เฉินฟานขมวดคิ้วในขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า
‘เสี่ยวฉี?’
ชื่อนี้ได้เตือนเฉินฟานว่าเขายังต้องไปพบกับคุณเว่ยเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขา เมื่อถูกดึงดูดจากเหตุการณ์ว้าวุ่นระหว่างหยางเฉา และโจวเทียนฮ่าวจึงทำให้เขาลืมเกี่ยวกับการนัดหมาย
จากนั้นเฉินฟานจึงกดรับโทรศัพท์ด้วยความลังเลเล็กน้อย
“สวัสดีครับ นั่นใช่คุณเฉินรึเปล่าครับ? ผมเสี่ยวฉี ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าบ้านของคุณแล้ว คุณพร้อมจะไปเลยไหมครับคุณเฉิน?”
เฉินฟานได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือของเสี่ยวฉีดังออกจากโทรศัพท์มือถือ
เสี่ยวฉีถูกดึงดูดโดยพลังของเฉินฟานตั้งแต่ที่เขาได้เห็นชายหนุ่มคนนั้นเปลี่ยนใบวิลโลว์เป็นอาวุธร้ายแรง เขาเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพ และเคารพต่อความแข็งแกร่ง และพลังมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด
“อ่า โทษที! ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านริมทะเลสาบ” เฉินฟานรู้สึกอับอายเล็กน้อยที่ชายกำยำต้องขับรถมารอรับเขาถึงบ้าน
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นคุณอยู่ที่ไหนครับ? มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?” เสี่ยวฉีถามอย่างลังเล และรู้สึกไม่สบายใจ
“ฉันอยู่ที่เขตใหม่ ฉันเจอปัญหา... นิดหน่อย” เฉินฟานนั่งอย่างสงบ และไม่ได้สนใจโจวเทียนฮ่าว
“คุณเจอปัญหางั้นเหรอครับ? มีอะไรที่ผมพอจะทำได้บ้างไหม?” เสี่ยวฉีถามอย่างกระตือรือร้น
เสี่ยวฉีหยุดชะงักชั่วครู่เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้พูดอะไรผิดพลาดไป จากนั้นเขาก็อธิบาย “ผมไม่อยากให้คุณเฉินไปรักษาอาการบาดเจ็บของท่านเว่ยสาย แม้ว่าผมจะเป็นแค่บอดี้การ์ด แต่ผมก็สามารถจัดการปัญหาเล็กๆน้อยๆในเมืองซูโจวได้นะครับ”
“โอเค ขอบคุณมาก! นายไม่จำเป็นต้องจริงจังมากขนาดนั้นก็ได้ ฉันอยู่ที่ KTV และมีปัญหากับนักธุรกิจที่ชื่อโจวเทียนฮ่าว” เฉินฟานบอกเสี่ยวฉีเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เนื่องจากเสี่ยวฉีเป็นเพียงบอดี้การ์ด เฉินฟานจึงไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวฉีจะสามารถช่วยเหลือเขาได้
ทันทีที่เฉินฟานพูดถึงชื่อโจวเทียนฮ่าว เขาก็ได้ยินเสี่ยวฉีส่งเสียง ‘อ๊ะ’ ที่ปลายสาย
“นายรู้จักเขา?” เฉินฟานถามอย่างสงสัย
“ใช่ครับ ผมจะไปถึงที่นั่นภายในสิบนาที” เสี่ยวฉีรีบตอบกลับ “บอกโจวเทียนฮ่าวให้คว้ากางเกงของเขาเอาไว้ให้แน่น ผมจะรีบไปที่นั่นทันที”
เฉินฟานวางสายโทรศัพท์ และสับสนกับคำพูดสุดท้ายของเสี่ยวฉี
ฟังดูเหมือนว่าเสี่ยวฉีไม่เพียงแต่รู้จักโจวเทียนฮ่าว แต่ทั้งสองก็ดูเหมือนจะมีคอนเนคชั่นพิเศษบางอย่าง
เนื่องจากเสี่ยวฉีรู้จักกับโจวเทียนฮ่าว นี่จึงทำให้เฉินฟานรู้สึกลังเลที่จะแก้ปัญหาด้วยวิธีของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะรอจนกว่าเสี่ยวฉีจะมาที่นี่
โจวเทียนฮ่าวมองดูเฉินฟานคุยโทรศัพท์จนจบ เขาไม่ได้ขัดจังหวะชายหนุ่มเพราะเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่แยแส “แกหาคนมาช่วยงั้นเหรอ?”
