ณ ..สถานีโซล
โชคดีที่สถานที่แห่งนี้ยังไม่ถูกใครเข้ามายึดครองหรือก่อตั้งอาณานิคมอะไร ทำให้วูชินยังสามารถใช้งานดันเจี้ยนได้อย่างสะดวก
"หืม ทำไมมันเละเทะแบบนี้? "
หลังจากที่ดันเจี้ยนแตกออกภาพซากปรักหักพังแบบนี้อาจจะพบเห็นได้บ่อย แต่สิ่งที่เห็นนี่มันเละเทะเกินไป
สำนักงานอแลนดัลจมอยู่ในซากปรักหักพังพื้นดินรอบๆกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์ผ่านเหตุการณ์ดันเจี้ยนแตกออกมาเยอะ ดังนั้นความสามารถในการปรับแต่งหรือซ่อมแซงสถานที่นับว่าสูงขึ้นกว่าเดิมมาก มีทีมงานกอสร้างที่รับการฟื้นฟูสถานที่อย่างดี แต่ทว่าสภาพตรงหน้ามันเละเทะอย่างมาก
หากยังมีมอนสเตอร์อยู่ในพื้นที่หรือยังปะทะกันอยู่เขาก็พอจะเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความรกร้างว่างเปล่าไม่มีแม้แต่สัญญาณสิ่งมีชีวิตอะไร และเมื่อคิดดีๆวูชินก็เข้าใจ
"พวกมันคงจะบอกว่า ที่ดินตรงนี้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกมันสินะ?"
เพราะบริเวณที่อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟใต้ดินของกรุงโซล เป็นพื้นที่ของอแลนดัล
ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่เดียวที่ไม่มีการเข้ามากู้คืนหรือซ่อมแซมอะไรทั้งนั้น
วูชินเดินไปยังซากอาคารเก่าของอแลนดัล
เขามุ่งหน้าไปทางนั้นเพราะได้ยินเสียงคนทำกิจกรรมอะไรกันอยู่
เมื่อมาถึงเขาก็เห็นว่าบริเวณนี้มีการเคลียพื้นที่เล็กน้อย ก่อนที่จะเห็นเต็นท์จำนวนมากถูกจัดตั้ง อีกทั้งยังมีคนรวมกลุ่มกันอาศัยอยู่ในบริเวณนี้...เขามองไปเห็นเต็นท์หนึ่งที่มีคนนอนหลับอย่างสบาย โดยเปิดวิทยุฟังไปด้วย
"อา เขาเป็นผู้นำด้านการใช้ชีวิต แบบสโลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง"
โลกกำลังจะตกลงสู่ขุมนรก แต่วูซังฮุนยังนอนหลับนำลายย้อยแถมยังเปิดพุงฟังเพลงจากวิทยุ ท่ามกลางซากปรักหักพัง อีกทั้งยังดูท่าทางมีความสุขมากอีกด้วย
「แซ่ก...แซ่กกก ต่อไปเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ขอกันเข้ามา..จากคุณ วังซอยฮี ให้แก่คุณ ฮีมินจัง ... 」
“เฮ่ ตื่นได้แล้ว"
“หืม? อ่า อืม? กี่โมงแล้ว ...มีอะไร... อ่าว เฮ่ย ราชา "
วูซังฮุนที่พึ่งตื่นก็มองไปทั่วก่อนที่จะพบว่าวูชินกำลังยืนอยู่ด้านข้างเขา คนงานที่ได้ยินเสียงก็วิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขาเห็นวูชิน ทั้งหมดก็รีบวิ่งมารวมตัวกัน
“ทำไมนายต้องมา อยู่ตรงนี้ด้วย?”
