px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 73 : การประมูล เริ่มขึ้นแล้ว


บทที่ 73 : การประมูล เริ่มขึ้นแล้ว

 

แม้หลินฟ่านเองจะไม่ได้อยู่กับเหล่าศิษย์มานานสักเท่าไร แต่มันเองก็ปฏิบัติกับเหล่าศิษย์ด้วยความอยากส่งเสริมและสอนสั่งเหล่าศิษย์พวกนี้จริงๆ ความเศร้าที่ต้องจากลามันก็เป็นเรื่องน่าเสียใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ ตอนนี้จักรพรรดิหยางก็มีแผนการร้ายจะเล่นงานนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ จะให้คนอย่างเขาหลินฟ่าน นิ่งดูดายไม่ทำอะไรได้ยังไง

คนที่เข้านิกายนั้นแม้จะเป็นเพียง 1 วันก็เป็นคนของนิกายนั้นตลอดไป ถึงแม้ว่าเขาจะแกล้งตายและหาทางหลบหนีออกจากนิกาย แต่ตัวเขาเองก็ยังนับว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของนิกาย และหลินฟ่านเองก็คิดว่ามีหลายคนที่ดีกับเขาอย่างจริงใจ พวกนั้นก็เปรียบเสมือนครอบครัวของเขาบนโลกใหม่ใบนี้

แล้วหากครอบครัวมีปัญหา คนอย่างหลินฟ่านไม่เคยคิดจะหลบหนี

หลินฟ่านจะไปร่วมงานประมูลเพื่อแจ้งคนของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ที่มาร่วมงาน เพื่อให้พวกมันรีบนำข่าวด่วนนี้กลับไปแจ้งนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ เมื่อ หลินฟ่านมองไปยังเหล่าศิษย์ที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ "อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดที่จะทิ้งพวกเจ้าไปตลอดกาล ข้าเพียงแต่มีเรื่องต้องไปกระทำสักพักก็เท่านั้น และข้าหวังว่าช่วงที่ข้าไม่อยู่พวกเจ้าอย่าได้เกียจคร้านการฝึกฝน เมื่อข้ากลับมาแล้วพบว่ามีผู้ใดเกียจคร้าน ข้าจะโบยมันให้ก้นลาย "

"ครับ/ค่ะ ท่านอาจารย์" หลิวจุ๋ยจุ๋ยและเหล่าศิษย์ที่เหลือล้วนตอบรับออกมา

พวกมันไม่ทราบว่าอาจารย์มีเรื่องราวอะไร แต่พวกมันเชื่อมั่นว่าท่านอาจารย์จะต้องปลอดภัยและจัดการได้อย่างแน่นอน เพราะอาจารย์ของพวกมันแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าอะไรอาจารย์ล้วนต้องจัดการได้อย่างแน่นอน พวกมันทุกคนล้วนไว้วางใจในตัวหลินฟ่านและศรัทธาเขาอย่างมาก

"เอาล่ะ แล้วพวกเจ้าจดจำไว้ให้ดี อย่าได้บอกผู้อื่นเกี่ยวกับวิชาที่ข้าถ่ายทอดให้ ... เข้าใจหรือไม่" หลินฟ่านพูดเตือนอีกครั้ง

"พวกข้ารับปาก จะไม่บอกกล่าวแก่ผู้ใด" เก๋าตีนจังที่มักจะเงียบๆและเออออห่อหมกตามคนอื่น กลับตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง มันเห็นว่าอาจารย์จะไปแล้ว มันกลัวอาจารย์จะลืมเสียงของมันเพราะมันไม่ค่อยได้พูด

แล้วตอนนี้พวกมันก็หาใช่คนโง่งมเหมือนแต่ก่อน เพราะอาจารย์ของพวกมันย้ำเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้งพวกมันจึงรู้ว่ามีความสำคัญอย่างมาก พวกมันจึงไม่คิดกล่าวออกมาแน่นอน นี่สืบเนื่องจากอาจารย์ของเขาได้ทำสิ่งที่เรียกว่าถ่ายทอดวิชา ที่พวกมันไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต วิธีอะไรกันทำให้พวกมันสามารถฝึกฝนวิชาที่ได้รับมาในทันที โดยที่ไม่ต้องทำความเข้าใจกับวิชาก่อนเริ่มฝึกฝนด้วยซ้ำ

