px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
SSN บทที่ 181 : มังกรกระดูก


 

"นายต้องการให้ฉันเป็นพระเจ้างั้นเหรอ?"

เซลแรคถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเมื่อวูชินถามกลับมาปกติผู้อมตะจะเป็นคนปากแข็ง ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้ไม่ใช่หรือเขาจะสามารถชักจูงผู้อมตะได้จริงๆ?

"ใช่! แทนที่จะปล่อยให้ผู้อื่นแย่งชิงดาวบ้านเกิดของเจ้าไป มันดีกว่าไหมหากเจ้าจะเป็นผู้ปกป้องมันด้วยวิธีนี้? "

แน่นอนว่าเขาต้องการปกป้องมัน

หรือว่านี่จะเป็นหนทางที่สมควรทำในการปกป้องโลกจริงๆเขาเป็นผู้ปกครองโลกเสียเองยังดีกว่าให้คนอื่นมาเป็นผู้ออกกฏเกณฑ์...

"ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมแกถึงอยากให้ฉันเป็นพระเจ้า"

"เจ้าว่าไงนะเจ้าคิดที่จะเห็นด้วยแล้วหยุดสงครามครั้งนี้เหรอ? "

เซลแรคกล่าวถามอย่างมีความหวังเล็กน้อย แต่วูชินกลับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของมัน

"พวกปัญญาอ่อนมันก็ได้แต่พูดถึงเรื่องปัญญาอ่อน ไง"

“... .”

"เข้ามาสิไอ้ปัญญาอ่อน "

เซลแรคขมวดคิ้วเป็นปม

"ฮึ่มมม... เจ้าช่างกล้า"

เซลแรคที่กำลังโกรธบริเวณไหล่ด้านหลังของมันถึงกับพองขึ้นมา ก่อนที่จะสยายออกมาเป็นปีกขนาดมหึมา เมื่อกางออกมันมีความยาวมากถึง 10 เมตร

ครึก! ครึก!

ไม่ใช่แค่ปีกเท่านั้นทีมีขนาดใหญ่ ราวกับว่าตอนนี้ขนาดตัวของเซลแรคกำลังขยายใหญ่ขึ้นเพื่อให้ตรงตามสัดส่วนปีกของมัน ตอนนี้ร่างของมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดใหญ่โตกว่าคนปกติถึง 3 เท่า

"เจ้ากล้าล้อข้าเล่นงั้นเหรอ!"

เซลแรคขยับเท้าของเขาด้วยความโกรธ

ตึงงงงง!!

พื้นถูกทำลายกลายเป็นฝุ่นดินล่องลอยไปในอากาศไม่ต่างอะไรกับก้อนเมฆ

แขนของมันขยายใหญ่ขึ้นราวกับกำลังสะสมพละกำลังเพื่อเตรียมปะทะ

"เจ้ากำลังพยายามทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ยุคสมัยแห่งความสงบที่เจ้าต้องการจะไม่มีวันมาถึง"

เทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง ... มันกล้าที่จะฝันเป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง

เปรี๊ยะๆ!

เมื่อเซลแรคยื่นมือออกมา อาวุธของมันก็ค่อยๆก่อร่างปรากฏขึ้น ตัวหอกปกคลุมไปด้วยสายฟ้า กระแสไฟฟ้าสีขาวที่แผ่กระจายปกคลุมอยู่ทั่วตัวหอกส่งเสียงดังลั่นเปรี๊ยะๆ อย่างน่าหวาดกลัว

เฟี้ยววว!!

ดวงตาเซลแรคมองเห็นถึงหนามเล็กๆ ตรงหน้าเขา

ฟึ่บบ, เคร้งงง!

มันรีบสะบัดหอกสายฟ้าออกไปเพื่อป้องกันทันที เมื่อมองถึงสิ่งที่กระเด็นออกไป พบว่า มันเป็นหอกที่สร้างจากโครงกระดูก ที่วูชินจู่โจมออกมา

ไอ้บัดซบ!

มันโมโหจนเสียงหัวใจในอกแทบจะระเบิดออกมา ปีกถูกสยายกว้างจนสุด

กึงงง, กึงงงง!