"เอ๋ ก็แบบว่า? ก็มาดูเผื่อมีอะไรที่เราทำได้ แล้วก็แบบว่า ยังไงพวกเราก็ควรมีฐานอะไรอยู่ที่นี้ไว้สักหน่อยไม่ใช่เหรอ ยังไงมันก็เป็นที่ของเรานี่นา"
"ไม่ต้องแล้ว ไปเรียกทุกคนมารวมกัน ฉันจะให้ทุกคนกลับไปอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้า "
"เอ๋ แต่ว่า? ผมต้องอยู่ที่นี่เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับเกาหลี ... "
"หืม จากที่ดูก็ไม่เห็นนายจะทำอะไรแบบนั้นนี่"
"เอ่อ ก็ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่ผมอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว ... "
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของซังฮุนคิ้ววูชินก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย วูซังฮุนก็เลยรีบอธิบายสั้นๆ เพื่อให้วูชินเข้าใจได้
“ก็แบบว่า อย่างน้อยที่สุดก็ควรมีตัวประกันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ? เกาหลีจะได้รู้ว่าทางอแลนดัลยังไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาไป”
"ตัวประกัน? นายเหรอ? "
"อ่า…ครับ แหะๆอย่างน้อยที่สุดผมก็เป็นหัวหน้าเลขา..เป็นผู้ช่วยส่วนตัวท่านเลยนา จะว่าไปผมก็มีตำแหน่งสูงพอสมควรเลยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างหน้าที่นี้ก็เหมาะสำหรับผมด้วย "
วูซังฮุนไม่ใช่ผู้มีพลังอะไร
หากไม่นับจุงมินชานและคิมแฮมินแล้ว วูซังฮุนก็นับได้ว่าเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งอแลนดัลเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหน้าที่รับผิดชอบในอแลนดัลของเขาเรียกได้ว่าน้อยนิดอย่างมากเมื่อเทียบกับคนอื่น
แต่วูซังฮุนก็พยายามหาอะไรที่เขาทำได้อยู่เสมอไม่ว่าจะงานเล็กงานน้อยแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเกี่ยง ไม่เคยมีใครสั่งอะไรเขาหรือขอให้เขาทำด้วยซ้ำ แต่เขาอาสามาทำด้วยตัวเองเสมอ นี่นับว่าน่าชื่นชมมากทีเดียว
"เอาล่ะ ไม่เป็นไรหรอก รีบไปเก็บข้าวของกันเถอะ "
เขาไม่สนใจความสัมพันธ์หรือการทูตต่างประเทศอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขาสนใจแค่ความปลอดภัยสำหรับคนของเขา เขาต้องการให้คนของอแลนดัลปลอดภัยอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้า เพื่อที่เขาจะออกไปจัดการเรื่องราวได้อย่างสบายใจ
จากการรายงาน พนักงานที่เหลืออยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินของกรุงโซล ที่เป็นพื้นที่อแลนดัลเก่านี้ มีจำนวนทั้งหมด 25 คน และไม่มีผู้มีพลังแม้แต่คนเดียว
พนักงานประจำเหล่านี้จะได้รับการจ้างงานตามดุลยพินิจของจุงมินชานซึ่งวูชินเองก็ไม่ได้มาคัดเลือกคนธรรมดาเหล่านี้ จะมีก็แต่ผู้มีพลังเท่านั้นที่วูชินจะมาดูความมุ่งมั่นของจิตวิญญาณ และตอนนี้เขาก็ไม่ได้จ้างผู้มีพลังเพิ่มเลย เพราะเขามีหน่วยเงามรณะอยู่แล้ว
บนปราการลอยฟ้าก็ยังมีผู้มีพลังอยู่บ้าง แต่ทว่าพวกเขาไม่ใช่คนบนโลก เป็นแค่ผู้มีพลังที่ถูกจ้างมาโดยการใช้แต้มเท่านั้น พวกมีพลังพวกนี้จะเป็นผู้ลี้ภัยมิติที่สามารถจ้างงานได้
"เอ่อ แล้วพวกเราจะไปที่นั่นกันยังไงเหรอครับ?"
