px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 62 : ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าเชื่อมันหรือไม่ ข้าแค่เชื่อมัน


บทที่ 62 : ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าเชื่อมันหรือไม่ ข้าแค่เชื่อมัน

 

"เซี่ยวซื่อกับอาจารย์ระดับ D กำลังจะประลองเป็นตายกันบนเวที หากมิอยากพลาดรีบไปเร็วเข้า"

"อะไร เซี่ยวซื่อประลองกับอาจารย์อีกแล้ว?"

"เหตุใดอาจารย์ระดับ D หาญกล้าไปสู้กับ เซี่ยวซื่อกัน? มันมิมีอะไรทำจึงรนหาที่ตายเช่นนั้นหรือ?"

สำนักนภาสวรรค์ตอนนี้มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อการประลองเป็นตายกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

เมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยวซื่อลงประลอง มันไม่ใช่การประลองที่หาผู้ชนะ แต่เป็นการประลองที่พนันกันว่า คู่ต่อสู้จะตายอย่างไร

ดูเหมือนว่าอาจารย์ระดับ D ผู้นี้จะชะตาขาดเสียแล้ว อยู่ดีไม่ว่าดี กลับกล้าขึ้นลานประลองเป็นตายกับเซี่ยวซื่อเช่นนี้ โอกาสรอดของมันนับได้ว่าเป็น 0 เลยทีเดียว

หลินฟ่านยืนอย่างสงบอยู่บนเวทีประลอง ตอนนี้มันกำลังคิดถึงมาดอาจารย์เท่ห์ๆ ในหนังจีนที่เคยดูแล้วพยายามเลียนแบบอย่างสุดกำลัง

"ลงนามยินยอมตรงนี้เสีย" เซี่ยวซื่อนั้นลงนามในสัญญาประลองเป็นตายก่อนแล้วส่งมาให้หลินฟ่านพร้อมรอยยิ้มอำมหิต มันกล้าลงชื่อก่อนและยื่นมาให้หลินฟ่านอย่างไม่กลัวเกรง

เซี่ยวซื่อกล่าวอย่างเย้ยหยันพร้อมยิ้มเยาะออกมาว่า "หากเจ้ามิกล้าลงนาม เจ้าจะหลบหนีการประลองไปก็ได้แต่ว่าหลังจากวันนี้ เจ้าจะถูกตราหน้าว่าเป็น ไอ้ลูกเต่าหน้าตัวเมีย"

เซี่ยวซื่อนั้นไม่ได้ให้ความเคารพหรือสนใจอะไรอาจารย์ระดับ D สักนิด สำหรับมันชนชั้นพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับไก่บนถนน มันจะฆ่าสักเท่าไรก็ไม่ได้คณนามือมันด้วยซ้ำ

หลินฟ่านหวัเราะก่อนที่จะลงนามอย่างไม่เกรงกลัว..อีกทั้งมันเลือกที่จะใช้ลายเซ็นต์โลกเก่าด้วยนับว่าเป็นการลงนามที่พิลึกพิลั่นอย่างแท้จริง

"สำนักนภาสวรรค์แห่งนี้ ก็นับว่าเป็นสำนักแนวหน้าของเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกร ความแข็งแกร่งของอาจารย์ก็ค่อนข้างดี แต่เหตุใดจิตใจของพวกเจ้านั้นอ่อนแอยิ่ง สงสัยต้องได้รับการสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว" หลินฟ่านกลับไปยืนทำท่าผิดหวังก่อนจะกล่าวคำตัดพ้อออกมา นี่ทำให้ซั่งหัวเทียน และฮั่นเมิ่งเมิ่ง ถึงกับตะลึง

จิตใจ?

