px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
SSNบทที่ 193 : มังกรโลหิต (2)


 

 

 

ครืนนนนน

ร่างสีแดงขนาดมหึมากำลังบินทะยานอยู่เหนือฟากฟ้าอย่างน่าเกรงขาม

[ข้าชื่ออะไรแล้วนะ?

อนิจจา...มันจำชื่อตัวเองก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว ชื่อเก่าของมันก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นชิงชิง...

หัวใจโลหิตที่สร้างจากโกเลม ตอนนี้กำลังสูบฉีดโลหิตไปทั่วร่างของมัน ทำให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยค่อยๆกลับคืนมา

มังกรโบราณ

มันรู้สึกว่าโลหิตที่ถูกฉีดพล่านอยู่ทั่วร่างกายของมันนี้จะช่วยฟื้นฟูความรู้สึกเก่าๆของมัน

ครืนนนน!

มังกรโลหิตพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าด้วยความเร็วมหาศาลเพียงเสี้ยวพริบตาก็บินไปประจันหน้ากับอีกาอมตะ

[เจ้าดูท่าทางใช้ได้]

เมื่อสังเกตอีกาอมตะอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ชิงชิงก็เปิดปากออกมาเตรียมพุ่งไปขย้ำ

ซู่มมมมมม!

อีกาอมตะเองก็คิดจะหลบการโจมตีนี้ แต่มันกลับไม่สามารถทำได้ดั่งใจคิด นี่เพราะความเร็วของมังกรโลหิตตัวนี้เหนือกว่าที่มันคิดเอาไว้ไกลโข ไม่สามารถเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ยังเป็นเพียงมังกรกระดูกได้เลย

อีกทั้งความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมากของมังกรโลหิตตอนนี้ ยังสามารถกัดและฉีกกระชากขนปีกสีดำที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าของอีกาอมตะให้ขาดกระจุยได้อย่างง่ายดาย

มันเป็นการจู่โจมที่เรียบง่ายนัก เพราะเป็นแค่การพุ่งมากัดเท่านั้น แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนับว่าเหนือจินตนาการไปไกลโข

กี๊ซซซซซซ!

ชิงชิงจับตัวไอร์บริทไว้ด้วยกรงเล็บ ในขณะที่เขี้ยวของมันยังคงฝังอยู่ที่ปีกสีดำ และชิงชิงก็เลือกที่จะสะบัดหัวกระชากปีกของมัน

คว๊ากกกกก!

เสียงการฉีกขาดดังออกมาอย่างน่าสะพรึง

ไอร์บริทที่ถูกจู่โจมจนตั้งตัวไม่ทัน เมื่อรู้ตัวอีกทีปีกของมันพลันถูกชิงชิงกระชากออกไปเสียแล้ว

ครืนนน!

มันไม่น่าจะแปลกอะไรที่อีกาอมตะจะร่วงลงมาบนพื้นดิน แต่ทว่ามันกลับไม่ได้ร่วงลงมาเพราะว่าชิงชิงนั้นหันกลับไปขย้ำมันอีกครั้งในพริบตา

[ไอ้สวะ ช่างโสโครกเสียจริง!]

ก๊าซซซซ!! พรวดดด!

ชิงชิงถุยเศษขนและเลือดของไอร์บริทที่ติดอยู่ในปากของมัน ก่อนที่จะหันไปขย้ำส่วนหัวของไอร์บริททันที

[รสชาติของมันนี่มันไม่ได้เรื่องสักนิด]

ตัวไอร์บริทนั้นค่อนข้างมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่างมาก...

กลิ่นเลือดผสมกลิ่นตัวของไอร์บริททำให้ชิงชิงเวียนหัวเล็กน้อย

ตอนนี้ปีกอีกข้างและกรงเล็บของไอร์บริทพยายามจู่โจมไปที่ชิงชิงที่กำลังขย้ำหัวของมัน เพื่อให้ชิงชิงอ้าปากปล่อยหัวของมัน

กี๊ซซซซซ ฟู่มมมมม!!