ตัวใหญ่ราวไททัน ทว่าปราดเปรียวราวกับเอลฟ์ป่า

ท่ามกลางผู้ปกครองมิติของทราเนต เซลแรคนับว่าเป็นผู้ปกครองมิติที่มีความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัวสูงติดอันดับต้นๆ นอกจากนี้เซลแรคยังเคยปะทะกับผู้อมตะมาแล้ว แต่ทว่าไม่มีใครเป็นผู้ชนะ

การต่อสู้ของพวกเขาสองคนครั้งนั้นนับว่าสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมาก

ผู้อมตะได้สูญเสียกองทัพอันเด้ดที่สะสมมา ส่วนเซลแรคสูญเสียคะแนนจำนวนมหาศาล

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ควรรีบฆ่าผู้อมตะซะก่อนที่จะเติบโตไปกว่านี้

เซลแรคไม่เคยคิดจะเข้าร่วมในศึกที่ไร้ความหมาย

อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ว่าเขาจะต้องเสียแต้มเท่าไรเขาต้องฆ่าไอบัดซบตรงหน้าให้ได้

หากเขาใช้คะแนนของเขาทุกแต้ม ให้มันรู้ไปว่าจะไม่สามารถฆ่าวูชินได้

ถึงกองทัพอันเด้ดจะสามารถเพิ่มจำนวนได้เช่นเดียวกัน ราวกับว่าศึกนี้มันจะไม่มีวันจบสิ้น แต่ทว่าผู้อมตะก็ยังมีขีดจำกัดอยู่

เนืองจากตอนนี้เซลแรคนำกองทัพมอนสเตอร์มาด้วยถึง 10,000 ตัว มันก็จะให้กองทัพมอนสเตอร์ไปรับมือกับกองทัพอันเด้ดและตัวมันเองก็จะพัวพันผู้อมตะเอาไว้

ผู้อมตะเป็นเนโครแมนเซอร์ กองทัพที่เรียกมันมาจากการอัญเชิญ หากเขาตายทุกอย่างก็เป็นเรื่องง่าย

"ข้าจะจัดการเจ้าด้วยทุกสิ่งที่มี!"

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ต้องคิดเล็กคิดน้อยอีกต่อไป

เขาแค่ต้องใช้ทุกสิ่งที่มี ทุกอย่างที่ใช้ได้เพื่อฆ่าผู้อมตะให้ได้เท่านั้น

"สายไปแล้วสำหรับเจ้าที่คิดจะหนี!"

"พล่ามอะไรนักหนาไอปัญญาอ่อน?"

“... !”

อยู่ดีๆวูชินก็พุ่งเข้ามาประชิดร่างของเขาพร้อมกับฟาดดาบจู่โจมเข้ามา เซลแรครีบใช้หอกสายฟ้าปัดป้องในทันที

เคร้งงง!

ประกายไฟจากการปะทะกันปรากฏออกมา แต่ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น

บ้าเอ๊ย!

เซลแรคพยายามควบคุมหอกสายฟ้ามาจู่โจม แต่ทว่าดาบของวูชินมันตวาดแทงมาด้วยความเร็วสูงจนเกือบจะผ่าลำตัวของเขาอยู่แล้ว

เคร้งงงง!

ทำไมมันรวดเร็วขนาดนี้?

ฮื่ออออ

ศพที่นอนอยู่บนพื้นถูกปลกขึ้นมาก่อนที่พวกมันจะกรูไปเกาะขาของเซลแรค

"เฮอะ กล้าใช้ อันเด้ดสวะโจมตีข้างั้นเหรอ!"

ตูมมมม!

เซลแรคกางปีกขนาดใหญ่ออกมามันคิดจะบินขึ้นฟ้าเพื่อสลัดการล็อคจับของอันเด้ด  แต่น่าเสียดายที่เกิดการระเบิดขึ้นมาซะก่อน

ฮู่มมม ตูมมมมมม!

ซอมบี้ถูกปลุกขึ้นมาและวิ่งไปเกาะแขนเกาะขาเซลแรคพร้อมกับระเบิดตัวเองอีกครั้ง น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถป้องกันได้ทัน....ตอนนี้เขาเสียขาไปแล้ว มันพยายามบินหนีขึ้นฟ้าอีกครั้ง

ฉัวะ!

ลูกศรพุ่งมาทะลวงปีกของเขาจนเป็นรูโบ๋ เซลแรคที่กำลังจะบินขึ้นฟ้าพลันเสียสมดุลตกลงมากองที่พื้น อย่างน่าอนาถ

อ๊าคคคค

นี่มันเป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุด!

ถ้าเพียงแต่เขามี รหัส หลัก ของ ดาวอัลเฟ่นล่ะก็ ...

