px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
SSN บทที่ 191 : ราชันย์น้ำแข็ง (3)


 

 

ณ ..สถานีโซล

โชคดีที่สถานที่แห่งนี้ยังไม่ถูกใครเข้ามายึดครองหรือก่อตั้งอาณานิคมอะไร ทำให้วูชินยังสามารถใช้งานดันเจี้ยนได้อย่างสะดวก

"หืม ทำไมมันเละเทะแบบนี้? "

หลังจากที่ดันเจี้ยนแตกออกภาพซากปรักหักพังแบบนี้อาจจะพบเห็นได้บ่อย แต่สิ่งที่เห็นนี่มันเละเทะเกินไป

สำนักงานอแลนดัลจมอยู่ในซากปรักหักพังพื้นดินรอบๆกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ  ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์ผ่านเหตุการณ์ดันเจี้ยนแตกออกมาเยอะ ดังนั้นความสามารถในการปรับแต่งหรือซ่อมแซงสถานที่นับว่าสูงขึ้นกว่าเดิมมาก มีทีมงานกอสร้างที่รับการฟื้นฟูสถานที่อย่างดี แต่ทว่าสภาพตรงหน้ามันเละเทะอย่างมาก

หากยังมีมอนสเตอร์อยู่ในพื้นที่หรือยังปะทะกันอยู่เขาก็พอจะเข้าใจได้  แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความรกร้างว่างเปล่าไม่มีแม้แต่สัญญาณสิ่งมีชีวิตอะไร และเมื่อคิดดีๆวูชินก็เข้าใจ

"พวกมันคงจะบอกว่า ที่ดินตรงนี้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกมันสินะ?"

เพราะบริเวณที่อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟใต้ดินของกรุงโซล เป็นพื้นที่ของอแลนดัล

ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่เดียวที่ไม่มีการเข้ามากู้คืนหรือซ่อมแซมอะไรทั้งนั้น

วูชินเดินไปยังซากอาคารเก่าของอแลนดัล

เขามุ่งหน้าไปทางนั้นเพราะได้ยินเสียงคนทำกิจกรรมอะไรกันอยู่

เมื่อมาถึงเขาก็เห็นว่าบริเวณนี้มีการเคลียพื้นที่เล็กน้อย ก่อนที่จะเห็นเต็นท์จำนวนมากถูกจัดตั้ง อีกทั้งยังมีคนรวมกลุ่มกันอาศัยอยู่ในบริเวณนี้...เขามองไปเห็นเต็นท์หนึ่งที่มีคนนอนหลับอย่างสบาย โดยเปิดวิทยุฟังไปด้วย

"อา เขาเป็นผู้นำด้านการใช้ชีวิต แบบสโลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง"

โลกกำลังจะตกลงสู่ขุมนรก แต่วูซังฮุนยังนอนหลับนำลายย้อยแถมยังเปิดพุงฟังเพลงจากวิทยุ ท่ามกลางซากปรักหักพัง อีกทั้งยังดูท่าทางมีความสุขมากอีกด้วย

「แซ่ก...แซ่กกก ต่อไปเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ขอกันเข้ามา..จากคุณ วังซอยฮี ให้แก่คุณ ฮีมินจัง ... 」

“เฮ่ ตื่นได้แล้ว"

“หืม? อ่า อืม? กี่โมงแล้ว ...มีอะไร... อ่าว เฮ่ย ราชา "

วูซังฮุนที่พึ่งตื่นก็มองไปทั่วก่อนที่จะพบว่าวูชินกำลังยืนอยู่ด้านข้างเขา คนงานที่ได้ยินเสียงก็วิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขาเห็นวูชิน ทั้งหมดก็รีบวิ่งมารวมตัวกัน

“ทำไมนายต้องมา อยู่ตรงนี้ด้วย?”