ลำตัวสีดำของมันเริ่มลุกไหม้ เปลวเพลิงพลันพวยพุ่งออกมาบริเวณส่วนปีกที่ขาดไป

ตอนนี้ปีกที่เคยขาดของมันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงราวกับมันสร้างมาจากเปลวเพลิงอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อไฟดับลงปีกของมันพลันงอกกลับคืนมาเหมือนไม่เคยขาดมาก่อน

ตอนนี้ชิงชิงเองก็รู้สึกร้อนในปากอย่างมาก ไอรร์บริทเองก็หวังจะใช้ความร้อนดั่งลาวาผลาญจากการรักษาร่างกายนี้ ทำให้ชิงชิงถอยออกไปแต่ทว่า...เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่มันคาดคิด

กร๊วมม!

ชิงชิงกลับเลือกที่จะกัดหัวของอีกาอมตะ! ทั้งยังกลืนมันลงท้องแม้ว่ามันจะร้อนราวกับลาวาลวกก็ตาม!

วิ๊งงงงง!

ร่างของอีกาอมตะไอร์บริทเริ่มสลายหายไปเป็นแสงสีทำ มังกรโลหิตชิงชิงกู่ร้องคำรามประกาศชัยชนะออกมาทันที...มันช่างง่ายดายจนคนที่มองอยู่ถึงกับไม่เชื่อสายตา

[ความต้องการของเจ้าเสร็จสิ้นแล้ว]

เมื่อทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จสิ้นชิงชิงก็บินลงมายังพื้นดิน เพื่อจัดการมอนสเตอร์ที่เหลือเล่นอย่างสนุกสนาน

ตอนนี้เหล่ามอนสเตอร์ที่พุ่งเข้ามาล้วนหยุดลงทันที

มอนสเตอร์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำตามคำสั่งของอีกาอมตะไอร์บริททั้งสิ้น แต่ตอนนี้อีกาอมตะตายไปแล้ว พวกมันเองก็เริ่มที่จะห่วงใยชีวิตของตัวเอง และไม่คิดที่จะทำการต่อสู้ที่ไร้หนทางชนะอีกต่อไป

เมื่อวูชินเห็นเหล่ามอนสเตอร์หยุดชะงักลง ร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากที่เข่นฆ่าอย่างไม่หยุดหย่อนมาเป็นเวลาสักพัก

"ดูเหมือนชิงชิงจะฆ่ามันได้แล้ว"

เมื่อไอร์บริทถูกสังหารลง มอนสเตอร์เหล่านี้ก็ไม่อาจรวมตัวเป็นกองทัพและคุกคามอะไรเขาได้อีกต่อไป ชะตากรรมเดียวที่เหลืออยู่ของพวกมันคือถูกกองทัพอมตะของเขาบดขยี้

ราวกับจะยืนยันความคิดของเขา ชิงชิงก็บินลงมาถึงพื้นดินก็เริ่มละเลงเลือดเหล่ามอนสเตอร์ทันที

ครืนนนนน!!

เมื่อชิงชิงทิ้งตัวลงมา ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ราวกับสึนามิในแม่น้ำฮานทันที ...หลังจากนั้นซากศพมอนสเตอร์ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆภายใต้การอาละวาดของมังกรโลหิต

นี่ถ้าหากเขาสามารถรวบรวมชุดเซ็ทแห่งแทรซได้ทั้งหมดจนได้ค่าสถานะมหาศาล เขาอาจจะปลุกซากศพกองพะเนินเหล่านี้ให้ลุกขึ้นมาเป็นกองทัพแห่งความตายของเขาได้

มังกรโลหิตเมื่ออาละวาดจนหนำใจ ตอนนี้มันก็นั่งลงบนกองภูเขาซากศพและเอ่ยถามวูชินออกมาว่า

[เจ้าต้องการอะไร?]

วูชินแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือขวาไปแตะมังกรโลหิต

"ฉันอยากจะบินกับนาย"

พูดจบวูชินก็กระโดดขึ้นไปขี่หลังมังกรโลหิตทันที

กึง กึง ฟู่มมมม!

