px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 68 : ปฏิบัติการณ์ ช่วยเหลือ!!


บทที่ 68 : ปฏิบัติการณ์ ช่วยเหลือ!!

 

หลินฟ่านรู้สึกผิดหวังกับ "โอสถสู่สวรรค์อมตะ" ที่หอการค้าสวรรค์บนดินคิดจะประมูลนี้มาก เพราะมันกลับกลายเป็นละครแหกตาเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยโอสถนี่ยังให้ EXP มันถึง 2,000,000

ตอนนี้หลินฟ่านไม่ค่อยพอใจกับระดับบ่มเพาะก่อเกิดขั้นที่ 6 ของเขาสักเท่าไร คนที่เต็มไปด้วยความรักและความยุติธรรมดั่งเช่นเขาแน่นอนว่าต้องเจอเหล่าร้ายและเรื่องราวอยุติธรรมอีกมากมาย และถ้าเกิดเขาไปเจอพวกสวรรค์อมตะอะไรแบบนี้ทำเรื่องชั่วร้ายล่ะ เขาจะทำอะไรได้ ระดับบ่มเพาะน้อยนิดกระจิ๊ดริ๊ดกะโหลกกะลาปลากระป๋องแบบนี้เขาจะไปสู้มันได้อย่างไร เขาก็ได้แต่หลบซ่อนไม่แสดงตัวออกไปขัดขวาง สิ้นท่าอัศวินผู้ผดุงความรักและยุติธรรมกันพอดี

ส่วนไอการกินเม็ดยาเก๊นี่แล้วถึงกับขี้แตกนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องโชคร้ายหรือเรื่องบังเอิญ หลินฟ่านรู้สึกว่าไอเม็ดยา โลหิตปะทุ หรือโอสถสู่สวรรค์เก๊ นั่นต้องมีพิษร้ายแรงอย่างแน่นอน ขนาดคนที่มีระบบเทพวิชาช่วยอย่างเขา กินแล้วถึงกับขี้แตกได้ คนธรรมดากินเข้าไปคงตายห่าคาที่ไม่ต้องสืบ...อันที่จริงเรื่องนี้ก็หามีใครตอบได้ว่ามันกินแล้วปวดขี้ หรือมันปวดขี้เพราะลืมขี้เมื่อเช้ากันแน่ คงเป็นเรื่องยากที่จะหาคำตอบครั้งนี้...

แต่ยังดีที่อย่างน้อยก็มีที่ให้มันขี้ยามปวด...อีกทั้งยังเป็นการขี้ที่มีระดับมากที่สุด คนอื่นขี้ลงถัง มันขี้ลงกล่องหยกที่ดูจะมีราคาแพงมหาศาล อีกทั้งยังเช็ดตูดกับผ้าเนื้อละเอียดที่ดูจะมีราคาแพงมากๆ คนทั่วๆไปในโลกนี้ยังใช้ไม้ปาดตูดกันอยู่เลย ....

...

หลังจากที่หลินฟ่านกลับมายังสำนักนภาสวรรค์ มันก็สั่งสอนลูกศิษย์เรื่องการเฝ้าระวัง,จับตาดูเพื่อสังเกตการณ์ เมื่อมันสอนสั่งเสร็จสิ้นมันก็ให้งานลูกศิษย์ทั้ง 15 คนออกไปทดสอบความรู้ที่ได้รับ โดยการ สืบหาว่า คนจากนิกายต่างๆที่มาพักในเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรแห่งนี้กำลังทำอะไรอยู่ และเร็วๆนี้พวกมันคิดจะทำอะไรต่อไป

ตอนนี้หลินฟ่านได้เริ่มต้นแผนการช่วยเหลือพวกมันอย่างลับๆ อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันสักนิด แต่อย่างว่า อย่างน้อยสวรรค์ก็เคยมีเมตตาช่วยเหลือมันมาแล้ว ถ้าอัศวินแห่งความรักและความยุติธรรมอย่างมันไม่ช่วยแล้วใครจะเป็นคนช่วยกัน?