อีกทั้งจากข้อมูลที่เหล่าศิษย์ได้รับไปคือ พวกมันนั้นได้รับการถ่ายทอดวิชาบ่มเพาะจิตสำนึกระดับสวรรค์ขั้นสูงอย่าง "จิตมารนภาไร้ลักษณ์" หรือ "เจตกระบี่"

สำหรับพวกมันแล้ววิชาบ่มเพาะจิตสำนึกระดับสวรรค์ขั้นสูงนั้นมีค่ามากมายมหาศาล เมื่อพวกมันสามารถบ่มเพาะฝึกฝนจนยกระดับจิตสำนึกได้ พวกมันนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าผู้อื่นที่ระดับเท่าเทียมกันอย่างมาก นั่นเพราะการยกระดับจิตสำนึก จะช่วยให้พวกมันสามารถควบคุมพลังงานต้นกำเนิดได้ดียิ่งขึ้นอีกทั้งปริมาณพลังงานต้นกำเนิดยังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย พลังทำลายของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้น ความสามารถในการสู้รบย่อมเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะจะไม่ได้เพิ่มตามไปก็เถอะ

ด้วยการมีวิชาบ่มเพาะจิตสำนึกระดับสวรรค์ชั้นสูงติดตัวแบบนี้ ความสำเร็จในวันหน้าของพวกมันย่อมไม่ด้อยไปกว่าอัจฉริยะผู้อื่นอย่างแน่นอน

แต่เส้นทางในอนาคตนั้น พวกมันต้องฝ่าฟันด้วยตนเองแล้ว...

ตอนนี้หลินฟ่านที่ไม่ค่อยได้คิดอะไรหรือใส่ใจอะไรมากมาย กลับคิดทำอะไรจริงจังและวางแผนระยะยามออกมา เขารีบดำเนินการตามที่คิดทันที

หลินฟ่านหยิบอาวุธทั้งหมดออกมา ถึงแม้มันจะเป็นแค่อาวุธระดับต่ำเท่านั้นแต่ก็ถือว่าดีมากแล้ว สำหรับคนที่ไม่มีแม้แต่อาวุธจะใช้งานู

อาวุธที่มีระดับสูงกว่านี้หากให้พวกลูกศิษย์ไปเกรงว่ามันจะนำพาความเดือดร้อนและปัญหามาให้เสียมากกว่า

"เซี่ยวซื่อเจ้ามากับข้าสักครู่" หลังจากเสร็จสิ้นการแจกจ่ายอาวุธ หลินฟ่านก็เรียกเซี่ยวซื่อออกมา

"อาจารย์" เซี่ยวซื่อนั้นมาจากตระกูลที่ดีและตัวมันเองย่อมมีประสบการณ์มากมาย แม้มันจะเห็นว่าอาจารย์ทำตัวเหมือนปกติแต่มันก็สัมผัสความกังวลของอาจารย์ได้

เซี่ยวซื่อนั้นยอมรับนับถือหลินฟ่านและคิดว่ามันแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ตอนนี้อาจารย์ผู้แข็งแกร่งคนนั้นกำลังดูกังวลและไม่สบายใจ มันจึงสงสัยว่าสถานการณ์ต้องร้ายแรงถึงเพียงไหนกันที่ทำให้อาจารย์กังวลใจถึงเพียงนี้ นี่นับว่าเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการของเซี่ยวซื่ออย่างมาก

"เซี่ยวซื่อเจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีที่สุด  เมื่อข้าออกไปทำธุระข้าอยากให้เจ้าช่วยดูแลศิษย์ที่เหลือแทนข้าด้วย ข้าอยากให้เจ้าช่วยสอนวิชาพื้นฐานต่างๆหรือไม่ก็รับพวกมันไปดูแลที่ตระกูลของเจ้าก็ได้ เพราะตอนนี้พวกมันหาได้ไร้ค่าดั่งเช่นเมื่อก่อนแล้ว เจ้าน่าจะเข้าใจว่าเพราเหตุใด ข้าอยากฝากพวกมันด้วย ข้าไม่อาจจากไปโดยทียังไม่วางใจเช่นนี้ได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยเหลือข้า เพราะตอนนี้เจ้าก็เติบโตขึ้นมาจากวันนั้นมากแล้ว ข้าเชื่อมั่นว่าเจ้าสามารถกระทำหน้าที่นี้ได้ " หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างจริงจัง