"เอ๋ ก็แบบว่า? ก็มาดูเผื่อมีอะไรที่เราทำได้ แล้วก็แบบว่า ยังไงพวกเราก็ควรมีฐานอะไรอยู่ที่นี้ไว้สักหน่อยไม่ใช่เหรอ ยังไงมันก็เป็นที่ของเรานี่นา"

"ไม่ต้องแล้ว ไปเรียกทุกคนมารวมกัน ฉันจะให้ทุกคนกลับไปอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้า "

"เอ๋ แต่ว่า? ผมต้องอยู่ที่นี่เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับเกาหลี ... "

"หืม จากที่ดูก็ไม่เห็นนายจะทำอะไรแบบนั้นนี่"

"เอ่อ ก็ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่ผมอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว ... "

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของซังฮุนคิ้ววูชินก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย วูซังฮุนก็เลยรีบอธิบายสั้นๆ เพื่อให้วูชินเข้าใจได้

“ก็แบบว่า อย่างน้อยที่สุดก็ควรมีตัวประกันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ? เกาหลีจะได้รู้ว่าทางอแลนดัลยังไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาไป”

"ตัวประกัน? นายเหรอ? "

"อ่า…ครับ แหะๆอย่างน้อยที่สุดผมก็เป็นหัวหน้าเลขา..เป็นผู้ช่วยส่วนตัวท่านเลยนา จะว่าไปผมก็มีตำแหน่งสูงพอสมควรเลยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างหน้าที่นี้ก็เหมาะสำหรับผมด้วย "

วูซังฮุนไม่ใช่ผู้มีพลังอะไร

หากไม่นับจุงมินชานและคิมแฮมินแล้ว วูซังฮุนก็นับได้ว่าเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งอแลนดัลเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหน้าที่รับผิดชอบในอแลนดัลของเขาเรียกได้ว่าน้อยนิดอย่างมากเมื่อเทียบกับคนอื่น

แต่วูซังฮุนก็พยายามหาอะไรที่เขาทำได้อยู่เสมอไม่ว่าจะงานเล็กงานน้อยแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเกี่ยง ไม่เคยมีใครสั่งอะไรเขาหรือขอให้เขาทำด้วยซ้ำ แต่เขาอาสามาทำด้วยตัวเองเสมอ นี่นับว่าน่าชื่นชมมากทีเดียว

"เอาล่ะ ไม่เป็นไรหรอก รีบไปเก็บข้าวของกันเถอะ "

เขาไม่สนใจความสัมพันธ์หรือการทูตต่างประเทศอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขาสนใจแค่ความปลอดภัยสำหรับคนของเขา เขาต้องการให้คนของอแลนดัลปลอดภัยอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้า เพื่อที่เขาจะออกไปจัดการเรื่องราวได้อย่างสบายใจ

จากการรายงาน พนักงานที่เหลืออยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินของกรุงโซล ที่เป็นพื้นที่อแลนดัลเก่านี้ มีจำนวนทั้งหมด 25 คน และไม่มีผู้มีพลังแม้แต่คนเดียว

พนักงานประจำเหล่านี้จะได้รับการจ้างงานตามดุลยพินิจของจุงมินชานซึ่งวูชินเองก็ไม่ได้มาคัดเลือกคนธรรมดาเหล่านี้ จะมีก็แต่ผู้มีพลังเท่านั้นที่วูชินจะมาดูความมุ่งมั่นของจิตวิญญาณ และตอนนี้เขาก็ไม่ได้จ้างผู้มีพลังเพิ่มเลย เพราะเขามีหน่วยเงามรณะอยู่แล้ว

บนปราการลอยฟ้าก็ยังมีผู้มีพลังอยู่บ้าง แต่ทว่าพวกเขาไม่ใช่คนบนโลก เป็นแค่ผู้มีพลังที่ถูกจ้างมาโดยการใช้แต้มเท่านั้น พวกมีพลังพวกนี้จะเป็นผู้ลี้ภัยมิติที่สามารถจ้างงานได้

"เอ่อ แล้วพวกเราจะไปที่นั่นกันยังไงเหรอครับ?"

