px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 67 : หากข้าไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก ?


บทที่ 67 : หากข้าไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก ?

 

ณ ตระกูลเซี่ยว

"นายน้อยท่านกลับมาแล้ว นายท่านกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องทำงานขอรับ" พ่อบ้านรีบก้าวออกมาต้อนรับนายน้อยด้วยความเคารพ

แม้ในช่วงปีหลังๆที่ผ่านมานี้จะเกิดข่าวลือขึ้นมาหลายเรื่อง เขาเองก็เป็นพ่อบ้านของตระกูลนี้มานับสิบๆปีแล้ว เขาย่อมเชื่อมั่นในตัวนายน้อยคนนี้ และไม่คิดจะสนใจข่าวลืออะไรทั้งนั้น

ตลอดทางเซี่ยวซื่อได้แต่เดินก้มหน้าราวกับมันมีเรื่อหนักใจอะไรบางอย่างที่วนเวียนอยู่ในหัว เมื่อมันได้ยินคำกล่าวของพ่อบ้าน มันก็พยักหน้าตอบรับก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน

ในช่วงเริ่มต้นของการเรียนเซี่ยวซื่อรู้สึกผิดหวังอย่างมาก บทเรียนที่อาจารย์กล่าวออกมานั้นมันแทบไม่ต่างอะไรกับนิทานชวนเชื่อ หรือเรื่องราวที่ปลุกเร้าไม่ให้จมอยู่กับสภาพย่ำแย่ของตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นบ้าไปเองที่คิดหวังว่าอาจารย์ระดับ D คนนี้จะมีอะไรพิเศษ อีกทั้งยังเอาเส้นทางการบ่มเพาะมาเสี่ยงแบบนี้

แต่ตั้งแต่เขาตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิดขั้นที่ 6 ภายในสำนักนภาสวรรค์แห่งนี้ก็หามีใครคู่ควรให้เขาสนใจไม่ อย่าว่าแต่คนที่แข็งแกร่งขนาดสยบเขาได้ง่ายดายเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องทนกับอาจารย์คนนี้ไปก่อน

เซี่ยวซื่อนั้นเคยคิดที่จะเข้านิกาย แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเข้านิกายไหนดี

ทว่าอาจารย์ที่เขารู้สึกแปลกๆด้วยที่ได้ใช้ช่วงเช้าในการสอนบทเรียนโดยการเล่าเรื่องราวต่างๆนั้น ตอนเขาฟังก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเพราะเรื่องราวนั้นมันไม่ได้มีส่วนไหนที่ตรงกับเขาสักนิด แต่กลับมีบางแนวคิดและการตัดสินใจบางอย่างที่กระทบจิตใจของเขา ทำให้ดูเหมือนขอบเขตเขาจะกว้างออกไป ถึงมันจะยังคลุมเครืออยู่บ้าง ...แต่เมื่อเขาพยายามตั้งใจฟังนานไปเขาก็เริ่มย้อนกลับไปมองอดีตที่ตัวเขาผ่านมาและเหมือนเขาจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง

ความสามารถและสติปัญญาของเซี่ยวซื่อนั้นสูงล้ำอยู่แล้ว เรื่องราวในช่วงแรกที่หลินฟ่านเล่ามันจึงไม่ค่อยส่งผลอะไรกับเขานัก แต่ต่อมาบางช่วงที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจหรือแนวคิด มันมีบางอย่างที่เซี่ยวซื่อเองก็คาดไม่ถึงอยู่บ้าง ทำให้เขายังพอได้อะไรบางอย่างกลับมา และที่มันชอบที่สุดก็คือแนวคิดเรื่องการกระทำที่ส่งผลต่อไปเป็นทอดๆจากอดีตจนถึงอนาคต

เซี่ยวซื่อเลยเริ่มถามตัวเองว่าเขานั้นได้เรียนรู้อะไรมาบ้างในอดีต นี่เพื่อให้เขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่ขาดและจะได้ค้นหาว่าตัวเองนั้นต้องพัฒนาไปทางไหน ... แต่เนื่องจากเซี่ยวซื่อนั้นพึ่งได้ฟังคำสอนของหลินฟ่านแค่วันเดียวทำให้มันยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร ถึงแม้วันนี้เซี่ยวซื่อจะไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้สติปัญญาของมันได้ยกระดับไปอีกขั้นแล้ว มันยังต้องใช้เวลาในการประมวลผลอีกสักหน่อย

ภายในห้องทำงานของประมุขตระกูล ...