“ทำต่อไปเถอะ ฉันจะไม่ขัดจังหวะแกหรอก ทำไมแกไม่โทรหาทุกคนที่แกรู้จัก และเรามารอดูกันว่าใครจะช่วยแกได้?”
“เพื่อนของฉันคนนี้บอกว่าเขาจะมาถึงที่นี่ในอีกสิบนาที เขาบอกให้คุณคว้า— เพื่อรอเขา” เฉินฟานกำลังจะพูดคำพูดของเสี่ยวฉี แต่เขาคิดว่าคงดีกว่าถ้าไม่พูดมันออกไป
มันเป็นเรื่องที่ดีถ้าเสี่ยวฉีสามารถแก้ปัญหานี้ได้เพราะเฉินฟานยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยพลังที่แท้จริงของเขา
“ให้ฉันรอ?” โจวเทียนฮ่าวไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นเขาก็พยักหน้า และพูด “ได้ ฉันจะรอแกอีกสิบนาที”
“ฉันต้องการดูว่าใครกล้ามองผ่านฉันในเมืองซูโจว”
จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ต่างก็รอ และไม่มีใครพูดอะไรเลย ทั้งห้อมเต็มไปด้วยความเงียบงัน
เฉินฟานรู้สึกว่าความเงียบในห้องนั้นคล้ายกับอากาศที่สงบนิ่งก่อนที่พายุลูกใหญ่จะพัดโหมกระหน่ำเข้ามา
ในเวลาน้อยกว่าสิบนาที พวกเขาก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากด้านนอกประตู
ทุกคนหันไปมองที่ทางเข้า และพวกเขาก็เห็นชายกำยำคนหนึ่งบุกเข้าไปในห้อง
เขามองไปรอบๆห้องอิมพีเรียลพร้อมกับแสดงออกอย่างสงบ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหาเฉินฟาน และทักทายเขาด้วยความเคารพ
“คุณเฉิน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? พวกเขาทำร้ายคุณรึเปล่า?”
“พวกเขาทำได้?” เฉินฟานยิ้มแล้วส่ายหน้า
“อ่า จริงด้วย ผมขอโทษด้วยครับคุณเฉิน ผมไม่ได้ตั้งใจจะมองข้ามความแข็งแกร่งของคุณเลยแม้แต่นิด” ชายกำยำยิ้มออกมาอย่างฉับพลัน และพูดอย่างงุ่มง่าม เขาหันหน้าไปทางกลุ่มคนที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วตะโกน “โจวเทียนฮ่าว! แกกล้าดียังไง?”
ใบหน้าของโจวเทียนฮ่าวกลายเป็นซีดเซียวทันทีที่เขาตระหนักได้ว่าชายกำยำคนนี้คือใคร เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาก็รีบกระโดดออกจากโซฟา และพยายามเค้นหาคำตอบ “พี่ฉี พะ พี่มาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอครับ?”
โจวเทียนฮ่าวรู้ดีว่าชายกำยำคนนี้เป็นบอดี้การ์ดเก่าแก่ของท่านเว่ย
เสี่ยวฉีหัวเราะเย้ยหยันไปที่โจวเทียนฮ่าว และตอบอย่างแดกดัน “มันจะดีกว่าถ้าแกไม่ได้ข่มขู่เพื่อนของท่านเว่ย!”
“พะ เพื่อน? พี่หมายถึงชายหนุ่มคนนี้เป็นเพื่อนกับท่านเว่ยงั้นเหรอ?” โจวเทียนฮ่าวมองไปที่เฉินฟานอย่างไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็มองกลับไปที่เสี่ยวฉี
ท่านเว่ยมีอายุเกือบ 80 ปี แล้วเขาจะเป็นเพื่อนกับชายหนุ่มอายุ 16 ปีได้อย่างไร?