"เราจะไปที่นั่นโดยใช้ปร ... "

วูชินกำลังจะกล่าวออกมาอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่เมื่อมองไปอีกครั้งเขาก็พบว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ผู้มีพลัง พวกเขาจึงไม่สามารถเดินทางผ่านประตูมิติของเขาได้ เมื่อเป็นแบบนี้วูชินก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่พาพวกเขากลับปรากอารลอยฟ้าโดยวิธีปกติ

"เราจะบินไป"

"เอ๋? แต่เที่ยวบินส่วนใหญ่ถูกยกเลิกหมดแล้ว ... "

เมื่อมีมอนสเตอร์บินได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การคมนาคมสัญจรทางอากาศโดยใช้เครื่องบินก็เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก เที่ยวบินต่างๆจึงพากันยกเลิก ถึงไม่ยกเลิกก็ไม่มีใครคิดจะเสี่ยงขึ้นเครื่องบินที่อาจจะตกได้ตลอดเวลา

แต่ก็ยังคงมีบริษัท หรือสายการบินที่ไม่หวั่น...ไม่รู้จะเรียกว่าใจกล้าหรือบ้าบิ่นดี มันเป็นสายการบินที่ไม่มีการรับรองความปลอดภัยใดๆทั้งสิน ซึ่งสายการบินนี้จะอยู่ที่สนามบิน อินช็อน

"ชิงชิง"

สิ้นเสียงเรียกวูชิน ไอแห่งความมืดมหาศาลก็แผ่พุ่งออกมาก่อนที่จะไปรวมบนยอดซากปรักหักพัง

[เจ้าต้องการอะไร?]

เสียงที่เขย่าขวัญจนแทบทำให้ทุกคนหัวใจวาย อีกทั้งยังขนาดมหึมาที่ทำให้คนรู้สึกราวกับตัวเองเป็นมด

มันเหมือนกับฟโครงกระดูกที่สามารถมองเห็นได้ในพิพิธภัณฑ์ ทั้งร่างมันเป็นกระดูกทั้งหมด สภาพนี้ดูยังไงก็ไม่น่าที่จะสามารถบินบนฟ้าได้..

"เอ่อ... มันบินได้หรอครับ?"

วูชินยิ้มในขณะที่มองไปยังชิงชิงที่กำลังยืดตัวไปมา

"ได้สิ"

เมื่อวูชินเดินเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นชิงชิงก็แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า

[ฮู่มมมม]

เมื่อมันจ้องขึ้นไปบนฟ้าทำให้ทุกคนต่างแหงนมองตามไป แต่ทุกคนก็ไม่เห็นอะไรบนนั้น แม้ตอนนี้สถานการณ์บนพื้นโลกจะเหมือนตกอยู่ในนรก แต่ทว่าท้องฟ้าก็ยังคงเป็นท้องฟ้าทีสวยงามเต็มไปด้วยหมู่เมฆไม่เปลี่ยนแปลง

“หืม?”

วูชินอาจจะมองไม่เห็นด้วยสายตา แต่เขาก็จับสัมผัสพลังได้ และจากสัมผัสครั้งนี้มันบอกเขาว่าอีกฝ่าย อันตรายอย่างมาก

[มันคือ ไอร์บริท]

"ไม่ผิดแน่นะ?"

เมื่อชิงชิงยืนยันว่าไม่ผิดตัว ท่าทางของวูชินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนนี้เขาดูเอาจริงเอาจังขึ้นมาอย่างมากราวกับรับรู้ว่าครั้งนี้คงไม่ง่าย

"ตัวปัญหาอย่างไอบ้านั่นดันโผล่มาซะได้"

มันคือราชันย์ของเหล่า อีกาปากคมมีด

อีกาอมตะ ไอร์บริท

กาาาาา!

ร่างใหญ่โตปรากฏบนฟ้าพร้อมเสียงกรีดร้อง ขนสีดำทมิฬปกคลุมทั่วร่างของมันราว

"ทันทีที่กลับมาโลก ก็เจอบัลลังก์ที่ 70 ... "

ไอร์บริท เป็นผู้ปกครองมิติที่ครอบครองบัลลังก์ที่ 70

เมื่อไอร์บริทปรากฏกายออกมาวูชินไม่คิดประมาท เขารีบเอาอุปกรณ์ออกจากคลังมิติเพื่อเตรียมพร้อมใช้งานทันที

 

....

