px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 65 : โชคดีที่ข้าไม่โง่!!


บทที่ 65 : โชคดีที่ข้าไม่โง่!!

 

หอการค้า สวรรค์บนดิน ตั้งอยู่ทิศทะวันตกเฉียงใต้ของเมือง และเป็นหอการค้าเพียงแห่งเดียวของเมืองราชวงศ์ หยางเกริกไกรแห่งนี้ หอการค้าสวรรค์บนดินรับซื้อและจำหน่ายสิ่งของ หรือจัดการประมูล แต่สิ่งของที่จะนำมาประมูลนั้นต้องมีระดับสักเล็กน้อยหาใช่ของธรรมดาทั่วไปที่หาซื้อได้ดาษดื่นไม่ อีกทั้งยังมีบริการฝากขายอีกด้วย นานมาแล้วที่หอการค้าแห่งนี้ไม่ได้มีสินค้าอะไรที่ดีๆ เข้ามา

แต่ทว่าตอนนี้หอการค้า สวรรค์บนดิน กำลังครึกครื้นอย่างมาก

มีกลุ่มคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาออกันอยู่หน้าหอการค้าสวรรค์บนดิน เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปได้ หลินฟ่านถึงกับตะลึงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนถึงมากมายขนาดนี้ ‘มีคอนเสิร์ตอะไรป่าววะเนี่ย คนเยอะชิบเลย...’

หลินฟ่านเหลือบมองไปรอบๆ คนส่วนมากมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขั้นก่อเกิดนี่เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่ตอนนี้ ส่วนมากไม่ใช่คนของเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรอย่างแน่นอน ต้องเป็นผู้บ่มเพาะที่มาจากภายนอกบางคนเพราะดูสจากภาพแล้วท่าทางของมันราวกับเดินทางมาจากที่ไกลแสนไกล

หลินฟ่านอยากรู้จริงๆ ว่าหอการค้าสวรรค์บนดิน มีอะไรดี ถึงดึงดูดคนพวกนี้ให้มารวมตัวกันได้ขนาดนี้

"สวัสดีสหายทั้งหลายจากทั่วทุกสารทิศ หอการค้าสวรรค์บนดินของข้า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกท่านมาเยือนในวันนี้ พวกท่านคงได้ยินข่าวมาแล้วว่าอีก 3 วันทางหอของเราจะจัดประมูล เม็ดยาสู่สวรรค์อมตะ ซึ่งเป็นโอสล้ำค่าหาได้ยากยิ่ง"

"สำหรับสหายทั้งหลายที่ไม่รู้ว่าโอสถ สู่สวรรค์อมตะนี้มีผลเช่นไร ข้าจะขออธิบายไว้ตรงนี้เพียงเล็กน้อย โอสถนี้หากผู้ใดที่รับประทานมันเข้าไป ท่านจะสามารถบ่มเพาะจนไปถึงขั้นสู่สวรรค์อมตะ โดยไร้ซึ่งคอขวดแม้แต่น้อย"

หลังจากที่ทุกคนจากทั่วทุกสารทิศได้ฟังคำอธิบายถึงคุณสมบัติของเม็ดยาสู่สวรรค์อมตะนี้แล้ว พวกมันถึงกับอุทานดังอาออกมา ตอนนี้ใจของพวกมันเริ่มกระสับกระส่ายกันอย่างมาก

เม็ดยาสู่สวรรค์อมตะ? ผู้ใดก็ตามที่รับประทานพวกมันสามารถบ่มเพาะจนถึงระดับสู่สวรรค์อมตะได้อย่างแน่นอน นี่มัน ... เรื่องนี้มันมีอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือ?

ทุกคนล้วนมีความคิดนี้อยู่ในใจพวกเขา ... ว่ามันเป็นไปไม่ได้!

