px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
SSN บทที่ 184 : ผู้สืบสายเลือดมังกร (2)


 

เปลวเพลิงหน้าต้นไม้โลกพัดโหมกระหน่ำและลุกโชนขึ้นมา

เปลวไฟกลับกลายเป็นสีดำทมิฬอย่างน่าหวาดกลัว... สีนี้เกิดจากเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ ...มันค่อยๆเผาไหม้ไปเรื่อยๆ

หากใครเข้ามาดูใกล้ๆจะเห็นอะไรบางอย่าง

ภายในเปลวเพลิงสีดำจะมีเปลวเพลิงสีขาวพิสุทธิ์ลุกโชนอยู่ตรงใจกลาง แล้วก็มีหัวใจมังกรลอยอยู่ตรงกลางนั้นด้วย

หัวใจมังกรเริ่มสลายไปทีละน้อย และดูเหมือนว่าเปลวเพลิงพิสุทธิ์นี้จะใช้หัวใจมังกรเป็นเชื้อเพลิง

วูชินนั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้าเปลวเพลิงอยู่ถึง 10 วัน เขาเพ่งสมาธิไปที่การควบคุมวิญญาณและไอความมืดแห่งความตายเพื่อกักขังวิญญาณซังกูเอาไว้โดยไม่สนใจสิ่งอื่นๆรอบข้าง

การต่อสู้ของวูชินที่เข้ามาถล่มกองทัพมอนสเตอร์นับว่าเป็นสิ่งที่หลายคนทึ่งและแห่กันมาพบเขาราวกับจะกล่าวขอบคุณ แต่เมื่อเห็นเขานั่งทำบางอย่างอยู่ด้วยความตั้งใจทุกคนก็เลิกล้มกันไป เหล่าผู้กล้าที่จะมาพูดคุยเรื่องซ่อมอาณานิคมก็แยกย้ายกลับไปทำงาน

คงเป็นเรื่องดีถ้าวูชินใช้อำนาจที่ราวกับพระเจ้าในการซ่อมแซมอาณานิคม แต่ทว่าดูเหมือนตอนนี้เขาจะยุ่งมาก เหล่ากองกำลังพันธมิตรเลยได้แต่กลับไปซ่อมกันด้วยมือตัวเอง

กว่าจะเคลียพื้นที่รอบๆได้เสร็จสิ้น ต้องใช้เวลาถึง 20 วัน

ซากศพของกองทัพมอนสเตอร์นับหมื่นถูกลากไปรวมไว้ที่จุดๆเดียว หากใครมาหุบเขาซัวรอสตอนนี้คองต้องตกตะลึงกับซากศพและทะเลเลือด

ผู้อมตะยังคงยุ่งกับการทำอะไรบางอย่าง แต่ทว่ากองทัพอันเด้ดของเขายังคงรุกคืบกวาดล้างเหล่าผู้ปกครองมิติไปเรื่อยๆ ตอนนี้ทั้งดาวอัลเฟ่นกำลังเฝ้าจับตาดูกองทัพของผู้อมตะ

สิ่งเดียวที่กองทัพผู้อมตะกระทำคือ ทำลาย ทุกอย่างจะราบพนาสูรราวกับแดนอเวจีหากกองทัพของผู้อมตะเดินผ่าน พวกมันเข่นฆ่าล่าทำลาย และรวบรวม สิ่งของมีประโยชน์เอาไว้

แต่ทว่ายังคงมีบางส่วนที่เชื่อว่านี่เป็นกับดักของผู้ปกครองมิติ ดังนั้นหลายคนจึงไม่ได้มุ่งหน้ามายังหัวเขาซัวรอส นี่ทำให้เหล่าผู้กล้าในหุบเขาซัวรอสต้องเป็นฝ่ายออกไปติดต่อประสานงานและเริ่มรวบรวมเหล่าผู้รอดชีวิตที่กำลังหลบหนีซ่อนตัวด้วยตัวเอง

ส่วนหน่วยเงามรณะของเชแฮซอลนั้นก็ประสบความสำเร็จในการกวาดล้างดันเจี้ยนและล่ามอนสเตอร์บนดาวอัลเฟน

...