ประมุขตระกูลเซี่ยว เซี่ยวเส้าเฟิง นั่งอยู่บนโต๊ะประจำตำแหน่งอย่างน่าเกรงขาม ใบหน้าของมันนั้นเจือไปด้วยความขุ่นมัวเล็กน้อย

เพราะมันเพิ่งได้รับข่าวลือว่าลูกชายที่มันภาคภูมิใจและเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบร้อยปีของตระกูล กลับไปฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ระดับ D เรื่องนี้ทำให้เซี่ยวเส้าเฟิงบันดาลโทสะอย่างมาก อัจฉริยะไร้พ่ายของสำนักนภาสวรรค์กลับลดตัวไปเป็นลูกศิษย์อาจารย์ระดับ D นี่มันคิดจะทำลายหน้าตาของตระกูลเซี่ยวทั้งหมดอยู่หรืออย่างไรกัน?

“ท่านพ่อ ท่านเรียกหาข้าหรือ”เซี่ยวซื่อที่เดินเข้ามากล่าวถามขึ้น เมื่อมันเห็นสีหน้าและท่าทางรวมทั้งแววตาของบิดา ตัวมันย่อมรู้ดีว่าบิดากำลังอารมณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ดูเหมือนเรื่องที่มันไปกราบอาจารย์ระดับ D เพื่อขอเป็นศิษย์จะถูกบิดาล่วงรู้เสียแล้ว

เหตุการณ์เมื่อวานที่เขาพ่ายแพ้และถูกฟาดจนก้นลายก็ทำให้บิดาเขาโมโหอย่างมากแล้ว มาวันนี้เขายังไปขอเป็นศิษย์อาจารย์ระดับ D อีก หากวันนี้เขาไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ รับรองบิดาต้องตำหนิเขาอย่างหนักแน่นอน

"เช้าวันนี้ อาจารย์ของเจ้าได้มาบอกกล่าวแก่ข้า ว่าเจ้าไปกราบอาจารย์ระดับ D เพื่อขอเป็นศิษย์ ... นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?" เซี่ยวเส้าเฟิงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความเกรี้ยวกราดดุดันราวกับสิงโตที่เตรียมพร้อมจะกระโจนออกไปขย้ำเหยื่อได้ทุกเมื่อ

"เป็นเช่นนั้นจริง ท่านพ่อ" เซี่ยวซื่อพยักหน้ารับ

ทันใดนั้นเซี่ยวเส้าเฟิงที่นั่งอยู่อย่างสงบ ก็ลงมือฟาดโต๊ะดังสนั่น ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยโทสะ “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร ออกจากระดับ A เพื่อไปร่ำเรียนกับอาจารย์ระดับ D... เจ้ารู้หรือไม่ ว่ามีกี่คนที่หัวเราะเยาะตระกูลเซี่ยวของเราอย่างนี้ ตอนนี้หน้าตาของตระกูลเราเสียหายไปเท่าไรแล้วเจ้ารู้หรือไม่ มันมองพวกเราแทบมิต่างอันใดจากตัวตลก หากวันนี้เจ้าไม่อธิบายเหตุผลของการกระทำเจ้ามาล่ะก็อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ?”