ณ ถ้ำมันจัง บนเกาะ เซจู

"ได้เวลาแล้ว"

หลังจากที่รอคอยมานาน สถานการณ์บนโลกก็เริ่มเป็นไปในทิศทางที่เขาต้องการ ต้อนนี้สถนการณ์มันเริ่มสุขงอมแล้ว ชาวโลกกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ...และนี่เป็นเหตุผลที่เขายังเก็บตัวอยู่ที่ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้

วันนี้จะเป็นวันที่เขาออกไปทำสิ่งที่รอมานาน

ตริ๊ง ตริ๊ง

หลังจากที่เขามองไปยังโทรศัพท์มือถือ ก็พบว่าเป็นลีซางโกลที่รายงานเข้ามา

"มีนกลึกลับปรากฏตัวเหนือกรุงเซลครับ"

"ส่งภาพมาให้ข้าดู .. "

เมื่อเอียลโลเห็นภาพในโ?รศัพท์มือถือเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

"มันคือ ไอร์บริท

ไอร์บริท เป็นผู้ปกครองมิติ บัลลังก์สูงสุดที่ 70 ...และร้ายกาจมาก

ในบรรดาผู้ปกครองมิตินั้น นอกจากบัลลังก์สูงสุดที่ 1 แล้ว การจัดอันดับที่เหลือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการต่อสู้ของผู้ปกครองมิติ มันวัดแค่ความสามารถในการทำสงครามมิติเท่านั้น ..อันดับมันเป็นแค่ตัวเลข

ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากอาจมีอันดับที่ต่ำกว่า ผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ได้

และหากมองแค่ความสามารถในการรบของตัวเอง ไอร์บริท นับว่าแข็งแกร่งติด 1 ใน 5 ของผู้ปกครองมิติทั้งหมดในบัลลังก์สูงสุด

เอียลโลแม้จะเป็นบัลลังก์ที่ 25 ทว่าตัวเขาเองก็ติดหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน

เอียลโลออกจากถ้ำมันจัง ด้วยความมั่นใจที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า

"ข้าจะเริ่ม สร้างชื่อเสียงจากการล่าไอบ้านั่น"

โลกนั้นนับว่าพิเศษมากในบรรดาดาวเคราะห์อื่นๆ

และตอนนี้เนื่องจากการเชื่อมต่อมายังโลกมันเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ปกครองมิติจำนวนหลายร้อยคนก็ต่างมุ่งหน้ามา เพื่อค้นหา รหัสหลัก ของโลก

หากเขาต้องการที่จะเป็นผู้นำและมีโอกาสมากกว่าใครเขาต้องได้รับการสนับสนุนจากชาวโลก เอียลโลต้องการให้ชาวโลกทั้งหมดเป็นกำลังสนับสนุนของเขา

เขาจะฆ่าศัตรูและช่วยเหลือมนุษย์ เพื่อให้พวกมันมองเขาเป็นวีรบุรุษ หรือผู้กล้า

"หึหึ น่าจะเพียงพอ"

ไอร์บริทนี้เหมาะที่สุดสำหรับการรับบทผู้ร้าย

กองกำลังที่มีอยู่ของโลกจะสามารถต้านทานการโจมตีของมันได้หรือไม่?

ขอคำตอบคือไม่มีทาง ต่อให้คนทั้งโลกร่วมมือกันสิ่งที่พวกมันทำได้อย่างมากคือ ทำให้ไอร์บริทเปลืองพลังเวทย์เทานั้น และเมื่อถึงเวลานั้น เอียลโลจะปรากฏตัวท่ามกลางเวลาที่มวลมนุษย์สิ้นหวัง และสังหารมัน

เขาจะแสดงตนเองว่าเป็นผู้กล้าที่มากู้โลก ซึ่งลีซางโกลได้จัดเตรียมแผนการประชาสัมพันธ์เอาไว้แล้ว

ก๊าาาาาาาาาา!

ไอร์บริทไม่ได้ 'ลมาตัวเดียว' ฝูงอีกกาปากคมมีดนับๆหมื่นๆปรากฏตัวพร้อมกับมันด้วย บนท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยอีกา มันแทบจะย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีดำ เมสื่อพวกมันปรากฏตัวออกมาทุกคนที่เห็นก็ได้แต่ถอดใจด้วยความกลัว ทหารพยายามยิงมิซไซล์ไปยังท่อส่งกาซที่อยู่ใกล้ๆ กับฝูงนกเพื่อสกัดพวกมัน

ตูมมมมม! ครืนนนน!