เหล่าศิษย์ของเขาแม้นจะไม่ค่อยเอาไหนเรื่องฝึกฝนบ่มเพาะ เพราะระดับพรสวรรค์แต่กำเนิดไม่ดี แต่นับว่าพวกมันมีศักยภาพในการหาข้อมูลสูงล้ำนัก เพียงไม่นานแต่ละคนต่างได้ข่าวสำคัญมาแทบทั้งสิ้น ไม่รู้พวกมันไปทำอีท่าไหนของมัน

"ท่านอาจารย์ ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ องค์ชาย 13 ได้เชื้อเชิญแขกจากทั่วทุกสารทิศ ไปพบปะสังสรรค์กันที่หอจันทร์กระจ่าง” เหล่าศิษย์รีบรายงานข่าวด่วนที่พวกมันได้รับมาทันที

หลินฟ่านนิ่งไปเล็กน้อยเขาไม่ได้อยู่ในเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรมานานสักเท่าไร เพราะฉะนั้นบอกมาแบบนี้เขาไม่มีทางรู้เลยว่า ไอหอจันทร์กระจ่างนั้นมันอยู่ที่ไหน และมีไว้ทำอะไร แต่เรื่องแบบนี้แก้ปัญหาง่ายนิดเดียว แค่ถามคนพื้นที่ซะก็จบ หลินฟ่านจึงหันไปกล่าวถามเซี่ยวซื่อในทันที

และในที่สุดมันก็ได้รู้ว่าหอจันทร์กระจ่างที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน  ถึงแม้ชื่อหอจันทร์กระจ่างนี้มันจะฟังดูดีมีระดับ แต่ก็เป็นเพียงสถานเริงรมย์ของเหล่าชนชั้นสูงที่จะไปกระทำเรื่องบันเทิงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์เท่านั้น ที่สำคัญมันเป็นสถานที่ๆ เรียกได้ว่าอาจจะสร้างมาเพื่อบุรุษเพศโดยเฉพาะก็ได้

หลินฟ่านรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่คิดเลยว่าเหล่าศิษย์,สาวกในนิกายต่างๆจะไปที่แบบนั้นกันได้ แต่เขาก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างเหล่าศิษย์พวกนั้นคงเอาแต่ฝึกฝนบ่มเพาะเรียนรู้วิชาแขนงต่างๆอยู่ในนิกายไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหน อีกทั้งจำนวนศิษย์สตรีนั้นก็นับว่า..ไม่ได้สมดุลกับศิษย์บุรุษแม้แต่น้อย แล้วผู้ชายที่ไร้คู่ไว้ อู้วๆอ้าๆอึ๊ดๆอ่าส์ พวกมันจะทำอย่างไรล่ะ?

ดังนั้นแล้วเหล่าศิษย์ชายน่าสงสาร ที่ไม่อาจหาที่ลงเพื่อปลดปล่อยสัตว์ร้ายที่อยู่ในตัว ระบายความต้องการขั้นพื้นฐานที่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของมวลมนุษย์ชาติอย่างการผสมพันธุ์ พวกมันก็ได้แต่พึ่งหอพวกนี้นี่แลในการระบายความอัดอั้น

...จะว่าไปโลกนี้นั้นช่างน่าอนาถนัก มันไม่ได้เหมือนโลกเก่า ที่สามารถโทรสั่งเอย ร้านนวดที่เยอะพอๆกับร้านทำผมเอย หรือแม้กระทั่งนวลนางตามถนนหนทางที่ยืนรอบุรุษมาปลดปล่อยน้ำรักที่สามารถพบเห็นได้จนเป็นเรื่องปกติ

เรื่องนี้อย่าได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆเชียวบางครั้งอารมณ์หงี่ ก็สามารถขัดขวางการฝึกฝนบ่มเพาะทำให้วิชาหยุดชะงักหรือไม่สามารถก้าวหน้าได้ พวกที่มีตบะแก่กล้าสักหน่อยที่สามารถอดทนไม่พึ่งพาเรือนร่างเนื้อหนังมังสาของสตรี แต่อาศัยการพึ่งพากระบวนท่า หัตถ์ถาครองพิภพสยบเจ้าโลก ก็นับว่าโชคดีไปที่ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง

ตอนนี้พวกมันก็อยู่ในเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรที่เจริญหูเจริญตา อีกทั้งนี่ยังเป็นงานพบปะสังสรรค์ที่องค์ชายเป็นผู้เอ่ยปากชวน ด้วยตัวเอง ถามหน่อยบุรุษผู้ใดจักหักห้ามใจได้อีกบ้าง อีกทั้งโลกนี้ยิ่งฝึกวิชาไปนานๆร่างกายก็ยังหนุ่มยังแน่นแรงดีไม่มีตก พวกมันจึงไม่เกี่ยงหากว่าจะได้มีโอกาส มุดถ้ำหฤหรรษ์ของหญิงสาวอยู่แล้ว เพราะจะอย่างไรมันก็อ่อนละมุนอบอุ่นละเมียดละไมแตกต่างจาก มือที่แข็งกระด้าง เยอะ!

...ทว่าตอนนี้เมื่อมีข่าวลือเรื่องโอสถสู่สวรรค์อมตะแพร่กระจายออกมา ทางนิกายต่างๆ ก็มักจะส่งเหล่าศิษย์ที่มีประสบการณ์สูงหรือมีฝีมือระดับเหนือล้ำ พวกมันคงไม่ส่งศิษย์กระจอกๆธรรมดาสามัญมาอย่างแน่นอน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้อีกส่วนหนึ่งว่า ศิษย์บางส่วนที่ไปอาจจะไม่ได้ไปเพื่อปลดปล่อยอารมณ์อะไรแบบนี้

เมื่อยามค่ำคืนมาเยือน ถนนหนทางในเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรก็ประดับประดาไปด้วยแสงโคมตะเกียง สว่างไสวสวยงาม หากผู้ใดอยู่เมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรแล้วไม่ได้ออกมาท่องเที่ยวยามราตรีของเมืองนี้นับว่ามันพลาดยิ่งนัก เพราะยามค่ำคืนบ้านเรือนนับพันล้วนจุดโคมตะเกียงหน้าบ้านบังเกิดเป็นสายธาราแห่งแสงเรียงร้อยสวยงามสามารถประชันแข่งกับธารดาราบนท้องฟ้าได้อย่างไม่ละอาย

หลินฟ่านเป็นคนที่พิถีพิถันมาก ถึงแม้ตอนนี้มันจะออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้คน แต่ทว่ามันก็ไม่อาจละเลยเรื่องการแต่งกายเพื่อให้เกียรติสถานที่ได้

ดังนั้นหลินฟ่านจึงใช้เวลาว่างยามบ่ายเพื่อไปเลือกซื้อเครื่องแต่งกายให้ดูหรูหราราวกับคุณชายตระกูลใหญ่ ยิ่งมันมาจากโลกปัจจุบันด้วยแล้ว รับรองแฟชั่นการแต่งองค์ทรงเครื่อง หากมันบอกว่าตัวมันเป็นที่สองคงไม่มีใครหน้าไหนกล้าประกาศตัวว่าเป็นที่หนึ่ง....แล้วก็เป็นตามคาดเมื่อมันเลือกสรรและจัดแจงชุดอย่างตั้งใจ ตอนนี้หลินฟ่านนับว่าดูดีจนไม่รู้ว่าจะดูดีไปกว่านี้ได้ยังไง

เมื่อกายพร้อมเสื้อผ้าหน้าผมพร้อม หลินฟ่านก็มุ่งหน้าไปยังหอจันทร์กระจ่างทันที และเมื่อมันมาถึงหน้าหอจันทร์กระจ่างมันก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมหอนี้ขึ้นมาในใจ

 ‘โห แม่งหรูไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย นับว่าดูดีมีระดับมากในยุคสมัยแบบนี้ ใช้ได้ๆ เอาวะ! ชาติที่แล้วไม่เคยไปเที่ยวสาวสักครั้ง วันนี้ขอมาหอนางโลมในตำนานที่เคยอ่านในนิยายสักที...จะไหวไหมวะเรา ลูกพ่ออย่าตั้งมั่วซั่วให้พ่ออายคนนะลูก พ่อจัดไปก่อนมาแล้วอย่าได้ขึ้นมาให้เสียเชิงทั้งๆที่โดนจับแค่มือเชียว’ หลินฟ่านก้มลงมองอาวุธมันเล็กน้อย ก็จะให้มันทำอย่างไรล่ะมันยังเป็นหนุ่มซิง ไม่เคยได้สัมผัสสาวนี่นามาที่แบบนี้มันก็ต้องกันไว้ก่อนสิ