ในระดับมนุษย์นั้นก็ยังนับว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา เมื่อตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิดนี่ถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ไปแล้ว  และหากบ่มเพาะไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ พวกมันย่อมหลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ ย่างก้าวสู่หนทางแห่งเซียน ยิ่งไปกว่านั้นหากบ่มเพาะมาถึงระดับ สู่สวรรค์อมตะ พวกมันกล่าวได้ว่าเป็นเซียนไปแล้วนั่นเอง ขอบเขตนี้ใกล้เคียงกับการเป็นเทพในความเข้าใจของพวกมันแล้ว

พลิกฟ้าถล่มปฐพีเพียงแค่สะบัดมือ ... นี่คือระดับสู่สวรรค์อมตะสามารถกระทำได้

กว่าผู้บ่มเพาะระดับศักดิ์สิทธิ์จะตัดผ่านไปยังระดับ สู่สวรรค์อมตะได้นั้น หาใช่เรื่องง่ายดายไม่ พวกมันต้องผ่านการเปลี่ยนพลังงานและการบ่มเพาะที่ถึงจุดพลิกในผันชีวิต ซ้ำยังต้องพึ่งพาความเข้าใจในระดับที่สูงล้ำเกี่ยวกับกฎ ธรรมชาติ เมื่อตัดผ่านขอบเขตความเข้าใจของพวกมันนับว่าเหนือล้ำไปอีกขั้นจากระดับศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นผู้ที่จะเข้าถึงระดับนี้ได้ นอกจากมีความสามารถและความเข้าใจที่สูงล้ำแล้ว ยังต้องมีพรสวรรค์แต่กำเนิดไม่ต่ำกว่าระดับอัจฉริยะไร้ผู้ต้าน อีกด้วย

แต่ทว่าโอสถนี้กลับบอกว่า สามารถบ่มเพาะไปถึงระดับสู่สวรรค์อมตะ ได้โดยไม่ประสบปัญหาใดๆทั้งสิ้น? สวรรค์ช่วยเถิด เง็กเซียนฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงหรือไร ถึงมีของเช่นนี้ออกมาจำหน่ายได้

“ทุกท่านกรุณาอยู่ในความสงบ ... โอสถสู่สวรรค์อมตะนี้ จะเริ่มการประมูลในหอการค้าสวรรค์บนดินของเราในอีก 3 วันหลังจากนี้ ผู้ใดที่สนใจเข้าร่วมการประมูล จำเป็นต้อง จ่ายค่าธรรมเนียม 100,000 เหรียญทองคำดำ และการประมูลโอสถครั้งนี้ ผู้เป็นเจ้าของโอสถ ต้องเป็นเป็นเหรียญทองคำดำ เท่านั้น”

...

หลินฟ่านที่กำลังฟังอยู่ทีท่าของมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

มันพบเรื่องผิดปกติเรื่องหนึ่ง เหรียญทองคำดำเป็นเอกลักษณ์ของดินแดนนี้ ซึ่งเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่อยู่ลึกลงไปในดิน แร่ทองคำดำถูกสร้างมาจากพลังงานของสวรรค์และโลกที่ถูกควบแน่น ต่อมามันจึงเป็นสกุลเงินกลางที่ใช้กันไปทั่ว

แร่ทองคำดำนี่มีพลังงานที่แท้จริงอยู่ไม่น้อย จึงเป็นของที่มีค่าอย่างมากสำหรับผู้ฝึกตน เพราะมันใช้ในการบ่มเพาะได้ แต่พลังงานที่แท้จริงภายในเหรียญทองคำดำ จะ ไม่สามารถดูดซึมได้โดยผู้ที่มีระดับ สู่สวรรค์อมตะขึ้นไป และแม้แต่ระดับ อมตะสวรรค์ ที่มีความเข้าใจในพลังงานเหนือล้ำกว่าสู่สวรรค์อมตะ ก็ยังไม่สามารถที่จะดึงพลังงานในแร่ชนิดนี้ออกมาใช้งานได้ เหรียญนี้จึงนับว่าไร้ค่าสำหรับผู้บ่มเพาะระดับสูงล้ำอย่างแท้จริง