เมื่อซั่งหัวเทียนได้ฟังคำกล่าวของหลินฟ่านนั้น ราวกับถูกเส้นสายวิชชุจากสวรรค์ผ่าลงกลางใจ จิตใจ คำๆนี้นั่นทำให้มันตระหนักถึงอะไรบางอย่าง มันย้อนนึกไปถึงตอนนี่มันเลือกที่จะยอมแพ้ เลือกที่จะท้อถอย มันไม่กล้าประลองกับเซี่ยวซื่อ เพราะมันกลัวที่จะตาย และนั่นทำให้มันไม่มีโอกาสเอาชนะเวี่ยวซื่อตลอดไป

"ผายลมอันใดของเจ้า หยุดพล่ามได้แล้ว" เซี่ยวซื่อสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนที่มันจะหยิบ ง้าว สีดำออกมาจาก ถุงมิติของมัน (ง้าว ในนี้ คือ Halberd นะครับ ไม่ใช่ง้าวแบบในสามก๊ก)

เหล่าศิษย์ที่มารับชมการประลองถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเซี่ยวซื่อเอาอาวุธออกมา ดูเหมือนมันจะเอาจริงกับการประลองนี้อย่างเต็มที่

ง้าวนี้มีชื่อว่า ง้าวสะท้านสวรรค์ เป็นหนึ่งในอาวุธระดับตำนานของตระกูลเซี่ยว ถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำดำ นับว่าเป็นอาวุธที่มีระดับค่อนข้างสูงมาก อีกเพียงนิดเดียวมันก็จะถือว่าเป็นอาวุธระดับตำนานชนชั้นทมิฬ

"พี่ซั่ง อาวุโสหลินจะเป็นอันใดหรือไม่?" ฮั่นเมิ่งเมิ่งที่รับชมอยู่เป็นกังวลอย่างมาก เซี่ยวซื่อนั้นนับเป็นยอดฝีมือระดับก่อเกิดขั้นที่ 6 อีกทั้งมันยังฝึกฝนวิชาระดับสูงประจำตระกูลเซี่ยว อีกทั้งง้าวสะท้านสวรรค์ของมันนั้นยังถูกสร้างมาจากช่างตีอาวุธของตระกูลมันด้วย ดังนั้นมันจึงส่งเสริมรูปแบบการต่อสู้และช่วยเสริมสร้างพลังโจมตีได้อย่างยอดเยี่ยม มันสามารถเพิ่มความเสียหายเมื่อผู้ใช้ถ่ายทอดพลังงานที่แท้จริงลงไปได้อย่างมาก

"ท่านต้องไม่เป็นอันใด" ซั่งหัวเทียนที่มองเวทีประลองอยู่ได้แต่กล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยวซื่อจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ผู้ฝึกตนขั้นก่อเกิดระดับ 6 หากให้เขาขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีประลองแล้วล่ะก็ เพียงกระบวนท่าเดียวของเซี่ยวซื่อเขาต้องตกตายอย่างแน่นอน

...

“รีบลงมือสิ อย่าได้โทษข้าว่าไม่ให้โอกาสแก่เจ้าล่ะ” เซี่ยวซื่อกล่าวออกมาอย่างยิ่งผยอง ก่อนที่มันจะโคจรพลังงานที่แท้จริงแผ่กลิ่นอายกดดันออกมา

‘จะเบ่งพลังไรนักหนาวะ’

หลินฟ่านส่ายหน้า เซี่ยวซื่อนี่ก็นับว่าใช้ได้ สามารถมาถึงระดับ ก่อเกิดขั้นที่ 6 ด้วยวัยเพียงเท่านี้ มันรู้ได้เลยว่าเด็กคนนี้ต้องมีพรสวรรค์อย่างมาก และทรัพยากรของตระกูลเซี่ยวนี่คงมีไม่น้อย

"เจ้าเป็นผู้เยาว์ ข้าจะให้เจ้าลงมือก่อน 3 กระบวนท่า โดยที่ข้าจะไม่ตอบโต้หรือขยับหนีไปไหนแม้เพียงก้าวเดียว" หลินฟ่านยืนนิ่งอย่างสง่า ก่อนที่จะกล่าววาจาออกมาอย่างสงบ

"อะไรนะ?"