...เซี่ยวเส้าเฟิงบันดาลโทสะอย่างมาก มันกล่าวออกมาพร้อมกับน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หากวันนี้ลูกชายของมันไม่อาจอธิบายให้มันเข้าใจได้ พรุ่งนี้มันจะบุกไปยังสำนักนภาสวรรค์เพื่อไปพบอาจารย์ระดับ D คนนั้น  ตัวมันอยากรู้นักว่าอาจารย์ผู้นี้มียาอันใดอยู่ในน้ำเต้าถึงล่อลวงบุตรชายอัจฉริยะของมันให้ลดตัวออกจาก ระดับ A มาอยู่ในระดับ D ได้

เซี่ยวซื่อเงียบลงไปครู่หนึ่ง ทำไมถึงต้องไปกราบคนผู้นั้นเป็นอาจารย์? เซี่ยวซื่อเองย่อมเคยคิดถึงคำถามข้อนี้มาก่อนแล้ว และทุกครั้งที่มันคิด ความรู้สึกผิดในส่วนลึกของจิตใจมันก็ปะทุขึ้นมา มันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของคนผู้นั้นที่ออกมาจากใจ ทุกครั้งยามที่หวดไม้เรียวทำร้ายมัน

..ความรู้สึกนั้นมันอบอุ่นอย่างที่มันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน...มันโหยหา และอยากหาคำตอบว่าความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่

แน่นอนเซี่ยวซื่อย่อมไม่กล้าบอกว่า มันถูกไม้เรียวหวดตูดจนรู้สึกคิดถึงอาจารย์คนนั้นอยู่แล้ว  "ท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าอาจารย์ระดับ D ผู้นั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด เขาเอาชนะข้าได้ด้วยการโจมตีเพียง 1 ครั้ง!  เพียงหนึ่งกระบวนท่าที่ใช้ออกราวกับเด็ดใบไม้ข้าก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้านเขา  แล้วท่านพ่อรู้หรือไม่ การโจมตีสุดกำลังด้วยง้าวสะท้านสวรรค์ของข้า ยังสร้างไม่ได้แม้แต่รอยขีดข่วนบนตัวเขา   ในสำนักนภาสวรรค์หามีผู้ใดคู่ควรที่จะสั่งสอนข้าได้ไม่ แต่คนผู้นี้...อาจารย์ระดับ D ผู้นี้เขาทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัว หวาดกลัวในความแข็งแกร่งสุดจะหยั่งของเขา และข้าก็อยากจะติดตามอาจารย์คนนี้ เผื่อบางทีข้าอาจจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม"

คำพูดของเซี่ยวซื่อนั้นกล่าวออกมาโดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกที่แท้จริงของมันแม้แต่น้อย

เซี่ยวเส้าเฟิง ที่จ้องมองไปยังเซี่ยวซื่อ เมื่อฟังคำอธิบายของมัน เขาก็เริ่มสงบลงมา ...ในฐานะที่มันเป็นบิดา มันย่อมรู้ดีว่าบุตรชายของมันแข็งแกร่งขนาดไหน บุตรชายของมันมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก่อเกิดขั้นที่ 6 อีกทั้งวิชาต่างๆของมันที่ได้ฝึกฝน ก็ล้วนแต่เป็นวิชาระดับสูงสุดของตระกูลทั้งสิ้น เป็นวิชาที่สร้างชื่อให้กับบรรพบุรุษ!! แม้แต่ผู้ฝึกฝนระดับก่อเกิดขั้นที่ 7 จะทำร้ายหรือเอาชนะมันยังนับว่าไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำได้ง่ายๆ เผลอๆจะพ่ายแพ้แก่บุตรของมันด้วยซ้ำ!!

"เป็นเช่นนั้นจริงรึ?" เซี่ยวเส้าเฟิงกล่าวถามออกมา

"ถูกแล้วท่านพ่อ และเช้านี้ข้าได้รับฟังบทเรียนของเขา เมื่อข้าได้ฟัง ข้ากลับบังเกิดเรื่องราวบางอย่างที่คลุมเครืออยู่ในใจของข้า ข้าอยากจะใช้เวลาเพื่อประมวลผลและทำความเข้าใจกับความรู้ที่ข้าได้รับมา หากท่านพ่อไม่มีธุระอันใดแล้ว ข้าอยากขอกลับไปเก็บตัวทำความเข้าใจและเรียบเรียงความคิดของข้าที่ห้อง" เซี่ยวซื่อกล่าวออกมา

เซี่ยวเส้าเฟิงสังเกตเห็นว่าเซี่ยวซื่อยามนี้ ดูตั้งใจและเอาจริงเอาจังมากกว่ายามฝึกวิชากับมันเมื่อก่อนเสียอีกมันจึงปล่อยให้บุตรกลับไปไม่คิดรั้งอะไรไว้อีก ...หลังจากนั้นมันก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง

วันต่อมา

หลินฟ่านนั้นได้บรรยายเรื่องราวเพื่อเปิดโลกกว้างและเสริมความเข้าใจแก่เหล่าลูกศิษย์ทั้งหมด พร้อมทั้งยังใช้สกิลมือที่คอยโอบอุ้มเพื่อยกระดับพรสวรรค์ให้แก่ทุกคน หลังจากที่มันเพิ่มความสามารถให้กับเหล่าศิษย์จนหมดแล้วมันก็รีบออกจากสำนักไป...ทั้งนี้เพราะเมื่อคืนมันนอนไม่หลับและครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆนาๆทั้งคืน

จะเกิดอะไรขึ้นหากว่าโอสถนั่นเป็น โอสถสู่สวรรค์อมตะของจริง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนบ้าพอที่จะขายโอสถนี้ด้วยเหรียญทองคำดำจริงๆ?

โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลและมีเรื่องราวมหัศจรรย์อีกมากมายที่มันไม่รู้ คนเองก็มีอีกมากมายหลายประเภทที่เขาไม่อาจใช้ตรรกะตัวเองในการวัดระดับหรือทำความเข้าใจผู้อื่นได้ เพราะขนาดที่โลกเก่ามันยังไม่เข้าใจเลย ว่าพวกโรคจิตมันคิดอะไรถึงทำออกไปแบบนั้น

และนี่จะเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงอย่างมาก...

ถ้าหาก "โอสถสู่สวรรค์อมตะ" นี้เป็นของจริง หากเขากินมันแล้วได้รับ EXP มหาศาลจนเลื่อนระดับได้ถึงขั้นนั้นขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น? หากเป็นเช่นนั้นจริง หลังกินแล้วทีนี้ตอนที่เขากลับไปยังนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์เขาไม่โก้ ไปเลยเหรอ?

เขาจึงคิดอยู่ทั้งคืนว่า จะไปขโมย หรือ ไม่ขโมยดี ....

'โอ๊ย คนที่คิดจะประมูลยานี้ต้องเป็นโจรโฉดชั่วช้าสามานย์อย่างในนิยายแน่นอน ถ้าเราปล่อยให้มันได้โอสถนี้ไปเท่ากับเราปล่อยคนชั่วให้มีโอกาสไปก่อกรรมที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น ไม่ได้ละ ยังไงเราก็ต้องไปขโมยมันมา เพื่อสันติสุขของมนุษย์โลก'

ตอนนี้เหลือเวลาอีกสองวันก่อนการประมูลจะเริ่มลงมือตอนนี้ย่อมดีที่สุด หากเขาไปลงมือชิงของในงานประมูลรับรองต้องมีเรื่องราววุ่นวายไม่รู้จบอย่างแน่นอน

เพราะเรื่องของเรื่องคงไม่มีคนแค่คนเดียวมาร่วมงานประมูลอยู่แล้ว ผู้คนคงมากันอย่างล้นหลามต่อให้เขามีอิฐแดง 95 ในตำนาน เขาจะเคาะกบาลทุกคนให้หลับหมดได้ทันอย่างไร ลงมือตอนนี้ย่อมดีกว่า

เขาเลยตัดสินใจจะมาขโมยมันตั้งแต่เนิ่นๆนี่ล่ะ ประเสริฐที่สุดแล้ว

หลินฟ่านมาถึงหอการค้าสวรรค์บนดินโดยใช้เวลาไม่นาน มันรีบใช้เร้นกายแล้วเข้าไปค้นหาในหอโดยทันที

ตอนนี้ในหอการค้าแห่งนี้ก็มีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของอย่างมาก อีกทั้งยังมีของดีๆมากมายหลายอย่าง

การประมูล "โอสถสู่สวรรค์อมตะ" ครั้งนี้นับว่าดึงดูดเหล่าผู้ฝึกตนทั่วทุกสารทิศให้เข้ามาร่วมการประมูล จึงทำให้มีผู้ฝึกตนมากมายที่ออกมาเดินจับจ่ายซื้อของหรือชมดูสินค้าต่างๆว่ามีอะไรที่มีค่าสำหรับพวกมันหรือไม่

