CF:บทที่ 9 ทุบลูกบาศ์ก
อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังลากกล่องใบใหญ่ พร้อมกับแบกกระเป๋าจำนวนมากมาที่ป้ายรถเมล์ คิดถึงเรื่องที่จะต้องทำต่อไป
ตอนนี้เป้าหมายหลักของเขาคือต้องหาที่อยู่ใหม่ เอาหยกชิ้นใหญ่ออกมา จัดการกับมันและเอามันไปแลกเป็นเงิน
สำหรับเมื่อนที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาไม่สนมันเลย ต่อให้หยกชิ้นใหญ่นี้เป็นแค่ขยะไร้ค่า เขาก็ไม่ห่วงเรื่องเงิน นอกจากนี้ มันไม่หยกไร้ค่า
ระหว่างที่เขาเดินมาเขาไปค้นหาดูด้วยมือถือเขาแล้ว คุณภาพของหยกอาจจะสูงนิดหน่อย ถ้าขายมันทั้งหมดต้องเกิดผลกระทบอย่างหนักกับตลาดหยกแน่นอน
เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาดู ในนั้นมีเงินแค่สองพันแปดสิบห้าหยวนเท่านั้น แล้วก็ยังมีเศษเงินอยู่ในกระเป๋ากางเกงอีกนิดหน่อย
ที่จะบอกก็คือ ก่อนที่เงินจะถูกใช้หมด เขาต้องเปลี่ยนหยกให้กลายเป็นเงินได้บ้างแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงต้องนอนอยู่ข้างถนนแทน
แบกกระเป๋าใบใหญ่บวกกับกล่องเก่าๆใบใหญ่ ทำให้เขาดูพิเศษ ถ้ามีคนเยอะๆล่ะก็เขาคงขึ้นรถเมล์ลำบากแน่ๆ
โชคดีที่มีคนออกมาข้างนอกในวันปีใหม่น้อยมาก ดังนั้นอู๋ ฮ่าวเหรินเลยได้นั่งรถเมล์เที่ยวพิเศษอีกครั้ง
หลังจากเขาลงจากรถที่ย่านการค้าแล้ว เขาไม่ได้เดินไปทางตรงข้ามแล้ว แต่เขาลากกระเป๋าเดินทางตรงไปที่ร้านเครื่องมือแทน
“มีใครอยู่ไหมครับ?”
“มีๆ รอสักครู่”
ลุงตัวอ้วนๆเดินออกมาพร้อมถ้วยในมือ ดูสภาพของวู่เหาเร็นแล้ว เขางุนงงแล้วคิดว่าเขาไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน เขาเป็นญาติที่เขาไม่รู้จักรึเปล่า
เห็นว่าเจ้าของร้านตัวอ้วนจ้องเขาแล้วอู๋ ฮ่าวเหรินรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆจึงรีบพูดว่า “เจ้าของร้าน ผมมาซื้อของ”
“อ้าวหรอ! แล้วจะซื้ออะไรล่ะน้องชาย”
ได้ยินคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วเจ้าของร้านก็โล่งใจ เหมือนว่าเขาจะกลัวว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะบอกว่าเขาเป็นญาติห่างๆของเขา
“ค้อนน่ะ แบบไม่ต้องใหญ่มาก ขนาดประมาณนี้กำลังดี” อู๋ ฮ่าวเหริน ใช้มือเขาอธิบายขนาด
ได้ยินสิ่งที่เขาพูดแล้ว เจ้าของร้านมองไปที่กระเป๋าและสารรูปของเขา รู้สึกลังเลว่าจะขายค้อนให้เขาดีไหม
“น้องชาย อย่าคิดเรื่องที่ไม่ควรคิดเชียว ถ้าไม่มีเงินลุงหางานให้นายทำได้นะ ถึงฉันจะแก่ล้าแต่ก็หาเงินได้บ้างน่ะนะ เรื่องบางเรื่องมันไม่สมควรทำ...”
