เปลวเพลิงหน้าต้นไม้โลกพัดโหมกระหน่ำและลุกโชนขึ้นมา
เปลวไฟกลับกลายเป็นสีดำทมิฬอย่างน่าหวาดกลัว... สีนี้เกิดจากเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ ...มันค่อยๆเผาไหม้ไปเรื่อยๆ
หากใครเข้ามาดูใกล้ๆจะเห็นอะไรบางอย่าง
ภายในเปลวเพลิงสีดำจะมีเปลวเพลิงสีขาวพิสุทธิ์ลุกโชนอยู่ตรงใจกลาง แล้วก็มีหัวใจมังกรลอยอยู่ตรงกลางนั้นด้วย
หัวใจมังกรเริ่มสลายไปทีละน้อย และดูเหมือนว่าเปลวเพลิงพิสุทธิ์นี้จะใช้หัวใจมังกรเป็นเชื้อเพลิง
วูชินนั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้าเปลวเพลิงอยู่ถึง 10 วัน เขาเพ่งสมาธิไปที่การควบคุมวิญญาณและไอความมืดแห่งความตายเพื่อกักขังวิญญาณซังกูเอาไว้โดยไม่สนใจสิ่งอื่นๆรอบข้าง
การต่อสู้ของวูชินที่เข้ามาถล่มกองทัพมอนสเตอร์นับว่าเป็นสิ่งที่หลายคนทึ่งและแห่กันมาพบเขาราวกับจะกล่าวขอบคุณ แต่เมื่อเห็นเขานั่งทำบางอย่างอยู่ด้วยความตั้งใจทุกคนก็เลิกล้มกันไป เหล่าผู้กล้าที่จะมาพูดคุยเรื่องซ่อมอาณานิคมก็แยกย้ายกลับไปทำงาน
คงเป็นเรื่องดีถ้าวูชินใช้อำนาจที่ราวกับพระเจ้าในการซ่อมแซมอาณานิคม แต่ทว่าดูเหมือนตอนนี้เขาจะยุ่งมาก เหล่ากองกำลังพันธมิตรเลยได้แต่กลับไปซ่อมกันด้วยมือตัวเอง
กว่าจะเคลียพื้นที่รอบๆได้เสร็จสิ้น ต้องใช้เวลาถึง 20 วัน
ซากศพของกองทัพมอนสเตอร์นับหมื่นถูกลากไปรวมไว้ที่จุดๆเดียว หากใครมาหุบเขาซัวรอสตอนนี้คองต้องตกตะลึงกับซากศพและทะเลเลือด
ผู้อมตะยังคงยุ่งกับการทำอะไรบางอย่าง แต่ทว่ากองทัพอันเด้ดของเขายังคงรุกคืบกวาดล้างเหล่าผู้ปกครองมิติไปเรื่อยๆ ตอนนี้ทั้งดาวอัลเฟ่นกำลังเฝ้าจับตาดูกองทัพของผู้อมตะ
สิ่งเดียวที่กองทัพผู้อมตะกระทำคือ ทำลาย ทุกอย่างจะราบพนาสูรราวกับแดนอเวจีหากกองทัพของผู้อมตะเดินผ่าน พวกมันเข่นฆ่าล่าทำลาย และรวบรวม สิ่งของมีประโยชน์เอาไว้
แต่ทว่ายังคงมีบางส่วนที่เชื่อว่านี่เป็นกับดักของผู้ปกครองมิติ ดังนั้นหลายคนจึงไม่ได้มุ่งหน้ามายังหัวเขาซัวรอส นี่ทำให้เหล่าผู้กล้าในหุบเขาซัวรอสต้องเป็นฝ่ายออกไปติดต่อประสานงานและเริ่มรวบรวมเหล่าผู้รอดชีวิตที่กำลังหลบหนีซ่อนตัวด้วยตัวเอง
ส่วนหน่วยเงามรณะของเชแฮซอลนั้นก็ประสบความสำเร็จในการกวาดล้างดันเจี้ยนและล่ามอนสเตอร์บนดาวอัลเฟน
...
"นี่มันก็นานแล้วนะ ตั้งแต่กองกำลังของเรามาที่นี่ ทำไมยังไม่ได้ไปสักที"
“... .ฮึ่ม บางทีเราอาจจะไม่ได้ไปเลยก็ได้ "
หลายฝ่ายต้องการส่งกองกำลังสนับสนุนมายังอัลเฟ่น
คังวูชิน ฮงซังกู และโดแจมิน นับเป็นกองกำลังบุกเบิกที่มายังอัลเฟ่น ก่อนที่ หน่วยเงามรณะภายใต้การนำทีมของเชแฮซอลตามมาเป็นกองกำลังที่ 2 ..ทั้งหมดเป็นคนของอแลนดัล
ไม่รู้ว่าเพราะผลประโยชน์หรืออะไร แต่ทว่าหลายฝ่ายต่างส่งกองกำลังมายังอแลนดัลเพื่อหวังจะส่งกองกำลังของตนเองไปยังอัลเฟ่น
ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่พวกมันก็มารอคอยหวังที่จะได้ไปยังอัลเฟ่น
....
