมีมาได้สิบกว่าปีแล้ว ในปีนี้ ทั้งโทรศัพท์และของพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่มีมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นนอกจากจะมืดไปสักหน่อยแล้ว ทุกคนก็ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้นชิน
ซ่งเจิงอยู่ที่ห้องของตนเอง มองดูวิวข้างนอกที่ค่อยๆมืดลง เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้านอน ก็ได้ยินเสียงดังจากประตูห้อง
เงาของคนที่อยู่ข้างนอกสาดส่องเข้ามา เงาสีดำก็ค่อยๆเดินย่องมาที่เตียงของซ่งเจิง