เขาสามารถรักษาบาดแผลพวกนี้ได้ในพริบตา  สามารถสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการบนโลกนี้ได้

คังวูชินเดินไปหาเซลแรคที่ หมดสภาพอยู่ ในมือของเขาเปลี่ยนอาวุธจากดาบยาวไปเป็นขวานทันที

"นายกำลังจะเห็นโลกแยกออกจากกันล่ะ"

“...”

เซลแรคจ้องไปยังวูชินที่ง้างขวานขึ้นมา

"ไอ้บัดซบสารเลว เจ้าซ่อนความแข็งแกร่งไว้ตลอดยังงั้นเหรอ? "

ไม่ว่าจะมองมุมไหน นี่มันไม่ควรเป็นความสามารถของเนโครแมนเซอร์ เนโครแมนเซอโลกไหน ว่องไวและแข็งแกร่งกว่านักรบกันล่ะ?

วูชินยิ้มกว้างๆ

ไอ้ปัญญาอ่อน

อ๊าคคคคคคคคคคคค!

ขวานสับลงมาผ่าร่างของเซลแรคออกเป็นสองส่วน ...ความหมาย เห็นโลกแยกกัน คืออย่างนี้นี่เอง เซลแรคเข้าใจแล้ว ภาพสุดท้ายก่อนมันสิ้นใจคือ โลกสองใบเคลื่อนขาดออกจากกันแล้วสุดท้ายทุกอย่างก็ดับไป

เซลแรคเสียชีวิตลงร่างของมันก็กลายเป็นแสงสีเทาสลายหายไป แต่ทว่ามอนสเตอร์นับหมื่นยังคงอยู่

ถึงพวกมันจะเสียผู้บังคับบัญชา แต่พวกมันก็ยังยืนยันเป้าหมายและคำสั่งสุดท้าย พวกมันพุ่งเข้ามารุมสังหารวูชินโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว

นี่คือเหตุผลที่ผู้ปกครองมักใช้แต้มซื้อมอนสเตอร์ในการรบ เพราะพวกมันจะฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด ต่อให้รู้ว่าต้องตายพวกมันก็จะไม่ลังเลเลย วูชินรู้สึกชื่นชอบสายตาแบบนี้มาก เขาแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

"เข้ามา เสียสละเพื่อฉัน"

อีกไม่นานแล้วที่ครอบครัวของเขาจะอยู่กันพร้อมหน้า ข้ารับใช้ทั้งหมดของวูชินกำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาได้ครบถ้วน

****

ตูมมม ตูมมม ตูมมมม!

หลังจากยิงบอลเพลิงยักษ์ เป็นสิบๆ ลูก ซังกูก็ออกมาจากเครื่องขยายพลังเวทย์

อ๊ะ

เขาอ่อนแรงเล็กน้อยจนเดินโซเซสะดุดขาตัวเอง ดีที่แจมินพุ่งเข้ามาประคองไว้ทันไม่งั้นซังกูคงล้มลงไปแล้ว

พี่ Ok รึเปล่า?"

"ยังไหว"

ซังกูดูอิดโรยอย่างมาก แต่ทว่าเขาก็ยังพยายามยิ้มให้กับแจมิน

เกรแฮมแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นซังกูหน้าซีดเพราะพลังเวทย์เหลือน้อย

"รีบฟื้นพลังเวทย์ของท่านก่อนเร็วเข้า"

"อะไรหรอ?"

"พลังเวทย์ของท่านตกไปอยู่ในจุดวิกฤตแล้ว ชิ รีบมาหาข้าเร็วเข้า! "

แล้วซังกูก็ได้รับความช่วยเหลือจากเกรแฮม เมื่อเกรแฮมถ่ายทอดพลังเวทย์ให้เขาก็รู้สึกดีขึ้นตามลำดับ ซังกูนั่งรับพลังเวทย์อย่างสงบข้างๆเกรแฮม ทางด้านเกรแฮมกลับเดาะลิ้นออกมาเล็กน้อย

ชิ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่ใช่จิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิงจริงๆด้วย  "

“... ?”

อันที่จริงซังกูไม่รู้จะตอบยังไงเลย เขาพยายามบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาไม่ใช่ แต่ดั้นไม่มีใครเชื่อเอนี่นา

"ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนสอนท่านใช้เวทมนต์"

เขาควรจะบอกว่า เรียนจาก พี่วูชินดีไหมนะหรือเขาจะบอกว่าเรียนเวทย์มนต์จากหนังสือทักษะดี..เพราะตอนแรกเขาใช้เวทมนต์ได้เพราะ พี่วูชินส่งหนังสือทักษะมาให้นี่นา ตอบยากจัง ...