"นี่มันก็นานแล้วนะ ตั้งแต่กองกำลังของเรามาที่นี่ ทำไมยังไม่ได้ไปสักที"

“... .ฮึ่ม บางทีเราอาจจะไม่ได้ไปเลยก็ได้ "

หลายฝ่ายต้องการส่งกองกำลังสนับสนุนมายังอัลเฟ่น

คังวูชิน ฮงซังกู และโดแจมิน นับเป็นกองกำลังบุกเบิกที่มายังอัลเฟ่น ก่อนที่ หน่วยเงามรณะภายใต้การนำทีมของเชแฮซอลตามมาเป็นกองกำลังที่ 2 ..ทั้งหมดเป็นคนของอแลนดัล

ไม่รู้ว่าเพราะผลประโยชน์หรืออะไร แต่ทว่าหลายฝ่ายต่างส่งกองกำลังมายังอแลนดัลเพื่อหวังจะส่งกองกำลังของตนเองไปยังอัลเฟ่น

ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่พวกมันก็มารอคอยหวังที่จะได้ไปยังอัลเฟ่น

....

"ดูเหมือนศึกสุดท้ายน่าจะอยู่บนโลก ... "

ฮงซังกูอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตาย แต่ตอนนี้แจมินกลับถูกส่งกลับไปยังโลก ราชาของพวกเขานั่งเฝ้าเปลวเพลิงหน้าต้นไม้โลกโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิ้วเดียว ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นกำลังกัดกินไปทั่ว

พวกเขามีหลายคำถาม แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอคอยเท่านั้น

พวกเขาตัดสินใจทำตามคำสั่งเดิมต่อไป เพราะอย่างไรหน่วยเงามรณะก็อุทิศตนเพื่อสิ่งนี้ไปแล้ว

"ผมรู้สึกกังวลเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเรากลับบ้านไม่ได้? "

"ไม่เป็นไรหรอก บลังก้านายไม่เชื่อถือในตัวของหัวหน้าหรอถึงหนทางเราจะไม่มีหรือถูกทำลายก็แล้วแต่ เขาจะสร้างทางขึ้นมาใหม่เอง"

เฮ่อ บางทีผมก็ฝันเห็นแม่กำลังรออยู่ที่บ้าน"

“... .”

แฮซอลปลอบประโลมบลังก้าที่กำลัง คิดถึงบ้าน ก่อนที่จะไปหาทาริค

"อ่า หัวหน้าหน่วยแฮซอล มีอะไรให้ข้ารับใช้เช่นนั้นหรือ? "

ทาริคกล่าวตอนรับเธออย่างมาก ในบรรดานักรบที่มาจากโลก ยกเว้นกองผู้ติดตามของผู้อมตะแล้ว หัวหน้าหน่วยแฮซอลคนนี้และหน่วยเงามรณะ ก็เป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมที่ปฏิบัติภารกิจได้อย่างไร้ที่ติ

พวกเขาเป็นกองกำลังค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

"นายหาเมโลดี้เจอรึยัง?"

"อ่า ... พวกข้ากำลังพยายามอย่างเต็มที่ แต่ข้ายังไม่พบร่องรอยของนาง"

นอกเหนือจากผู้คนในอแลนดัลแล้ว เชแฮซอลและหน่วยเงามรณะก็นับว่าคุ้นเคยกับเมโลดี้อย่างมาก เพราะเมโลดี้เป็นคนที่คอยรักษาพวกเขา คนในหน่วยเงามรณะรวมทั้งแฮซอลจึงเป็นห่วงเธอไม่น้อย

เธอได้ออกไปวิหารเทพธิดาอาเรียพร้อมกันกับวูชิน แต่ทว่าตอนนี้เธอยังไม่ได้กลับมา

พวกปากหมาหลายคนได้พูดพล่อยๆว่า สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกผู้อมตะสังหารไปแล้ว

เนื่องจากตัวจำเลยเองก็นั่งเฝ้าเปลวเพลิงอยู่หน้าต้นไม้โลกโดยไม่สนใจคำนินทาสักนิด พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะแก้ข่าวลือนี้ยังไง ...