มังกรโลหิตทะยานขึ้นโผบินไปในอากาศอย่างอารมณ์ดี

บริเวณที่หลบภัย

วูซังฮุนและพนักงานที่เหลือตอนนี้ทำได้เพียงติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวจาก หน้าจอ TV และก็รับฟังจากวิทยุได้เท่านั้น พวกเขาพยายามไล่เปิดและไล่ฟังช่องที่กำลังรายงานสถานการณ์

"นี่มันสุดยอดมากๆ นายกรัฐมนตรีจุงก็บอกแล้วว่าอำนาจการสู้รบแทบทั้งหมดของอแลนดัลคือตัวราชาของเรา ตอนแรกผมก็คิดว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกซะอีก แต่ตอนนี้ในขณะที่สถานการณ์กำลังจะเลวร้ายที่สุดกลับเป็นเขาที่กลับมาและช่วยโซลให้รอดพ้นจากการล่มสลายไปได้ด้วยตัวคนเดียว สุดยอดมากโคตรๆ”

"ฮ่าๆๆ ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงเลย "

"ฮือ...แล้วทำไมเขาไม่กลับมาให้เร็วกว่านี้?"

“ฮือออ ตงมิน อาา ลูกของฉัน... ฮืออ ฮึก ถ้าเขามาเร็วกว่านี้”

บางคนก็ตะโกนด้วยความยินดี แต่ทว่ากลับมีบางคนที่ร่ำไห้เสียใจและรำพึงรำพันด้วยความเศร้าโศกและกล่าวโทษว่าวูชินมาสายเกินไป...

วูซังฮุนและพนักงานค่อยๆออกจากที่หลบภัยอย่างเงียบๆ ตอนนี้รอบๆของพวกเขาคึกคักและวุ่นวายยิ่งกว่าตอนระเบิดลงซะอีก เหล่าทหารและผู้มีพลังเริ่มออกมาลาดตระเวนบนท้องถนนและเก็บซากของมอนสเตอร์ รวมทั้งสิ่งของที่มีประโยชน์เข้ากระเป๋าของตัวเอง นอกจากนี้ยังคอยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บไปตามอัตภาพ

“อะฮ่า ราชาของพวกเรานับว่าสุดยอดที่สุด "

“เพราะแบบนี้นี่ล่ะ ผมถึงภูมิใจมากไงที่ได้เป็นคนของ อแลนดัล"

เหล่าพนักงานที่ต้องคอยระมัดระวังตัวยามที่อยู่ในที่หลบภัย เมื่อออกมาได้ต่างคนก็ระบายความในใจออกมา

ตอนที่คังวูชินเดินทางไปยังดาวอัลเฟ่น ทางอแลนดัลเองก็ได้รับแรงกดดันจากนานาชาติมากมาย พวกเขาต้องทนเครียดและกดดันกับเรื่องพวกนี้มาอย่างหนักหนาสาหัส

ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำ ว่าคนเกาหลีกลับเป็นผู้ที่กล่าวต่อว่าและสาปแช่งพวกเขามากที่สุด

คนพวกนั้นพ่นคำว่าแรงๆใส่พวกเขาชาวอแลนดัลไม่หยุดหย่อน ทั้งบางคำยังแรงเกินไปจนพวกเขาแทบรับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทรยศชาติ,หนีเอาตัวรอด,พวกขี้ขลาดเต่าหดหัวและยังมีอีกหลายๆคำ

สื่อต่างๆเองก็โจมตีอแลนดัลทุกวันโดยไม่คิดจะเบื่อหน่ายหรือหยุดพัก คำดูถูกเหยียดหยามต่างๆซัดเข้ามาราวกับต้องการระบายอย่างไรอย่างนั้น ทุกเรื่องไม่ว่าอะไรล้วนถูกโยนมาให้เป็นความผิดของอแลนดัลทั้งสิ้น

"เอ๊ะๆ? นะ ... นั่นมัน หัวหน้ามองไปตรงนั้นดูสิครับ! "

“หืม?”

เมื่อวูซังฮุนแหงนหน้าไปมองตามทิศทางที่ลูกน้องเขาชี้ เขาก็เห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ขนาดมหึมากำลังบินเข้ามาหาพวกเขา

ตึงงงงง!

