Chapter 17: เผชิญหน้ากับโจร
แฮปปี้ปรากฏตัวเหมือนกับเด็กหนุ่มที่หล่อเหลา และเขาเป็นที่จับตามองอย่างมาก เมื่อเขาถือดาบชั้นสูง เขายิ่งสง่างามและเริ่มมีท่าทางเหมือนกับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่กล้าหาญ
เขาออกจากคฤหาสน์มู่หลงผ่านประตูไปอย่างรวดเร็ว และผู้เล่นชายที่ยังไม่ได้รับสมัครเป็นศิษย์ทางการของตระกูลมู่หลง เต็มไปด้วยความอิจฉา ในขณะที่ถอนหายใจและโอดครวญมาที่ด้านหลังของเขา ดวงตาของพวกผู้เล่นหญิงต่างส่องประกายด้วยความเอ็นดูออกมา พวกเธอจ้องไปที่แฮปปี้ ตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวจนหายไป ซึ่งมันทำให้พวกผู้ชายที่ถูกเมินรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเขาเดินออกไปจากคฤหาสน์มู่หลง แฮปปี้เก็บกระบี่ร้อยต่อสู้ ที่ได้รับมาจากโจรปล้นสุสานไว้ในธนาคาร แม้ว่ามันจะไม่ได้อาวุธชิ้นเอก มันคมและทนทาน มันห่างจากอาวุธชิ้นเอกเพียงนิดเดียว ถ้าเขามีโอกาสที่จะฝึกฝนกระบี่ในอนาคต เขาจะสามารถใช้มัน แทนที่จะไปซื้ออาวุธเล่มอื่น
สำหรับจี้หยกที่เขาได้รับมาจาก เจ้าสามที่โชคร้าย แฮปปี้นำพวกมันไปที่ร้านค้าและขายพวกมันทิ้ง เขาได้รับเงินมาหนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึงเงิน พร้อมกับหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงทองและห้าร้อยธนบัตรเงินที่เขาได้รับมานานแล้ว เขาก็นับได้ว่าเป็นคนที่รวยคนหนึ่ง
เมื่อเขาเดินผ่านร้านเสื้อผ้า แฮปปี้ก็หยุด เขาก้มหัวลงไปดูเสื้อสีเทาที่สวมอยู่ ในเวลานั้นเอง สิ่งที่คุณหญิงตระกูลมู่หลงพูดกับเขา ดังขึ้นมาในความคิด
ตระกูลมู่หลงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง เขาไม่สามารถที่จะทำลายชื่อเสียงที่โด่งดังและสง่างามของพวกเขาแบบนี้ได้
ใช่ เขาจำเป็นต้องใช้เงิน
เขาหันหลังกลับและเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้า เมื่อเขาเดินเข้าไป เสื้อผ้าสีเทาของเขาถูกเปลี่ยนไปเป็น เสื้อนักรบสีฟ้าอ่อน เขาพันผ้าพันหัวสีฟ้ารอบหน้าผาก และเด็กหนุ่มที่ดูสง่างามก่อนหน้านี้ได้หายไป เขามีท่าทางของนักรบ และมีหน่วยก้านสมกับเป็นผู้ชาย
เขาไม่ได้ใช้เวลามากเท่าไหร่กับการเลือกเสื้อผ้า และเขาสวมชุดแบบเดิม ในตอนที่เขายังไม่ได้สร้างชื่อเสียงในโลกศิลปการต่อสู้ ในชาติที่แล้ว ในเวลานั้น เขาได้รับความสนใจจากหญิงสาวเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าอาวุธของเขาในเวลานั้นก็ไม่ได้ธรรมดาทั่วไปด้วยเช่นกัน…
เมื่อเขาเดินออกมาจากร้านค้า ชุดของเขาได้สร้างความฮือฮาท่ามกลางหมู่ผู้เล่นบนถนน
ดาบชั้นสูง เสื้อผ้านักรบสีน้ำเงินและผ้าพันหัววีรบุรุษ ทำให้เด็กหนุ่มดูเปลี่ยนแปลงไป เขาดูน่าหลงไหลมากกว่าแต่ก่อนและผู้เล่นกว่าครึ่งเมืองของเมืองกูซูได้จับตามองมาที่เขา ในความเป็นจริงแล้ว ผู้เล่นหญิงที่กล้าหาญบางคนได้ส่งสายตาเชื้อเชิญกับเขา และพยายามสบตากับเขา
เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติจากถนนเบื้องล่างของพวกเขา ดวงตาสองคู่ได้มองลอดออกมาจากหน้าต่างชั้นหนึ่งของร้านอาหาร ชื่อร้านอาหาร A สายตาของเขาจดจ้องไปที่ด้านหลังของเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อสีน้ำเงินที่กำลังเดินอยู่กลางถนนและทำให้ผู้คนฮือฮา
“เขาเด็กมาเลยนะ”
“ฮึ่ม เขายังโครตรเด่นอีกด้วย”
คนสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเป็นชายหนุ่มสองคน พวกเขาดูมีอายุประมาณยี่สิบสองหรือยี่สิบสามปี เทียบกับผู้เล่นส่วนใหญ่บนถนนแล้ว พวกเขาดูหนุ่มและโตกว่ามาก
นี่เป็นหนึ่งในระบบของโลกศิลปะการต่อสู้ เมื่อผู้เล่นได้เล่นเกมมานานกว่าหนึ่งเดือน ร่างกายและรูปลักษณ์ของพวกเขาจะค่อยๆเติบโตเหมือนกับรูปลักษณ์ในชีวิตจริง ไม่ว่าผู้เล่นจะแก่แค่ไหนก็ตาม
ทั้งสองจ้องไปที่เด็กหนุ่มที่สวมชุดสีฟ้าอ่อนบนถนน และสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจและโหดร้าย!
“เขาเป็นเพียงแค่มือใหม่ที่ยังไม่ได้ข้ามช่วงเวลามือใหม่เลยด้วยซ้ำ แถมดูหยิ่งอีก ดูแล้ว เขาน่าจะเป็นศิษย์ของคนรวยบางคนนะ”
“นายคิดว่าพวกเราควรที่จะสอนบทเรียนให้กับเขางั้นสินะ”
คนพูดเลิกคิ้วให้กับสหายที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเขา ในขณะที่ยังดูมีมาดอยู่ เขาวางอาวุธลงไปบนโต๊ะและจ้องตาสหายของเขา รอยยิ้มจางๆได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“นายก็เข้าใจฉันดีนี่หว่า”
ทั้งสองคนหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน พวกเขาทั้งสองรีบลุกขึ้นยืนและเดินลงบันไดไป
...
เป้าหมายของแฮปปี้คือ เขาจะเดินออกจากเมืองไปตามหาอันธพาลหลี่ฉานที่กำลังเก็บรวบรวมเงินค่าธรมเนียม วิชาดาบเก้าพระราชวังแปดเหลี่ยมสำนักบู้ตึ้ง พึ่งจะเข้าสู่ดินแดนที่สามเท่านั้น และมันอาจจะยังไม่พอจัดการกับหลี่ฉานที่มีกำลังเพียงครี่งเดียว ประสบการณ์ของเขาน่าจะทำให้พอที่จะต่อสู้ได้ดีอยู่ ด้วยเหตุผลนี้แล้ว เขาเชื่อว่าเลเวลของสกิลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ยังไงก็ตาม แฮปปี้ไม่ได้คาดว่าเส้นทางของเขาจะถูกปิดกั้นโดยคนอื่นแทน ในยามที่เขากำลังเดินทางไปโรงเตี๊ยม
สองคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาต่างสูงกว่าเขาเกือบหัวหนึ่ง พวกเขาต่างสวมชุดนักรบและต่างพาดกระบี่และดาบไว้ แฮปปี้ยืนนิ่งๆและดูตึงเครียด
“ฉันไม่น่าจะรู้กับพวกนายนะ”
แฮปปี้ได้เรียนรู้ถึงความชั่วร้ายเกี่ยวกับหัวใจของคนมาแล้ว ในช่วงสามปีในโลกศิลปะการต่อสู้ คนจำนวนมากอาจจะไม่สามารถที่จะเอาชนะ NPC ในด้านเทคนิค แต่หัวใจของพวกเขาต่างเลวร้ายกว่ามาก เมื่อเทียบกับ อันธพาลหลี่ฉาน โจรปล้นสาม และ NPC ที่ชั่วร้ายตัวอื่น
“ดาบของเจ้าเด็กนี่มัน….ดูแพงใช้ได้เลยนะ”