“ท่านเว่ยขอให้ฉันพาเขาไปงานเลี้ยงที่เราเตรียมไว้ให้เขา ฉันจอดรถ Audi A6 ไว้ที่ชั้นล่าง” เสี่ยวฉีพูด “แกกำลังตั้งคำถามกับฉันอยู่งั้นเหรอ?”
“มะ ไม่ครับ ไม่ใช่ครับ!” โจวเทียนฮ่าวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่เย็นเยียบ เขารู้ดีว่ารถ Audi A6 คันนี้ของท่านเว่ยเป็นสิ่งแรกที่เขาซื้อหลังจากที่เขาได้รับหม้อทองคำมาเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากรถคันนี้มันมีความหมายพิเศษกับท่านเว่ย เขาจึงใช้มันในโอกาสพิเศษเท่านั้น นอกจากนี้ท่านเว่ยไม่เคยให้บอดี้การ์ดส่วนตัวนำไปใช้เว้นแต่จะมีแขกที่มีความสำคัญกับเขามากเท่านั้น
(หม้อทองคำ หมายถึง เงินทองมากมาย)
ในที่สุดโจวเทียนฮ่าวก็เริ่มตระหนักได้ เขาสร้างปัญหาผิดคนแล้ว เขามองไปที่เฉินฟานอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นแขกของท่านเว่ย ผมมันโง่เอง! ผมต้องขอโทษคุณเฉินด้วยครับ!”
แขกคนอื่นๆในห้องต่างพากันตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นี่ช่างเป็นฉากที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ บิ๊กบอสของเมืองได้ก้มหัวขอโทษชายหนุ่มอายุ 16 ปี
พวกเขาคาดว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องมาจากตระกูลที่ทรงอิทธิพลเป็นอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นโจวเทียนฮ่าวจะไม่หวาดกลัวเขาเช่นนี้
เมื่อเห็นชุดต่อสู้ที่เสี่ยวฉีสวมใส่ ทุกคนต่างก็พากันนิ่งเงียบ และไม่กล้าส่งเสียงดัง
หญิงสาวชุดแดงรู้สึกว่าหัวใจของเธอบีบแน่นเพราะร่างกายของเธอเกือบเป็นอัมพาตด้วยความหวาดกลัว
เธอคิดที่จะโทรหาบอสของโจวเทียนฮ่าวหากสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เธอไม่เคยคาดหวังว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นแขกคนสำคัญของท่านเว่ย
‘นี่เป็นปัญหาที่ยุ่งยากแล้วสิ! ใครจะคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะไปรู้จักกับท่านเว่ยกัน?’
เมื่อได้ยินคำขอโทษของโจวเทียนฮ่าว เฉินฟานก็ขมวดคิ้ว เขาประเมินอิทธิพลของชายชราต่ำเกินไป
ช่างเป็นตาแก่ที่ลึกลับเสียจริง!
“คุณเฉิน คุณต้องการให้ผมทำอะไรกับผู้ชายคนนี้ดีครับ?” เสี่ยวฉีถามอย่างรอบคอบ
เสี่ยวฉีไม่ต้องการให้เรื่องนี้ยืดเยื้ออีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องการลงโทษโจวเทียนฮ่าวเพื่อให้เฉินฟานพึงพอใจ หากเขาต้องการให้โจวเทียนฮ่าวตาย เขาสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็ว และเงียบงัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากโจวเทียนฮ่าวได้ทำงานให้กับคนของท่านเว่ย ดังนั้นเสี่ยวฉีจึงพยายามปกป้องเขาโดยไม่เข้าข้างเขา
เฉินฟานมองเห็นเจตนาของเสี่ยวฉี เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “เนื่องจากเราทุกคนที่นี่รู้จักกัน งั้นก็ปล่อยผ่านปัญหาเรื่องนี้ไปเถอะ”
เพราะท้ายที่สุดแล้วโจวเทียนฮ่าวก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรเขา แต่กลับเป็นเขาที่ทำให้คนของโจวเทียนฮ่าวบาดเจ็บสาหัสแทน
เฉินฟานหันไปหาโจวเทียนฮ่าว และพูด “นี่เป็นความเข้าใจผิด แต่ฉันไม่ต้องการให้คุณไปรบกวนหญิงสาวเหล่านั้นอีก แต่หากคุณรู้สึกไม่พอใจ เราสามารถจัดการเรื่องของเราต่อได้”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะไม่ไปรบกวนหญิงสาวเหล่านั้นอีกต่อไป ผมสัญญา!” โจวเทียนฮ่าวเอ่ยขอโทษอย่างนอบน้อม เขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก
หลังจากที่เฉินฟานออกไปกับเสี่ยวฉี ในที่สุดโจวเทียนฮ่าวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ชายอ้วนวัยกลางคนผู้ซึ่งเป็นผู้ที่เป็นคนก่อให้เกิดปัญหาครั้งนี้ได้กล่าวถามออกมา “โจวเทียนฮ่าว นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
โจวเทียนฮ่าวส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่น “บอสจาง ฉันต้องขอโทษคุณด้วย แต่คราวนี้ฉันไม่สามารถช่วยคุณได้จริงๆ”
หน้าผากของชายอ้วนวัยกลางคนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อในขณะที่เขาถามออกมา “ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร? ทำไมคุณถึงดูหวาดกลัวเขาเช่นนี้?”