เห็นเจ้าร้านพูดชักจูงและคติชีวิตออกมาชุดใหญ่แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินปิดตาทันทีแล้วก้มมองดูตัวเขา เจ้าของร้านคงคิดว่าเขากำลังจะไปทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“เอ่อ เจ้าของร้าน จริงๆแล้วผมแค่อยากจะซื้อค้อน ไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้น ผมไม่ไปปล้นด้วยค้อนหรอก ผมไม่ได้โง่นะ การปล้นด้วยค้อนมันเป็นการกระทำที่เลวมาก”
“ถูกเผง!”
เจ้าของร้านฟังเขาแล้วดูสารรูปและกระเป๋าเขาอีกรอบ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดไปเอง
“ลุงผิดเองๆ เมื่อกี้นายบอกว่าอยากได้ค้อนใช่ไหม รอสักครู่”
เขาวางถ้วยลงบนเคาน์เตอร์ แล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน
ไม่ช้าเจ้าของร้านก็วิ่งกลับมา พร้อมกับค้อนในมือแล้วบอกว่า ”เอานี่ มันราคาห้าสิบหยวน แต่เพราะว่ามันเป็นวันแรกของปี จะลดให้เหลือสักยี่สิบห้าหยวนล่ะกัน”
“ลุงครับ ผมเพิ่งโดนเจ้าของบ้านเช่าไล่ออกมา ลดให้อีกหน่อยได้ไหม สักสิบหยวนเถอะได้โปรด”
“ยี่สิบห้านี่ราคาทุนล่ะนะ ลดอีกไม่ได้หรอก อย่าให้ลุงต้องขาดทุนสิ”
อู๋ ฮ่าวเหรินใส่ความร้ายลงในใจเขา “ขาดทุนอะไร ผมไม่รู้ว่าค้อนนี้มันมีค่าถึงห้าหยวนรึเปล่าด้วยซ้ำ เดี๋ยวนี้เหล็กมันราคาไม่กี่เหรียญเอง”
“สิบหยวนเถอะลุง ผมไม่มีเงินจริงๆ และผมรู้ว่าสิบหยวนเนี่ยลุงก็ยังได้กำไรอยู่ดี”
“เหลา หลีมั่วทำอะไรอยู่? ข้าวจะเย็นหมดแล้วนะ”
“รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” แล้วหันกลับมาพูดว่า ”สิบหยวนก็สิบหยวน ขายของชิ้นแรกของปีก็เริ่มได้ดีเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินควักเงินออกมาสิบหยวนใส่ลงในมือลุง ไม่ห่อมันแค่ใส่ลงในกระเป๋าเท่านั้น อีกเดี๋ยวเขาจะต้องใช้มัน
“พ่อหนุ่ม นายจะไม่ทำอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วงครับลุง ผมเป็นนักเรียนมหาลัย ต่อให้ผมคิดจะทำจริงๆ ผมก็จะใช้ IQ สูงๆของผมในการปล้นธนาคาร ให้สินบนเจ้าหน้าที่และคนทั่วไปเพื่อจะทำเงินอยู่ดี”
เจ้าของร้านยืนมึนดูอู๋ ฮ่าวเหรินเดินออกไป คิดว่าชายคนนี้คงไม่ได้ไปปล้นธนาคารด้วยค้อน หรือฆ่าเจ้าหน้าที่ติดสินบนเข้าจริงๆนะ!