เหล่าศิษย์ที่รับชมอยู่ถึงกับพูดออกมาพร้อมกัน อาจารย์ระดับ D ผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือไร? จะยืนนิ่งๆรับ 3 กระบวนท่า โดยไม่หลบไม่หนี? มันเบื่อชีวิตถึงขนาดนั้นเชียวหรือ

ซั่งหัวเทียน ถึงกับกระพริบตาด้วยความตะลึง เขาไม่คิดเลยว่า อาวุโส จะให้โอกาสเซี่ยวซื่อลงมือก่อน 3 กระบวนท่าโดยไม่คิดหลบหนี

อาวุธของเซี่ยวซื่อนั้นเป็นอาวุธที่เรียกได้ว่าระดับสูงล้ำ มันสามารถตัดเหล็กกล้าได้ราวกับผ่าเนย ถึงแม้จะไม่ได้โคจรพลังงานที่แท้จริงเข้าไปเสริมการโจมตี แต่แค่การกวัดแกว่งธรรมดามันก็ฉีกร่างของผู้บ่มเพาะระดับก่อเกิดได้อย่างง่ายดายแล้ว

ใบหน้าของเซี่ยวซื่อกลายเป็นดำคล้ำขึ้นทันที อาจารย์ระดับ D กล้าหยิ่งผยองท้าทายมัน

"ดีดีดี หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ย่อมได้ เมื่อเจ้ารนหาที่ตายถึงเพียงนี้ข้าก็จะน้อมสนอง รับมือ!!" ท้าจับง้าวของเซี่ยวซื่อเปลี่ยนไป มันกระชับง้าวในมือแน่นก่อนที่จะพุ่งตรงไปราวกับดาวตกส่งง้าวพุ่งทะลวงไปยังอกของหลินฟ่าน

หลินฟ่านก็ยังคงนิ่งสงบสยบการเคลื่อนไหว ไม่แยแสใดๆกับการโจมตีของเซี่ยวซื่อ

"อาวุโส ... " ฮั่นเมิ่งเมิ่ง นั้นกลัวเกินกว่าจะรับชมได้ นางจึงหลับตาลง

ในขณะที่ปลายง้าวสัมผัสร่างของหลินฟ่าน  เซี่ยวซื่อก็กู่ร้องก่อนที่จะระเบิดพลังงานที่แท้จริงออกมาพร้อมส่งไปยังปลายง้าวในทันที ปลายง้าวของมันหนาแน่นไปด้วยพลังงานที่แท้จริงราวกับจะจะฉีกอากาศออกเป็นเสี่ยงๆ ไอพลังหนาแน่นเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า

"เฮอะ หาที่ตายเองนะไอ้โง่" เซี่ยวซื่อหัวเราะเย็นชาออกมา แต่ทว่า...เสียงหัวเราะของมันกลับสลายหายไป

"เป็นไปไม่ได้!!?"

ตอนนี้เซี่ยวซื่อตกอยู่ในสภาวะเลื่อนลอย มันไม่เชื่อภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เหล่าศิษย์ที่มาชมการประลองก็เช่นกัน

ซั่งหัวเทียนที่ติดตามเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นไม่ได้กระพริบตาแม้แต่น้อย มันรู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุดเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

"ง้าวนี่ก็นับว่าไม่เลว เสียดายที่ความดุร้ายของมันยังน้อยไปหน่อย" หลินฟ่านกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วดัน ง้าวออกไป

"ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +4,000"

ตอนนี้การเก็บค่า EXP ของกายปีศาจนิรันดร์นั้นยากแค้นแสนสาหัส แม้แต่การโจมตีระดับก่อเกิดขั้นปลาย ก็ทำให้ EXP เพิ่มได้เพียงแค่นี้ ซึ่งมันนับว่าน้อยนิดอย่างมาก