โจวเทียนฮ่าวไม่พูด เขามองไปรอบๆแล้วมองไปที่หญิงสาวชุดแดง
หญิงสาวชุดแดงลุกขึ้นยืน และสั่งให้คนอื่นๆออกไปจากห้องจนเหลือเพียงสี่คนที่อยู่ในห้อง ชายอ้วนวัยกลางคน โจวเทียนฮ่าว หญิงสาวชุดแดง และหญิงสาวชุดขาวอีกคนหนึ่ง
โจวเทียนฮ่าวนั่งบนโซฟาแล้วจิบไวน์แดงจากแก้วที่ถูกรินโดยหญิงสาวชุดแดง เขาใช้เวลาสักครู่เพื่อรวบรวมความคิด และพูดออกมาอย่างช้าๆ “ฉันไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร แต่ฉันรู้จักคนที่มาหาเขา เขาทำงานให้กับบอสของเจ้านายของฉัน”
“โอ้? ฉันขอถามได้ไหมว่าเขามาจากตระกูลไหน?” ชายอ้วนวัยกลางคนถามด้วยความอยากรู้
โจวเทียนฮ่าวหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “ตระกูลเว่ย”
“ตระกูลเว่ย?” ชายอ้วนวัยกลางคนพึมพำกับตัวเอง และทันใดนั้นเขาก็ดูเหมือนจะจำบางสิ่งได้
“ตระกูลเว่ยจากฝั่งเหนือ? ตระกูลนักรบที่ยิ่งใหญ่?”
“ถูกต้อง” โจวเทียนฮ่าวพยักหน้า และยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ชายกำยำคนที่ฉันเรียกว่า “พี่ฉี” เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของท่านเว่ย ฉันเคยพบเขาเพียงสองครั้งเท่านั้น”
ในขณะที่ชายอ้วนวัยกลางคนค้นพบความจริง ขนของเขาก็ลุกตั้งขึ้นมา
ตระกูลเว่ยจากฝั่งเหนือเป็นตระกูลที่ทรงพลัง และมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในมณฑลหูตง ตระกูลเว่ยเป็นตระกูลที่ร่ำรวย และเป็นตระกูลเก่าแก่ ชายอ้วนวัยกลางคนเป็นแค่คนรวยเพียงชั่วข้ามคืนจากหมู่บ้านเหมืองถ่านหินขนาดเล็กในมณฑลชานซี เพียงแค่ความคิดที่จะพบสมาชิกจากตระกูลที่ทรงพลังก็ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวแล้ว
ชายอ้วนวัยกลางคนไม่เคยหวาดกลัวเมื่อเขาต้องออกไปข้างนอก และอยู่ที่เมืองอื่น เขาสามารถหนีกลับไปที่บ้านเกิดของเขาได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามอำนาจของตระกูลเว่ยได้ขยายไปถึงมณฑลในบ้านเกิดของเขา ไม่มีที่ไหนที่เขาจะสามารถหลบหนีไปได้
“บ้าเอ๊ย!” ชายอ้วนวัยกลางคนสาปแช่ง
------------------------------------------------------------------------------------------