ตอนนี้ถนน 10 เลนทีเคยกว้างใหญ่ มันกลับดูคับแคบลงไปถนัดตา

อยู่ดีๆก็มีมอนสเตอร์โผล่ออกมา แถมตอนนี้มันกำลังเดินมาโดยผลักรถรากระเด็นออกไปโดยไม่สนใจอะไรด้วย ทุกคนจึงได้แต่จ้องมองด้วยความตกตะลึง

จากขนาดของมันทุกคนรู้สึกเหมือนตอนนี้อพาร์ตเมนต์กำลังเคลื่อนที่มาทับพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

ทั้งพวกเขายังตกตะลึงจนขาแข็งเพราะแรงกดดันที่ชิงชิงแผ่ออกมา ทำให้ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้

เมื่อมังกรโลหิตมาถึงที่มันก็ก้มหัวอันใหญ่โตลงมา

วูชินที่ยืนอยู่ก็ลื่นไถลราวกับเล่นสไลเดอร์ลงมาตามคอของมังกรโลหิตจากแผ่นหลังจนมาหยุดบริเวณส่วนหัว ทำให้ความหวาดกลัวและความตึงเครียดบนใบหน้าของทุกคนเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อเห็นร่างวูชิน

"อา พระราชา!"

"ขึ้นมา แล้วไปกัน"

วูชินพูดออกมาห้วนๆราวกับเป็นเรื่องปกติง่ายๆ...

วูซังฮุนเองก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที...แต่ทว่าหลังผ่านไป 2 วินาทีเขาก็ยิ้มแล้วหันมองหน้าวูชินทันทีหลังจากที่มองไปยังมังกรโลหิต

"แล้วพวกเราจะขึ้นไปยังไงหรอครับ?"

“อ่า ... .”

แค่เล็บจากนิ้วที่เล็กที่สุดของมังกรก็ใหญ่โตยิ่งกว่าคนปกติเสียอีก การปีนขึ้นไปหลังมังกรตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับปีนหน้าผา...

ทว่าวูชินก็ยกมือขึ้นมา และร่างกายของทุกคนพลันถูกห่อหุ้มด้วยพลังเวทมนต์ที่นุ่มนวล ก่อนที่จะถูกยกขึ้นมาอยู่บนหลังขิงชิงอย่างง่ายดาย

“อุ๊บบ”

“อ๊อคค ”

มันช่างเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง พวกเขาคิดว่าได้นั่งบนหลังมังกรคงจะเท่ห์ แต่เมื่อขึ้นมาถึง พวกเขากลับพบว่ามันมีกลิ่นที่คาวราวกับตกบ่อเลือดยังไงอย่างนั้น สีหน้าทุกคนซีดลงก่อนที่จะเอามือปิดปากกันจ้าละหวั่น

วูชินหัวเราะขึ้นมาเมื่อมองสภาพของทุกคนด้านหลัง

"พวกเรายังไม่ได้บิน แต่ทำไมพวกนายมีอาการเหมือนเมาซะแล้วล่ะ?"

“ฮ่า ๆ ผม ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน"

ใบหน้าของวูซังฮุนเริ่มซีดเป็นไก่ต้ม อย่างไรก็ตามเขาพยายามสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายโดยหัวเราะออกมา

วูชินเห็นดังนั้นก็สร้างกำแพงลมป้องกันพวกเขาเอาไว้

ตึงงงงงง ฟุ่บบบบ!

มังกรโลหิตย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนที่จะดีดร่างขึ้นไปในอากาศด้วยความเร็วสูง ตอนนี้พนักงานของอแลนดัลทุกคนไม่มีใครมัวมากังวลเรื่องกลิ่นคาวเลือดอีกต่อไป เพราะถึงแม้วูชินจะกางกำแพงลมป้องกันไว้ให้แล้ว แต่เรื่องการยึดเกาะหลังมังกรโลหิต นั้นขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเขาเอง..ถ้าไม่เกาะก็คงเด้งไปเด้งมาเหมือนลูกแก้วในกระป๋องสี

มังกรโลหิตเองก็บินออกจากกรุงโซลด้วยความเร็วสูง

เฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวเริ่มบินว่อนเหนือสถานที่เกิดเหตุหลังเสียงของสงครามเริ่มสงบลง

“ราชาของอแลนดัลคังวูชิน เข้ามาจัดการสถานการณ์ก่อนที่จะจากไปโดยไม่พูดอะไร ตอนนี้ทางกองทัพและสมาคมต่างๆกำลังเข้ามาเพื่อเคลียพื้นที่ ... "

กล้องถูกแพนไปรอบๆ และก็ถ่ายให้เห็นถึงซากศพของเหล่ามอนสเตอร์ต่างๆ และยังมีจำนวนสิ่งมีชีวิตไม่น้อยที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์