ทาริค!”

ลาตาชาวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนมาหยุดหน้าตรงหน้าของทาริค ใบหน้าของเธอดูเหนื่อยและตื่นเต้นราวกับได้เจอเพื่อนเก่า

"สตรีศักสิทธิ์ ของเทพธิดาอาเรีย กลับมาแล้ว!"

"โอ้ ดีจริง นางอยุ่ไหน?"

"อยู่ด้านล่าง นางกำลังขึ้นมา"

ดูเหมือนจิตวิญญาณทั้งหลายกำลังจะอวยพรให้พวกเขา

เนื่องจากสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว และไม่นานเหล่าผู้บาดเจ็บหนักไร้ทางรอดทั้งหลายก็จะได้รับการเยียวยา นางราวกับผู้ช่วยเหลือที่ส่งมาจากพระเจ้า

ไม่มีใครสามารถเทียบสตรีศักดิ์สิทธิ์ในแง่ของพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ นอกจากนี้นางยังได้ไอเทมศักดิ์สิทธิ์จากเทพธิดาอาเรียมาอีก พลังของนางคงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

เหล่าผู้กล้ารีบกรูกันเข้าไปหาเมโลดี้ พวกเขาวิ่งไปทักทายนางด้วยความดีใจ มีผู้คนมากมายต่างมารายล้อมเพื่อตอนรับการกลับมาของเมโลดี้  แต่เมื่อพวกเขาสังเกตสีหน้าของเมโลดี้ดีๆ ก็พบว่าสีหน้าของนางมีแต่ความอ่อนล้าไม่มีร่องรอยความยินดีสักนิด

"เกิดอะไรขึ้น ผู้ส่งสารแห่งธิดาอาเรีย?"

"อ่า พระนักรบแห่งองค์เทพสเกีย"

น้ำเสียงเมโลดี้ฟังดูเศร้าๆเล็กน้อย

"ผู้อมตะรีบมากและเขาก็ล่วงหน้ามาก่อน ...ข้าเดินทางตามหลังเขามา  "

"โอ้ เป็นเช่นนั้นท่านคงลำบากไม่น้อย ท่านทำได้ดีมาก "

ถึงแม้ทาริคจะทักทายและต้อนรับเมโลดี้ แต่ว่าเขาก็มีเรื่องที่จะขอร้องนางเช่นกัน ตั้งแต่ที่เป็นสาวกขององค์เทพ ภาระหน้าที่ของทุกคนก็มากมายมหาศาล

"ข้ารู้ว่าท่านพึ่งกลับมาและคำขอนี่ก็อาจจะมากเกินไปเสียหน่อย แต่ทว่ามีหลายชีวิตที่กำลังทุกข์ทรมานกับบาดแผล  ท่านสามารถมอบพรให้แก่พวกเขาได้หรือไม่?