เซี่ยวซื่อที่หายตื่นตระหนกพลันเต็มไปด้วยโทสะ "บัดซบ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจ"

เซี่ยวซื่อกู่ร้องออกมาดังสนั่นก่อนที่จะเร่งพลังงานที่แท้จริงและโคจรหมุนวนมันอย่างบ้าคลั่ง ง้าวสีดำปกคลุมไปด้วยพลังงานที่แท้จริงอย่างหนาแน่นกว่าเมื่อครู่ อีกทั้งครานี้มันไม่ได้จ้วงแทงอีกต่อไปมันเหวี่ยงง้าวเป็นวงกลมก่อนที่จะฟันสะบั้นลงมาด้วยพลังทั้งหมด

"สะบั้น 8 ชั้นฟ้า"

เซี่ยวซื่อนั้นได้รับการยอมรับทั้งจากตระกูลและจากสำนักนภาสวรรค์ว่าเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งและอัจฉริยะอย่างมาก มันไม่เคยได้รับความอัปยศเท่านี้มาก่อนในชีวิต

มันไม่เคยแยแสอาจารย์ผู้ฝึกสอนสักนิด แต่ทว่าตอนนี้อาจารย์ระดับ D กลับกล้าโอหังต่อหน้าของมัน?

ปังงงงงง!!…

แรงปะทะมหาศาลจนทำให้มือของเซี่ยวซื่อนั้นถึงกับสั่นแทบจับง้าวเอาไว้ไม่อยู่บังเกิดขึ้น เมื่อกระบวนท่าของมันบรรลุผล

"ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +4,000"

"เป็นไปไม่ได้!!... ข้าไม่เชื่อ!!" โทสะเซี่ยวซื่อพลันทะลักออกมาอย่างไม่ยอมรับความจริง มันรีดเค้นพลังงานที่แท้จริงทั้งหมดในร่างออกมาอย่างน่าหวาดกลัว โหมกระหน่ำจู่โจมใส่หลินฟ่านที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ..

"ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +4,000"

"ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี "กายปีศาจนิรันดร์" EXP +4,000"

...

แม้ค่า EXP ที่ได้จะไม่มาก แต่หลินฟ่านถือคติ ถึงยุงมันจะมีเนื้อน้อยแต่ก็ยังมี!!  นิดๆหน่อยๆจังหวะนี้พี่เอาหมด

เซี่ยวซื่อตรงหน้าของมันนี่ก็นับว่ามีพื้นฐานดีไม่น้อย หากฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ สักวันมันคงสามารถตัดผ่านไปยังระดับศักดิ์สิทธิ์ได้

ในเส้นทางของการเพาะปลูกพลังงานจากแก่นโลหิตเป็นกุญแจสำคัญ คนที่ยังมีอายุน้อยฐานการเพาะปลูกของพวกเขาจะยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และหากฐานมั่นคงอนาคตก็ไม่มีที่สิ้นสุด

แต่สำหรับคนที่มีพรสวรรค์ไม่ค่อยดีนั้น การบ่มเพาะฝึกฝนจะทำได้ช้ามาก และเมื่อเริ่มแก่ตัวขึ้น พลังงานที่สร้างจากแก่นโลหิตก็จะเริ่มไม่บริสุทธิ์เท่าวัยเด็ก และหากพลังงานที่แท้จริงไม่ได้รับการพัฒนาไปยังระดับสูงๆมันก็จะเริ่มเสื่อมสภาพและหยุดนิ่งไม่สามารถพัฒนาไปยังขั้นที่สูงกว่าได้อีกต่อไป

"ข้าไม่มีวันเชื่อ ข้าไม่ยอมรับ... " ตอนนี้ผมของเซี่ยวซื่อที่เคยยาวสวยกระเซอะกระเซิงจากการเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางสง่างามของมันยามก้าวขึ้นมาเวทีประลองหายไปหมดสิ้น