มีผู้คนจำนวนมากที่เห็นว่านี่อาจจะเป็นมนุษย์เหมือนกันกับพวกเขาแทนที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์ กล้องของสำนักข่าวยังแพนไปยังต้นไม้หนามขนาดมหึมาอันเป็นสัญลักษณ์ของอาณานิคม

"นี่คือการรุกรานที่มาจากสิ่งมีชีวิตต่างดาวจากดาวเคราะห์อื่นหรือไม่? ชาวเกาหลีอาจจะเป็นต้องละทิ้งกรุงโซล "

มันมีดันเจี้ยนในกรุงโซลมากเกินไป

...

เขาจะเป็นผู้ปกครอง

เปรี๊ยะๆ แกร่กกกก!

พื้นดินที่อยู่ใกล้ๆกันกับ เอียลโล่เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งก่อนที่เสาน้ำแข็งจำนวนมากจะพุ่งขึ้นมาและพุ่งไปยังต้นไม้หนาม

ในขณะที่ถนนที่สร้างจากน้ำแข็งกำลังก่อตัว ลีซางโกลก็มองสำรวจไปรอบๆ

'ที่นี่มันไม่เงียบไปหน่อยหรือไง?'

ตรงนี้ควรจะเป็นสถานที่ๆมีการปะทะกันอย่างรุนแรง แต่เขากลับรู้สึกแปลกๆว่ามีอะไรบางอย่างมันขัดๆ เขามองไปยังซากศพต่างๆและก็เศษซากของอาคาร มันบ่งบอกให้รู้ว่านี่เป็นใจกลางของสงคราม แต่ตอนนี้มันเงียบเกินไป

ไม่มีเสียงระเบิดหรือเสียงกรีดร้องอะไรเลย

ตือ-ดื๊อ-ดื่อ-ดึ๊ง

โทรศัพท์มือถือของเขามีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา ใบหน้าของลีซางโกลเปลี่ยนเป็นแข็งค้างเมื่ออ่านข้อความที่หน้าจอ

[คังวูชินได้ไปแก้ไขสถานการณ์ที่นั่นแล้ว แนะนำให้ล่าถอยไปก่อน]

ท่าทางของลีซางโกลกลายเป็นหดหู่เมื่อได้อ่านข้อความจากลูกน้องของเขา

เขารีบค้นหาข่าวในเน็ทเพิ่มเติมทันที

และไม่นานเขาก็ได้เห็นข่าวร้าย...ภาพข่าวสถานการณ์โดยรวม ทั้งบางกระทู้ก็มีคนโพสคลิปการต่อสู้ระหว่างอีกาอมตะไอร์บริทกับมังกรโลหิตสีแดงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนอย่างดุเดือด...และก็ภาพกองกำลังมอนสเตอร์ของผู้ปกครองมิติที่มารุกรานพ่ายแพ้ให้แก่คังวูชินเพียงคนเดียวอย่างย่อยยับ

"บ้าเอ๊ย พวกเรามาช้าเกินไป "

เขาได้พยายามวางแผนไว้หลายอย่างแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลวทั้งหมด คังวูชินยังสามารถเดินทางกลับมาจากอัลเฟ่นได้

"ไอ่พวกคนญี่ปุ่นสวะ ใช้การไม่ได้"

ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรไว้กับพวกเศษสวะญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเขาคิดว่าพวกมันพอจะมีปัญญาถ่วงเวลาคังวูชินได้สัก 2-3 วัน แต่อย่างไรก็ตามพวกมันถ่วงเวลาคังวูชินเอาไว้ได้แค่วันเดียวเท่านั้น

และตอนนี้ สงคราม....จบลงแล้ว

“ท่านเอียลโล่ครับ ตอนนี้ ... .”

เสาน้ำแข็งยังคงพวยพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ ...

เสาน้ำแข็งยังคงก่อตัวพุ่งไปหาต้นไม้หนามขนาดยักษ์

มนุษย์น้ำแข็งดันมาถึงสนามรบในตอนที่สงครามจบลงไปแล้ว...

"แม่งเอ๊ย!"