เกิดแรงระเบิดขึ้นอย่างมหาศาล แต่ทว่ากลับมีอีกาจำนวนไม่มากนักที่ตาย

ฝูงกาไม่ได้สนใจกับความเสียหายเล้กๆน้อย พวกมันเคลื่อนตัวราวกับพายุทมิฬไปรวมตัวกันเพื่อสร้างรัง บนเกาะใกล้ๆกับแม่น้ำฮาน

ก๊าาาาาา!

ขนาดตัวของ ไอร์บริทนั้นเทียบเท่ากับมังกร

ไอร์บริทร่อนลงบนส่วนหนึ่งของสะพานที่มีไว้ข้ามเกาะ

กึง กึงงงง!

ไอร์บริททำให้มันกลายเป็นเหมือนเกาะลอยน้ำ ก่อนที่มันจะเริ่มลงมือปลูกต้นหนามทันที

ครืนนนนน!

ต้นหนามขนาดใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันพยายามที่จะพุ่งทะลุท้องฟ้า เมื่อโลกถูกเชื่อมต่อเสร็จสิ้นแล้ว สัญลักษณ์อาณานิคมก็ไม่ได้ถูกจำกัดอีกต่อไป

ลำต้นของต้นหนามยักษ์มีขนาดใหญ่มาก และมันก็มีขนาดใหญ่มากพอที่จะเกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของเกาะ

ไอร์บริทร่อนลงบนต้นหนามยักษ์ที่ไร้ใบ

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนเชื่อว่าต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาก่อนบนโลกนี้ ใช้เวลาเติบโตเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น.

ครืนนนน!

จากบนยอดของต้นหนามยักษ์สามารถมองได้ทั่วทั้งกรุงโซล

มีอีกหลายร้อยดันเจี้ยนที่อยู่รอบๆบริเวณนี้

มันยังบอกได้อีกว่ามีพลังงานชีวิตของผู้คนอีกนับล้านๆ ที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ...

ไอร์บริทประกาศออกมา

[ข้าขอประกาศว่า อาณาเขตนี้เป็นของท่านไอร์บริทผู้นี้!]

น่าเสียดายที่คำพูดของมันนั้นไม่มีคนบนโลกเข้าใจ เพราะมันไม่ใช่ภาษาใดๆเลยบนโลกนี้

แต่มีหนึ่งคนที่เข้าใจคำพูดนี้ของมัน

"แกพล่ามบ้าอะไร"

วูชินกระโดดลงจากอาชาแห่งความมืดลงไปยังกิ่งหนึ่งของต้นหนามยักษ์

[เนโครแมนเซอร์ ... .]

ดวงตาสีแดงเลือดของไอร์บริทเรืองวูบออกมา

มันใช้สายตาคมกริบจับจ้องไปยังคังวูชิน

[เจ้าจะมาสวามิภักดิ์ข้า? หรือมาเพื่อยอมรับความตาย?]

"ฉันมาล่าสัตว์น่ะ นกย่างอร่อยมากนะ"

[ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้ในความหาญกล้าครั้งนี้]

ไอร์บริทสยายปีกออก ปีกของมันกว้างอย่างมาก และตอนนี้ขนนับหมื่นบนปีกของมันกลับกลายเป็นใบมีดแหลมคม และพุ่งมายังวูชินราวกับห่าฝน...ห่าฝนคมมีด แค่เพียง 1 ขนสามารถฆ่าผู้มีพลังระดับ B ได้อย่างง่ายดาย

ภาพนี้ทำให้วูชินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนจากมุมมองของคนอื่นต้องบอกว่ามันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก..วูชินเริ่มตื่นตัวก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาพร้อมกางบาเรียวิญญาณ

"คงได้สนุกไม่น้อย"

นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับไอร์บริท เขาเคยได้ยินเรื่องราวของไอร์เบริทจากเจนิสและชิงชิง ทั้งคู่ล้วนแล้วแต่กล่าวว่า มันมีพลังที่สามารถเผชิญหน้าได้กับทุกคนอย่างไม่หวั่นเกรง...