และเมื่อมันเดินเข้ามาส่วนหน้ามันก็ต้องตะลึง เพราะด้านในที่มันมองเห็นไกลๆนั้นตกแต่งหรูหรากว่าภายนอกมากนัก นี่นับว่าคนธรรมดาที่ไม่ใช่ชนชั้นสูงแค่เห็นก็ต้องบังเกิดความรู้สึกต้อยต่ำจนต้องถอยหลังกลับไป เพราะดูจากสถานที่แล้ว ราคาที่ต้องจ่ายนับว่ามหาศาลเกินความสามารถพวกมันอย่างแน่นอน....แต่ที่แบบนี้ถ้ามาแล้วไม่ต้องห่วงว่าจะเจอเหตุการณ์เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับอะไรแบบนั้น

หลินฟ่านยิ้มออกมาอย่างกรุ้มกริ่มก่อนที่จะเดินเข้าไปอย่างมาดมั่น มันจัดเต็มมาขนาดนี้ เสื้อผ้าขนาดนี้ รับรองว่ากลมกลืนกับสภาพแวดล้อมไม่มีพิรุธอะไรอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าการแต่งกายของมันจะดูดีผิดคนอื่น แต่มันก็แค่เสื้อผ้าจะไปมีปัญหาอะไร? แต่ทว่าในขณะที่หลินฟ่านจะเดินเข้าไปในตัวอาคารนั้น ยามสองคนกลับหยุดมันเอาไว้ด้วยท่าทางลำบากใจ

"นายท่าน กรุณาแสดงบัตรเชิญด้วยขอรับ" พวกยามได้แต่พูดออกมาอย่างเกรงใจ เพราะพวกมันไม่เคยเห็นใครแต่งตัวได้อลังการงานสร้างเท่าหลินฟ่านมาก่อน แม้แต่องค์ชายเอง การแต่งตัวยังดูดีไม่เท่าชายหนุ่มตรงหน้า

"หืม บัตรเชิญรึ?" หลินฟ่านถึงกับนิ่งด้วยความเหวอ ‘ชิบหาย มาหอนางโลมเสือกต้องมีบัตรเชิญด้วย โอ๊ย นี่หอพวกเอ็งใช้อ่างจากหินอุกกาบาตทำเหรอไงวะ? เวรละไง ทำไงดีวะเนี่ย’

"พวกข้าต้องขออภัยท่านอย่างยิ่งนายน้อย เพียงแต่คืนนี้มีงานเลี้ยงที่องค์ชาย 13 จัดขึ้นหากผู้ใดไม่มีบัตรเชิญจะไม่สามารถเข้าไปได้ขอรับ หากนายท่านไม่มีเกรงว่าคืนนี้..." ยามกล่าวออกมาด้วยท่าทางเห็นใจหลินฟ่าน พวกมันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน

"อ่อ ข้า ... " หลินฟ่านกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มันก็หยุดไว้ก่อนที่จะยิ้มให้ยามทั้งสองคนแล้วกล่าวออกมาว่า "จริงสิลืมไปเลย ข้าเองก็ลืมเอามาซะสนิท โอ้ว ขอบใจพวกเจ้าที่เตือน" เมื่อกล่าวจบมันก็เดินกลับไปทันที

หลังจากนั้นหลินฟ่านก็เดินเอามือกุมคางพร้อมกับครุ่นคิด ‘จะไปเอาบัตรเชิญจากไหนดีวะทีนี้? หรือจะใช้เร้นกายเข้ามันไปทั้งอย่างนี้เลย’ มันคิดที่จะลอบเข้างานไปแต่ทว่ามันก็ไม่อยากจะเสี่ยงเพราะไม่รู้บัตรเชิญที่ว่าจะมีกลไกอะไรหรือเปล่า อีกทั้งหากเกิดอะไรฉุกเฉินที่ต้องใช้บัตรเชิญขึ้นมาแล้วมันไม่มี จะเกิดปัญหาเอาได้ เพราะไม่รู้ด้านในมีพวกระดับสูงๆมาร่วมงานมากขนาดไหน