"เราจะไปที่นั่นโดยใช้ปร ... "
วูชินกำลังจะกล่าวออกมาอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่เมื่อมองไปอีกครั้งเขาก็พบว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ผู้มีพลัง พวกเขาจึงไม่สามารถเดินทางผ่านประตูมิติของเขาได้ เมื่อเป็นแบบนี้วูชินก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่พาพวกเขากลับปรากอารลอยฟ้าโดยวิธีปกติ
"เราจะบินไป"
"เอ๋? แต่เที่ยวบินส่วนใหญ่ถูกยกเลิกหมดแล้ว ... "
เมื่อมีมอนสเตอร์บินได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การคมนาคมสัญจรทางอากาศโดยใช้เครื่องบินก็เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก เที่ยวบินต่างๆจึงพากันยกเลิก ถึงไม่ยกเลิกก็ไม่มีใครคิดจะเสี่ยงขึ้นเครื่องบินที่อาจจะตกได้ตลอดเวลา
แต่ก็ยังคงมีบริษัท หรือสายการบินที่ไม่หวั่น...ไม่รู้จะเรียกว่าใจกล้าหรือบ้าบิ่นดี มันเป็นสายการบินที่ไม่มีการรับรองความปลอดภัยใดๆทั้งสิน ซึ่งสายการบินนี้จะอยู่ที่สนามบิน อินช็อน
"ชิงชิง"
สิ้นเสียงเรียกวูชิน ไอแห่งความมืดมหาศาลก็แผ่พุ่งออกมาก่อนที่จะไปรวมบนยอดซากปรักหักพัง
[เจ้าต้องการอะไร?]
เสียงที่เขย่าขวัญจนแทบทำให้ทุกคนหัวใจวาย อีกทั้งยังขนาดมหึมาที่ทำให้คนรู้สึกราวกับตัวเองเป็นมด
มันเหมือนกับฟโครงกระดูกที่สามารถมองเห็นได้ในพิพิธภัณฑ์ ทั้งร่างมันเป็นกระดูกทั้งหมด สภาพนี้ดูยังไงก็ไม่น่าที่จะสามารถบินบนฟ้าได้..
"เอ่อ... มันบินได้หรอครับ?"
วูชินยิ้มในขณะที่มองไปยังชิงชิงที่กำลังยืดตัวไปมา
"ได้สิ"
เมื่อวูชินเดินเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นชิงชิงก็แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า
[ฮู่มมมม]
เมื่อมันจ้องขึ้นไปบนฟ้าทำให้ทุกคนต่างแหงนมองตามไป แต่ทุกคนก็ไม่เห็นอะไรบนนั้น แม้ตอนนี้สถานการณ์บนพื้นโลกจะเหมือนตกอยู่ในนรก แต่ทว่าท้องฟ้าก็ยังคงเป็นท้องฟ้าทีสวยงามเต็มไปด้วยหมู่เมฆไม่เปลี่ยนแปลง
“หืม?”
วูชินอาจจะมองไม่เห็นด้วยสายตา แต่เขาก็จับสัมผัสพลังได้ และจากสัมผัสครั้งนี้มันบอกเขาว่าอีกฝ่าย อันตรายอย่างมาก
[มันคือ ไอร์บริท]
"ไม่ผิดแน่นะ?"
เมื่อชิงชิงยืนยันว่าไม่ผิดตัว ท่าทางของวูชินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนนี้เขาดูเอาจริงเอาจังขึ้นมาอย่างมากราวกับรับรู้ว่าครั้งนี้คงไม่ง่าย
"ตัวปัญหาอย่างไอบ้านั่นดันโผล่มาซะได้"
มันคือราชันย์ของเหล่า อีกาปากคมมีด
อีกาอมตะ ไอร์บริท
กาาาาา!
ร่างใหญ่โตปรากฏบนฟ้าพร้อมเสียงกรีดร้อง ขนสีดำทมิฬปกคลุมทั่วร่างของมันราว
"ทันทีที่กลับมาโลก ก็เจอบัลลังก์ที่ 70 ... "
ไอร์บริท เป็นผู้ปกครองมิติที่ครอบครองบัลลังก์ที่ 70
เมื่อไอร์บริทปรากฏกายออกมาวูชินไม่คิดประมาท เขารีบเอาอุปกรณ์ออกจากคลังมิติเพื่อเตรียมพร้อมใช้งานทันที
....
