เมื่อคุยโทรศัพท์ ป้าถังก็บอกเขาว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่การทานอาหารค่ำ แต่เป็นงานปาร์ตี้วันเกิดหนึ่งในเพื่อนสนิทของเจียงซูหลัน
เขาคิดว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่งานปาร์ตี้ และออกจากงานปาร์ตี้เมื่อไม่มีใครสนใจ ดังนั้นเขาจึงติดต่อไปหาเจียงซูหลัน
“สวัสดี? นั่นใช่หลันหลันหรือเปล่า? นี่เฉินฟานเองนะ”
“มีอะไร?” น้ำเสียงที่เย็นชาของเจียงซูหลันดังออกมาจากโทรศัพท์โดยไม่มีความอยากสนทนาเลยแม้แต่น้อย
เฉินฟานพูดต่อ “ป้าถังขอให้ฉันเข้าร่วมงานวันเกิดเพื่อนของเธอหนะ”
“อืม... ก็ได้ นายมาหาฉันสิ ฉันอยู่ที่สตาร์บัคส์ในตัวเมือง” ดูเหมือนว่าเจียงซูหลันจะได้รับการติดต่อจากแม่ของเธอมาก่อนแล้ว
“ใครงั้นเหรอ หลันหลัน?”
หญิงสาวที่สวมเสื้อผ้า และเครื่องประดับยี่ห้อแบรนด์เนมอย่างกุชชี่ และหลุยส์วิตตองถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เธอเป็นเพื่อนสาว WRB ของเจียงซูหลัน จางหยูเมิ่ง ผู้เป็นเจ้าของวันเกิด
(WRB = White/Rich/Beautiful = ขาว/รวย/งดงาม)
มีหญิงสาวรูปร่างสูงสง่า และมีเสน่ห์อีกคนนั่งถัดจากเจียงซูหลัน ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทของเจียงซูหลันมาตั้งแต่เด็ก
“ก็แค่ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่ง เขาเป็นลูกชายเพื่อนของแม่ฉัน ฉันไม่รู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่? ลองเดาดูสิว่าแม่ของฉันทำอะไร? เธอต้องการจับคู่ฉันกับชายหนุ่มคนนั้น พวกเธอเชื่อรึเปล่าล่ะ? ฉัน และชายหนุ่มบ้านนอก? ฮึ่ม!” เจียงซูหลันเก็บโทรศัพท์ของเธอเข้ากระเป๋า และพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าอย่างนั้น... เขาก็ได้พบกับพ่อแม่ของเธอแล้วล่ะสิ” จางหยูเมิ่งพูดจาเย้าแหย่ เธออยากรู้อยากเห็น และอดที่จะถามเจียงซูหลันไม่ได้ “เขาดูเป็นยังไงบ้าง? เขารวยรึเปล่า? เขาดูดีเหมือนกับหยางเฉาของฉันไหม?”
หยางเฉาเป็นแฟนของจางหยูเมิ่ง เขาสูง หล่อเหลา และเป็นกัปตันทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียนที่มีเสน่ห์ ตระกูลของเขาเป็นเจ้าของโรงแรม ‘เทียนเฉิงแกรนด์โฮเต็ล’ หนึ่งในห้าโรงแรมระดับ 5 ดาวในเมืองซูโจว
แม้ว่ากัปตันทีมบาสเก็ตบอลจะไม่เคยขาดผู้ที่มาชื่นชอบ แต่เขาก็ภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับสาวฮอตอย่างจางหยูเมิ่ง
“เธอคิดเป็นแต่เรื่องเงินหรือไง? เงินเป็นสิ่งที่เธอใส่ใจมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?” หญิงสาวที่ดูสง่ากลอกตามองไปที่จางหยูเมิ่ง
“มันผิดด้วยเหรอไง? ฉันไม่เดทกับไอ้พวกขี้แพ้ ไอ้อ้วนตัวเหม็นหรือไอ้พวกที่ยากจนหรอกนะ เธอก็รู้หนิ” จางหยูเมิ่งเท้าเอว และโต้กลับไปยังหญิงสาวที่พูดขึ้นมา
“ก็ได้ ก็ได้ เราทุกคนรู้ว่าเธอมีมาตรฐานสูง” เจียงซูหลันพูดตัดบท “เขาชื่อ เฉินฟาน และมาจากเมืองซี่ชุ่ย ครอบครัวของเขามีฐานะปานกลาง และเขาค่อนข้าง... ช่างมันเถอะ ฉันแค่คาดเดาจากที่เห็นเท่านั้น แต่แม่ของฉันยืนยันว่าเขาเป็นมิสเตอร์ชอบธรรมเพราะเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์”
“ซื่อสัตย์? ในทุกวันนี้ความซื่อสัตย์จะมีค่าซักเท่าไหร่กันเชียว?” จางหยูเมิ่งหัวเราะเยาะ
หญิงสาวที่ดูสง่างามถัดจากเจียงชูหลันส่ายหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ต้องไปสนใจเธอหรอก น้ำเสียงที่เขาพูดคุยกับเธอดูเป็นมิตรมาก อย่างไรก็ตามหากเธอชอบเขา ความสัมพันธ์ของเธอทั้งสองก็คงจะไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน”