เขาส่ายหัว ไล่ความคิดพวกนั้นออกจากหัวเดินกลับเข้าบ้านพร้อมถ้วยในมือเขาเมื่อได้ยินเรียกตะโกนเรียกจากคนข้างใน
บางทีเขาน่าจะตั้งใจดูข่าวในช่วงนี้สักหน่อย
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่คาดคิด เขาพูดลวกๆแต่ได้ผลกับเจ้าของร้านจริงๆ ณ ตอนนี้เขามาถึงโรงแรมและเดินเข้าไปข้างในเพื่อเปิดห้อง
“ท่านต้องการจะเปิดห้องปกติ ซึ่งราคาอยู่ที่ 288 หยวนต่อวันจริงๆใช่ไหม”
แน่นอนว่าอู๋ ฮ่าวเหรินรู้ว่าผู้ดูแลนั้นใจดี แต่ตอนนี้เขาไม่สนเรื่องราคา และต้องการห้องที่กันเสียงได้ดีเพื่อจะทำมัน
“ผมมั่นใจว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ไม่ต้องห่วง ผมมีเงินพอจะอยู่ที่นี่ไปอีก 2-3 วัน และผมจะออกภายในไม่กี่วันนั่นแหละ”
ในสามวัน หักค่าเช่าออกไปอู๋ ฮ่าวเหรินมีเงินเหลือเพียง 500 กว่าหยวนถ้าเขาหาเงินไม่ได้ในสามวันนี้ เขาต้องไปนอนข้างถนนจริงๆ
หลังจากที่เข้าไปในห้องอู๋ ฮ่าวเหรินวางของทุกอย่างลง แต่แทนที่จะเอาหยกมาออกทันทีเขาตรวจดูภายในห้องอย่างระมัดระวัง
ห้องนี้ไม่ได้หรูหรา ขนาด 20 ตารางเมตรกว่าๆ มีเตียงคู่สองหลัง และห้องน้ำ
ที่หลักที่เขาต้องไปตรวจคือห้องน้ำ เพื่อป้องกันกล้องวงจรปิด ซึ่งถ้าเขาถูกจับได้ เขาจบไม่สวยแน่
หลังจากตรวจดูทุกซอกทุกมุม เพื่อทำให้มั่นใจว่าไม่มีกล้องอยู่ อู๋ ฮ่าวเหรินเดินกลับไปในห้อง หยิบค้อนออกมาจากกระเป๋า เปิดประตูห้องน้ำแล้วเข้าไป
หยกขนาดใหญ่ ตามคำอธิบายของเขา ตั้งอยู่กลางห้องน้ำ
ภายใต้แสงและกระเบื้องบนพื้นกำลังสะท้อนกับก้อนสีเขียวๆ สวยงามมากๆ ดั่งเช่นผลึกน้ำบริสุทธิ์หยดลงบนไม้สีเขียว ซึ่งทำให้ผู้คนปรารถนาจะครอบครอง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับหยกมากนัก เขาก็ได้ตรวจดูพวกวัสดุหยกมาเยอะจนพอจะเข้าใจว่าถ้าหยกชิ้นใหญ่นี้ถูกเอาออกไปขายมันจะต้องราคาสูงทะลุฟ้า
อย่างไรก็ตาม เขาอาจจะทำให้เขาชะตาขาด ถ้าเกิดทุกคนรู้ความจริงนี้
หลังจากสังเกตดูครั้งหนึ่งแล้ว เขาเลือกจุดที่สีไม่ค่อยสวยอู๋ ฮ่าวเหรินก็ฟาดค้อนลงไปอย่างไม่ลังเลย
ฟาดลงไปสามครั้งแล้ว น้ำหนักการทุบและเศษหยกที่เขาทุบไปนั้น ถ้ามีนักแกะสลักหยกที่รักในหยกมากๆมาเห็นล่ะก็ เขาต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงใน”อาชญากรรม”ที่เขาก่อแน่นอน
โชคร้ายที่ในสายตาของอู๋ ฮ่าวเหรินนั้นไม่สนว่าสิ่งนี้จะสวยยังไง ก็มีค่าเพียงสองเหรียญพลังงานเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือค่าส่งผ่านวัตถุ
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เอาหยกเข้าระบบซองแดงอีกครั้ง แน่นอนว่าถ้าจะเอาออกมาอีกจะต้องจ่ายเหรียญพลังงาน
ต่อจากนี้ สิ่งที่อู๋ ฮ่าวเหรินจะทำจากการเอาหยกใส่ลงไปในระบบคือประเมิณราคาคร่าวๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ในวันพรุ่งนี้
-----------------------------------