ถึงแม้นี่จะเป็นการตอสู้ครั้งแรก แต่วูชินก็มีความมั่นใจในตัวเองอย่างสูง

เพราะเขาไม่ได้ตัวคนเดียว

ซู่มมมมม ฟึ่บบบ !

ความเร็วของมันผิดกับรูปรางใหญ่โตลิบลับ เพียงเสี้ยวพริบตาเมื่อมันเห็นวูชินป้องกันห่าขนคมมีดของมันได้ มันก็พุ่งตัวตามหลังขนของมันออกมาทันที พร้อมทั้งใช้ปีกขนาดมหึมาอีกทั้งยังคมกริบของมันฟาดมายังวูชินด้วยความเร็วสูง

วูชินพยายามกระโดดหลบหลีกปีกขนาดใหญ่โตของมัน เมื่อเขากระโดดออกจากจุดโมปีกของมันฟาดไปยังกิ่งของต้นหนามยักษ์ที่เขายืนจนขาดสะบั้น เมื่อไร้ที่หยั่งเท้าทำให้วูชินร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงทันที ทว่าอาชาแห่งความมืดก็โผล่ออกมารองรับร่างของเขาเอาไว้

ชิ้งๆๆๆๆๆ!

ห่าฝนคมมีดยังคงถูกจู่โจมออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกมันกระทบกับเกราะวิญญาณของวูชินถี่ยิบ ยังดีที่เกราะวิญญาณของวูชินยังสามารถป้องกันมันได้

เมื่อเห็นวูชินรวงลงไปยังพื้นเกาะ ไอร์บริทหมุนร่างของมันก่อนที่จะโฉบลงไปที่พื้นด้วยความเร็วสูง

ฟู่มมมม ฟึ่บๆๆๆ!

มันโฉบลงมาด้วยความเร็วก่อนทีจะสยายปีกและซัดขนปีกคมมีดออกไปอีกครั้ง คราวนี้ความเร็วของขนมันสูงและมีพลังทำลายที่มากกว่าครั้งแรกนัก บาเรียวิญญาณของวูชินถึงกับต้านทานเอาไว้ได้ไม่หมด

ฉัวะ! ฉึกกๆๆๆ!

ขนคมมีดจำนวนมากพุ่งทะลุบาเรียมาเฉือนเนื้อวูชิน อีกทั้งยังแทงทะลุร่างของเขาราวกับกระดาษ ทว่าวิญญาณที่เขาได้เก็รวมรวมเอาไว้ก็เริ่มลอยเข้าร่างของเขาเพื่อรักษาบาดแผลทั้งหมดทันที

มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ทำให้เขา ต้องใช้ความสามารถ รักษาด้วยวิญญาณแบบนี้

กล่าวได้ว่านับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เขาก้าวมาถึงจุดสูงสุดของเนโครแมนเซอร์เลยก็ว่าได้

“ตอนนี้ล่ะ”

ขณะที่วูชินลงมาถึงพื้นดินเขาก็อัญเชิญเจนิส พร้อมทั้งกองทัพโรงกระดูกนักเวทย์จำนวนมากออกมา ทั้งหมดยิงเวทย์ไปยังไอร์บริทที่ร่อนตามลงมา

ฟู่มมมมม ตูมมมม!

เพลิงนรกอเวจีของเจนิสลุกโชนบนขนปีกสีดำทมิฬของอีกาอมตะ จังหวะนี้เอง วูชินก็อัญเชิญอัศวินแห่งความตายออกมา เพื่อตรึงร่างของไอร์บริทเอาไว้

[พวกแมลงวันตัวจ้อย]

ไอร์บริทสะบัดร่างราวกับพายุทอร์นาโด พร้อมทั้งคำรามออกมา

กาาาาาาา!

มันไม่กลัวกองทัพแห่งความตายของวูชินสักนิด มันเริ่มกู่ร้องออกมา

กาาาาาาา!