“เขาดูเหมือนว่ามีของดีๆติดตัวอยู่นะ เอางี้เป็นไง? ถ้าเขาดรอปดาบของเขามา มันจะเป็นของของนาย และถ้าเขาดรอปอย่างอื่น ของทั้งหมดของเขา จะตกเป็นของฉัน!” ชายสองคนไม่ได้สนใจแฮปปี้และต่างกระซิบกันไปกระซิบกันมา
แฮปปี้ถึงกับพูดไม่ออก
เมิ่อเขาได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด เขาก้มหัวของเขาลงไปมองดาบชั้นสูงในมือของเขา หลังจากนั้นเขาเริ่มหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นในหัวของเขา
เขายังไม่ได้ทำความคุ้นเคยกับดาบเลยด้วยซ้ำไป เขายังเดินไปเจอพวกโจรอีก!
ฮึ่ม!
พวกเขาสองคนดูเหมือนจะเล่นโลกศิลปะการต่อสู้มาได้สักพักหนึ่งแล้ว อาวุธของพวกเขาก็ดูดีมาก และชีพจร รวมทั้งจิตใจของพวกเขามั่นคงและสูงกว่าผู้เล่นใหม่ด้วยซ้ำไป เมื่อพวกเขาทำเรื่องเลวทราม พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกผิด ซึ่งหมายความว่า พวกเขาน่าจะทำให้ผู้เล่นใหม่ได้รับบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมากแล้วแน่ๆ
เมื่อเขาเข้าใจว่าความโลภมันครอบงำพวกเขาอยู่ แฮปปี้ก็ไม่เสียเวลาคุยกับพวกเขา เขาชักดาบชั้นสูงและชี้ปลายดาบลงไปบนพื้นดิน
“เข้ามาสิ”
ตั้งแต่ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะปล้นแฮปปี้ เขาก็ไม่ถือสาที่จะสู้กับพวกเขา
ทั้งคู่มองหน้ากันและกัน พวกเขาเห็นว่ามันมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป เกี่ยวกับเด็กหนุ่มนักดาบที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้ รวมทั้งความใจเย็นในสายตาของเขา การดูถูกในสายตาของเขาก็จางหายไป นักดาบคนนี้แตกต่างออกไป เมื่อเทียบกับผู้คนที่พวกเขาพบก่อนหน้านี้ เขาดูใจเย็นมากเกินไป
แต่เจ้าเด็กหนุ่มนี่ไร้เดียงสามากเกินไป พวกเขาเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในการเล่นเกมมานานกว่าหนึ่งเดือน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขามากนักสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มที่ถือดาบครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะมองไปยังผู้ใช้ดาบ
“นายไปก่อนเลย! ฉันจะระวังไม่ให้เขาหนีเอง”
“ได้เลย” ชายคนนั้นยกดาบขึ้นและก้าวเดินไปด้านหน้า เขาจ้องไปที่แฮปปี้สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “จำชื่อของฉันไว้ดีๆนะ ฉันชื่อ วูฮ่าว!”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว”
“ฮึ่ม! ให้ฉันดูสิว่ายังทำตัวแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน”
ผู้ใช้ดาบก็ถูกยั่วยุโดยน้ำเสียงของแฮปปี้ในทันที เขาคำรามออกมาและปลดปล่อยท่าที่ฝึกฝนมาอย่างดี ท่าแนวทางแห่งอมตะ แสงสว่างของดาบก็ส่องสว่างมากยิ่งขึ้น และเขาก็เคลื่อนที่ไปด้านหน้า
คิ้วของแฮปปี้ก็เลิกขึ้น ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา!