"ดูเหมือนศึกสุดท้ายน่าจะอยู่บนโลก ... "
ฮงซังกูอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตาย แต่ตอนนี้แจมินกลับถูกส่งกลับไปยังโลก ราชาของพวกเขานั่งเฝ้าเปลวเพลิงหน้าต้นไม้โลกโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิ้วเดียว ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นกำลังกัดกินไปทั่ว
พวกเขามีหลายคำถาม แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอคอยเท่านั้น
พวกเขาตัดสินใจทำตามคำสั่งเดิมต่อไป เพราะอย่างไรหน่วยเงามรณะก็อุทิศตนเพื่อสิ่งนี้ไปแล้ว
"ผมรู้สึกกังวลเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเรากลับบ้านไม่ได้? "
"ไม่เป็นไรหรอก บลังก้านายไม่เชื่อถือในตัวของหัวหน้าหรอ? ถึงหนทางเราจะไม่มีหรือถูกทำลายก็แล้วแต่ เขาจะสร้างทางขึ้นมาใหม่เอง"
“เฮ่อ บางทีผมก็ฝันเห็นแม่กำลังรออยู่ที่บ้าน"
“... .”
แฮซอลปลอบประโลมบลังก้าที่กำลัง คิดถึงบ้าน ก่อนที่จะไปหาทาริค
"อ่า หัวหน้าหน่วยแฮซอล มีอะไรให้ข้ารับใช้เช่นนั้นหรือ? "
ทาริคกล่าวตอนรับเธออย่างมาก ในบรรดานักรบที่มาจากโลก ยกเว้นกองผู้ติดตามของผู้อมตะแล้ว หัวหน้าหน่วยแฮซอลคนนี้และหน่วยเงามรณะ ก็เป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมที่ปฏิบัติภารกิจได้อย่างไร้ที่ติ
พวกเขาเป็นกองกำลังค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
"นายหาเมโลดี้เจอรึยัง?"
"อ่า ... พวกข้ากำลังพยายามอย่างเต็มที่ แต่ข้ายังไม่พบร่องรอยของนาง"
นอกเหนือจากผู้คนในอแลนดัลแล้ว เชแฮซอลและหน่วยเงามรณะก็นับว่าคุ้นเคยกับเมโลดี้อย่างมาก เพราะเมโลดี้เป็นคนที่คอยรักษาพวกเขา คนในหน่วยเงามรณะรวมทั้งแฮซอลจึงเป็นห่วงเธอไม่น้อย
เธอได้ออกไปวิหารเทพธิดาอาเรียพร้อมกันกับวูชิน แต่ทว่าตอนนี้เธอยังไม่ได้กลับมา
พวกปากหมาหลายคนได้พูดพล่อยๆว่า สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกผู้อมตะสังหารไปแล้ว
เนื่องจากตัวจำเลยเองก็นั่งเฝ้าเปลวเพลิงอยู่หน้าต้นไม้โลกโดยไม่สนใจคำนินทาสักนิด พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะแก้ข่าวลือนี้ยังไง ...
“ทาริค!”
ลาตาชาวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนมาหยุดหน้าตรงหน้าของทาริค ใบหน้าของเธอดูเหนื่อยและตื่นเต้นราวกับได้เจอเพื่อนเก่า
"สตรีศักสิทธิ์ ของเทพธิดาอาเรีย กลับมาแล้ว!"
"โอ้ ดีจริง นางอยุ่ไหน?"
"อยู่ด้านล่าง นางกำลังขึ้นมา"
ดูเหมือนจิตวิญญาณทั้งหลายกำลังจะอวยพรให้พวกเขา
เนื่องจากสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว และไม่นานเหล่าผู้บาดเจ็บหนักไร้ทางรอดทั้งหลายก็จะได้รับการเยียวยา นางราวกับผู้ช่วยเหลือที่ส่งมาจากพระเจ้า
ไม่มีใครสามารถเทียบสตรีศักดิ์สิทธิ์ในแง่ของพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ นอกจากนี้นางยังได้ไอเทมศักดิ์สิทธิ์จากเทพธิดาอาเรียมาอีก พลังของนางคงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
เหล่าผู้กล้ารีบกรูกันเข้าไปหาเมโลดี้ พวกเขาวิ่งไปทักทายนางด้วยความดีใจ มีผู้คนมากมายต่างมารายล้อมเพื่อตอนรับการกลับมาของเมโลดี้ แต่เมื่อพวกเขาสังเกตสีหน้าของเมโลดี้ดีๆ ก็พบว่าสีหน้าของนางมีแต่ความอ่อนล้าไม่มีร่องรอยความยินดีสักนิด
"เกิดอะไรขึ้น ผู้ส่งสารแห่งธิดาอาเรีย?"