หลินฟ่านที่มาถึงมันก็ได้แต่มองไปรอบๆ ก่อนที่จะเรียบเรียงความคิดในหัว ‘โอสถสู่สวรรค์อมตะอะไรนั่น มันมีค่ามากขนาดนี้ มันก็ต้องเก็บไว้ในห้องลับ หรือห้องสำคัญ คงไม่เอามาตั้งโชว์ล่อเป้าโง่ๆอยู่แล้ว...อืมจากหนังสายลับทั้งหลายห้องลับส่วนมากไม่อยู่ชั้นบนสุดก็ชั้นใต้ดิน ไม่ก็ห้องลับในห้องนอนของคนที่ใหญ่ที่สุด แต่ในนิยายก็มักจะมีห้องเก็บสมบัติอีก เอาไงดีวะ’ หลินฟ่านเดินไปครุ่นคิดไป มันไม่คิดหยิบจับของอย่างอื่นในตอนนี้เพราะหากเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้นมาจะเสียการณ์ใหญ่ซะเปล่าๆ

‘เอ๊ย มันซ่อนไว้ไหนวะชั้นล่างไม่มี?’

หลินฟ่านที่พยายามเดินลงไปชั้นล่างแต่ทว่าก็ไม่พบห้องลับหรืออะไรทำนองนั้น มันจึงเดินกลับขึ้นมาบนหอการค้า เพื่อจะลองขึ้นไปค้นหาด้านบนดู

‘ข้างบนจะมีไหมหว่า ลองไปดูก่อนไม่มีค่อยจิ๊กเอากลางงานแม่งเลย’

แต่ทันใดนั้นเองสายตาหลินฟ่านก็เหลือบไปเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังรับรองบุรุษที่ดูจะเป็นคนสำคัญอย่างมากคนหนึ่ง ก่อนที่มันจะเดินนำหน้าบุรุษผู้นั้นไปยังทิศทางๆ หนึ่ง

หัวใจของหลินฟ่านถึงกับพองโตขึ้นมา อีกวิธีหนึ่งในการหาของมีค่าคือตามคนที่ท่าทางจะใหญ่ที่สุดเอาไว้ เพราะคนจำพวกนี้มักจะพาไปหาของมีค่าได้เช่นกัน ตอนนี้หลินฟ่านจึงติดตามคนด้านหน้าไปเผื่อมันจะเจอ โอสถสู่สวรรค์อมตะเพราะติดตามคนๆนี้

เมื่อพวกมันกำลังจะเข้าห้อง หลินฟ่านก็อาศัยจังหวะที่มันเปิดประตูและรีบแทรกตัวเข้าไปก่อน จากนั้นก็เข้าไปยืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง  และเมื่อมันหันกลับมามันก็ต้องตกตะลึงจนขนตูดแทบลุก เพราะบุรุษหนุ่มที่ถูกพามานั้นกลับเป็น...

จักรพรรรดิหยาง!!

หลินฟ่านตะลึงค้างไปอยู่สักพัก ตอนแรกมันคิดจะชักอิฐแดง 95 ออกมาแพ่นกบาลมันซะ แต่ทว่าบรรยากาศกดดันที่จักพรรดิหยางแผ่ออกมาก็ทำให้มันถึงกับหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัว

และในเวลาต่อมาหลินฟ่านก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ฮึดสู้เอาอิฐไปทุบหัวมันเมื่อกี้

เพราะเมื่อกี้ในระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันนั้นมันกลับได้ยินเรื่องราวหนึ่ง ที่มันเองก็ไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญได้ยินได้จากปากของจักรพรรดิหยาง

ที่แท้ โอสถสู่สวรรค์อมตะนี้ กลับเป็นของจักรพรรดิหยาง!!