“ท่านอาจารย์มีเรื่องอันใดร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้นกันแน่ หากมีอันใดท่านลองบอกกล่าวแก่ข้าดู ตระกูลเซี่ยวของข้าอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าตระกูลราชวงศ์หยาง แต่ก็มีความสามารถที่จะทำการได้หลายสิ่งอย่าง ขอเพียงท่านเอ่ยปากข้าจะให้คนในตระกูลของข้าช่วยเหลือท่านอย่างสุดกำลัง โดยไม่ลังเลเลย " เซี่ยวซื่อกล่าวออกมา เมื่อมันรู้เหตุผลที่หลินฟ่านกังวลมันแทบจะหลั่งน้ำตาลงเสียตรงนั้น

"ไม่เป็นไร ข้าจัดการมันเอง ... แค่เจ้ารับปากว่าจะช่วยดูแลคนอื่นๆยามข้าไม่อยู่ นี่ก็นับว่าเป็นความช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว" หลินฟ่านกล่าวออกมา พร้อมกับตบไปที่บ่าของเซี่ยวซื่ออย่างฝากฝัง

"ได้ครับท่านอาจารย์ ข้ารับปากท่าน" เซี่ยวซื่อพยักหน้า

"เอาล่ะ ไปบอกให้ทุกคนตั้งใจฝึกฝน วันนี้ให้พวกมันฝึกฝนด้วยตัวเอง ข้ามีเรื่องราวต้องรีบไปกระทำ" หลินฟ่านบอกกล่าวและฝากฝังเซี่ยวซื่อเสร็จแล้ว มันรีกลับมาที่ห้องและรีบบ่มเพาะวิถีลับ ราชันย์มังกรสะท้านทันที วันนี้มันจะต้องเพิ่มระดับให้ ราชันย์มังกรสะท้านถึงระดับ 2 ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ตอนนี้หลินฟ่านอยากให้กองโอสถขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์จริงๆ เขาจะได้กินมันและเพิ่มระดับบ่มเพาะของเขาให้สูงๆไปเลย นี่ไม่ทำไมหรอก เพราะอีกไม่นานหากมันเกิดการต่อสู้ระหว่างนิกายขึ้นมาจริงๆ ระดับบ่มเพาะของเขานั้นน้อยนิดเกินไป จนไม่ต่างอะไรกับ เรือลำเล็กออกไปผจญคลื่นทะเลยามเกิดพายุเลยสักนิด หากเจอคลื่นลูกใหญ่รับรองเรือเขาต้องล่มแน่ๆ

วันรุ่งขึ้น การประมูลเม็ดยาสู่สวรรค์อมตะก็จะเริ่มขึ้นแล้ว

ตอนนี้ศิษย์ระดับผู้นำของแต่ละนิกายที่มาเพื่อเป็นตัวแทนนิกาย และเหล่าผู้ติดตามเตรียมตัวที่จะเข้าร่วมการประมูล "โอสถสู่สวรรค์อมตะ" ครั้งนี้ โอสถนี้นับว่ามีผลกระทบและดึงดูดความสนใจอย่างมาก มีหลายคนที่ต้องการซื้อมันไปเพื่อวิเคราะห์ส่วนประกอบ เพื่อที่จะหาวิธีหลอมสร้างมันขึ้นมา ถ้าหากมันจนปัญญาแล้วจริงๆ พวกมันก็จะให้ศิษย์ที่โดดเด่นในนิกายกินไปซะ

และการใช้เหรียญทองคำดำที่ไร้ประโยชน์สำหรับคนระดับสูงไปแล้วเช่นพวกมันนับว่าเป็นอะไรที่ดีกับพวกมันอย่างยิ่ง

การฝึกฝนอบรมลูกศิษย์คนหนึ่งให้มาถึงขั้นระดับสู่สวรรค์อมตะนั้นหาใช่เรื่องที่ทำได้และง่ายดายไม่ อีกทั้งทรัพยากรเองก็ต้องทุ่มเทไปไม่น้อย  หากเทียบกันแล้วหากใช้โอสถสู่สวรรค์อมตะนี้แล้วคุ้มกว่าพวกมันก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย

หลินฟ่านที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนนั้นถึงกับตื่นตะลึงกับจำนวนผู้คนที่มาร่วมงาน นี่มันราวกับว่าเขากำลังอยู่ในทะเลฝูงชนอย่างไรอย่างนั้น

‘เฮ่อจนปัญญาแล้วเราทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ศิษย์ของแต่ละนิกายยังมากันมากมายถึงเพียงนี้’ หลินฟ่าน ตอนนี้นั้นได้ใส่หน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้าเอาไว้ เพราะเมื่อวานมันไปบ่มเพาะความแค้นกับ เหมยยู่เอ๋อร์หากบังเอิญนางเห็นมันคงเป็นเรื่องแน่ๆ