“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันชอบเขา เลิกกังวลกับเรื่องไร้สาระเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันแค่รำคาญแม่ของฉันเท่านั้นเอง”
“หากเธอไม่ชอบเขา บางทีฉันสามารถยื่นมือช่วยเหลือเธอได้ ฉันจะสอนบทเรียนให้กับเขาเอง” จางหยูเมิ่งแค่นเสียง
เจียงซูหลันกลอกตา เธอรู้สึกรำคาญแม่ และเพื่อนๆของเธอจนเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
หลังจากนั้นไม่นานพวกเธอก็เห็นเฉินฟานเดินเข้ามาที่สตาร์บัคส์
ในปี 2007 เมื่อสตาร์บัคส์เปิดตัวเข้าสู่ตลาดจีนเป็นครั้งแรก มันก็กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ชนชั้นกลาง และพนักงานออฟฟิศ พวกเขาจะใช้ที่นี่เพื่อนัดพบพูดคุยกับเพื่อนๆ และใช้ช่วงเวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ในตอนบ่ายเพื่อผ่อนคลาย
แม้แต่ที่สตาร์บัคส์เจียงซูหลันก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าคนอื่นเป็นจำนวนมาก ความงามของเธอนั้นยอดเยี่ยมแม้แต่ในกลุ่มสาวออฟฟิศที่มีการศึกษาดีก็ยากที่จะเปรียบได้
หญิงสาวสองคนที่มากับเธอก็มีความงดงามที่พิเศษเช่นกัน คนหนึ่งสูงสง่า และมีเสน่ห์ อีกคนหนึ่งตัวเล็ก และน่ารัก ผู้หญิงสามคนค่อยๆกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจในร้านกาแฟ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เฉินฟานจะมองเห็นเจียงซูหลัน เขาโบกมือ และเดินไปที่โต๊ะของเธอ
“สวัสดี” เจียงซูหลันทักทายเขาด้วยความสุภาพ อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงรักษาระยะห่างจากเฉินฟาน
เฉินฟานสังเกตเห็นหญิงสาวที่มีรูปร่างสูงสง่า และลุคที่ดูมีเสน่ห์ เธอไม่แม้แต่จะเหลือบมองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อยในขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะ เธอยกถ้วยกาแฟขึ้น และมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าของเธอปราศจากซึ่งอารมณ์ แต่ข้อความที่ส่งกลับมานั้นชัดเจน ‘อย่ามายุ่งกับฉัน’
“นายคือเฉินฟานงั้นเหรอ?” จางหยูเมิ่งมอบดูรอบๆตัวเขาในขณะที่มีประกายดูถูกเหยียดหยามอยู่ในสายตาของเธอ
เสื้อผ้า รองเท้า และชุดทั้งหมดของเธอมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนหยวน กระเป๋าที่เธอใช้ก็คือหลุยส์วิตตองรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น เธออยู่ในชุดชาแนลสีชมพู และรองเท้าจาก Mauro Leone ซึ่งพ่อของเธอซื้อให้จากมิลาน
(Mauro Leone ผมไม่รู้ชื่อแบรนด์ เลยไม่รู้ว่าจะเขียนแบรนด์นี้ยังไง ต้องขออภัยด้วยครับ)
ในขณะเดียวกันเฉินฟานอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ยี่สิบหยวน และเสื้อยืดห้าหยวน เมื่อทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันก็ดูราวกับอยู่กันคนละโลก
“เฮ้ เพื่อน! นายรู้ไหมว่ามีคนต้องการเดทกับหลันหลันกี่คน? เอาล่ะ ฉันจะบอกให้นายฟังเอง ชายหนุ่มสุดสมาร์ทที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยฉินหัว ลูกชายของคนร่ำรวยที่พ่อของเขาสามารถซื้อครึ่งหนึ่งของเมืองได้ และอีกไม่นานพ่อของเขาก็กำลังจะกลายเป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่! ลองเดาดูสิว่าเธอจะเลือกใคร? แต่ต้อง ไม่-ใช่-นายอย่างแน่นอน!” จางหยูเมิ่งเหวี่ยงแขนฟาดไปที่เฉินฟาน
“เมิ่งเมิ่ง!” เจียงซูหลันจ้องมองไปที่หญิงสาวเพื่อให้เธอเงียบลง