แร่ทองคำดำนี่จึงกลายเป็นแค่ สกุลเงินที่เป็นกลางของทุกประเทศ

สำหรับผู้ที่มีฐานการเพาะปลูกสูงเหรียญทองคำดำเป็นเพียงสิ่งของไร้ประโยชน์เท่านั้น

และตอนนี้ "โอสถสู่สวรรค์อมตะ" กลับถูกขายเป็นเหรียญทองคำดำ นี่ทำให้หลินฟ่านเอะใจขึ้นมา

หาก "โอสถสู่สวรรค์อมตะนี้" นี้สามารถเพิ่มระดับให้คนผู้หนึ่งสามารถตัดผ่านไปยังระดับสู่สวรรค์อมตะได้อย่างไม่มีปัญหา แสดงว่าผู้ที่สร้างเม็ดยานี้ ต้องมีระดับไม่ต่ำกว่า ระดับสู่สวรรค์อมตะ แล้วคนที่มีระดับสูงถึงขนาดนั้น จะต้องการเหรียญเทองคำดำที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวมันไปอีกทำไม

หากพวกมันแลกด้วยสิ่งของมีค่าชนิดอื่นๆ หลินฟ่านยังพอเข้าใจ เพราะโลกนี้ของทุกอย่างไม่ใช่เพียงแต่มีเงินก็ซื้อหาได้ คนระดับสูงๆนั้น สมุนไพรบางชนิดมีค่ามากกว่าเงินทองมากนัก และโอสถที่สามารถพลิกชะตาผู้คนนี้ได้ ผู้ที่จำหน่ายมันย่อมต้องเป็นระดับสูงล้ำที่ไม่แยแสเหรียญทองคำดำนี้อย่างแน่นอน และคนระดับนี้จะหาสมุนไพรหรือสิ่งที่ต้องการ มันก็มักเป็นสิ่งของที่ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินอยู่แล้ว

พวกโง่เง่า

หลังจากนั้นหลินฟ่านก็จากไปโดยไม่คิดจะสนใจอะไรอีก....มันคงลืมไปว่าคนอื่นไม่ได้เจอกับเรื่องราวเหล่านี้มาจนชินเท่ามัน มันอ่านนิยายมาเป็นสิบๆเรื่อง เลห์เหลี่ยมอะไรนับว่าล้ำหน้าผู้คนในโลกนี้ไปไกลแล้ว

โอสถสู่สวรรค์อมตะนี้ หลินฟ่านเลยคิดจะให้พวกโง่เง่าแย่งกันซื้อไป โดยที่มันไม่สนใจ มันเชื่อว่า นี่ต้องเป็นการดักควายอย่างแน่นอน

'ของดีไม่มีถูก ของถูกย่อมไม่มีดี ของขวัญจากสวรรค์ที่เราเคยได้มานั่นมันคงได้จากพระเจ้าที่นำเรามาโลกนี้ ... คนอื่นคงไม่มีทางได้รับ'

แต่ 3 วันหลังจากนี้เขาจะกลับมาอีกครั้ง เพราะต้องการมาเจอคนจากนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ที่เอายานี้มาขาย และเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้หลินฟ่านติดใจอย่างมาก ว่ามันเป็นใครกันแน่ที่เอายาแบบนี้มาขาย ดูท่าเรื่องนี้จะมีลับลมคมในไม่น้อย

วันต่อมา

หลินฟ่านลุกจากเตียง แล้วก็อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณด้วยความเบิกบานใจ ก่อนที่มันจะเดินจากบ้านพักไปยังห้องเรียน ซึ่งระหว่างทางก็มีคนหันมามองและซุบซิบนินทากันไม่น้อย

บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ที่ต้องเผชิญกับสายตาที่มองมา... ‘อ่าพวกไอดอลมันคงรู้สึกฟินแบบนี้สินะ โอ้วมองพี่ด้วยสายตาบูชาแบบนี้อีกสิ ฮ่าฮ่าฮ่าา ฟินเว้ย ฟินเว้ยยย’