แต่ในทันใดนั้นเอง ดวงตาของหลินฟ่านก็เรืองวูบขึ้น เมื่อเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังเดินมาจากข้างหน้า ในมือมันถือบางอย่าง หากดูไมผิดมันคงเป็นบัตรเชิญที่ว่านั่นอย่างแน่นอน อีกทั้งการแต่งกายของมันก็ดูดีกว่าจะมาเดินเล่นธรรมดาเสียด้วย ซ้ำทิศทางที่มันมุ่งหน้าไปยังเป็นหอจันทร์กระจ่างไม่ผิดแน่

หลินฟ่านจ้องมองและสังเกตมันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะพบว่า มันยังเป็นแค่เยาวชนอายุอานามน่าจะราวๆ 13 – 14 ปี เท่านั้น ด้วยมโนธรรมของหลินฟ่าน มันย่อมไม่มีวันปล่อยให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไปเที่ยวสถานเริงรมย์อะไรแบบนี้เด็ดขาด เพื่ออนาคตของชาติมันจะช่วยเหลือไม่ให้เยาวชนตัวน้อยคนนี้ต้องประสบกับเรื่องราวโลกีย์ก่อนวัยอันควรอย่างแน่นอน

เขาต้องช่วยเด็กน้อยนี่แล้วก็ช่วยคนทั้งหมด เพื่อความรักและความยุติธรรม!

หลินฟ่านทำตัวสุภาพก่อนที่จะเดินเข้ามา "น้องชาย ท่านกำลังจะไปยังหอจันทร์กระจ่างใช่หรือไม่?"

"ใช่แล้ว ท่านมีอะไรรึ?" เด็กชายมองหลินฟ่านด้วยความสงสัย มันไม่รู้ว่าหลินฟ่านเป็นใครและต้องการอะไรกันแน่

"ข้าขอถามได้ไหมว่าท่านเป็นใครมาจากนิกายไหน?" หลินฟ่านถามด้วยรอยยิ้ม

"ข้า หวงเสี่ยวชุน จากนิกายฮั่นหยวน" หวงเสี่ยวชุนนั้นไม่ค่อยกลัวหลินฟ่านมากนักเพราะนี่เป็นเมืองราชวงศ์หยางเกริกไกรที่เป็นเมืองใหญ่ คงไม่น่ามีโจรผู้ร้ายอะไรแต่งตัวราวกับเจ้าชายแบบนี้ นอกจากนี้มันยังไม่อาจจับสัมผัสพลังจากคนตรงหน้าได้แม้แต่น้อย

"โอ้ว น้องหวงจากนิกายฮั่นหยวนนี่เอง พอดีเลย ข้าบังเอิญไปพบหินแปลกประหลาดแผ่ไอฟ้าดินเรืองแสงสีแดงเป็นประกายเรืองรอง ยามที่ข้าเดินผ่านมาเมื่อครู่ ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นอะไรแต่ ตัวข้าไม่ค่อยมีความรู้มากนัก จึงคิดที่จะมาหาคนช่วยเพราะข้ากลัวอันตราย พอดีข้าเห็นน้องหวงดูท่าทางเฉลียวฉลาดและแข็งแกร่งกว่าผู้ใดแถวนี้ เลยคิดว่าน้องหวงอาจจะสละเวลาช่วยเหลือข้าสักเล็กน้อย เพื่อระบุว่ามันคืออะไร ส่วนมันมีค่าหรือไม่ ข้านั้นไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร ท่านบอกว่าคืออะไรให้ข้าหายสงสัยแล้วจะเอาไปก็ได้" หลินฟ่านแต่งเรื่องราวที่ไม่น่าจะหลอกได้แม้แต่เด็ก 7 ขวบในโลกเก่าได้ ออกมา  แต่ทว่าหวงเสี่ยวชุนกลับชื่นชอบและสนใจเรื่องราวนี้อย่างมาก