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่ได้สนใจในตัวหลันหลัน แม่ของเธออยากให้ฉันมาที่นี่เพื่อร่วมงานปาร์ตี้ก็เท่านั้น” เฉินฟานพูดขึ้นในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เจียงซูหลัน
“เมิ่งเมิ่งไม่ได้หมายความตามสิ่งที่เธอพูด ฉันหวังว่านายจะไม่คิดมากนะ” เจียงซูหลันพูดอย่างแผ่วเบา
“อ่าหะ แน่นอน...” เฉินฟานคิดกับตัวเอง
เขาฉาบไปด้วยรอยยิ้ม และยักไหล่
เมื่อเห็นว่าเจียงซูหลันมองเตือนจางหยูเมิ่งแค่พอเป็นพิธี เฉินฟานก็รู้ว่าเจียงซูหลันนั้นได้ยอมรับการกระทำของจางหยูเมิ่ง
จิตใจของเฉินฟานได้มอบให้กับเสี่ยวเชว่ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าผู้หญิงคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเขา จะชอบหรือไม่ชอบ นั่นไม่ใช่ปัญหาของเขา และเขาก็ไม่ได้ต้องการการจูบลาของพวกเธอแม้แต่น้อย
จางหยูเมิ่งรู้สึกพึงพอใจกับความเงียบของเฉินฟาน จากนั้นเธอก็ฝังหัวของเธอลงไปในนิตยสารแฟชั่น และแกล้งทำเป็นว่าเฉินฟานไม่ได้อยู่ที่นี่
เฉินฟานไปที่เคาน์เตอร์ และสั่งคาปูชิโน่หนึ่งถ้วย และนั่งลงที่โต๊ะ
ตั้งแต่เขาเดินเข้ามา ความสนใจของเขาก็มักจะหยุดอยู่ที่ญิงสาวรูปร่างสูงสง่าที่ไม่สนใจเขา
เธอก็คือ ซูหรงเฟย! หนึ่งในเพื่อนสนิทของเจียงซูหลัน
หากความจำของเฉินฟานถูกต้อง เขา และเธอเคยมีความสนใจซึ่งกันและกันอยู่เล็กน้อย
หญิงสาวผู้มีเสน่ห์สวมเสื้อคลุมสีดำที่เน้นหน้าอกของเธอ และเปิดเผยเอวที่เล็กคอดของเธอเล็กน้อย เธอสวมกางเกงยีนส์ขาสั้นเผยให้เห็นเรียวขายาวคู่หนึ่งที่สามารถขโมยลมหายใจของเหล่าชายหนุ่มได้ ผิวที่ราวกับเครื่องลายครามของเธอเกือบจะส่องแสงภายใต้ดวงอาทิตย์
แม้ว่าเธอจะไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ที่หรูหรา แต่ร่างกาย และความงดงามของเธอก็ทำให้เธอสามารถเป็นนางแบบได้แม้จะชุดที่แสนธรรมดาก็ตาม
แม้ว่าเธอจะแสดงออกอย่างห่างเหิน แต่เฉินฟานก็รู้ดีว่าเธอเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง เธอเคยให้ข้อคิดกับเขาเกี่ยวกับความรักที่เป็นไปไม่ได้ของเจียงซูหลัน และกระตุ้นให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเพื่อไปหาคนอื่นที่จะรักเขาตอบกลับ
เธอแตกต่างจากจางหยูเมิ่งที่ซึ่งเป็นเพียงแค่เด็กเหลือขอใจแตก จางหยูเมิ่งเป็นคนสวย แต่สมองข้างในกลับกลวงโบ๋ และเธอก็มักจะดูถูกเฉินฟานอยู่เสมอ
‘ฉันจำได้ว่าซูหรงเฟยเป็นนักเรียนวิจิตรศิลป์ เธอกำลังจะไปที่วิทยาลัยภาพยนตร์หยานจิงในปีหน้า ต่อมาเธอก็กลายเป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก’ เฉินฟานนึกถึงรายละเอียดของช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขาในขณะที่จิบกาแฟ
เมื่อเขาเข้ามามีส่วนร่วมในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ความงามในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาได้พบกับนักแสดงหญิงคนนี้อีกครั้ง และทั้งสองก็จูนกันติดอย่างรวดเร็ว
พวกเขาพบกันที่แผนกต้อนรับส่วนหน้าของแฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นโดยบริษัทขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิง หลังจากผ่านไปหลายปีเพื่อนในโรงเรียนมัธยมก็เปลี่ยนไป คนหนึ่งกลายเป็นเศรษฐีหลายพันล้านหยวน และอีกคนเป็นนักแสดงที่เปล่งประกาย พวกเขาทั้งคู่ได้ตกลงปลงใจกันในคืนนั้น และมันก็เป็นค่ำคืนที่สวยงาม
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สวยงามนั้นไม่ได้แปลว่ามันจะยั่งยืน ชีวิตของเฉินฟานนั้นแตกสลายอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านงานแฟชั่นโชว์ครั้งนั้น เขาถูกล้อมรอบไปด้วยคู่แข่งทางธุรกิจ และไม่มีเวลาที่จะไปจุดไฟรักขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นทั้งสองจึงค่อยห่างหาย