หลังจากที่จักรพรรดิหยางมอบโอสถสู่สวรรค์อมตะให้แก่ ชายวัยกลางคนที่ดูจะเป็นเจ้าของหอการค้า พร้อมทั้งสั่งการอะไรอีกนิดหน่อยมันก็จากไป...และในขณะที่มันจากไปหลินฟ่านก็ตกตะลึงไม่น้อย

‘โหอย่างเจ๋ง วิชาอะไรวะเนี่ย อยูดีๆพี่แกวูบหายไปเลย นี่มันเคลื่อนย้ายในพริบตา ของพระเอกดังในตำนานที่ต้องเอาสองนิ้วแตะหว่างคิ้วใช่มั้ยโหลวววว’....อันที่จริงจักพรรดิหยางเปิดช่องว่างมิติแล้วเดินเข้าไป แต่ทว่ามันเร็วจนหลินฟ่านมองไม่ทันเท่านั้นเอง

และเมื่อจักพรรดิหยางกลับไปชายวัยกลางคนก็หันซ้ายหันขวาราวด้วยความระวังตามสัญชาติญาณ ก่อนที่มันจะเดินไปยังมุมหนึ่งของห้องและบิดกลไกบางอย่างจนปรากฏช่องลับออกมา และมันก็นำ "โอสถสู่สวรรค์อมตะ" เก็บไว้ในกล่องก่อนที่จะเอาไปวางไว้ในช่องลับนั่น ... แน่นอนช่องลับมันย่อมไม่ลับอีกต่อไปเมื่อหลินฟ่านนั่งมองตาแป๋วอยู่ทุกขั้นตอน ตอนแรกมันก็คิดจะแพ่นกบาลชายวัยกลางคนและขโมยของมีค่าของมันและโอสถไปด้วยเลย แต่ทว่ามันกลัวเรื่องวุ่นวายและจะทำให้เกิดเหตุจลาจล ตามหาคนร้ายวุ่นวายซะเปล่าๆมันเลยไม่ลงมืออะไร

เมื่อชายวัยกลางคนจากไป หลินฟ่านก็รออีกครู่หนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาอีก มันก็เดินไปที่ประตูเพื่อลงกลอนกันเหนียว แล้วก็ไปเปิดกลไกลับอันนั้นออกมา ในช่องลับมันเห็นกล่องขนาดใหญ่ใบหนึ่ง เมื่อเปิดก็พบโอสถสู่สวรรค์อมตะสวยงามตั้งอยู่ มันไม่รีรออะไรรีบหยิบมาสำรวจทันที

"ติ๊ง!! ... ค้นพบโอสถ ระดับสวรรค์ขั้นสูง โอสถโลหิตปะทุ "

"โอสถโลหิตปะทุ: สามารถเพิ่มระกับการบ่มเพาะของผู้ใช้ได้ชั่วคราว เมื่อสิ้นฤทธิ์โอสถ เลือดในกายของผู้ใช้จะระเบิดออกจนถึงแก่ความตาย"

"ติ๊ง!! ...นี่เป็นโอสถที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในดินแดนแห่งนี้"

"เมื่อบริโภค EXP +2,000,000"

ตามที่หลินฟ่านคาดการณ์ไว้แต่แรก ‘ว่าแล้วต้องเรื่องแหกตา หึ เราก็ไม่น่าสงสัยในการสันนิษฐานตัวเองแต่แรก อ่านไอเด็กนรกผู้นำพาความตาย กับไอหนุ่มที่ชอบเอาปู่มาอ้างตั้งมากมาย แล้วการสันนิษฐานเราจะอ่อนได้ยังไง  แต่ก็ดีไปอย่าง อย่างน้อยก็ได้ของฟรี’...แต่จะมีเรื่องหนึ่งที่หลินฟ่านคิดไม่ถึง มันไม่รู้จริงๆว่า จักรพรรดิหยางทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?