ท่าทางของหวงเสี่ยวชุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะดึงหลินฟ่านให้เข้าไปในตรอกก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า "พี่ชาย อย่าได้กล่าววาจาเสียงดังไป เอาล่ะๆข้ายินยอมไปกับท่าน มันอยู่ที่ใดรึ"

หัวใจของหวงเสี่ยวชุนเต้นระรัวขึ้นด้วยความตื่นเต้น ประมุขนิกายได้กล่าวเอาไว้ว่าชะตาของเขากำลังจะพบกับมหาลาภอันประเสริฐ มันจึงออกเดินทางเพื่อมาแสวงหาโชคลาภตามคำทำนายของอาจารย์ แต่ใครจะไปคิดกันเล่าแค่มันออกเดินทางมาไม่ทันไร กลับมีเบาะแสน่าตื่นตระหนกเข้ามาหาถึงที่เช่นนี้

หวงเสี่ยวชุนเดินตามหลินฟ่านเข้าไปในซอยทันที

หลังจากหลินฟ่านพามันเดินเข้าซอยนู้นทะลุซอยนี้อย่างสลับซับซ้อน จนมาถึงสถานที่รกร้างไร้ผู้คนแห่งหนึ่งมันก็หยุดลง

หลินฟ่านมองไปยังหวงเสี่ยวชุนด้วยสายตารู้สึกผิด เพราะจะอย่างไรมันก็ยังเป็นเด็กน้อยอยู่...มันไม่ค่อยอยากทำร้ายเด็กสักเท่าไร

แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง มันก็ตระหนักขึ้นมาได้ ว่ามันจะปล่อยให้เด็กน้อยเข้าไปในสถานที่อโคจรเช่นนั้นได้อย่างไร? จะให้มันใจแตกเสียผู้เสียคนตั้งแต่เด็กได้อย่างไร? เพราะโลกเก่านั้นเขาเห็นมามากแล้ว เด็กที่ไปเที่ยวแล้วหลงระเริงติดยาบ้าง ติดสาวบ้าง ล้วนแล้วแต่หมดสิ้นอนาคตทั้งนั้น เมื่อหลินฟ่านคิดได้มันก็เลิกลังเล ตอนนี้มันกำลังทำความดี มันกำลังจะช่วยเหลือเด็กน้อย! กำลังจะไปช่วยเหลือผู้คน!

"นี่ พี่ชายหินล้ำค่า นั่นอยู่ที่ใดรึ?"  หวงเสี่ยวชุนพยายามมองไปรอบๆ แต่ทว่ามันก็ไม่พบอะไรเลย

"น้องชาย มันอยู่ตรงนี้"

"ไหนๆ?" หวงเสี่ยวชุนหันกลับไปตามคำเรียกของหลินฟ่าน และมันก็เห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้ามันลางๆ ก่อนที่สติของมันจะดับวูบไป

โป๊ก! ...  กลางกระหม่อม โป้งเดียวหลับสบาย

หลินฟ่านรับร่างที่ล้มลงของหวงเสี่ยวชุนไว้ด้วยมือซ้าย ก่อนที่จะใช้ดัชนีปลิดบุปผาจี้ไปตามร่างกายมันเพื่อไม่ให้มันสามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้สักชั่วระยะเวลาหนึ่ง

เพื่อแก้ปัญหามีคนมาพบร่างของมันและช่วยเหลือ หลินฟ่านจึงลากร่างของห่วงเสียวชุนไปไว้ในห้องน้ำ ก่อนที่จะเอาเชือกมาผูกมันไว้อีกชั้นกันมันหนี เมื่อมัดเสร็จสิ้นแล้วหลินฟ่านก็ไม่ลืมที่จะเอาบัตรเชิญเข้าหอจันทร์กระจ่างมาด้วย

หลังจากนั้นเขาก็เดินออกมาด้านนอก แล้วก็พลิกป้าย ว่าง หน้าห้องน้ำ ให้เป็น มีคนกำลังปลดทุกข์อยู่ ออกมา

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหลินฟ่านก็ปัดมือตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังหอจันทร์กระจ่าง...

 

รีวิวผู้อ่าน