"ดูนั่นสิ เหล่าสตรีจากนิกายบุปผาไร้จำกัด พวกนางช่างงดงามนัก"

อยู่ดีๆความวุ่นวายพลันเกิดขึ้นในหมู่ฝูงชน เหล่าสตรีที่งดงามนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นที่ดึงดูดสายตา ยิ่งเหล่าสตรีจากนิกายบุปผาไร้จำกัดแล้วล่ะก็ ไม่ว่าพวกนางไปไหนก็มักจะเป็นที่ดึงดูดสายตาอยู่แล้ว

เหล่าศิษย์สตรีจากนิกายบุปผาไร้จำกัดนั้นบ่มเพาะวิชาที่เสริมความงามอีกทั้งยังมีมายาหลอนจิตเพื่อสะกดชายหนุ่มโดยเฉพาะ ขนาดศิษย์ชายที่มีระดับบ่มเพาะใกล้ๆเคียงกันยังตกอยู่ในมนต์สะกด เหล่าบุรุษธรรมดาทั่วไปไร้ระดับบ่มเพาะคงไม่ต้องกล่าวถึง

หลินฟ่านที่เดินตีเนียนอยู่ในฝูงชน กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังหอการค้าสวรรค์บนดิน ซึ่งระหว่างทางมันก็ได้พบกับนิกายต่างๆมากมายหลากหลายนิกาย แต่ทว่ามันกลับไม่พบคนของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์แม้แต่คนเดียว นี่มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก แล้วพวกมันหายไปไหนกันหมด?

หลังจากนั้นหลินฟ่านก็ได้ส่ายหัวไปมาเพื่อหาคนของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอจนในที่สุดมันก็มาถึงหอการค้า

หอการค้าสวรรค์บนดินกำลังเก็บค่าเข้าร่วมประมูลเป็นเหรียญทองคำดำ แน่นอนว่าประชาชนธรรมดาที่ไม่มีเหรียญนี้ย่อมไม่มีสิทธิ์เข้า แต่หากผู้ใดที่คิดจะมาดูการประมูลก็ต้องเสียค่าเข้า หากมีเงินไม่ว่าจะทำอะไรย่อมสะดวกสบาย

หลินฟ่านถือว่าอยู่ในหมวดคนธรรมดาที่เข้ามาร่วมชมการประมูลเช่นกัน มันจึงไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของเหล่าศิษย์จากนิกายต่างๆ แต่ต้องมายืนอยู่ด้านหลังใกล้ๆทางออกปะปนไปกับคนธรรมดาไร้ระดับการบ่มเพาะใดๆ

ส่วนพื้นที่ของเหล่าศิษย์แต่ละนิกายนั้นก็แบ่งสรรปันส่วนกันไว้อย่างดี

เมื่อได้เวลา ชายวัยกลางคนสวมชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งก็เดินไปกลางเวที

หลินฟ่านเหลือบมองมัน

ระดับก่อเกิดขั้นที่ 8

แข็งแกร่งพอสมควร เหลืออีกเพียง 2 ระดับก็จะถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว คนในหอการค้าสวรรค์บนดินนี้ไม่สามารถดูแคลนได้จริงๆ เพียงแค่ผู้จัดประมูลก็มีระดับมากกว่าเหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งจากหลายๆนิกายแล้ว

"ยินดีต้อนรับเหล่าสหายฝึกตนทุกท่านจากทั่วทุกสารทิศ การประมูลจะเริ่มต้น ณ บัดนี้ ของที่ประมูลเป็นรายการที่ 1 ได้แก่ โอสถระดับทมิฬขั้นสูง เม็ดยาจิตวิญญาณคราม" ผู้จัดประมูลกล่าวเริ่มการประมูลออกมาอย่างเป็นทางการ

สำหรับนิกายทั้งหมดของประมูลอื่นๆนั้นหาได้สำคัญและน่าสนใจเท่า โอสถสู่สวรรค์อมตะที่พวกมันตั้งเป้าหมายเอาไว้ สินค้าที่เข้าร่วมประมูลรายการอื่นส่วนมากจะเป็นผู้ที่มาร่วมงานประมูลเป็นประจำเพื่อมาหาของจำเป็นอยู่แล้ว ที่เป็นผู้ประมูลแข่งขันกัน

 

รีวิวผู้อ่าน