หลินฟ่านพยายามเดินช้าๆเพื่อเงี่ยหูฟัง ว่าคนอื่นจะกล่าวถึงมันว่ายังไงกันบ้าง

"ดูนั่น นั่นเป็นคนผู้นั้น นั่นล่ะอาจารย์ระดับ D ที่สยบเซี่ยวซื่ออย่างไร้ความปราณี"

"จริงรึ ข้าดันมีธุระที่ต้องไปกระทำ ข้าจึงพลาดเรื่องนี้ไป โอ้ ช่างเสียใจยิ่งนัก เรื่องราวครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ อย่างที่ข้าไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิตแท้ๆ แย่เสียจริง"

“ดูนั่น อาจารย์ผู้นี้ล่ะ ที่สามารถหวดจนเซี่ยวซื่อก้นลายอย่างไรทางต่อต้าน ท่านช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ..แต่ว่ายามที่ท่านจ้องตูดขาวๆของเซี่ยวซื่อ ดูเหมือนท่าทางของท่านจะตกตะลึงไม่น้อย สงสัยมังกรของเซี่ยวซื่อ ต้องใหญ่โตกว่าท่านเป็นแน่”

“โอ้ แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แต่มังกรเล็กงั้นรึ น่าเสียดายๆ”

“อาจารย์ผู้นั้นล่ะ สุดยอดนัก แข็งแกร่งยิ่งกว่า อัจฉริยะไร้พ่ายอย่างมาก เซี่ยวซื่อผู้นั้นหาได้ทำอะไรระคายผิวท่านไม่”

.............

........

...

‘เล็กแม่พวกเอ็งสิไอเด็กเปรต แค่เห็นตูดมันขาวเฉยๆ ไอเด็กพวกนี้นิ... ของข้านี่ระดับเทพเจ้ามังกรโว้ยย รู้จักป่าวผงาดง้ำค้ำโลก ไอพวกนี้นิ’ หลินฟ่านที่ได้ยินคำนินทาถึงกับสะดุดเมื่อมีบางเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่ง

แต่หลายๆเสียงก็เป็นการกล่าวบูชาความแข็งแกร่งของมัน มันจึงอารมณ์ดีไม่น้อย

เมื่อมาถึงห้องเรียนหลินฟ่านคาดหวังว่าจะได้รับการทักทายอันอบอุ่นจากเหล่าศิษย์ตัวน้อย แต่ทว่ามันก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นร่างของคน 3 คนที่เพิ่มขึ้นมาในห้องเรียน

หลินฟ่านสงสัยอย่างมาก ทำไม 3 คนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

ส่วนเหล่าศิษย์ทั้ง 13 คนของเขา กำลังจับจ้องไปยังคนหนึ่งในนั้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุด

เซี่ยวซื่อนั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก ขนาดพวกมันยังรู้จัก

พวกมันไม่รู้ว่าเหตุใด ผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นตำนานอย่างเซี่ยวซื่อจึงมายังห้องเรียนระดับ D เชนนี้

"สวัสดีตอนเช้าท่านอาจารย์" เมื่อเหล่าศิษย์ทั้ง 13 เห็นว่าอาจารย์พวกมันเดินเข้ามาแล้ว พวกมันก็ตกใจและรีบลุกขึ้นกล่าวทักทายด้วยความเคารพทันที

"ดีมาก เอาล่ะนั่งลง" หลินฟ่านพยักหน้า ก่อนที่จะหันไปหาทั้ง 3 คน “พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่ ล่ะฮึ”

"ท่านผู้อาวุโส ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ของท่านด้วย" ซั่งหัวเทียนลุกออกมาแล้วเดินมาคุกเข่าตรงหน้า เพื่อขอให้เขารับเป็นศิษย์ในทันที

ตอนแรกที่เขาเห็นเซี่ยวซื่ออยู่ด้วย ทั้งซั่งหัวเทียนและฮั่นเมิ่งเมิ่ง ก็ตกใจอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าเซี่ยวซื่อไม่ได้คิดจะลงมืออะไร ทั้งสองคนเลยระวังตัวและไม่คิดที่จะไปวุ่นวายอะไรกับมัน

เขาไม่รู้ว่าเซี่ยวซื่อต้องการอะไร

ส่วนทางด้านหลินฟ่านนั้นตกใจ อยู่ดีๆ ซั่งหัวเทียนก็มาขอเป็นศิษย์เขาเพิ่มอีกคน?