เขาจะไม่ถูกผู้คนมองว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตหรืออะไรทำนองนั้น แต่เขาจะถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุกคนใหม่ทันที

กี๊ซซซซ!

ป้อมปราการบินได้ถึงกับวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้ว่าสถานที่ลงจอดไวเวิร์นจะมีขนาดกว้าง แต่พวกมันก็ต้องถูกไล่ออกไปจนหมดเมื่อมังกรโลหิตจะลงจอด การปรากฏตัวของมังกรโลหิตขนาดมหึมาสร้างความวุ่นวายให้แก่ ปราสาทของบีบี

“อ๊วกกกกกก”

พวกเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงทานทนอดกลั้นได้อีกต่อไป เมื่อดูเหมือนว่าพวกเขาถึงที่หมายแล้วและไม่ได้ต้องไปที่ไหนอีกแล้วพวกเขาก็คายของเก่าออกมาอย่างไม่เกรงใจทันที...ถึงแม้พวกเขาจะพยายามกลั้นมันไว้ด้วยการพยายามเอามือปิดปากไว้อย่างถึงที่สุดแล้วก็เถอะ

ส่วนทางด้านวูชินเมื่อมาถึงเขาก็กระโดดลงจากหลังมังกรโลหิตทันที

“นายท่าน เมี๊ยววว !!”

ไม่ทันจะได้ทำอะไร ซัคคิวบัสสาวนางหนึ่ง ก็พุ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของเขาทันทีก

การแสดงออกของวูชินชะงักไปเล็กน้อยหลังจากเห็นบีบีในอ้อมกอด

เขาไม่ได้สนใจหรอกว่าเธอจะแต่งตัวอย่างไรหรือจะเย้ายวนขนาดไหน

แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถเรียกว่าแม่มดน้อยได้อีกต่อไป ตอนนี้เธออยู่ในรูปลักษณ์ที่เขาคุ้นเคยบนดาวอัลเฟน และมันมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ว่าทำไมเธอถึงอยู่ในรูปลักษณ์นี้

"อย่างที่คิด การเชื่อมต่อสำเร็จแล้วสินะ"

"ใช่แล้วนายท่าน ตอนนี้ข้าสามารถใช้พลังทั้งหมดได้แล้วเมี๊ยวว "

บีบีพูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะภูมิใจ แต่ท่าทางของเธอก็ดูเหมือนไม่ค่อยยินดีสักเท่าไร การที่แม่มดน้อยบีบีกลายร่างเป็นแม่มดมหาลวงตาเหมือนแต่ก่อน นั่นก็ย่อมหมายความว่าศัตรูของพวกเขาก็ฟื้นคืนพลังแล้วเช่นกัน

ผู้ปกครองมิติสามารถใช้พลังทั้งหมดของมันได้อย่างเต็มที่ เสมือนว่าโลกใบนี้เป็นบ้านของพวกมัน

"พวกเรารอคอยหัวหน้ากลับมานานแล้วครับ"

จุงมินชานกล่าวทักทายออกมา ข้างๆมินชานก็มีโซอาน้องสาวเขาแล้วก็แม่ของเขายืนอยู่ด้วย ส่วนโดแจมินเองก็ยืนประกบอยู่ด้านหลังโซอาราวกับบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างไรอย่างนั้น แล้วก็มีโดจีวอนอยู่ด้วย ...

"เหนื่อยไหมลูก"

วูชินเพียงยิ้มให้กับคำกล่าวของแม่ โซอาจับมือของแม่เอาไว้ เพราเธอรู้สึกเขินเล็กน้อย ก็เธอไม่ได้เห็นพี่ชายหลายวันมากแล้วนี่นา

"เอาล่ะ แม่ไม่ค่อยว่างสักเท่าไร ลูกไปทำธุระก่อนเถอะ "

เธอรู้ดีว่าลูกของเธอมีเรื่องที่ต้องไปทำเยอะมาก เนื่องจากเขาค่อนข้างยุ่ง เธอจึงต้องบอกแบบนี้เพื่อไม่ให้เขารู้สึกผิด

"ราชา ไม่เจอกันนานนะครับ... "

วูชินจับมือของมินชาน ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา

"ทำไมน?

รีวิวผู้อ่าน


889 วันที่แล้ว

แปลก็ไม่จบตอนบ้าบอ


  แสดงความคิดเห็น