ณ ถ้ำมันจัง บนเกาะ เซจู
"ได้เวลาแล้ว"
หลังจากที่รอคอยมานาน สถานการณ์บนโลกก็เริ่มเป็นไปในทิศทางที่เขาต้องการ ต้อนนี้สถนการณ์มันเริ่มสุขงอมแล้ว ชาวโลกกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ...และนี่เป็นเหตุผลที่เขายังเก็บตัวอยู่ที่ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้
วันนี้จะเป็นวันที่เขาออกไปทำสิ่งที่รอมานาน
ตริ๊ง ตริ๊ง
หลังจากที่เขามองไปยังโทรศัพท์มือถือ ก็พบว่าเป็นลีซางโกลที่รายงานเข้ามา
"มีนกลึกลับปรากฏตัวเหนือกรุงเซลครับ"
"ส่งภาพมาให้ข้าดู .. "
เมื่อเอียลโลเห็นภาพในโ?รศัพท์มือถือเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
"มันคือ ไอร์บริท
ไอร์บริท เป็นผู้ปกครองมิติ บัลลังก์สูงสุดที่ 70 ...และร้ายกาจมาก
ในบรรดาผู้ปกครองมิตินั้น นอกจากบัลลังก์สูงสุดที่ 1 แล้ว การจัดอันดับที่เหลือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการต่อสู้ของผู้ปกครองมิติ มันวัดแค่ความสามารถในการทำสงครามมิติเท่านั้น ..อันดับมันเป็นแค่ตัวเลข
ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากอาจมีอันดับที่ต่ำกว่า ผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ได้
และหากมองแค่ความสามารถในการรบของตัวเอง ไอร์บริท นับว่าแข็งแกร่งติด 1 ใน 5 ของผู้ปกครองมิติทั้งหมดในบัลลังก์สูงสุด
เอียลโลแม้จะเป็นบัลลังก์ที่ 25 ทว่าตัวเขาเองก็ติดหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน
เอียลโลออกจากถ้ำมันจัง ด้วยความมั่นใจที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า
"ข้าจะเริ่ม สร้างชื่อเสียงจากการล่าไอบ้านั่น"
โลกนั้นนับว่าพิเศษมากในบรรดาดาวเคราะห์อื่นๆ
และตอนนี้เนื่องจากการเชื่อมต่อมายังโลกมันเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ปกครองมิติจำนวนหลายร้อยคนก็ต่างมุ่งหน้ามา เพื่อค้นหา รหัสหลัก ของโลก
หากเขาต้องการที่จะเป็นผู้นำและมีโอกาสมากกว่าใครเขาต้องได้รับการสนับสนุนจากชาวโลก เอียลโลต้องการให้ชาวโลกทั้งหมดเป็นกำลังสนับสนุนของเขา
เขาจะฆ่าศัตรูและช่วยเหลือมนุษย์ เพื่อให้พวกมันมองเขาเป็นวีรบุรุษ หรือผู้กล้า
"หึหึ น่าจะเพียงพอ"
ไอร์บริทนี้เหมาะที่สุดสำหรับการรับบทผู้ร้าย
กองกำลังที่มีอยู่ของโลกจะสามารถต้านทานการโจมตีของมันได้หรือไม่?
ขอคำตอบคือไม่มีทาง ต่อให้คนทั้งโลกร่วมมือกันสิ่งที่พวกมันทำได้อย่างมากคือ ทำให้ไอร์บริทเปลืองพลังเวทย์เทานั้น และเมื่อถึงเวลานั้น เอียลโลจะปรากฏตัวท่ามกลางเวลาที่มวลมนุษย์สิ้นหวัง และสังหารมัน
เขาจะแสดงตนเองว่าเป็นผู้กล้าที่มากู้โลก ซึ่งลีซางโกลได้จัดเตรียมแผนการประชาสัมพันธ์เอาไว้แล้ว
ก๊าาาาาาาาาา!
ไอร์บริทไม่ได้ 'ลมาตัวเดียว' ฝูงอีกกาปากคมมีดนับๆหมื่นๆปรากฏตัวพร้อมกับมันด้วย บนท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยอีกา มันแทบจะย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีดำ เมสื่อพวกมันปรากฏตัวออกมาทุกคนที่เห็นก็ได้แต่ถอดใจด้วยความกลัว ทหารพยายามยิงมิซไซล์ไปยังท่อส่งกาซที่อยู่ใกล้ๆ กับฝูงนกเพื่อสกัดพวกมัน
ตูมมมมม! ครืนนนน!