"ได้สิ"

โมโลดี้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินตามทาริคไป

"พวกข้ายินดีกลับการกลับมาของท่าน"

"ข้ามีความสุขที่เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัย"

"ขอบคุณท่านมาก สตรีศักดิ์สิทธิ์"

เมโลดี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้คน  แต่เธอก็ไม่ได้ดูจะยินดีอะไรแม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยความกังวลราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างในใจ

***

ดูเหมือนวูชินจะขยับและเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบ 20 วัน หลังจากที่เขาไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลยมาถึง 20 วันแล้ว

หลายคนสงสัยว่าคนจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรโดยไม่ต้องขยับหรือรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตามถ้ามีใครคิดถึงอำนาจและความน่าสะพรึงในอดีตของ ผู้อมตะ เรื่องแค่นี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย

นอกจากนี้ผู้คนต่างกังวลเรื่องสถานะของดาวอัลเฟ่นมากกว่าตัวผู้อมตะ

ตอนนี้ทั้งดาวอัลเฟ่นกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ผู้อมตะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และกองทัพแห่งความตายก็โผล่ออกมาทำลายล้างหยิบยื่นความตายให้ทุกสรรพชีวิตอีกครั้ง ...เหล่าผู้ปกครองมิติจำนวนมากมายต่างทยอยสิ้นท่าลงไปทีละคน

กองทัพแห่งความตายพัดผ่านไปทั่วสนามรบทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังและทุกสิ่งทุกอย่างที่พังทลาย แม้ว่ากองทัพของวูชินจะกวาดล้างไปกว่า 1 ใน 3 ของดาวแล้วแต่ทว่าวูชินยังไม่ทำอะไรเพิ่มเติม

พูดง่ายๆก็คือ ขนาดกวาดล้างไปมากมายขนาดนี้วูชินยังไม่คิดจะขยับตัว

เขายังคงอยู่หน้าต้นไม้โลก เพื่อควบคุมพลังวิญญาณและไอแห่งความตายเพื่อประคองชีวิตซังกู

เมโลดี้กำลังเฝ้าดูวูชินจากด้านข้าง

'ผู้อมตะ'

เมโลดี้มองไปข้างหน้า และเธอก็เห็นเปลวเพลิงทมิฬที่ด้านในกำลังมีเปลวเพลิงพิสุทธิ์ที่ค่อยๆย่อยสลายดวงใจแห่งมังกร โดยมีวิญญาณมืดและไอแห่งความตายปกคลุม สกัดกั้นไม่ให้วิญญาณเปลวเพลิงต้องสลายตัวหรือสูญหายไปไหน  วูชินกำลังควบคุมพลังอย่างละเอียดอ่อนอยู่ตลอดเวลา และเมโลดี้ก็เข้าใจดีว่าเรื่องที่เขาทำมันยากแค่ไหน...รั้งวิญญาณของคนที่เรียกได้ว่าน่าจะตายไปแล้ว ไม่ให้จากไป เพื่อซื้อเวลาให้วิญญาณนั้นเปลี่ยนแปลงไปเป็นบางสิ่งที่ทรงอำนาจ

โอ้ได้โปรดท่านเทพธิดา เหตุใดท่านจึงสั่งให้ข้าทำเรื่องที่ลำบากใจเช่นนี้?’

เธอรู้สึกอึดอัดใจ

หลังจากที่เธอทำทุกอย่างตามคำสั่งเทพธิดาอาเรียมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่พอใจกับคำสั่งที่ได้รับ

เมโลดี้ไม่สามารถเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่เทพธิดาส่งคำสั่งล่าสุดให้เธอกระทำ

- เจ้าต้องเผาต้นไม้โลกที่อยู่บนดาวอัลเฟ่น

พวกเขายากลำบากขาดไหนกว่าจะรักษาสิ่งนี้เอาไว้ได้ ต้นไม้โลกอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของกองกำลังพันธมิตร  แต่เธอต้องเผามันด้วยมือของตัวเองนอกจากนี้ นี่ยังเป็นประตูสุดท้ายที่นำไปสู่พื้นที่มิติของคังวูชิน

ถ้าประตูถูกทำลายเขาจะถูกขังอยู่ในอัลเฟ่น เขาจะถูกขังอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะจัดตั้งดันเจี้ยนบนโลกได้อีกครั้ง

ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เลยว่าเทพธิดาของเธอต้องการอะไร แต่คำสั่งนี้มันทำให้เธอต้องปวดใจ

เธอรู้สึกทรมาน

ความรู้สึกขัดแย้งภายในใจกำลังต่อสู้กันอย่างหนัก ระหว่างศรัทธา กับสิ่งที่เห็นจากความเป็นจริง และนั่นทำให้จิตใจของเธอแทบพังทลาย

"เธอมาทำอะไรที่นี่?"