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ใช้กระบี่ ทำตัวผ่อนคลายแบบนั้น โดยปล่อยให้ผู้ใช้ดาบรับมือกับเขาเพียงคนเดียว เป็นไปตามที่เขาคิดเลยว่าผู้ใช้ดาบ จะต้องเก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้
เขาได้ใช้วิชาบ่มเพาะลมปราณดาบสรรพจริง จากโรงเรียนสรรพจริง ขึ้นอยู่กับความเร็วและพละกำลังของเขาแล้ว เขาก็อยู่ในดินแดนที่แปด!
เขาอาจจะประหลาดใจ แต่แฮปปี้ก็ใช้ท่า เผิงไล่ต้อนรับผู้มาเยือนอย่างไม่รีรอ เพื่อที่จะปัดป้องการโจมตีของศัตรู เมื่อดาบของพวกเขาปะทะกัน ความแตกต่างระหว่างเลเวลของเทคนิคก็เห็นได้ชัดเจน
เมื่อดินแดนแห่งศิลปะการต่อสู้เพิ่มขึ้น ความเร็วและความรุนแรงของสกิล จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน วูฮ่าวก็ได้เปรียบในเรื่องของความเร็วและความดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด เขาสัมผัสได้ถึงความเชื่องช้าของดาบเก้าพระราชวังแปดเหลี่ยม และเขาโจมตีอีกครั้งและอีกครั้งอย่างไม่ลังเล การโจมตีของเขาทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ และเขาได้ใช้การบุกจู่โจมกดดันแฮปปี้อย่างสมบูรณ์
“ฮ่าๆ! แกกล้าทำตัวโอหังแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆที่มีฝีมือแค่นี้นี่นะ?!”
ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน วูฮ่าวสามารถที่จะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า พละกำลังและความแข็งแกร่งของแฮปปี้ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับเขา เขาดูเหมือนพึ่งจะได้เรียนสกิลเบื้องต้นไปเท่านั้น การเคลื่อนไหวของเขาก็อืดอาดยืดยาด
แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกออกไป
แม้ว่าดินแดนของเขาจะต่ำมาก และเทคนิคดาบของเขาจะต่ำกว่า การก้าวเท้าของเขารอบคอบอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขาสามารถที่จะคาดเดาการโจมตีครั้งต่อไปของวูฮ่าวได้ก่อนเลย ซึ่งมันทำให้เขาป้องกันได้โดยเสียเปรียบเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่ามันจะยากมากสำหรับแฮปปี้ เขาได้ใช้มันในการปัดป้องการโจมตีทั้งหมด
วูฮ่าวอาจจะคิดว่า แฮปปี้โชคดีในครั้งแรกๆ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันแสดงให้เห็นว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ!
พวกเขาต่อสู้กันสักพักหนึ่ง และการแสดงออกของผู้ใช้กระบี่ที่มองการต่อสู้จากด้านข้างเริ่มจริงจัง และตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาสามารถที่จะบอกได้เลยว่าเด็กหนุ่มดูเหมือนจะเข้าใจท่าดาบสรรพจริงเป็นอย่างดี การย่างเท้าของเขาก็มั่นคง และวิชาดาบของเขาก็ดีขึ้น ในทุกๆครั้งที่เขาปะดาบกับวูฮ่าว การเคลื่อนไหวของเขาก็เรียบเนียนขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน
ในอีกความหมายหนึ่ง เขาดูเหมือนกำลังใช้วูฮ่าวเป็นผู้ฝึกดาบเก้าพระราชวังแปดเหลี่ยมนั่นเอง!