เกิดแรงระเบิดขึ้นอย่างมหาศาล แต่ทว่ากลับมีอีกาจำนวนไม่มากนักที่ตาย
ฝูงกาไม่ได้สนใจกับความเสียหายเล้กๆน้อย พวกมันเคลื่อนตัวราวกับพายุทมิฬไปรวมตัวกันเพื่อสร้างรัง บนเกาะใกล้ๆกับแม่น้ำฮาน
ก๊าาาาาา!
ขนาดตัวของ ไอร์บริทนั้นเทียบเท่ากับมังกร
ไอร์บริทร่อนลงบนส่วนหนึ่งของสะพานที่มีไว้ข้ามเกาะ
กึง กึงงงง!
ไอร์บริททำให้มันกลายเป็นเหมือนเกาะลอยน้ำ ก่อนที่มันจะเริ่มลงมือปลูกต้นหนามทันที
ครืนนนนน!
ต้นหนามขนาดใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันพยายามที่จะพุ่งทะลุท้องฟ้า เมื่อโลกถูกเชื่อมต่อเสร็จสิ้นแล้ว สัญลักษณ์อาณานิคมก็ไม่ได้ถูกจำกัดอีกต่อไป
ลำต้นของต้นหนามยักษ์มีขนาดใหญ่มาก และมันก็มีขนาดใหญ่มากพอที่จะเกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของเกาะ
ไอร์บริทร่อนลงบนต้นหนามยักษ์ที่ไร้ใบ
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนเชื่อว่าต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาก่อนบนโลกนี้ ใช้เวลาเติบโตเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น.
ครืนนนน!
จากบนยอดของต้นหนามยักษ์สามารถมองได้ทั่วทั้งกรุงโซล
มีอีกหลายร้อยดันเจี้ยนที่อยู่รอบๆบริเวณนี้
มันยังบอกได้อีกว่ามีพลังงานชีวิตของผู้คนอีกนับล้านๆ ที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ...
ไอร์บริทประกาศออกมา
[ข้าขอประกาศว่า อาณาเขตนี้เป็นของท่านไอร์บริทผู้นี้!]
น่าเสียดายที่คำพูดของมันนั้นไม่มีคนบนโลกเข้าใจ เพราะมันไม่ใช่ภาษาใดๆเลยบนโลกนี้
แต่มีหนึ่งคนที่เข้าใจคำพูดนี้ของมัน
"แกพล่ามบ้าอะไร"
วูชินกระโดดลงจากอาชาแห่งความมืดลงไปยังกิ่งหนึ่งของต้นหนามยักษ์
[เนโครแมนเซอร์ ... .]
ดวงตาสีแดงเลือดของไอร์บริทเรืองวูบออกมา
มันใช้สายตาคมกริบจับจ้องไปยังคังวูชิน
[เจ้าจะมาสวามิภักดิ์ข้า? หรือมาเพื่อยอมรับความตาย?]
"ฉันมาล่าสัตว์น่ะ นกย่างอร่อยมากนะ"
[ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้ในความหาญกล้าครั้งนี้]
ไอร์บริทสยายปีกออก ปีกของมันกว้างอย่างมาก และตอนนี้ขนนับหมื่นบนปีกของมันกลับกลายเป็นใบมีดแหลมคม และพุ่งมายังวูชินราวกับห่าฝน...ห่าฝนคมมีด แค่เพียง 1 ขนสามารถฆ่าผู้มีพลังระดับ B ได้อย่างง่ายดาย
ภาพนี้ทำให้วูชินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนจากมุมมองของคนอื่นต้องบอกว่ามันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก..วูชินเริ่มตื่นตัวก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาพร้อมกางบาเรียวิญญาณ
"คงได้สนุกไม่น้อย"
นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับไอร์บริท เขาเคยได้ยินเรื่องราวของไอร์เบริทจากเจนิสและชิงชิง ทั้งคู่ล้วนแล้วแต่กล่าวว่า มันมีพลังที่สามารถเผชิญหน้าได้กับทุกคนอย่างไม่หวั่นเกรง...