“... !”

เมโลดี้รู้สึกตกใจมาก หัวใจเธอแทบจะกระเด็นออกมานอกอก เมื่อเสียงผู้อมตะที่นิ่งไปกว่า 20 วันเอยขึ้นมาถามเธอ

เอ่อ

"ว่าไง?"

คังวูชิน ยิ้มออกมาเมื่อเห็นเมโลดีนิ่งไป

"เธอหลงรักฉันเหรอทำไมต้องมาเฝ้าฉัน? "

"ข้า ... ข้าเปล่า

ใบหน้าของเมโลดี้แดงเล็กน้อยเทอมองตาของวูชินก่อนที่จะย้อนคิดในเรื่องที่ได้รับคำสั่งมา เธอลำบากใจอย่างมากราวกับหัวใจเธอถูกจับบีบอัด ...

"ทำไมท่านถึงต้องทำแบบนี้ "

เมโลดี้มองไปด้านหลังเขาและสงสัยว่า ทำไมเขาถึงสลายไอแห่งความมืดและวิญญาณชั่วร้ายไปซะแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือเปลวไฟทมิฬและเพลิงพิสุทธิ์ที่กำลังกัดกินหัวใจมังกรอยางต่อเนื่องช้าๆ

"ก็ ฉันทำสิ่งที่ทำได้เสร็จแล้ว"

"แล้วซังกูจะเป็นยังไงบ้าง?"

"ทุกอย่างอยู่ที่เขา อ่า ฉันหวังว่าเขาจะทำสำเร็จ "

“... .. ?”

เมโลดี้กลอกตาเล็กน้อย

"ท่านหมายความว่าไง .. ?"

"เขากำลังจะคืนชีพโดยปราศจากความตาย แต่เขาต้องพยายามอะไรนิดๆหน่อยๆด้วยตัวเอง "

“... .?”

เมโลดี้งงกับคำพูดกำกวมของวูชินดังนั้นเธอจึงจ้องหน้าวูชินด้วยความสงสัย

"เอาไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของเธอมา"

“... .”

เมโลดี้มีท่าทีลังเล แล้ววูชินก็ลุกขึ้นและจ้องมาที่เธออย่างจริงจัง ...

"เอามันออกมาให้ฉันเร็วๆ"

"ข้า ... ข้าสูญเสียมันไปแล้ว"

หืม

วูชินยื่นหน้าไปใกล้ๆเมโลดี้ก่อนทีจะมองลึกลงไปในดวงตาของเธอ

เธอไม่มีความกล้าพอที่จะสบตาเขา เธอจึงก้มหน้าหลบไป

"เอาล่ะ"

วูชินถอยกลับไปโดยไม่คิดคาดคั้นอะไรอีก

"หวังว่าจะหามันเจอ ก่อนที่ฉันจะกลับมา"

เขายังขาดไอเทมศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการอีก 1 ชิ้นนอกเหนือจากไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาอาเรีย

"ทะ ... ท่านจะไปไหน?"

หรือว่าเขากำลังจะกลับโลก แล้วเขาจะกลับมาที่อัลเฟ่นอีกไหม?

เธอมองเขาด้วยสายตากังวล แต่วูชินถามออกมาด้วยควางสงสัย

"ที่ไหนล่ะฉันต้องไปหาสาวกของ เฮเรส "

5 ไอเทมศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนประกอบย่อยของ ชุดเซ็ท แห่ง แทรซ

รีวิวผู้อ่าน