"ง้าวสะท้านสวรรค์" เซี่ยวซื่อกระโดดขึ้น ก่อนที่จะฝืนง้างง้าวออกไปสุดกำลังแล้วฟาดมันลงมายิงหลินฟ่าน

หลินฟ่านก็ได้แต่ส่ายหน้า

"พอได้แล้ว" หลินฟ่านถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะยกนิ้วชี้ขึ้นมา

"ดัชนีปลิดบุปผา"

เมื่อดัชนีปลิดบุปผาถูกใช้ออก นิ้วของหลินฟ่านเคลื่อนที่อย่างลึกลับไปปะทะกับใบง้าวสะท้านสวรรค์อย่างแม่นยำ พลังงานที่แท้จริงที่เซี่ยวซื่อฝืนรีดเค้นมาปกคลุมง้าวสลายไปทันทีอีกทั้งตัวง้าวยังสั่นสะเทือนส่งเสียงดังกังวานออกมาอย่างหนักหน่วง อีกทั้งมันยังกระเด็นหลุดมือเซี่ยวซื่อขึ้นไปบนอากาศ

เซี่ยวซื่อถึงกับมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอย ง้าวของเขากลับถูกหยุดไว้ด้วยปลายนิ้วของหลินฟ่าน...แล้วหลินฟ่านก็รับง้าวที่ลอยไว้ในอากาศได้อย่างสวยงาม

"นี่ ... " เซี่ยวซื่อได้แต่มองไปยังมือที่ว่างเปล่า

"ตอนนี้เจ้าเข้าใจถึงข้อผิดพลาดของเจ้าหรือยัง? เป็นเด็กเป็นเล็กก็หัดฟังวาจาผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง ไม่ใช่เอะอะก็ใช้แต่กำลัง หากยังมีใจที่หลงผิดเจ้าจะไปพิชิตศัตรูได้อย่างไร เฮ่อ" หลินฟ่านนั้นสงบมากเขาไม่ได้ก้าวร้าวหรืออะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้เขาเป็นอาจารย์นะ ไม่ใช่นักเลงที่จะทุบตีคนอื่น เมื่อมีลูกศิษย์หลงผิดมันก็ต้องสวมวิญญาณอาจารย์คอยชี้นำให้ถูกต้อง ทุกคนล้วนแล้วแต่กลับตัวได้

ไม่ว่าคนอื่นจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่เขาเชื่อ

"แก ไอบัดซบข้าจะ... "

"เฮ่อ ดูเหมือนว่าการสอนของข้าจะยังไม่ดีพอ" หลินฟ่านได้ยินวาจาของเซี่ยวซื่อยังก้าวร้าวอยู่ มันได้แต่มองไปบนฟ้าก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

"ดัชนีปลิดบุปผา"

หลินฟ่านค่อยๆจี้ไปยังร่างกายของเซี่ยวซื่อ

"แกรก..."

Xiaoตอนนี้เซี่ยวซื่อรู้สึกราวกับกระดูกในร่างของเขาหลุดออกเป็นชิ้นๆ และเขาไม่สามารถใช้เรี่ยวแรงออกมาได้แม้แต่น้อย

หลินฟ่านหยิบเอาตั่ง ออกมาจากถุงมิติที่ได้รับมาจากเมิ่งหยางกวน แล้วเขาก็ยกเซี่ยวซื่อขึ้นไปวางไว้บนนั้น

หลินฟ่านนั้นจำคำนี้ได้เสมอ ทุกสิ่งล้วนมีประโยชน์ในตัวของมัน แม้ว่าตั่งจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีใครใช้ แต่มันก็เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นเวลาอยากจะนั่งพักนอนพักหรือเอามานั่งกินลมชมวิวทิวทัศน์ดูการแข่งขันต่างๆนา ฯลฯ หลินฟ่านจึงพกมันติดตัวไว้เสมอ

 

 

รีวิวผู้อ่าน