ต่อมาเมื่อเขาถูกทอดทิ้งจากทุกคน และกลับไปที่เมืองซูโจว เขาก็บังเอิญได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่งว่าซูหรงเฟยได้ทำบางสิ่งที่ผิดพลาด และกลายเป็นดั่งนกที่ร่วงหล่น เธอไม่เคยปรากฏตัวขึ้นทางทีวีอีกเลย หลังจากนั้นไม่นานชื่อเสียงของเธอก็มัวหมองจากข่าวด้านลบ และเรื่องอื้อฉาว
เธอไม่สามารถทนแบกรับความเครียด และสื่อที่ประโคมข่าวด้านลบได้จนก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า เธอฆ่าตัวตายตอนอายุสามสิบ
ความทรงจำนี้ทำให้เฉินฟานสั่นสะท้าน พวกเขาทั้งคู่อยู่ที่นี่ ในตอนนี้พวกเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ก่อนที่โลกอันแสนโสมมจะบิดเบือนความตั้งใจของพวกเขาจนกระทั่งทั้งคู่ตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเอง
‘ชีวิตแม่งโครตห่วยแตก!’ เฉินฟานคร่ำครวญ
ราวกับว่าเธอรู้สึกว่าเฉินฟานจ้องมองมาที่เธอ ในที่สุดซูหรงเฟยก็หันกลับ และขมวดคิ้ว จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมา
“นายรู้จักฉันงั้นเหรอ?”
ไม่เหมือนกับรูปลักษณ์ที่เย็นชาของเธอ น้ำเสียงของเธอฟังดูนุ่มนวล
เสียงของเธอทำให้เฉินฟานนึกถึงนักแสดงชื่อดังในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ
เมื่อซูหรงเฟยเดบิวต์ครั้งแรก เธอได้รับการสนับสนุน และกลายเป็นบุตรบุญธรรมของนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงคนก่อน อย่างไรก็ตามเธอได้พบกับจุดจบที่น่าสยดสยองมากกว่านักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงคนก่อนหน้านั้นเสียอีก
“ฉันไม่คิดอย่างนั้น... แต่ฉันขอแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหม? เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ฉันสามารถเห็นสิ่งต่างๆที่แม้แต่คนที่ร่ำรวยที่สุดก็ไม่สามารถทำได้ ฉันเป็นหมอดู” เฉินฟานเย้าแหย่
“อ๊ะ เธอไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ? มาดูกัน... เธอเป็นนักเรียนวิจิตรศิลป์ และแซ่ของเธอคือซู”
“โอ้? จริงสิ? นายเห็นอะไรเกี่ยวกับฉันบ้าง?” ซูหรงเฟยถูกดึงดูดความสนใจทันที
“งั้นมาดูกันต่อ...” เฉินฟานหยุดชั่วครู่เพื่อไตร่ตรอง เธอจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยภาพยนตร์ และสื่อโทรทัศน์หยานจิง ในอนาคตเธอจะกลายเป็นนักแสดง และในที่สุดเธอก็จะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์”
“นายรู้ได้อย่างไรว่าฉันกำลังจะไปเรียนต่อที่วิทยาลัยภาพยนตร์ และสื่อโทรทัศน์หยานจิง? และนายพูดถูก ฉันใฝ่ฝันที่จะเป็นดารา!” ซูหรงเฟยตอบด้วยความตกตะลึง ปากของเธออ้าค้างด้วยความประหลาดใจราวกับว่าเธอกำลังเชื้อเชิญให้เข้ามาจูบ
จางหยูเมิ่งหัวเราะเยาะ
“เธอโง่รึเปล่ามิสซู? เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่โด่งดังที่สุดในโรงเรียนมัธยมไอวีลีก เขาจะต้องเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอจากคนที่โรงเรียนมาก่อนอย่างแน่นอน” จางหยูเมิ่งอธิบาย
จากนั้นเธอก็หันไปหาเฉินฟานด้วยท่าทางดูถูก
“อะไรกันไอ้ขี้แพ้? นายเปลี่ยนเป้าหมายงั้นเหรอ?”
เจียงซูหรันขมวดคิ้ว และรู้สึกผิดหวัง
เธอไม่เคยคิดว่าเฉินฟานจะเป็นคนเช่นนี้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่ Rebirth Of The Urban Immortal Cultivator ขอบคุณครับ