นี่ ... นี่มันทำมะเขืออะไรกัน ...

"แล้วเจ้าล่ะมาที่นี่ทำอะไร?" หลินฟ่านกล่าวถามในขณะที่หันไปมองเซี่ยวซื่อ

เซี่ยวซื่อเมื่อมองไปยังหลินฟ่านใจมันก็สั่นไหวเล็กน้อย เมื่อวานนี้ตอนมันกลับบ้าน ผู้คนในบ้านล้วนส่งสายตาแปลกประหลาดมายังมัน เมื่อพวกคนในบ้านได้รับข่าวที่เกิดขึ้นในสำนัก

และในขณะเดียวกันมีบางคนในบ้านที่โกรธแค้นในสิ่งที่หลินฟ่านกระทำ เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้ตระกูลต้องเสียหน้า เลยต้องการจะไปล้างแค้น แต่ก็เป็นมันที่เป็นฝ่ายยับยั้งคนในตระกูลเอาไว้

เมื่อมันกลับไปถึงห้อง และถอดเสื้อผ้าออกมาในตอนกลางคืน ทันทีที่มันเห็นรอยเผลที่แดงเถือกมันก็รู้สึกอับอายขึ้นมาอีกครั้ง

และมันยิ่งรู้สึกขมขื่นมากขึ้นไปอีก ยามที่มันนอนลงบาดแผลนั้นทวีความเจ็บปวดมากขึ้น อีกทั้งยังมีรสชาติของไม้เรียว รวมถึงความรู้สึกประหลาดๆบางอย่างยังจู่โจมจิตใจของมันจนแทบนอนไม่หลับ

"ข้าเป็นบุรุษที่รักษาคำพูด ... ข้าเซี่ยวซื่อ...พ่ายแพ้ ข้าจะมาเป็นลูกศิษย์ของท่านตามที่ข้าเคยลั่นวาจาไว้" เซี่ยวซื่อกล่าวออกมา

"ฮ่า ๆ " หลินฟ่านส่ายหน้า "ลืมมันไปเถอะ เจ้าเป็นถึงศิษย์ระดับ A มันจะมีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะมาเข้ามาเรียนรู้ในห้องเรียนระดับ D แห่งนี้"

"ข้าเซี่ยวซื่อเป็นลูกผู้ชายพอ คำพูดย่อมเป็นคำพูด ข้าลั่นวาจาไปแล้ว พ่ายแพ้ก็คือพ่ายแพ้"

"แล้วเจ้าล่ะ" หลินฟ่านหันไปทางฮั่นเมิ่งเมิ่งแล้วกล่าวถามขึ้นมา

“ท่านผู้อาวุโสข้าเพียงติดตามพี่ซั่งหัวเทียนมาเจ้าค่ะ แต่เมื่อจะได้เป็นศิษย์ท่าน นั้นย่อมดีไม่น้อย ฮิฮิ” ฮั่นเมิ่งเมิ่งกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

ฮั่นเมิ่งเมิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เจอเซี่ยวซื่อมาที่นี่เพื่อขอเป็นศิษย์ของท่านผู้อาวุโส ในสายตาของนางนับว่ามันเป็นคนที่หยิ่งทะนงยโสโอหังเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงจริงๆมันจะกล้ำกลืนยอมรับความพ่ายแพ้และมาทนอัปยศเรียนในนเรียนระดับ D เช่นนี้

ส่วนเหล่าศิษย์ทั้ง 13 คนได้แต่ตกตะลึงราวกับสวรรค์ถล่ม เซี่ยวซื่อสุดยอดอัจฉริยะผู้นั้น ต้องการมาเรียนร่วมกับพวกมัน?

 

รีวิวผู้อ่าน