หลินฟ่านยังไม่สามารถอ่านสถานการณ์ได้ขาดทั้งหมด เพราะยังมีตัวแปรที่ไม่ทราบค่าอีกมากมาย

‘ต้องเป็นแผนชั่วครั้งใหญ่อะไรสักอย่างแน่นอน น่าจะเกี่ยวข้องกับการระดมกำลังคน แต่ทำไปเพื่ออะไรกันวะ  ช่างเหอะเดี๋ยวค่อยคิด ยังไงก็ต้องสืบเรื่องนี้ก่อนคิดไปตอนนี้ก็คิดไม่ออกเปล่าๆ’ หลินฟ่านจมอยู่กับความคิดอยู่อีกครู่หนึ่ง มันรู้สึกตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ลางสังหรณ์มันบอกว่า ภัยซ่อนเร้นครั้งนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน

ทันใดนั้นในหัวใจของมันปรากฏเสียงหนึ่งดังก้องในจิตสำนึก

"ต้องช่วยคน"

นี่เป็นงานช้างและมีความยากเย็นอย่างสูงแต่ทว่ามันเป็นงานที่ประเสริฐที่สุด หลินฟ่านไม่หวาดกลัว ถึงแม้จะไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเขาต้องคิดทำอะไรลำบากแบบนี้ แต่เขาคิดจะหยุดการประมูลครั้งนี้ให้ได้ เขาจะทำทุกทางเพื่อให้งานประมูลนี้ถูกยกเลิก เพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายของจักรพรรดิหยาง ...หลินฟ่านอาจจะไม่รู้แต่มันมาโลกนี้ครั้งแรกมันก็ไปโผล่ที่นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ ... สิ่งที่จักรพรรดิหยางกระทำอาจจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายกับนิกายศักดิ์สิทธิ์ สัญชาติญาณของมนุษย์ คือจะพยายามรักษาสถานที่ที่พวกมันเรียกว่า บ้าน เอาไว้จนถึงที่สุด...

หลินฟ่านไม่คิดอะไรมากอีกต่อไปมันรวบรวมความกล้าแล้วกลั้นใจหยิบเม็ดยากินเข้าไปทันที เพราะจะอย่างไรผลลัพธ์ของโอสถพวกนี้ก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย ...

แต่ในขณะที่กำลังจะกลับนั้น มันก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างมวนๆขึ้นมาในท้อง ขนของมันลุกเกรียวขึ้นเล็กน้อย แล้วมันก็คิดขึ้นมาได้ว่า ... ‘เออ วันนี้จะว่าไป ก็ยังเลยนี่หว่า’

เมื่อคิดได้...หลินฟ่านก็หยิบกล่องใส่โอสถสู่สวรรค์อมตะมาตั้งไว้บนพื้น ก่อนที่มันจะเริ่มปลดกางเกงออกแล้วนั่งยองๆ เล็งให้ตรงแล้วบรรจงส่งน้องอุจจี้ที่อยากออกมาผจญโลกกว้างให้ลงไปเรียงตัวเป็นกองเจดีย์แสนงดงาม วิจิตบรรจงลงในกล่อง... ‘สุดยอดไปเลยเรา ปื๊ดเดียวจบ เรียงตัววนสวยหัวแหลมเปี๊ยว ไม่ขาดตอนสักนิด’

เมื่อเสร็จธุระหลินฟ่านก็หยิบผ้าฝืนหนึ่งที่วางอยู่บนพานที่โต๊ะ มาเช็ดก้นก่อนที่จะนำกล่องโอสถสวรรค์อมตะเก็บกลับเข้าไปที่ลับ แน่นอนมันไม่ลืมปิดกล่องอะไรให้เรียบร้อย แล้วมันก็ค่อยๆออกมาจากห้องลับ...

ขั้นตอนต่อไปที่หลินฟ่านคิดคือมันต้องลงมือช่วยเหลือผู้คนจากภัยซ่อนเร้นครั้งนี้ให้ได้ แม้ว่าหนทางมันจะยากและเสี่ยงขนาดไหน และถึงแม้จะไม่มีใครเข้าใจ ว่ามันทำไปทำไม มันก็ยังคิดจะกระทำให้ถึงที่สุด

‘ต้องทำได้แน่นอน สวรรค์ต้องเข้าข้างเราสิวะ  เพราะเราคือหลินฟ่าน! ผู้ที่เต็มไปด้วยความรักและความยุติธรรม!’

หลินฟ่านกำหมัดแน่น มันได้ตัดสินใจแล้วว่าครานี้ มันจะลงมือสุดกำลัง

"ถ้าเราไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรกวะ?"

 

 

รีวิวผู้อ่าน