"อ่า พระนักรบแห่งองค์เทพสเกีย"
น้ำเสียงเมโลดี้ฟังดูเศร้าๆเล็กน้อย
"ผู้อมตะรีบมากและเขาก็ล่วงหน้ามาก่อน ...ข้าเดินทางตามหลังเขามา "
"โอ้ เป็นเช่นนั้น? ท่านคงลำบากไม่น้อย ท่านทำได้ดีมาก "
ถึงแม้ทาริคจะทักทายและต้อนรับเมโลดี้ แต่ว่าเขาก็มีเรื่องที่จะขอร้องนางเช่นกัน ตั้งแต่ที่เป็นสาวกขององค์เทพ ภาระหน้าที่ของทุกคนก็มากมายมหาศาล
"ข้ารู้ว่าท่านพึ่งกลับมาและคำขอนี่ก็อาจจะมากเกินไปเสียหน่อย แต่ทว่ามีหลายชีวิตที่กำลังทุกข์ทรมานกับบาดแผล ท่านสามารถมอบพรให้แก่พวกเขาได้หรือไม่?
"ได้สิ"
โมโลดี้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินตามทาริคไป
"พวกข้ายินดีกลับการกลับมาของท่าน"
"ข้ามีความสุขที่เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัย"
"ขอบคุณท่านมาก สตรีศักดิ์สิทธิ์"
เมโลดี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้คน แต่เธอก็ไม่ได้ดูจะยินดีอะไรแม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยความกังวลราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างในใจ
***
ดูเหมือนวูชินจะขยับและเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบ 20 วัน หลังจากที่เขาไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลยมาถึง 20 วันแล้ว
หลายคนสงสัยว่าคนจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรโดยไม่ต้องขยับหรือรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตามถ้ามีใครคิดถึงอำนาจและความน่าสะพรึงในอดีตของ ผู้อมตะ เรื่องแค่นี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย
นอกจากนี้ผู้คนต่างกังวลเรื่องสถานะของดาวอัลเฟ่นมากกว่าตัวผู้อมตะ
ตอนนี้ทั้งดาวอัลเฟ่นกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ผู้อมตะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และกองทัพแห่งความตายก็โผล่ออกมาทำลายล้างหยิบยื่นความตายให้ทุกสรรพชีวิตอีกครั้ง ...เหล่าผู้ปกครองมิติจำนวนมากมายต่างทยอยสิ้นท่าลงไปทีละคน
กองทัพแห่งความตายพัดผ่านไปทั่วสนามรบทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังและทุกสิ่งทุกอย่างที่พังทลาย แม้ว่ากองทัพของวูชินจะกวาดล้างไปกว่า 1 ใน 3 ของดาวแล้วแต่ทว่าวูชินยังไม่ทำอะไรเพิ่มเติม
พูดง่ายๆก็คือ ขนาดกวาดล้างไปมากมายขนาดนี้วูชินยังไม่คิดจะขยับตัว
เขายังคงอยู่หน้าต้นไม้โลก เพื่อควบคุมพลังวิญญาณและไอแห่งความตายเพื่อประคองชีวิตซังกู
เมโลดี้กำลังเฝ้าดูวูชินจากด้านข้าง
'ผู้อมตะ'
เมโลดี้มองไปข้างหน้า และเธอก็เห็นเปลวเพลิงทมิฬที่ด้านในกำลังมีเปลวเพลิงพิสุทธิ์ที่ค่อยๆย่อยสลายดวงใจแห่งมังกร โดยมีวิญญาณมืดและไอแห่งความตายปกคลุม สกัดกั้นไม่ให้วิญญาณเปลวเพลิงต้องสลายตัวหรือสูญหายไปไหน วูชินกำลังควบคุมพลังอย่างละเอียดอ่อนอยู่ตลอดเวลา และเมโลดี้ก็เข้าใจดีว่าเรื่องที่เขาทำมันยากแค่ไหน...รั้งวิญญาณของคนที่เรียกได้ว่าน่าจะตายไปแล้ว ไม่ให้จากไป เพื่อซื้อเวลาให้วิญญาณนั้นเปลี่ยนแปลงไปเป็นบางสิ่งที่ทรงอำนาจ
‘โอ้ได้โปรดท่านเทพธิดา เหตุใดท่านจึงสั่งให้ข้าทำเรื่องที่ลำบากใจเช่นนี้?’