อีกาปากคมมีดนับหมื่นบินมาล้อมรอบเหล่าอัศวินแห่งความตายของวูชินเอาไว้ .... อัศวินแห่งความตายที่อยู่ใจกลางการปิดล้อม รู้สึกไม่ต่างอะไรกับตกอยู่ในเวลากลางคืน เพราะจำนวนอีกามันปิดแผ่นฟ้าจนแสงอาทิตย์ไม่สามารถทะลุผ่านได้

“แกอยากจะเล่นแบบนี้กับฉันเหรอ?”

วูชินไม่มีทางกลัวเรื่องจำนวนอยู่แล้ว เขาทำการอัญเชิญกองทัพโครงกระดูกออกมาทันที เหล่าอัศวินแห่งความตายก็อัญเชิญกองทัพส่วนตัวของพวกมันเองเช่นกัน ตอนนี้ กองทัพโครงกระดูกกว่าครึ่งแสน กำลังจะปะทะกับกองทัพอีกาปากคมมีดนับหมื่น

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไอร์บริทร่อนลงถึงพื้นหลังจากที่สะบัดกลุ่มอัศวินแห่งความตายเมื่อครู่ไป มันก็ต้องเจอกับการจู่โจมกะทันหันของมังกรกระดูกที่ขนาดตัวไม่ด้อยไปกว่ามันทันที

ชิงชิงโผล่เข้ามาขย้ำไปบริเวณลำคอของไอร์บริทอย่างไร้ปราณี

ฮู่มมมมมม!

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ปะทะกันจนล้มกลิ้ง  ต้นไม้รอบๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับต้นหญ้าพวกมันกระถูกทำลายลงไปในเสี้ยวพริบตา พื้นเกาะบางส่วนเริ่มแตกและถล่มลง

"ดีมากชิงชิง กดมันไว้กับพื้นแบบนั้นอีกนิด "

[โกกกกกกกกกกก!]

เมื่อหัวไอร์บริทถูกกดไว้บนพื้น สิ่งมีชีวิตที่ราวกับหล่อหลอมมาจากเหล็กที่วูชินแอบอัญเชิญเอาไว้ตั้งแต่แรกก็กระโดดลงมาจากยอดต้นหนามยักษ์ที่มีความสูงนับพันเมตร พลังทำลายจากแรงโน้มถ่วงของโลกกอปรกับน้ำหนักหมัดของร่างที่หนักนับสิบๆตันพุ่งไปทะไปยังส่วนหัวของไอรร์บริทอย่างจัง

ตูมมมมมมมมมม!

ปฐพีสั่นสะท้านถล่มทลาย คลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะของหมัดของโดลเซ่ ทำให้เกิดคลื่นสึนามิแผ่พุ่งออกไปจากรอบๆเกาะ อย่างไรก็ตามพลังทำลายขนาดนี้ยังไม่มากพอที่จะส่งไอร์บริทกลับไปยังมิติแลมโบ เพื่อรอเวลาเกิดใหม่

[กล้าดียังไง!]

อีกาอมตะรวบรวมพลังเวทย์จำนวนมหาศาลไปที่ปีกก่อนที่จะสะบัดลงอย่างรุนแรง ส่งร่างที่สะบักสะบอมของมันให้พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

ตูมมมมม ครืนนน!

มังกรกระดูกชิงๆ และโกเล็มเหล็กโดลเซ่ ถึงกับเสียหลักล้มคว่ำจนพื้นดินสั่นสะเทือน แรงอัดอากาศที่เกิดจากการพุ่งทะยานของไอร์บริททำให้ต้นหนามยักษ์ถึงกับไหวเอน เหล่ากองทัพแห่งความตายและอีกาปากคมมีดต่างกระเด็นกระดอนถอยออกไป ส่วนวูชินกางเกราะพลังวิญญาณขึ้นมาทันท่วงทีจึงไม่ได้รับผลกระทบ

กาาาาาาา!!

ไอร์บริทที่พุ่งทะยานไปที่ความสูงเหนือต้นหนามยักษ์ที่สูงนับพันเมตร กู่ร้องคำรามออกมาดังลั่น

ในบรรดาเหล่าดันเจี้ยนที่พึ่งถูกจัดตั้งนับร้อยๆ มีหลายแห่งที่ตอบรับเสียงกรีดร้องครั้งนี้ของมัน

 

 

รีวิวผู้อ่าน