ถึงแม้นี่จะเป็นการตอสู้ครั้งแรก แต่วูชินก็มีความมั่นใจในตัวเองอย่างสูง
เพราะเขาไม่ได้ตัวคนเดียว
ซู่มมมมม ฟึ่บบบ !
ความเร็วของมันผิดกับรูปรางใหญ่โตลิบลับ เพียงเสี้ยวพริบตาเมื่อมันเห็นวูชินป้องกันห่าขนคมมีดของมันได้ มันก็พุ่งตัวตามหลังขนของมันออกมาทันที พร้อมทั้งใช้ปีกขนาดมหึมาอีกทั้งยังคมกริบของมันฟาดมายังวูชินด้วยความเร็วสูง
วูชินพยายามกระโดดหลบหลีกปีกขนาดใหญ่โตของมัน เมื่อเขากระโดดออกจากจุดโมปีกของมันฟาดไปยังกิ่งของต้นหนามยักษ์ที่เขายืนจนขาดสะบั้น เมื่อไร้ที่หยั่งเท้าทำให้วูชินร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงทันที ทว่าอาชาแห่งความมืดก็โผล่ออกมารองรับร่างของเขาเอาไว้
ชิ้งๆๆๆๆๆ!
ห่าฝนคมมีดยังคงถูกจู่โจมออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกมันกระทบกับเกราะวิญญาณของวูชินถี่ยิบ ยังดีที่เกราะวิญญาณของวูชินยังสามารถป้องกันมันได้
เมื่อเห็นวูชินรวงลงไปยังพื้นเกาะ ไอร์บริทหมุนร่างของมันก่อนที่จะโฉบลงไปที่พื้นด้วยความเร็วสูง
ฟู่มมมม ฟึ่บๆๆๆ!
มันโฉบลงมาด้วยความเร็วก่อนทีจะสยายปีกและซัดขนปีกคมมีดออกไปอีกครั้ง คราวนี้ความเร็วของขนมันสูงและมีพลังทำลายที่มากกว่าครั้งแรกนัก บาเรียวิญญาณของวูชินถึงกับต้านทานเอาไว้ได้ไม่หมด
ฉัวะ! ฉึกกๆๆๆ!
ขนคมมีดจำนวนมากพุ่งทะลุบาเรียมาเฉือนเนื้อวูชิน อีกทั้งยังแทงทะลุร่างของเขาราวกับกระดาษ ทว่าวิญญาณที่เขาได้เก็รวมรวมเอาไว้ก็เริ่มลอยเข้าร่างของเขาเพื่อรักษาบาดแผลทั้งหมดทันที
มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ทำให้เขา ต้องใช้ความสามารถ รักษาด้วยวิญญาณแบบนี้
กล่าวได้ว่านับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เขาก้าวมาถึงจุดสูงสุดของเนโครแมนเซอร์เลยก็ว่าได้
“ตอนนี้ล่ะ”
ขณะที่วูชินลงมาถึงพื้นดินเขาก็อัญเชิญเจนิส พร้อมทั้งกองทัพโรงกระดูกนักเวทย์จำนวนมากออกมา ทั้งหมดยิงเวทย์ไปยังไอร์บริทที่ร่อนตามลงมา
ฟู่มมมมม ตูมมมม!
เพลิงนรกอเวจีของเจนิสลุกโชนบนขนปีกสีดำทมิฬของอีกาอมตะ จังหวะนี้เอง วูชินก็อัญเชิญอัศวินแห่งความตายออกมา เพื่อตรึงร่างของไอร์บริทเอาไว้
[พวกแมลงวันตัวจ้อย]
ไอร์บริทสะบัดร่างราวกับพายุทอร์นาโด พร้อมทั้งคำรามออกมา
กาาาาาาา!
มันไม่กลัวกองทัพแห่งความตายของวูชินสักนิด มันเริ่มกู่ร้องออกมา
กาาาาาาา!