เธอรู้สึกอึดอัดใจ
หลังจากที่เธอทำทุกอย่างตามคำสั่งเทพธิดาอาเรียมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่พอใจกับคำสั่งที่ได้รับ
เมโลดี้ไม่สามารถเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่เทพธิดาส่งคำสั่งล่าสุดให้เธอกระทำ
- เจ้าต้องเผาต้นไม้โลกที่อยู่บนดาวอัลเฟ่น
พวกเขายากลำบากขาดไหนกว่าจะรักษาสิ่งนี้เอาไว้ได้ ต้นไม้โลกอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของกองกำลังพันธมิตร แต่เธอต้องเผามันด้วยมือของตัวเอง? นอกจากนี้ นี่ยังเป็นประตูสุดท้ายที่นำไปสู่พื้นที่มิติของคังวูชิน
ถ้าประตูถูกทำลายเขาจะถูกขังอยู่ในอัลเฟ่น เขาจะถูกขังอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะจัดตั้งดันเจี้ยนบนโลกได้อีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เลยว่าเทพธิดาของเธอต้องการอะไร แต่คำสั่งนี้มันทำให้เธอต้องปวดใจ
เธอรู้สึกทรมาน
ความรู้สึกขัดแย้งภายในใจกำลังต่อสู้กันอย่างหนัก ระหว่างศรัทธา กับสิ่งที่เห็นจากความเป็นจริง และนั่นทำให้จิตใจของเธอแทบพังทลาย
"เธอมาทำอะไรที่นี่?"
“... !”
เมโลดี้รู้สึกตกใจมาก หัวใจเธอแทบจะกระเด็นออกมานอกอก เมื่อเสียงผู้อมตะที่นิ่งไปกว่า 20 วันเอยขึ้นมาถามเธอ
“เอ่อ”
"ว่าไง?"
คังวูชิน ยิ้มออกมาเมื่อเห็นเมโลดีนิ่งไป
"เธอหลงรักฉันเหรอ? ทำไมต้องมาเฝ้าฉัน? "
"ข้า ... ข้าเปล่า”
ใบหน้าของเมโลดี้แดงเล็กน้อยเทอมองตาของวูชินก่อนที่จะย้อนคิดในเรื่องที่ได้รับคำสั่งมา เธอลำบากใจอย่างมากราวกับหัวใจเธอถูกจับบีบอัด ...
"ทำไมท่านถึงต้องทำแบบนี้ "
เมโลดี้มองไปด้านหลังเขาและสงสัยว่า ทำไมเขาถึงสลายไอแห่งความมืดและวิญญาณชั่วร้ายไปซะแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือเปลวไฟทมิฬและเพลิงพิสุทธิ์ที่กำลังกัดกินหัวใจมังกรอยางต่อเนื่องช้าๆ
"ก็ ฉันทำสิ่งที่ทำได้เสร็จแล้ว"
"แล้วซังกูจะเป็นยังไงบ้าง?"
"ทุกอย่างอยู่ที่เขา อ่า ฉันหวังว่าเขาจะทำสำเร็จ "
“... .. ?”
เมโลดี้กลอกตาเล็กน้อย
"ท่านหมายความว่าไง .. ?"
"เขากำลังจะคืนชีพโดยปราศจากความตาย แต่เขาต้องพยายามอะไรนิดๆหน่อยๆด้วยตัวเอง "
“... .?”
เมโลดี้งงกับคำพูดกำกวมของวูชินดังนั้นเธอจึงจ้องหน้าวูชินด้วยความสงสัย
"เอาไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของเธอมา"
“... .”
เมโลดี้มีท่าทีลังเล แล้ววูชินก็ลุกขึ้นและจ้องมาที่เธออย่างจริงจัง ...
"เอามันออกมาให้ฉันเร็วๆ"
"ข้า ... ข้าสูญเสียมันไปแล้ว"
“หืม”
วูชินยื่นหน้าไปใกล้ๆเมโลดี้ก่อนทีจะมองลึกลงไปในดวงตาของเธอ
เธอไม่มีความกล้าพอที่จะสบตาเขา เธอจึงก้มหน้าหลบไป
"เอาล่ะ"
วูชินถอยกลับไปโดยไม่คิดคาดคั้นอะไรอีก
"หวังว่าจะหามันเจอ ก่อนที่ฉันจะกลับมา"
เขายังขาดไอเทมศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการอีก 1 ชิ้นนอกเหนือจากไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาอาเรีย
"ทะ ... ท่านจะไปไหน?"
หรือว่าเขากำลังจะกลับโลก แล้วเขาจะกลับมาที่อัลเฟ่นอีกไหม?
เธอมองเขาด้วยสายตากังวล แต่วูชินถามออกมาด้วยควางสงสัย
"ที่ไหนล่ะ? ฉันต้องไปหาสาวกของ เฮเรส "
5 ไอเทมศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนประกอบย่อยของ ชุดเซ็ท แห่ง แทรซ