ซังกูกำลังจะกล่าวตอบ แต่ทว่าเกรแฮมก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังเชิงตำหนิซะก่อน

"คนๆนั้นไม่คู่ควรเรียกตัวเองว่านักเวทย์ ท่านต้องควบคุมพลังเวทย์มนต์บริสุทธิ์ให้คล่องแคล่วเสียก่อน แต่อาจารย์ของท่านกลับเน้นให้ท่านใช้แต่เวทย์เพลิงเท่านั้น นี่ถ้าหากท่านสูญเสียการควบคุมท่านอาจถูกเปลวเพลิงมอดไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า "

เอ่อ ... คืออ.”

เขาจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ยทีนี้? ไอ่ที่เขาเจอมันจะเรียกว่าสอนได้ไหม แต่คิดจากนิยามคำว่าสอน มันไม่น่าจะใช่นะ...

เขาจะบอกไปดีไหมว่าเขาเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือบางทีเขาจะบอกเกรแฮมว่า อาจารย์ของเขา เป็น พ่อมดอมตะ ที่ราวกับเป็นคำสาปคอยหลอกหลอนเขาดี?

"ข้าคิดว่าท่านควรสงบพลังเวทย์แล้วเริ่มซึมซับพลังเวทย์บริสุทธิ์ก่อน ท่านควรใช้วิธีดึงพลังเวทย์รอบๆมาฟื้นฟูพลังเวทย์ของท่านโดยด่วน "

อ่าาาาา ขอบคุณนะ.."

เมื่อซังกูโค้งคำนับ เกรแฮมได้แต่ส่ายหัว

ชายคนนี้มีศักยภาพสูงพอที่จะเป็นมหาจอมเวทย์ได้อย่างสบาย แต่ตอนนี้เขาถือว่าเป็นนักเวทย์ไม่สมประกอบที่ใช้เป็นแต่เวทย์ไฟเท่านั้น

นี่มันแย่มาก

"แล้วตกลงใครเป็นอาจารย์ของท่านกันนักเวทย์ทุกคนบนโลกใช้เวทย์มนต์หรือเรียนรู้มาเช่นท่านงั้นหรือ? "

"อ่า.. ... คนที่ผมเรียกว่าอาจารย์ได้.. ก็เป็นคนของดาวอัลเฟ่นนี่ล่ะ"

"หืมเขาคือใครกันข้าล่ะอยากเจอหน้าเขาจริงๆ "

เกรแฮมรู้สึกประหลาดใจ และเริ่มทำท่าเหมือนจะไปต่อว่าอาจารย์ที่สอนซังกูมาแบบนี้ ...ซังกูก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ

แหะๆ เขาบอกว่าเขาชื่อ เจนิส ... แล้วก็เอ่อ เขาตายไปแล้วน่ะ "

เมื่อได้ฟังคำพูดของซังกู เกรแฮมรู้สึกเสียใจที่ถามตอกย้ำความทรงจำที่เจ็บปวดของเขา

"โอ้ ไม่น่าเลย ข้าเสียใจที่ทำให้ท่านคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ข้าขอโทษ"

"ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวถ้าเขามา ผมจะแนะนำให้นายรู้จักกับเขา"

“... .”

นี่เขาพูดอะไรของเขากันแน่?

ซังกูบอกกับเกรแฮมว่าจะให้เกรแฮมเจอกับคนที่ตายไปแล้ว หรือว่าซังกูคิดจะฆ่าเกรแฮมกัน!?

เกรแฮมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องล้อกันเล่นรึเปล่า หรือซังกูคิดจะฆ่าเขาจริงๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ของซังกูตอนนี้เกรแฮมถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก

เขามีสภาพคล้ายกับจิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิง แต่กลับเป็นจอมเวทย์ที่อาจจะเรียกได้ว่าไม่สมประกอบ ควรทำอย่างไรกับเขาดีล่ะเนี่ย?

ขณะที่เกรแฮมกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี โดแจมินก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงดังลั่น

"มาถึงแล้วววว! พี่เค้ามาถึงแล้วววว "

"ห๊ะไหนๆ?”

ซังกูลุกขึ้นมาราวกับพลังเวทย?

รีวิวผู้อ่าน