อีกาปากคมมีดนับหมื่นบินมาล้อมรอบเหล่าอัศวินแห่งความตายของวูชินเอาไว้ .... อัศวินแห่งความตายที่อยู่ใจกลางการปิดล้อม รู้สึกไม่ต่างอะไรกับตกอยู่ในเวลากลางคืน เพราะจำนวนอีกามันปิดแผ่นฟ้าจนแสงอาทิตย์ไม่สามารถทะลุผ่านได้
“แกอยากจะเล่นแบบนี้กับฉันเหรอ?”
วูชินไม่มีทางกลัวเรื่องจำนวนอยู่แล้ว เขาทำการอัญเชิญกองทัพโครงกระดูกออกมาทันที เหล่าอัศวินแห่งความตายก็อัญเชิญกองทัพส่วนตัวของพวกมันเองเช่นกัน ตอนนี้ กองทัพโครงกระดูกกว่าครึ่งแสน กำลังจะปะทะกับกองทัพอีกาปากคมมีดนับหมื่น
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไอร์บริทร่อนลงถึงพื้นหลังจากที่สะบัดกลุ่มอัศวินแห่งความตายเมื่อครู่ไป มันก็ต้องเจอกับการจู่โจมกะทันหันของมังกรกระดูกที่ขนาดตัวไม่ด้อยไปกว่ามันทันที
ชิงชิงโผล่เข้ามาขย้ำไปบริเวณลำคอของไอร์บริทอย่างไร้ปราณี
ฮู่มมมมมม!
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ปะทะกันจนล้มกลิ้ง ต้นไม้รอบๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับต้นหญ้าพวกมันกระถูกทำลายลงไปในเสี้ยวพริบตา พื้นเกาะบางส่วนเริ่มแตกและถล่มลง
"ดีมากชิงชิง กดมันไว้กับพื้นแบบนั้นอีกนิด "
[โกกกกกกกกกกก!]
เมื่อหัวไอร์บริทถูกกดไว้บนพื้น สิ่งมีชีวิตที่ราวกับหล่อหลอมมาจากเหล็กที่วูชินแอบอัญเชิญเอาไว้ตั้งแต่แรกก็กระโดดลงมาจากยอดต้นหนามยักษ์ที่มีความสูงนับพันเมตร พลังทำลายจากแรงโน้มถ่วงของโลกกอปรกับน้ำหนักหมัดของร่างที่หนักนับสิบๆตันพุ่งไปทะไปยังส่วนหัวของไอรร์บริทอย่างจัง
ตูมมมมมมมมมม!
ปฐพีสั่นสะท้านถล่มทลาย คลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะของหมัดของโดลเซ่ ทำให้เกิดคลื่นสึนามิแผ่พุ่งออกไปจากรอบๆเกาะ อย่างไรก็ตามพลังทำลายขนาดนี้ยังไม่มากพอที่จะส่งไอร์บริทกลับไปยังมิติแลมโบ เพื่อรอเวลาเกิดใหม่
[กล้าดียังไง!]
อีกาอมตะรวบรวมพลังเวทย์จำนวนมหาศาลไปที่ปีกก่อนที่จะสะบัดลงอย่างรุนแรง ส่งร่างที่สะบักสะบอมของมันให้พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
ตูมมมมม ครืนนน!
มังกรกระดูกชิงๆ และโกเล็มเหล็กโดลเซ่ ถึงกับเสียหลักล้มคว่ำจนพื้นดินสั่นสะเทือน แรงอัดอากาศที่เกิดจากการพุ่งทะยานของไอร์บริททำให้ต้นหนามยักษ์ถึงกับไหวเอน เหล่ากองทัพแห่งความตายและอีกาปากคมมีดต่างกระเด็นกระดอนถอยออกไป ส่วนวูชินกางเกราะพลังวิญญาณขึ้นมาทันท่วงทีจึงไม่ได้รับผลกระทบ
กาาาาาาา!!
ไอร์บริทที่พุ่งทะยานไปที่ความสูงเหนือต้นหนามยักษ์ที่สูงนับพันเมตร กู่ร้องคำรามออกมาดังลั่น
ในบรรดาเหล่าดันเจี้ยนที่พึ่งถูกจัดตั้งนับร้อยๆ มีหลายแห่งที่ตอบรับเสียงกรีดร้องครั้งนี้ของมัน